ฟู่สือถิงประคองตัวเธอแล้วอุ้มเธอไปนั่งที่โซฟา “อันอัน คุณอยู่บ้านเถอะ ผมจะไปหาถังเชี่ยนเดี๋ยวนี้” ฟู่สือถิงมองตาเธอแล้วสัญญาว่า “ผมจะให้เธอชดใช้อย่างสาสม” ฉินอันอันพยักหน้า จากนั้นไม่นานฟู่สือถิงและโจวจื่ออี้ก็ออกไปด้วยกัน ในรถ ฟู่สือถิงกดหมายเลขของถังเชี่ยนอยู่หลายครั้งถึงจะโทรติด เมื่อก่อนเขาโทรหาเธอ เธอรับสายเกือบจะในทันที หลังจากรับสายแล้ว เธอไม่พูดอะไร เพราะเธอรู้ว่าที่เขาโทรมาย่อมไม่ใช่เรื่องดีเด็ดขาด “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” ฟู่สือถิงถามเสียงทุ้มลึก ถังเชี่ยนขนลุกไปทั้งตัว “คุณมีธุระกับฉันเหรอ?” “อืม” “เรื่องอะไร? คุณพูดทางโทรศัพท์เลย! ฉันไม่กล้าไปเจอคุณหรอก” น้ำเสียงของถังเชี่ยนเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ฟู่สือถิงสัมผัสได้ถึงความระมัดระวังตัวของเธอ เขาจึงพูดว่า “คราวก่อนที่ฉันลงมือกับเธอ ฉันรู้สึกว่าทำเกินไป จึงอยากขอโทษต่อหน้า” ถังเชี่ยนหัวเราะออกมา “ถึงคุณคิดว่าตัวเองทำเกินไป คุณก็ไม่มีทางมาขอโทษฉันหรอก สือถิง ฉันรู้จักคุณดีเกินไป” “เธอเข้าใจฉันผิดไปมาก เพราะฉันขอโทษฉินอันอันทุกครั้งที่ฉันทำผิดต่อเธอ” “ฉันไม่ได้เข้าใจคุณผิด ฉันพูดว่าคุณไม่มีทางขอโทษ
หลังจากฟู่สือถิงไม่สามารถติดต่อถังเชี่ยนได้ เขาก็โทรหาถังเฉียวเซิน ถังเฉียวเซินรับสายเขา หลังจากที่ฟังเขาพูดเรื่องอาชญากรรมของถังเชี่ยนแล้ว ถังเฉียวเซินเงียบไปหลายวินาที “ฟู่สือถิง ที่น้องสาวของฉันเปลี่ยนไปแบบนี้ นายเองก็มีส่วนครึ่งหนึ่ง ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่ยอมให้เธออยู่ที่เอสทีกรุ๊ปแต่แรก นายไม่รักเธอก็อย่าให้ความหวังเธอสิ!” ฟู่สือถิง “ฉันให้เธออยู่ที่บริษัทเพราะความสามารถการทำงานของเธอ!” “ฉันรู้ แต่ในเมื่อเธอเจอนายทุกวัน จะไม่ให้เธอมีความหวังได้ยังไง? เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พูดไปก็ไม่มีประโยชน์” ถังเฉียวเซินพ่นลมหายใจ “ถังเชี่ยนกำลังพักผ่อนที่เมืองนอก นายว่ามาเลย นายอยากให้เธอทำอะไร?” “ฉันอยากให้เธอตาย” “ฟู่สือถิง! เธออยู่กับนายมานานหลายปี นายต้องใจร้ายกับเธอขนาดนี้เลยเหรอ?” ถังเฉียวเซินสูดลมหายใจและไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ “นายกับฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมาด้วยกัน นายให้ทางออกเธอไม่ได้เลยเหรอ?” “ฉันควรปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่และปล่อยให้เธอข่มเหงฉินอันอันต่อไปรึยังไง?” “ฉันสัญญาว่าต่อจากนี้เธอจะไม่ไปหาเรื่องพวกนายอีก! ฉันจะควบคุมเธอเอง!” ถังเฉียวเซินพูดอย่างตื่นเต้
