เขามองเห็นอย่างชัดเจนว่าใบหน้าของนั่วนั่วถูกของเหลวสาดใส่ ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดงและพุพองอย่างรวดเร็ว…เขาตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว ปากพึมพำว่า “นั่วนั่ว ไม่ต้องกลัว! ผมจะเรียก… เรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย!” แขกที่มารับประทานอาหารต่างทยอยพากันออกไปด้วยความหวาดกลัว พนักงานของร้านรีบเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ทันทีพวกเขาตกใจมากหลังจากได้เห็นใบหน้าของนั่วนั่ว ใบหน้าของนั่วนั่วเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด ท่ามกลางน้ำตาที่อาบหน้า เธอเห็นทุกคนมองเธอด้วยสายตาหวาดกลัว เธอคลายมือสั่นเทาที่ปิดหน้าตัวเองลง…เลือด…น้ำเลือด…ดูเหมือนจะมีชิ้นเนื้ออยู่ด้วย…“กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด!” เธอกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ......ฉินอันอันกำลังกินไอศกรีมตอนที่เธอรับสายจากฟู่เย่เฉิน บาร์บีคิวในร้านรสชาติดี แต่ไอศกรีมอร่อยกว่า มันเป็นสิ่งต้องห้ามของฉินอันอันมาตลอด แต่ไอศกรีมร้านนี้ทำให้เธออดใจไม่ไหว เธอจึงกินไปหลายคำ“น่ากลัวเหลือเกิน! ฉินอันอัน ตอนนี้ผมหนาวไปทั้งตัวแล้ว! คืนนี้ผมต้องฝันร้ายแน่!” เสียงของฟู่เย่เฉินดังขึ้นที่ปลายสายกระสับกระส่ายอย่างหวาดกลัว “ถ้าคนที่นั่งอยู่ข้ามผมเมื่อกี้นี้คือคุณ… เดาสิว่า
เธอเหลือบมองการแจ้งเตือนสายเรียกเข้า แล้วเลิกคิ้วขึ้นทันที จากนั้นจึงรับสาย “ฉินอันอัน!” เสียงของฟู่สือถิงดังทะลุทะลวงจากอีกฝั่งของโทรศัพท์เธออึ้ง “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” “คุณไม่เป็นไรนะ?” ดูเหมือนเขาประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของเธอ “ฉินอันอัน คุณไม่เป็นอะไร!” “ฉันสบายดีค่ะ หรือว่าคุณอยากให้ฉันเกิดเรื่อง?” เธอเหน็บแนม “ใครบอกคุณว่าฉันเกิดเรื่อง?” “มีคนเห็นคุณที่ร้านอาหาร บอกว่าเกิดเรื่องกับคุณ” เสียงของเขากลับมาสงบตามปกติ “ไม่ใช่คุณก็ดีแล้ว” “อ้อ ในเมื่อคนคนนั้นบอกคุณแบบนี้ เขาก็คงเห็นผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเหมือนฉัน… คุณว่าผู้หญิงที่เกิดเรื่องมีสิทธิ์เป็นนั่วนั่วหรือเปล่า?” เธอจงใจพูดฟู่สือถิงไม่สนใจเรื่องนี้เลย “ไม่ว่าเป็นใคร แค่ไม่ใช่คุณก็พอแล้ว”เธอส่งเสียงตอบรับ “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” เขาถาม หลังจากเงียบไปหลายวินาที “ฉันมากินข้าวนอกบ้านกับเสี่ยวเถียน” “พาบอดี้การ์ดไปด้วยใช่ไหม?” เขาซักไซ้ “พามาด้วยค่ะ” เธอเหลือบมองไปทางบอดี้การ์ดที่อยู่ไม่ไกล “คุณกินข้าวเสร็จแล้วกลับบ้านเลยนะ” “เดี๋ยวฉันจะไปตัดผมค่ะ นัดกับเขาไว้แล้ว” เธอไม่อาจเปลี่ยนตารางของเธอได้ด้วยเห
