ฟู่สือถิงประคองตัวเธอแล้วอุ้มเธอไปนั่งที่โซฟา “อันอัน คุณอยู่บ้านเถอะ ผมจะไปหาถังเชี่ยนเดี๋ยวนี้” ฟู่สือถิงมองตาเธอแล้วสัญญาว่า “ผมจะให้เธอชดใช้อย่างสาสม” ฉินอันอันพยักหน้า จากนั้นไม่นานฟู่สือถิงและโจวจื่ออี้ก็ออกไปด้วยกัน ในรถ ฟู่สือถิงกดหมายเลขของถังเชี่ยนอยู่หลายครั้งถึงจะโทรติด เมื่อก่อนเขาโทรหาเธอ เธอรับสายเกือบจะในทันที หลังจากรับสายแล้ว เธอไม่พูดอะไร เพราะเธอรู้ว่าที่เขาโทรมาย่อมไม่ใช่เรื่องดีเด็ดขาด “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” ฟู่สือถิงถามเสียงทุ้มลึก ถังเชี่ยนขนลุกไปทั้งตัว “คุณมีธุระกับฉันเหรอ?” “อืม” “เรื่องอะไร? คุณพูดทางโทรศัพท์เลย! ฉันไม่กล้าไปเจอคุณหรอก” น้ำเสียงของถังเชี่ยนเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ฟู่สือถิงสัมผัสได้ถึงความระมัดระวังตัวของเธอ เขาจึงพูดว่า “คราวก่อนที่ฉันลงมือกับเธอ ฉันรู้สึกว่าทำเกินไป จึงอยากขอโทษต่อหน้า” ถังเชี่ยนหัวเราะออกมา “ถึงคุณคิดว่าตัวเองทำเกินไป คุณก็ไม่มีทางมาขอโทษฉันหรอก สือถิง ฉันรู้จักคุณดีเกินไป” “เธอเข้าใจฉันผิดไปมาก เพราะฉันขอโทษฉินอันอันทุกครั้งที่ฉันทำผิดต่อเธอ” “ฉันไม่ได้เข้าใจคุณผิด ฉันพูดว่าคุณไม่มีทางขอโทษ
หลังจากฟู่สือถิงไม่สามารถติดต่อถังเชี่ยนได้ เขาก็โทรหาถังเฉียวเซิน ถังเฉียวเซินรับสายเขา หลังจากที่ฟังเขาพูดเรื่องอาชญากรรมของถังเชี่ยนแล้ว ถังเฉียวเซินเงียบไปหลายวินาที “ฟู่สือถิง ที่น้องสาวของฉันเปลี่ยนไปแบบนี้ นายเองก็มีส่วนครึ่งหนึ่ง ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่ยอมให้เธออยู่ที่เอสทีกรุ๊ปแต่แรก นายไม่รักเธอก็อย่าให้ความหวังเธอสิ!” ฟู่สือถิง “ฉันให้เธออยู่ที่บริษัทเพราะความสามารถการทำงานของเธอ!” “ฉันรู้ แต่ในเมื่อเธอเจอนายทุกวัน จะไม่ให้เธอมีความหวังได้ยังไง? เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พูดไปก็ไม่มีประโยชน์” ถังเฉียวเซินพ่นลมหายใจ “ถังเชี่ยนกำลังพักผ่อนที่เมืองนอก นายว่ามาเลย นายอยากให้เธอทำอะไร?” “ฉันอยากให้เธอตาย” “ฟู่สือถิง! เธออยู่กับนายมานานหลายปี นายต้องใจร้ายกับเธอขนาดนี้เลยเหรอ?” ถังเฉียวเซินสูดลมหายใจและไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ “นายกับฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมาด้วยกัน นายให้ทางออกเธอไม่ได้เลยเหรอ?” “ฉันควรปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่และปล่อยให้เธอข่มเหงฉินอันอันต่อไปรึยังไง?” “ฉันสัญญาว่าต่อจากนี้เธอจะไม่ไปหาเรื่องพวกนายอีก! ฉันจะควบคุมเธอเอง!” ถังเฉียวเซินพูดอย่างตื่นเต้