ความเคียดแค้นชิงชังในดวงตาของเธอล้นทะลักออกมา และเสียงของเธอก็ดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ไมค์และเด็กทั้งสองคนหันมามองพวกเขาในทางเดียว ฟู่สือถิงรีบพาเธอเดินไปที่ห้องนอนทันที “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาถึงทะเลาะกันอีกล่ะเนี่ย?” ไมค์บ่นแล้วควักโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความถึงโจวจื่ออี้ โจวจื่ออี้ : คุณดูแลเด็ก ๆ ให้ดี เรื่องอื่นไม่ต้องยุ่งหรอก ไมค์ : มิน่าล่ะ คืนนี้คุณถึงไม่ยอมมา เจ้านายของคุณตัดสินใจปล่อยถังเชี่ยนไปเหรอ? โจวจื่ออี้ : คุณอย่าพูดเหลวไหล ไม่ว่าเจ้านายของผมจะตัดสินใจยังไง เขาก็มีเหตุผลของเขา ไมค์ : น่ารังเกียจ! ผมไม่ควรเอาหลักฐานให้พวกคุณดูเลย! โจวจื่ออี้ : ตอนนี้ถังเชี่ยนไม่ได้อยู่ในประเทศแล้ว คุณจะให้พวกเราตามหาเธอยังไง? ถ้าคุณเก่งขนาดนั้น คุณก็ไปหาสิ ไมค์ : โอ้ ถ้าเป็นแบบนั้น อันอันไม่มีทางโกรธหรอก ห้องนอนใหญ่ชั้นหนึ่ง ฟู่สือถิงปิดประตูลงแล้วมองเธอด้วยสายตาลึกล้ำ “อันอัน คุณเคยเห็นผู้ป่วยทางจิตหรือเปล่า?” คำพูดของเขาทำให้เธอขมวดคิ้วแน่น “คุณกำลังพยายามบอกว่าถังเชี่ยนป่วยทางจิตงั้นเหรอ?” “เปล่าเลย ผมอยากถามคุณว่าเคยเห็นคนที่เป็นแบบนี้ไหม” เมื่อเห็นว่าอารมณ์ขอ
ไม่มีเขา เธอก็สามารถเลี้ยงดูลูก ๆ ได้เป็นอย่างดีไม่มีเขา อาชีพและการงานของเธอยังดำเนินไปได้อย่างราบรื่น “ถ้าไม่มีคุณ ถังเชี่ยนก็จะไม่สร้างปัญหาให้ฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสี่ยวเถียนจะไม่ได้รับบาดเจ็บ! ฉันก็จะไม่คลอดก่อนกำหนด! ฟู่สือถิง นอกจากความเจ็บปวดแล้ว คุณให้อะไรฉันอีก?!” อารมณ์ด้านลบที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในใจของเธอระเบิดออกมาจนหมด การตำหนิของเธอทำให้เขาอายจนแทบแทรกแผ่นดิน “อันอัน…”“อย่ามาเรียกฉัน!” เธอหยุดไม่ให้เขาพูด “คุณรีบออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย! เรื่องของฉัน ต่อจากนี้คุณไม่ต้องยุ่ง! ส่วนลูกของพวกเรา… รอเขาออกจากโรงพยาบาลแล้วค่อยว่ากัน!”เขามองเห็นอารมณ์ที่ใกล้จะพังทลายของเธอ จึงกำหมัดแน่น สติสัมปชัญญะเตือนให้เขารีบออกไป! ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป มีแต่จะเพิ่มการกระตุ้นเธอเท่านั้น เขาตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยน อย่างน้อยตอนนี้เธอก็แค่เกลียดเขา แต่ไม่ได้กลัวเขา! หลังจากเขาจากไป ไมค์และเด็กทั้งสองคนมาที่ห้องของเธอทันที เธอเช็ดน้ำตาบนหน้าและปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว เธอเป็นคุณแม่ลูกสามแล้ว เธอจำเป็นต้องเข้มแข็งมากกว่าเดิม “อันอัน พวกเธอทะเลาะกันเหรอ? เพราะเรื่องของถัง
