มีความคืบหน้าใหม่เกี่ยวกับเรื่องหลุมฝังศพ ตำรวจตรวจพบชายวัยกลางคนที่เจ้าของร้านป้ายหลุมศพบอกว่าเป็นคนสั่งทำชายคนนี้ถูกตำรวจจับตอนตีสามของเช้าวันนี้ ทางตำรวจได้ส่งข้อความถึงฟู่สือถิง หลังจากเข้าจับกุม ฟู่สือถิงพลิกผ้าห่มขึ้นพร้อมกับอ่านข้อความจบ ขายาว ๆ ก้าวลงจากเตียง โทรศัพท์ถูกรับสายอย่างรวดเร็ว “คุณฟู่ พวกเราจับกุมผู้ต้องสงสัยไว้แล้ว หลังจากที่พวกเราสอบสวนเขาสารภาพต่อการกระทำผิดของตนเอง เขาบอกว่าแรงจูงใจในการก่อคดีคือความเกลียดชังที่มีต่อคนรวย” ตำรวจกล่าว ฟู่สือถิงถาม “เขารู้ชื่อลูกชายของผมได้ยังไง? คนธรรมดาไม่น่าจะทำแบบนั้นได้” คำถามของเขาทำให้ตำรวจตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ “คุณฟู่ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะสอบสวนผู้ต้องสงสัยต่อไปครับ” “ส่งผู้ต้องสงสัยมาให้ผม ผมมีวิธีทำให้เขาพูดความจริง” พูดสายเสร็จ เขาเปิดวีแชท คุณหมอไม่ได้ส่งข้อความถึงเขา ฉินอันอันเองก็ไม่ได้ส่งอะไรมาเช่นกัน ช่วงนี้จื่อชิวน่าจะปลอดภัยเขาถอนใจโล่งอก วางโทรศัพท์ลงแล้วเข้าห้องน้ำ หลังจากชำระล้างร่างกายเสร็จแล้ว เขาลงมาชั้นล่าง ป้าหงยกอาหารเช้าแสนอร่อยมาที่โต๊ะทันที “อิ๋นอิ๋นล่ะ?” เขานึกถึงบทสน
เขาไม่พูดอะไร แค่กอดเธอไว้แบบนั้นเงียบ ๆ ความโศกเศร้าในใจเธอ ทุเลาลงทันที เธอเต็มเปี่ยมด้วยพลังอีกครั้งและเริ่มเชื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เมื่ออารมณ์เธอสงบลงแล้ว เขาก็เอาขนมเปี๊ยะที่นำมาให้เธอ เธอหยิบขนมเปี๊ยะแล้วเริ่มกินคำเล็ก ๆ “ผลการสืบสวนออกมาแล้ว” หลังจากเธอกินขนมเปี๊ยะไปสองชิ้น เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น “หวังหว่านจือส่งคนไปสั่งทำป้ายหลุมศพ” เธอปิดกล่องขนมเปี๊ยะแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ฝ่ามือใหญ่ของเขากุมมือเล็ก ๆ ของเธอ “คุณอยู่ที่โรงพยาบาลนะ ผมจะไปหาเธอ” เขาพูดจบแล้วก็ผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปทันที เธอมองดูแผ่นหลังที่เรียวยาวของเขา แล้วปลอบใจตัวเองว่า ครั้งนี้เขาจะไม่มีทางใจอ่อนแน่นอน! ถ้าบอกว่าเขาเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่าถึงได้ยั้งมือกับถังเชี่ยน เช่นนั้นเขากับหวังหว่านจือไม่ได้ความสัมพันธ์แต่เก่าก่อนต่อกัน บริษัทเทคโนโลยีจินจือ ใบหน้าของหวังหว่านจือหมองคล้ำ มือที่ถือโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย ชายที่เธอส่งไปทำป้ายหลุมศพโดนจับแล้ว เธอขอให้คนที่มีเส้นสายกับตำรวจไปสอบถาม แต่ไม่ได้ข้อมูลใด ๆ เลย เธอรู้สึกกระวนกระวายใจมาก! เดิมทีเธอคิดว่าการสั่งทำป้าย
ฟู่สือถิงไม่แน่ใจว่ากล่องสีแดงเข้มที่หายไปนั้นอยู่ในมือของถังฉียวเซิน เขาไม่แน่ใจเช่นกันว่าหวังหว่านจือจะซื่อสัตย์และเชื่อฟัง เหตุผลที่เขาบอกข้อมูลนี้กับหวังหว่านจือเพื่อใช้หวังหว่านจือเป็นตัวล่อ ดูว่าจะสามารถระเบิดหาที่อยู่ของกล่องได้ไหม! ถึงแม้ว่ากล่องจะถูกขโมยไปนานแล้ว แต่มันยังคงโผล่มาทรมานเขาเป็นครั้งคราว กล่องนี้เหมือนระเบิดเวลา เขาไม่รู้เลยว่ามันจะระเบิดขึ้นเมื่อไหร่ เขาคิดอยู่นานก็นึกเบาะแสอะไรไม่ออกเลย เป็นใครกันแน่ที่เอากล่องออกไปจากห้องหนังสือของเขา? ถ้าเป็นคนที่ต้องการทำร้ายเขาก็สามารถเปิดเผยข้อมูลในกล่องทำให้เขาอับอายเมื่อไหร่ก็ได้! แต่หลังจากที่มีคนเอากล่องนี้ไป เป็นเวลานานขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ติดต่อเขาแล้วก็ไม่ได้เผยแพร่เนื้อหาด้านในด้วย ถ้าคนผู้นี้ไม่ต้องการทำร้ายเขา แล้วจะเอากล่องไปทำไม? เรื่องนี้มันขัดแย้งกันมาก จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามีช่องโหว่ในกาลเวลาหรือเปล่า! หรือที่จริงแล้วไม่มีใครเอกล่องนี้ไป แต่มันตกลงไปอยู่ในหลุมแห่งกาลเวลา! แต่ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นจริงนี้ คอยเตือนเขาอย่างต่อเนื่องว่ามีหลุมแห่งกาลเวลาที่ไหนกัน ถ้ามีหลุมแห่งกาลเวลาจริง ทำไมทุ
“ควรเตรียมไว้อย่างน้อยห้าร้อยมิลลิลิตร” ห้าร้อยมิลลิลิตร… แค่ต้องหาเลือดผู้ใหญ่สองคนมาก็ได้แล้ว แต่ตอนนี้หาได้สักคนก็ยากแล้ว จะไปหาสองคนจากที่ไหนกัน?เขาไม่ยอมให้อิ๋นอิ๋นบริจาคเลือด ไม่ยอมให้อิ๋นอิ๋นรับความเสี่ยงนี้! แต่ว่าจื่อชิวจะทำยังไง? เขายอมให้จื่อชิวเกิดมาบนโลกนี้ หรือว่าเขาจะยอมมองเห็นจื่อชิวตายด้วยอาการป่วยโดยไม่ทำอะไรจริงหรือ? ในตอนที่เขาอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศก ฉินอันอันก้าวเข้ามา “ไมค์เจอเลือดแล้วค่ะ” ฉินอันอันเพิ่งคุยโทรศัพท์กับไมค์เสร็จจึงรีบมาแจงข่าวกับพวกเขาทันที “เขาได้เลือดมาสองร้อยมิลลิลิตร ตอนนี้กำลังนำเลือดไปตรวจที่โรงพยาบาล ถ้าไม่มีปัญหาจะส่งกลับมาที่ประเทศทันที” ฟู่สือถิงพึมพำ “ยังเหลืออีกสามร้อยมิลลิลิตร…ผมจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้…” “คุณจะไปหาที่ไหน? ตอนนี้มืดแล้ว” ฉินอันอันจับแขนของเขาไว้ ไม่อยากให้เขาต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว “ถ้ามีข่าวเกี่ยวกับแหล่งเลือด พวกเราส่งคนไปรับมาก็ได้” เธอไม่อยากเห็นเขาต้องลำบากเพราะเรื่องนี้อีก เขามองดูความรักที่มีต่อเขาในดวงตาของเธอ ดวงตาก็แดงก่ำด้วยความรู้สึกผิด เธอจะทำอย่างไรถ้ารู้ว่ากรุ๊ปเลือดของอิ๋นอิ๋นและจื่อช