ความเคียดแค้นชิงชังในดวงตาของเธอล้นทะลักออกมา และเสียงของเธอก็ดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ไมค์และเด็กทั้งสองคนหันมามองพวกเขาในทางเดียว ฟู่สือถิงรีบพาเธอเดินไปที่ห้องนอนทันที “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาถึงทะเลาะกันอีกล่ะเนี่ย?” ไมค์บ่นแล้วควักโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความถึงโจวจื่ออี้ โจวจื่ออี้ : คุณดูแลเด็ก ๆ ให้ดี เรื่องอื่นไม่ต้องยุ่งหรอก ไมค์ : มิน่าล่ะ คืนนี้คุณถึงไม่ยอมมา เจ้านายของคุณตัดสินใจปล่อยถังเชี่ยนไปเหรอ? โจวจื่ออี้ : คุณอย่าพูดเหลวไหล ไม่ว่าเจ้านายของผมจะตัดสินใจยังไง เขาก็มีเหตุผลของเขา ไมค์ : น่ารังเกียจ! ผมไม่ควรเอาหลักฐานให้พวกคุณดูเลย! โจวจื่ออี้ : ตอนนี้ถังเชี่ยนไม่ได้อยู่ในประเทศแล้ว คุณจะให้พวกเราตามหาเธอยังไง? ถ้าคุณเก่งขนาดนั้น คุณก็ไปหาสิ ไมค์ : โอ้ ถ้าเป็นแบบนั้น อันอันไม่มีทางโกรธหรอก ห้องนอนใหญ่ชั้นหนึ่ง ฟู่สือถิงปิดประตูลงแล้วมองเธอด้วยสายตาลึกล้ำ “อันอัน คุณเคยเห็นผู้ป่วยทางจิตหรือเปล่า?” คำพูดของเขาทำให้เธอขมวดคิ้วแน่น “คุณกำลังพยายามบอกว่าถังเชี่ยนป่วยทางจิตงั้นเหรอ?” “เปล่าเลย ผมอยากถามคุณว่าเคยเห็นคนที่เป็นแบบนี้ไหม” เมื่อเห็นว่าอารมณ์ขอ
ไม่มีเขา เธอก็สามารถเลี้ยงดูลูก ๆ ได้เป็นอย่างดีไม่มีเขา อาชีพและการงานของเธอยังดำเนินไปได้อย่างราบรื่น “ถ้าไม่มีคุณ ถังเชี่ยนก็จะไม่สร้างปัญหาให้ฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสี่ยวเถียนจะไม่ได้รับบาดเจ็บ! ฉันก็จะไม่คลอดก่อนกำหนด! ฟู่สือถิง นอกจากความเจ็บปวดแล้ว คุณให้อะไรฉันอีก?!” อารมณ์ด้านลบที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในใจของเธอระเบิดออกมาจนหมด การตำหนิของเธอทำให้เขาอายจนแทบแทรกแผ่นดิน “อันอัน…”“อย่ามาเรียกฉัน!” เธอหยุดไม่ให้เขาพูด “คุณรีบออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย! เรื่องของฉัน ต่อจากนี้คุณไม่ต้องยุ่ง! ส่วนลูกของพวกเรา… รอเขาออกจากโรงพยาบาลแล้วค่อยว่ากัน!”เขามองเห็นอารมณ์ที่ใกล้จะพังทลายของเธอ จึงกำหมัดแน่น สติสัมปชัญญะเตือนให้เขารีบออกไป! ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป มีแต่จะเพิ่มการกระตุ้นเธอเท่านั้น เขาตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยน อย่างน้อยตอนนี้เธอก็แค่เกลียดเขา แต่ไม่ได้กลัวเขา! หลังจากเขาจากไป ไมค์และเด็กทั้งสองคนมาที่ห้องของเธอทันที เธอเช็ดน้ำตาบนหน้าและปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว เธอเป็นคุณแม่ลูกสามแล้ว เธอจำเป็นต้องเข้มแข็งมากกว่าเดิม “อันอัน พวกเธอทะเลาะกันเหรอ? เพราะเรื่องของถัง