หลังจากคุณหมอแจ้ง ฉินอันอันแล้ว ก็แจ้งฟู่สือถิงเช่นกัน ทั้งสองคนรีบไปที่โรงพยาบาลทันที ที่แผนกทารกแรกเกิด คุณหมอแจ้งอาการของเด็กให้พวกเขาทราบอีกครั้ง“พวกเราใช้วิธีรักษาตามปกติทำการรักษาเขา แต่มันไม่ได้ผล เขาหลับยาวนานขึ้นเรื่อย ๆ และการหายใจอ่อนแอลง... ฉันจึงตระหนักได้ว่า เขาอาจไม่ใช่อาการแทรกซ้อนจากการคลอดก่อนกำหนดทั่วไป” คุณหมอพูดพร้อมกับยื่นเอกสารตรวจของเด็กให้พวกเขา ฉินอันอันรับเอกสารมาแล้วอ่านอย่างละเอียด “เด็กมีปัญหาเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน” คุณหมอมีสีหน้าเคร่งขรึม “แล้วยังมีภาวะโลหิตจาง ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้เลือดเขาก่อน ฉันถามธนาคารเลือดแล้ว ทางนั้นไม่มีกรุ๊ปเลือดที่เข้ากันได้เลย เพราะว่าลูกของพวกคุณมีกรุ๊ปเลือดที่ค่อนข้างพิเศษ” ฟู่สือถิงฟังที่หมอพูดแล้ว จิตใจของเขาตกลงไปถึงก้นบึ้ง “กรุ๊ปเลือดของเขาพิเศษมากเลยเหรอครับ?” คุณหมอ “ใช่แล้ว ตอนนี้เราต้องหากรุ๊ปเลือดที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุดและทำการถ่ายเลือดให้เขาก่อน หากเขาไม่ได้รับการถ่ายเลือดโดยเร็ว ร่างกายของเขาอาจทนอยู่ได้ไม่เกินสองสามวัน” ฟู่สือถิงไม่คิดอะไรเลยและพูดทันที “เจาะเลือดผมไปดูว่าเข้ากัน
เมื่อเว่ยเจินได้ยินเสียงครวญคราง จู่ ๆ ก็ฉุกคิดขึ้นมา ถ้าเขาจำไม่ผิด กรุ๊ปเลือดของอิ๋นอิ๋นก็คืออาร์เฮชลบเหมือนกัน... เมื่อสองปีที่แล้ว ตอนที่ฉินอันอันทำการผ่าตัด เว่ยเจินเป็นคนช่วยเธอตรวจเลือดก่อนผ่าตัด เว่ยเจินมองหน้าอิ๋นอิ๋น หน้าอกของเขาขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว “เว่ยเจิน คุณมองฉันทำไม?” อิ๋นอิ๋นกะพริบตาและถามด้วยความสงสัย “คุณบอกมาสิ! ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เว่ยเจินก็อยากจะพูดเหมือนกัน แต่คำพูดนั้นติดอยู่ในคอของเขา ทำให้พูดยาก ถ้าอิ๋นอิ๋นเป็นคนธรรมดา เว่ยเจินคงบอกเรื่องนี้แน่นอนโดยไม่ต้องคิด เพราะถ้าเขาพูดแบบนั้น อิ๋นอิ๋นคงเต็มใจที่จะบริจาคเลือดให้จื่อชิวอย่างแน่นอน แค่ว่าอิ๋นอิ๋นไม่ใช่คนปกติ ร่างกายของเธอผ่านการผ่าตัดใหญ่มาหลายครั้ง และเธอต้องอาศัยการดูแลอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาชีวิตตามปกติในปัจจุบันของเธอ ถ้าให้เธอถ่ายเลือดตอนนี้ และเกิดผลกระทบต่อร่างกายของเธอ เขาจะไม่รับผิดชอบ สำหรับฟู่สือถิงนั้น จื่อชิวสำคัญมาก อิ๋นอิ๋นก็ไม่แพ้กัน “ไม่มีอะไร ผมแค่เป็นห่วงจื่อชิว” เว่ยเจินละสายตาจากใบหน้าของเธอ “เราไปดูธนาคารเลือดก่อนว่ามีกรุ๊ปเลือดที่เหมาะสมไหม” อิ๋นอิ๋น