เว่ยเจินที่ยืนอยู่ข้างอิ๋นอิ๋นพูดแทรกขึ้นว่า “แต่ห้าร้อยมิลลิลิตร ก็พอแล้วใช่ไหม?” โจวจื่ออี้ขมวดคิ้วและพูดอย่างขมขื่น “เลือดห้าร้อยมิลลิลิตร พูดง่ายแต่ทำยาก! เวลาเจอเลือดที่เข้ากับจื่อชิวได้ มากที่สุดจะได้มาแค่สามร้อยมิลลิลิตรต่อครั้งเท่านั้น ตอนนี้ไมค์เจอสองร้อยมิลลิลิตรที่ประเทศบี ยังขาดอีกสามร้อยมิลลิลิตร” อิ๋นอิ๋นได้ยินคำพูดของเขา หน้าอกของเธอขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว “ถ้าตอนนี้ใช้เลือดอีกสามร้อยมิลลิลิตรก็จะช่วยชีวิตจื่อชิวได้ใช่ไหมคะ?” โจวจื่ออี้ “ใช่แล้วครับ! แต่เลือดสามร้อยมิลลิลิตรนี้หาได้ยาก คนที่มีกรุ๊ปเลือดนี้มีน้อยมากและอายุของผู้บริจาคเลือดได้คือช่วงอายุระหว่างสิบแปดถึงห้าสิบห้าปี…” อิ๋นอิ๋นดึงแขนเว่ยเจินแล้วเอ่ยกับโจวจื่ออี้ “ฉันกับเว่ยเจินจะไปหาเอง” โจวจื่ออี้พูดอย่างงุนงง “อิ๋นอิ๋น คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้างนอกมืดแล้ว หากมีแหล่งข่าวเรื่องเลือด พวกเราจะรับทราบข่าวนี้ทันที” เขาเข้าใจว่าอิ๋นอิ๋นอยากช่วย อิ๋นอิ๋นคืเป็นคนที่ต้องได้รับการปกป้องมาตลอด ตอนนี้เธอไม่มีปัญหาแล้ว ก็ถือว่าเป็นความช่วยเหลือที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน อิ๋นอิ๋นพ
อิ๋นอิ๋นขมวดคิ้วทันที แล้วเดินไปตรงหน้าเขาด้วยใจจดจ่อ มือทั้งสองข้างกุมฝ่ามือใหญ่ของเขา “พี่ชายของฉันไม่ยอมเจาะเลือดฉันแน่นอน… เขารู้ว่าเลือดของฉันช่วยชีวิตจื่อชิวได้ แต่เขาไม่ยอมให้ฉันช่วย… เพราะอย่างนี้ ฉันถึงจำเป็นต้องช่วยจื่อชิวยังไงล่ะคะ เว่ยเจิน ขอร้องล่ะ” เธอเอ่ยพึมพำร้องขอเบา ๆ “เว่ยเจิน ถ้าหากฉันตาย ชาติหน้าฉันจะแต่งงานกับคุณ โอเคไหม?” เธอจับมือเขาแน่นแล้วยิ้มทันทีพร้อมกับพูดว่า “แต่ฉันไม่คิดว่าฉันจะตายหรอก ป้าหงบอกว่าฉันมีเก้าชีวิต ไม่ว่าทุกครั้งฉันจะป่วยเป็นอะไร คุณหมอก็รักษาฉันได้” เว่ยเจินมองดูเธอมีรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายสดใสบนหน้า หัวใจที่แข็งกระด้างของเขาค่อย ๆ ละลาย เขาถามตัวเองว่าทำไมถึงชอบอยู่กับอิ๋นอิ๋น ไม่ใช่เพราะเธอจิตใจดีและไร้เดียงสางั้นเหรอ? คฤหาสน์สไตล์ยุโรปแห่งหนึ่ง หวังหว่านจือสวมชุดราตรีผ้าไหม หลังจากจิบไวน์แดงเพื่อคลายความตกใจ เธอกดหมายเลขของถังเฉียวเซิน เธอกับถังเฉียวเซินรู้จักกันภายใต้การจับคู่ของถังเชี่ยน พวกเขาทานอาหารด้วยกันคืนก่อนและพูดคุยกันเรื่องธุรกิจอยู่พักหนึ่ง เพราะทั้งสองคนมีความคิดคล้ายกันมากจึงพูดดุยกันได้ถูกคอ “เขาบอกคุณว