หลังจากคุณหมอแจ้ง ฉินอันอันแล้ว ก็แจ้งฟู่สือถิงเช่นกัน ทั้งสองคนรีบไปที่โรงพยาบาลทันที ที่แผนกทารกแรกเกิด คุณหมอแจ้งอาการของเด็กให้พวกเขาทราบอีกครั้ง“พวกเราใช้วิธีรักษาตามปกติทำการรักษาเขา แต่มันไม่ได้ผล เขาหลับยาวนานขึ้นเรื่อย ๆ และการหายใจอ่อนแอลง... ฉันจึงตระหนักได้ว่า เขาอาจไม่ใช่อาการแทรกซ้อนจากการคลอดก่อนกำหนดทั่วไป” คุณหมอพูดพร้อมกับยื่นเอกสารตรวจของเด็กให้พวกเขา ฉินอันอันรับเอกสารมาแล้วอ่านอย่างละเอียด “เด็กมีปัญหาเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน” คุณหมอมีสีหน้าเคร่งขรึม “แล้วยังมีภาวะโลหิตจาง ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้เลือดเขาก่อน ฉันถามธนาคารเลือดแล้ว ทางนั้นไม่มีกรุ๊ปเลือดที่เข้ากันได้เลย เพราะว่าลูกของพวกคุณมีกรุ๊ปเลือดที่ค่อนข้างพิเศษ” ฟู่สือถิงฟังที่หมอพูดแล้ว จิตใจของเขาตกลงไปถึงก้นบึ้ง “กรุ๊ปเลือดของเขาพิเศษมากเลยเหรอครับ?” คุณหมอ “ใช่แล้ว ตอนนี้เราต้องหากรุ๊ปเลือดที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุดและทำการถ่ายเลือดให้เขาก่อน หากเขาไม่ได้รับการถ่ายเลือดโดยเร็ว ร่างกายของเขาอาจทนอยู่ได้ไม่เกินสองสามวัน” ฟู่สือถิงไม่คิดอะไรเลยและพูดทันที “เจาะเลือดผมไปดูว่าเข้ากัน
เมื่อเว่ยเจินได้ยินเสียงครวญคราง จู่ ๆ ก็ฉุกคิดขึ้นมา ถ้าเขาจำไม่ผิด กรุ๊ปเลือดของอิ๋นอิ๋นก็คืออาร์เฮชลบเหมือนกัน... เมื่อสองปีที่แล้ว ตอนที่ฉินอันอันทำการผ่าตัด เว่ยเจินเป็นคนช่วยเธอตรวจเลือดก่อนผ่าตัด เว่ยเจินมองหน้าอิ๋นอิ๋น หน้าอกของเขาขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว “เว่ยเจิน คุณมองฉันทำไม?” อิ๋นอิ๋นกะพริบตาและถามด้วยความสงสัย “คุณบอกมาสิ! ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เว่ยเจินก็อยากจะพูดเหมือนกัน แต่คำพูดนั้นติดอยู่ในคอของเขา ทำให้พูดยาก ถ้าอิ๋นอิ๋นเป็นคนธรรมดา เว่ยเจินคงบอกเรื่องนี้แน่นอนโดยไม่ต้องคิด เพราะถ้าเขาพูดแบบนั้น อิ๋นอิ๋นคงเต็มใจที่จะบริจาคเลือดให้จื่อชิวอย่างแน่นอน แค่ว่าอิ๋นอิ๋นไม่ใช่คนปกติ ร่างกายของเธอผ่านการผ่าตัดใหญ่มาหลายครั้ง และเธอต้องอาศัยการดูแลอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาชีวิตตามปกติในปัจจุบันของเธอ ถ้าให้เธอถ่ายเลือดตอนนี้ และเกิดผลกระทบต่อร่างกายของเธอ เขาจะไม่รับผิดชอบ สำหรับฟู่สือถิงนั้น จื่อชิวสำคัญมาก อิ๋นอิ๋นก็ไม่แพ้กัน “ไม่มีอะไร ผมแค่เป็นห่วงจื่อชิว” เว่ยเจินละสายตาจากใบหน้าของเธอ “เราไปดูธนาคารเลือดก่อนว่ามีกรุ๊ปเลือดที่เหมาะสมไหม” อิ๋นอิ๋น