โรงพยาบาล ฟู่สือถิงไม่สามารถใช้เลือดของตัวเองช่วยจื่อชิวได้ ฟู่สือถิงใช้เส้นสายของตัวเองตามหาคนบริจาคเลือดกรุ๊ปอาร์เฮชลบไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลต่าง ๆ รีบประกาศหาผู้บริจาคเลือดกรุ๊ปอาร์เฮชลบด้วยค่าตอบแทนสูง ไมค์รีบไปที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นฟู่สือถิง เขาก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? จื่อชิวเป็นอะไร? ทำไมถึงต้องการเลือดด่วน?” หมอที่อยู่ใกล้ ๆ ตอบคำถามเขาว่า “เด็กที่คลอดก่อนกำหนดมักจะมีภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง...” “แสดงว่าเป็นเพราะการคลอดก่อนกำหนดทั้งหมด!” ไมค์กัดฟันพูด “ถ้าไม่ใช่เพราะถังเชี่ยน อันอันคงไม่คลอดก่อนกำหนด! ถังเชี่ยนสมควรตาย!” หมอไม่เข้าใจว่าเขาด่าทออะไร แต่ตอบจากมุมมองทางการแพทย์ว่า “โรคของจื่อชิวไม่เหมือนกับโรคของเด็กที่คลอดก่อนกำหนดทั่วไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้คลอดก่อนกำหนด เขาก็อาจจะเป็นโรคนี้อยู่ดี” “คุณพูดอะไรนะ! ฉินอันอันไปตรวจครรภ์ทุกเดือน ผลการตรวจทุกครั้งก็ปกติดี ถ้าเธอไม่คลอดก่อนกำหนด จื่อชิวคงไม่มีทางเป็นโรคนี้หรอก!” ไมค์ตะโกนด้วยความโกรธ หมอก้าวถอยหลังไปทางฟู่สือถิง “คุณผู้ชายครับ การตรวจครรภ์อาจไม่สามารถตรวจพบโรคที่หายากบางโรคได้” “อ
ฟู่สือถิงเดิมทีอยู่ที่แผนกทารกแรกเกิด แต่หลังจากถูกไมค์ด่าทอ เขาก็ไม่รู้ว่าไปไหนดีโจวจื่ออี้จับปกเสื้อไมค์แล้วลากเขาไปทางทางออกฉุกเฉิน“คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?! จื่อชิวเกิดปัญหา เจ้านายผมก็เศร้าพออยู่แล้ว ทำไมคุณต้องเอาเรื่องถังเชี่ยนมารบกวนเขาด้วย!” โจวจื่ออี้ติดต่อกับธนาคารเลือดทั่วประเทศมาตลอดเช้า เพิ่งจะมีเวลาว่างมาที่นี่“ถ้าไม่ใช่เพราะถังเชี่ยน ฉินอันอันคงไม่คลอดก่อนกำหนด! ถ้าไม่คลอดก่อนกำหนด ก็อาจจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับจื่อชิว!” ไมค์ยังคงโกรธจัด ใบหน้าขาวซีดแดงก่ำ“เจ้านายผมไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยถังเชี่ยนไป แต่พอโทรไปหาพี่ชายของเธอแล้วก็เปลี่ยนใจ” โจวจื่ออี้กัดฟันพูด “ผมสงสัยว่าถังเชี่ยนมี่จุดอ่อนอะไรบางอย่างของเจ้านาย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เปลี่ยนใจหรอก!”“ถังเฉียวบอกว่าถังเชี่ยนป่วยทางจิต ฟู่สือถิงก็เลยใจอ่อน!”“เป็นไปไม่ได้! ต่อให้ถังเชี่ยนจะป่วยทางจิตหรือเป็นโรคร้าย เจ้านายผมก็ไม่ใจอ่อนกับเธอ” โจวจื่ออี้แย้ง “ถ้าคุณไม่เชื่อเจ้านายผม แสดงว่าคุณก็ไม่เชื่อคำพูดของผมด้วยเหรอ?”ไมค์กัดฟันและนิ่งเงียบครู่ต่อมา เขาถามว่า “ทำไมมีจุดอ่อนอยู่ในมือของคนอื่น? เขาเคยทำเรื่องไม่ดี