ในใจของฉินอันอันรัดแน่น ความรู้สึกสูญเสียย่อมเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะก่อนไมค์โทรมา เธอเห็นข้อความของคุณหมอ เธอยังไม่ทันมีความสุข ข่าวร้ายก็ตามมาติด ๆ “ไม่เป็นไร” เธอเอ่ยเบา ๆ “ฉันจะโทรหาโรงพยาบาล” “ตกลง ฉันปลุกเธอหรือเปล่า?” “เปล่า ฉันตื่นอยู่แล้ว หลายวันมานี้ลำบากนายแล้ว” ฉินอันอันเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วลงจากเตียง วางแผนจะไปโรงพยาบาลตอนนี้ “ใช่แล้ว ธนาคารเลือดเพิ่งส่งเลือดไปสามร้อยมิลลิลิตรฉันคิดว่าเลือดสามร้อยมิลลิลิตรน่าจะพอ” “งั้นก็ดี! ถ้าพอแล้ว ฉันจะได้เตรียมตัวกลับเลย” ไมค์กล่าว “อื้ม ตอนนี้ฉันจะไปดูที่โรงพยาบาลก่อน” “เอาล่ะ เธอต้องใส่ใจสุขภาพนะ! อย่าให้จื่อชิวหายดีแล้วเธอล้มลงเชียว” ไมค์เตือน “ฉันไม่ควรโทรหาเธอเวลานี้ แต่ถ้าไม่โทรหาเธอ ฉันไม่สบายใจ” “ฉันก็นอนไม่หลับเหมือนกัน” ฉินอันอันคุยกับเขาอีกสองสามคำแล้ววางสาย ก่อนออกมา เธอตรวจดูสภาพอากาศ ตอนนี้อุณหภูมิภายนอกอยู่ที่ศูนย์องศา สภาพอากาศแสดงว่าวันนี้มีหิมะตกหนัก ทุกครั้งที่เธอเห็นหิมะ แม้แต่คำว่า “หิมะ” เธอก็มักคิดถึงช่วงเวลาที่เธอกับฟู่สือถิงรักกันอย่างหวานชื่นหลายปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงเชื่
เขารับไม่ได้ที่ลูกชายจะจากโลกนี้ไป เพราะเขาบังคับให้เธอตั้งท้องลูกคนนี้ นับตั้งแต่วินาทีที่เธอตั้งครรภ์ จนถึงช่วงตรวจสุขภาพก่อนคลอดทุกครั้ง จนกระทั่งตอนนี้คลอดออกมาแล้ว เขาทุ่มเทอารมณ์ความรู้สึกกับเด็กคนนี้มากเหลือเกิน “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับจื่อชิว ถึงคุณไม่โทษผม ผมจะไม่รบกวนคุณอีก” และลูกสองคนด้วย หลังจากคำนั้น เขาไม่พูดอะไรอีก เพราะเสี่ยวหานกับรุ่ยลาก็ไม่ได้ยอมรับเขา แม้ว่าจะมีกระดาษแก้วกั้นอยู่แค่ชั้นเดียว แต่เขามีลางสังหรณ์ว่าอาจไม่มีวันยอมรับว่าเขาเป็นพ่อไปตลอดกาล คำพูดของเขาทำให้เธอเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกจื่อชิวยังไม่ตายนะ! ตอนนี้พวกเขาพูดเหมือนกับลูกไม่อยู่แล้ว เพราะเธอไม่พูดอะไรอีก เขามองใบหน้าด้านข้างเธอ เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวและจิตใจที่ห่อเหี่ยว เขาโอบเธอไว้ในอ้อมแขนทันทีและให้ศีรษะเธอพิงไหล่เขา “หลับเถอะ! จื่อชิวจะไม่เป็นอะไร พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น” เขากระซิบข้างหูเธอเสียงแหบแห้ง น้ำเสียงของเขาราวกับมีเวทมนตร์ หลังจากได้ยินคำพูดของเขา หัวใจที่เป็นกังวลก็คลายลงทันที เธอได้กลิ่นที่คุ้นเคยบนตัวเขา แก้มของเธอถูไถกับความอบอุ่นที่คอของเขาโดยไม่