เมื่อได้ยินถังเชี่ยนกล่าวโทษ เขาก็เหลือบมองไปที่ฉินอันอัน ฉินอันอันกำลังบอกช่างตัดผมเกี่ยวกับความยาวของผมที่เธอต้องการ “ฉันแนะนำให้เธอแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้เลย ให้ตำรวจเข้ามาจัดการได้เลย” เขาถือโทรศัพท์แล้วเดินไปข้างนอก น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและเย็นชา “ถึงแม้ว่าฉินอันอันจะทำเรื่องนี้จริง ๆ แล้วยังไงล่ะ? ถ้าฉันเป็นเธอ วิธีการของฉันจะโหดเหี้ยมกว่านี้อีก” ถังเชี่ยนรู้สึกเวียนหัว! เธอคิดไม่ถึงว่าฟู่สือถิงจะตอบแบบนี้ “ฉันไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ว่าคนที่ลอกเลียนแบบฉินอันอันคือลูกพี่ลูกน้องของเธอ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ฟู่สือถิงเปลี่ยนเรื่องและพูดอย่างเคร่งขรึม “ถังเชี่ยน รอให้ฉันได้หลักฐานเมื่อไหร่ ฉันจะไม่เมตตาเธอเลยสักนิดเดียว”ไม่ต้องพูดเรื่องนั่วนั่วเสียโฉมหรอก ต่อให้นั่วนั่วตายวันนี้ เขาก็ไม่เสียใจ! สำหรับเขาแล้ว นั่วนั่วตายร้อยครั้งก็ไม่พอ! ถังเชี่ยนเป็นฝ่ายวางสายก่อนเพราะรู้สึกกลัว ครั้งนี้เธออาจจะแพ้แล้ว!เธอจำคำเตือนที่เซิ่งเป่ยเตือนเธอได้ เธอช่างไร้เดียงสาจริง ๆ ที่คิดว่าตัวเองรู้จักฟู่สือถิงดีกว่าเซิ่งเป่ย ฟู่สือถิงดูเหมือ
ฟู่สือถิงรู้สึกว่าท่าทีของเธอรุนแรงเกินไป ดังนั้นจึงนั่งลงข้างเธอ พี่เลี้ยงเด็กเดินถือชามซุปไก่เข้ามา ครั้นเห็นพวกเขาสบสายตากันและกัน ดวงตาจับจ้องกันไม่คลาย ก็รีบวางชามซุปลงแล้วถอยออกไปอย่างรู้กาลเทศะทันที “ถ้าเขาเหนื่อยจริง เขาอยากจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านนานเท่าไหร่ก็ได้ ผมไม่คัดค้านหรอก” เขากลัวเด็ก ๆ จะได้ยินจึงลดเสียงลง “ตอนนี้ก็เปิดเทอมมาหนึ่งเดือนแล้ว เขาพักผ่อนอยู่บ้านหนึ่งเดือนแล้วยังพักไม่พอเหรอ?” “ไว้ฉันจะคุยกับเขาอีกทีค่ะ” ฉินอันอันยกชามซุปขึ้น ตักซุปหนึ่งช้อนเข้าปาก“ผมเกรงว่าเขาไม่ใช่แค่เหนื่อย แต่กำลังปิดบังบางอย่างกับคุณ” ฟู่สือถิงหยิบช้อนซุปจากมือของเธอ “ลูกชายของคุณซับซ้อนกว่าที่คุณคิดมาก” เธออยากเอาช้อนซุปคืนมาจากเขา ผลกลับเป็นเขาค่อย ๆ ตักน้ำซุปแล้วป้อนเข้าปากเธอ “ฉันไม่ได้อยากให้คุณป้อน” เธอหน้าแดงแล้วเอาช้อนกลับคืนมา “ฉันโทรหาคุณครูของเขาเป็นการส่วนตัวแล้ว คุณครูบอกว่าเขาเข้ากับเพื่อนที่ชั้นเรียนได้ดี และตอนค่ายปิดเทอมฤดูร้อนก็ปกติมากด้วย” “นอกเหนือจากเพื่อนร่วมชั้นแล้ว เขายังอาจจะติดพันกับสิ่งอื่น ๆ ได้ด้วย” ฟู่สือถิงยืนกรานการคาดเดาของตนเอง “ยิ่งไปกว่าน
ที่เมืองเอ วันนี้เป็นงานแต่งงานของหลญิงสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างฉินอันอัน ไม่มีเจ้าบ่าวในงานแต่งงานของเธอ เนื่องจากเจ้าบ่าวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหกเดือนที่แล้ว ฟู่ซื่อถิงอยู่ในสภาพราวกับผัก แพทย์จึงสรุปว่าเขาอาจอยู่ไม่รอดในสิ้นปีนี้ คุณนายใหญ่ฟู่ที่หมดหวัง เธอจึงตัดสินใจจัดการเรื่องการแต่งงานให้ลูกชายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ตระกูลฟู่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ในเมืองเอ แต่ไม่มีผู้หญิงมีชื่อเสียงหรือชาติตระกูลคนไหนยินดีจะแต่งงานกับชายที่กำลังจะตาย…หน้ากระจกแต่งตัว ฉินอันอันแต่งตัวเสร็จแล้ว ชุดแต่งงานสีขาวที่รับกับรูปร่างงดงามของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะ รวมกับการแต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อนบนใบหน้าของเธอ ทำให้เธอดูสดใสและงดงามราวกับดอกกุหลาบแรกแย้มสีแดง แต่ในดวงตาเรียวรีนั้นดูมีความว้าวุ่นและไม่สบายใจปรากฏให้เห็นอยู่ เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนเริ่มพิธี เธอก็ปัดหน้าจอโทรศัพท์รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนที่เธอจะถูกบังคับให้แต่งงานกับฟู่ซื่อถิง เธอมีแฟนอยู่แล้ว แล้วบังเอิญแฟนของเธอคือฟู่เย่เฉิน เขาเป็นหลานชายของฟู่ซื่อถิง พวกเขาไม่ได้เปิดเผยความสัมพัน
ภายใต้โคมระย้าคริสตัล ดวงตาสีดำสนิทราวกับออบซิเดียนของฟู่ซื่อถิงที่เปล่งประกายลึกล้ำมีเสน่ห์และแฝงไปด้วยอันตราย ก็คงไม่ขยับนอนนิ่งเหมือนเดิมเป็นปกติ ฟู่เย่เฉินหวาดกลัวมากจนเขาถอยหลังไปสองสามก้าว “อันอัน...ไม่สิ...น้าสะใภ้ ดึกแล้ว ฉันไม่รบกวนคุณกับคุณอาล่ะ!” ฟู่เย่เฉินเหงื่อไหลเย็นและเดินโซเซออกจากห้องนอนใหญ่ ฉินอันอันดูเขาวิ่งหนีไป เธอก็เริ่มเครียดขึ้นมาทันที และตัวสั่นเล็กน้อยอย่างหยุดไม่ได้ ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้วเหรอ?! ไม่ใช่ว่าเขาจะใกล้ตายเหรอ? เธออยากจะคุยกับเขา แต่ไม่มีเสียงออกมา จึงอยากเข้าไปมองใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนว่าเท้าของเธอกลับอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน ความกลัวที่ไม่รู้จักมันครอบงำเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอยออกมา...และวิ่งลงไปชั้นล่าง! “ป้าจาง ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้ว! เขาลืมตาขึ้นมาแล้ว!” ป้าจางได้ยินเสียงจึงรีบขึ้นไปชั้นบน “คุณผู้หญิง นายท่านเขาลืมตาแบบนี้ทุกวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ดูสิที่พวกเรากำลังพูดคุยกันอยู่ตอนนี้ เขาก็ไม่ตอบสนองเลย” พี่สะใภ้จางถอนหายใจ“ หมอบอกว่าความเป็นไปได้ของผู้ป่วยเจ้าชายนิทราแบบนี้ที่จะฟื้นขึ้นมาค่อนข้างต่ำมาก” ฉินอันอั
เธอรู้สึกอึดอัดท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด “อันอัน ตอนนี้เธอยังเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ? หากเธอตั้งครรภ์ มันจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเธอแน่…” ภรรยาของฟู่ฮั่นกล่าว ฟู่ฮั่นรีบรับตาม "ใช่! อันอันยังเด็กมากนะตอนนี้ เกรงว่าเธอไม่อยากเลิกเรียน อยู่บ้านเพื่อมีลูกหรอก!" คุณนายใหญ่มีหรือจะไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ด้วยเหตุนี้คุณนายใหญ่จึงยืนกรานที่จะสืบทายาทของฟู่ซื่อถิงต่อไป “อันอัน เธอยินดีที่จะให้กำเนิดลูกของซื่อถิงไหม?” คุณนายใหญ่พูดอย่างตรงไปตรงมากับเธอ “เธอเองก็รู้ว่าลูกของเธอและซื่อถิงจะได้รับมรดกทรัพย์สมบัติของซื่อถิงในอนาคต แค่ทรัพย์สมบัติของซื่อถิงก็เพียงพอแล้ว ที่จะให้เธอและลูกมีชีวิตที่ดีได้” ฉินอันอันพูดอบ่างไม่ลังเล "ฉันยินดีค่ะ" ตราบใดที่เธอสามารถปกป้องไม่ให้ฟู่เย่เฉินยึดทรัพย์สินของฟู่ซื่อถิงไป เธอก็ยินดีที่จะลองดู ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเธอจะไม่อยาก แต่ด้วยอำนาจและอิทธิพลอันแข็งแกร่งของตระกูลฟู่ ต้องบังคับให้เธอคลอดลูกอย่างแน่นอน หลังจากได้รับคำตอบ คุณนายใหญ่ก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ "ดีมาก ฉันรู้ว่าเธอแตกต่างจากพวกผู้หญิงโง่ข้างนอกนั้น พวกเขาคิดว่าซ
แพทย์หญิงเอ่ยว่า “พูดยากนะคะ ถ้าอย่างเร็วก็สามสี่เดือน ถ้าอย่างช้านั้นจะนานเท่าไหร่ก็ได้” หลังจากหยุดครู่หนึ่งเธอก็กล่าวเสริมว่า “คุณยังสาวอยู่ ดังนั้นทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน" เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฝนในฤดูใบไม้ร่วงก็นำเมืองเอเข้าฤดูใบไม้ร่วงอย่างเป็นทางการแล้ว ในตอนกลางคืน หลังจากอาบน้ำเสร็จฉินอันอันออกจากห้องน้ำ เธอเดินไปที่ด้านข้างเตียง เปิดฝาครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นตัวใหม่ที่เธอซื้อวันนี้ และทาให้ทั่วผิวของเธอ “ฟู่ซื่อถิง ฉันจะทาให้คุณด้วยนะ! ช่วงนี้อากาศแห้งเกินไปแล้ว” เธอพูดแล้วเดินไปข้าง ๆ ฟู่ซื่อถิง เธอนั่งอยู่ข้างเตียง ใช้นิ้วแต้มมอยเจอร์ไรเซอร์เล็กน้อยแล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าของเขา ดวงตาสีดำลึกราวกับอำพันราวกับอัญมณีของเขาลืมตาขึ้นทันที เธอตกใจมากซะจนหายใจลำบากกับประกายแสงดวงตาของเขา แม้ว่าจะเห็นเขาลืมตาทุกวัน แต่ก็ยังตกใจทุกครั้งที่เห็นเขาลืมตาขึ้นมา “ฉันออกแรงมากเกินไปเหรอ แต่ฉันไม่ได้ออกแรงเลยนะ!” นิ้วของเธอยังคงนวดแก้มของเขาต่อไปเบา ๆ ในเวลาเดียวกัน ก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง… “ฟู่ซื่อถิง ฉันได้อ่านข่าวในอินเตอร์เน็ตว่าคุณ