โรงพยาบาล ฟู่สือถิงไม่สามารถใช้เลือดของตัวเองช่วยจื่อชิวได้ ฟู่สือถิงใช้เส้นสายของตัวเองตามหาคนบริจาคเลือดกรุ๊ปอาร์เฮชลบไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลต่าง ๆ รีบประกาศหาผู้บริจาคเลือดกรุ๊ปอาร์เฮชลบด้วยค่าตอบแทนสูง ไมค์รีบไปที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นฟู่สือถิง เขาก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? จื่อชิวเป็นอะไร? ทำไมถึงต้องการเลือดด่วน?” หมอที่อยู่ใกล้ ๆ ตอบคำถามเขาว่า “เด็กที่คลอดก่อนกำหนดมักจะมีภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง...” “แสดงว่าเป็นเพราะการคลอดก่อนกำหนดทั้งหมด!” ไมค์กัดฟันพูด “ถ้าไม่ใช่เพราะถังเชี่ยน อันอันคงไม่คลอดก่อนกำหนด! ถังเชี่ยนสมควรตาย!” หมอไม่เข้าใจว่าเขาด่าทออะไร แต่ตอบจากมุมมองทางการแพทย์ว่า “โรคของจื่อชิวไม่เหมือนกับโรคของเด็กที่คลอดก่อนกำหนดทั่วไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้คลอดก่อนกำหนด เขาก็อาจจะเป็นโรคนี้อยู่ดี” “คุณพูดอะไรนะ! ฉินอันอันไปตรวจครรภ์ทุกเดือน ผลการตรวจทุกครั้งก็ปกติดี ถ้าเธอไม่คลอดก่อนกำหนด จื่อชิวคงไม่มีทางเป็นโรคนี้หรอก!” ไมค์ตะโกนด้วยความโกรธ หมอก้าวถอยหลังไปทางฟู่สือถิง “คุณผู้ชายครับ การตรวจครรภ์อาจไม่สามารถตรวจพบโรคที่หายากบางโรคได้” “อ
ฟู่สือถิงเดิมทีอยู่ที่แผนกทารกแรกเกิด แต่หลังจากถูกไมค์ด่าทอ เขาก็ไม่รู้ว่าไปไหนดีโจวจื่ออี้จับปกเสื้อไมค์แล้วลากเขาไปทางทางออกฉุกเฉิน“คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?! จื่อชิวเกิดปัญหา เจ้านายผมก็เศร้าพออยู่แล้ว ทำไมคุณต้องเอาเรื่องถังเชี่ยนมารบกวนเขาด้วย!” โจวจื่ออี้ติดต่อกับธนาคารเลือดทั่วประเทศมาตลอดเช้า เพิ่งจะมีเวลาว่างมาที่นี่“ถ้าไม่ใช่เพราะถังเชี่ยน ฉินอันอันคงไม่คลอดก่อนกำหนด! ถ้าไม่คลอดก่อนกำหนด ก็อาจจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับจื่อชิว!” ไมค์ยังคงโกรธจัด ใบหน้าขาวซีดแดงก่ำ“เจ้านายผมไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยถังเชี่ยนไป แต่พอโทรไปหาพี่ชายของเธอแล้วก็เปลี่ยนใจ” โจวจื่ออี้กัดฟันพูด “ผมสงสัยว่าถังเชี่ยนมี่จุดอ่อนอะไรบางอย่างของเจ้านาย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เปลี่ยนใจหรอก!”“ถังเฉียวบอกว่าถังเชี่ยนป่วยทางจิต ฟู่สือถิงก็เลยใจอ่อน!”“เป็นไปไม่ได้! ต่อให้ถังเชี่ยนจะป่วยทางจิตหรือเป็นโรคร้าย เจ้านายผมก็ไม่ใจอ่อนกับเธอ” โจวจื่ออี้แย้ง “ถ้าคุณไม่เชื่อเจ้านายผม แสดงว่าคุณก็ไม่เชื่อคำพูดของผมด้วยเหรอ?”ไมค์กัดฟันและนิ่งเงียบครู่ต่อมา เขาถามว่า “ทำไมมีจุดอ่อนอยู่ในมือของคนอื่น? เขาเคยทำเรื่องไม่ดี
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง