“ยังเลย คุณมีชื่อที่เหมาะสมหรือเปล่า?” เขาถาม ใจของเธอเต้นแรง แล้วลองพูดมาสามคำ “ฉินจื่อชิว” เห็นดังนั้น เขาวางเมนูลงแล้วจ้องมองเธอด้วยสายตานกอินทรี “พูดจริงเหรอ?” “เสี่ยวหานและรุ่ยลาต่างก็แซ่ฉิน ถ้าเด็กในท้องไม่แซ่ฉิน อนาคตเขาจะต้องสับสนมากแน่” เธอหน้าแดงเล็กน้อยแล้วพูดความคิดของเธอออกมาว่า “แน่นอน ฉันเคารพความคิดเห็นของคุณ” “ในเมื่อคุณเป็นห่วงว่าลูกจะสับสน ก็เปลี่ยนแซ่ให้เสี่ยวหานกับรุ่ยลาได้นะ ผมไม่รังเกียจที่พวกเขาสองคนจะใช้แซ่ของผม” คำตอบของเขาดูสบาย ๆ ราวกับกำลังพูดเล่นเขาสั่งอาหารเสร็จก็ส่งเมนูให้พนักงานเสิร์ฟพนักงานเสิร์ฟตรวจสอบรายการอาหารกับพวกเขาเสร็จแล้ว ก็เดินจากไป “ถ้าคุณไม่เห็นด้วย งั้นก็เรียกว่าฟู่จื่อชิวก็แล้วกัน!” เธอยอมอ่อนให้ การได้สิทธิ์อยู่เคียงข้างและเลี้ยงดูพวกเขาได้ เธอก็พอใจแล้ว “ผมไม่ได้บอกว่าไม่เห็นด้วย” เขาเลิกคิ้วและมองเธออย่างสนใจ “ถ้าคุณต้องการให้ลูกใช้แซ่ของคุณ ก็ใช้แซ่ของคุณเถอะ!” “คุณพูดจริงหรือแค่ล้อฉันเล่นกันแน่คะ?” เธอเดาอารมณ์ที่แท้จริงของเขาไม่ออกไปชั่วขณะ ถ้าตอนนี้เขามีใบหน้าดุร้ายและอารมณ์รุนแรง เธอคงไม่สับสนแบบนี้ เธอเห็
สตาร์ริเวอร์วิลล่า ห้องนอนใหญ่ ฉินอันอันกำลังจัดเสื้อผ้าของเด็ก ๆหลีเสี่ยวเถียนนั่งขี้เกียจอยู่ข้าง ๆ เธอ มองเธอที่กำลังง่วนอยู่กับงาน “อันอัน เธอวางแผนจะเลี้ยงลูกเองจริง ๆ เหรอ? มันเหนื่อยมากเลยนะ!” ฉินอันอันพับเสื้อผ้าทีละตัวแล้วพูดเสียงเบา “อืม ก่อนหน้านี้แม่ช่วยฉันเลี้ยงลูก ฉันเลยไม่เหนื่อยมาก” “ใช่ไง แต่คุณป้าไม่อยู่แล้ว เธอไม่อยากปล่อยให้พี่เลี้ยงเลี้ยงอีก” หลีเสี่ยวเถียนกล่าว “ที่เธอบอกว่าพอถึงตอนนั้นฟู่สือถิงจะมาอยู่ด้วย เป็นเรื่องจริงเหรอ?” “เขาว่าอย่างนั้น” ฉินอันอันหยิบเสื้อผ้าไปเก็บในตู้ “ถึงตอนนั้นก็ต้องแล้วแต่เขา” “ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็ไม่ต่างจากคู่สามีภรรยาทั่วไปเลย!” หลีเสี่ยวเถียนเหน็บแนม “อ้อ ยังแตกต่างอยู่นิดหน่อย ที่ต่างก็คือเขาแต่งเข้าบ้านเธอ ไม่ใช่เธอแต่งเข้าบ้านเขา” พูดถึงฟู่สือถิง ทันใดนั้นฉินอันอันนึกขึ้นได้ว่า เขาไม่ได้มาหาเธอหลายวันแล้ว “อันอัน ฉันรู้สึกว่าเธอน่าทึ่งมาก เธอทำให้ลูกทั้งสามคนใช้แซ่เธอได้” หลีเสี่ยวเถียนถอนหายใจ “ถ้าฉันมีลูก ก็ใช้ได้แค่แซ่เฮ่อเท่านั้น ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นลูกสาวคนเดียว แต่ว่าเฮ่อจุ่นจือก็ยิ่งใหญ่กว่า เขาเป็นทายาทรุ
เขามองเห็นอย่างชัดเจนว่าใบหน้าของนั่วนั่วถูกของเหลวสาดใส่ ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดงและพุพองอย่างรวดเร็ว…เขาตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว ปากพึมพำว่า “นั่วนั่ว ไม่ต้องกลัว! ผมจะเรียก… เรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย!” แขกที่มารับประทานอาหารต่างทยอยพากันออกไปด้วยความหวาดกลัว พนักงานของร้านรีบเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ทันทีพวกเขาตกใจมากหลังจากได้เห็นใบหน้าของนั่วนั่ว ใบหน้าของนั่วนั่วเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด ท่ามกลางน้ำตาที่อาบหน้า เธอเห็นทุกคนมองเธอด้วยสายตาหวาดกลัว เธอคลายมือสั่นเทาที่ปิดหน้าตัวเองลง…เลือด…น้ำเลือด…ดูเหมือนจะมีชิ้นเนื้ออยู่ด้วย…“กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด!” เธอกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ......ฉินอันอันกำลังกินไอศกรีมตอนที่เธอรับสายจากฟู่เย่เฉิน บาร์บีคิวในร้านรสชาติดี แต่ไอศกรีมอร่อยกว่า มันเป็นสิ่งต้องห้ามของฉินอันอันมาตลอด แต่ไอศกรีมร้านนี้ทำให้เธออดใจไม่ไหว เธอจึงกินไปหลายคำ“น่ากลัวเหลือเกิน! ฉินอันอัน ตอนนี้ผมหนาวไปทั้งตัวแล้ว! คืนนี้ผมต้องฝันร้ายแน่!” เสียงของฟู่เย่เฉินดังขึ้นที่ปลายสายกระสับกระส่ายอย่างหวาดกลัว “ถ้าคนที่นั่งอยู่ข้ามผมเมื่อกี้นี้คือคุณ… เดาสิว่า
เธอเหลือบมองการแจ้งเตือนสายเรียกเข้า แล้วเลิกคิ้วขึ้นทันที จากนั้นจึงรับสาย “ฉินอันอัน!” เสียงของฟู่สือถิงดังทะลุทะลวงจากอีกฝั่งของโทรศัพท์เธออึ้ง “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” “คุณไม่เป็นไรนะ?” ดูเหมือนเขาประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของเธอ “ฉินอันอัน คุณไม่เป็นอะไร!” “ฉันสบายดีค่ะ หรือว่าคุณอยากให้ฉันเกิดเรื่อง?” เธอเหน็บแนม “ใครบอกคุณว่าฉันเกิดเรื่อง?” “มีคนเห็นคุณที่ร้านอาหาร บอกว่าเกิดเรื่องกับคุณ” เสียงของเขากลับมาสงบตามปกติ “ไม่ใช่คุณก็ดีแล้ว” “อ้อ ในเมื่อคนคนนั้นบอกคุณแบบนี้ เขาก็คงเห็นผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเหมือนฉัน… คุณว่าผู้หญิงที่เกิดเรื่องมีสิทธิ์เป็นนั่วนั่วหรือเปล่า?” เธอจงใจพูดฟู่สือถิงไม่สนใจเรื่องนี้เลย “ไม่ว่าเป็นใคร แค่ไม่ใช่คุณก็พอแล้ว”เธอส่งเสียงตอบรับ “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” เขาถาม หลังจากเงียบไปหลายวินาที “ฉันมากินข้าวนอกบ้านกับเสี่ยวเถียน” “พาบอดี้การ์ดไปด้วยใช่ไหม?” เขาซักไซ้ “พามาด้วยค่ะ” เธอเหลือบมองไปทางบอดี้การ์ดที่อยู่ไม่ไกล “คุณกินข้าวเสร็จแล้วกลับบ้านเลยนะ” “เดี๋ยวฉันจะไปตัดผมค่ะ นัดกับเขาไว้แล้ว” เธอไม่อาจเปลี่ยนตารางของเธอได้ด้วยเห
เมื่อได้ยินถังเชี่ยนกล่าวโทษ เขาก็เหลือบมองไปที่ฉินอันอัน ฉินอันอันกำลังบอกช่างตัดผมเกี่ยวกับความยาวของผมที่เธอต้องการ “ฉันแนะนำให้เธอแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้เลย ให้ตำรวจเข้ามาจัดการได้เลย” เขาถือโทรศัพท์แล้วเดินไปข้างนอก น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและเย็นชา “ถึงแม้ว่าฉินอันอันจะทำเรื่องนี้จริง ๆ แล้วยังไงล่ะ? ถ้าฉันเป็นเธอ วิธีการของฉันจะโหดเหี้ยมกว่านี้อีก” ถังเชี่ยนรู้สึกเวียนหัว! เธอคิดไม่ถึงว่าฟู่สือถิงจะตอบแบบนี้ “ฉันไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ว่าคนที่ลอกเลียนแบบฉินอันอันคือลูกพี่ลูกน้องของเธอ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ฟู่สือถิงเปลี่ยนเรื่องและพูดอย่างเคร่งขรึม “ถังเชี่ยน รอให้ฉันได้หลักฐานเมื่อไหร่ ฉันจะไม่เมตตาเธอเลยสักนิดเดียว”ไม่ต้องพูดเรื่องนั่วนั่วเสียโฉมหรอก ต่อให้นั่วนั่วตายวันนี้ เขาก็ไม่เสียใจ! สำหรับเขาแล้ว นั่วนั่วตายร้อยครั้งก็ไม่พอ! ถังเชี่ยนเป็นฝ่ายวางสายก่อนเพราะรู้สึกกลัว ครั้งนี้เธออาจจะแพ้แล้ว!เธอจำคำเตือนที่เซิ่งเป่ยเตือนเธอได้ เธอช่างไร้เดียงสาจริง ๆ ที่คิดว่าตัวเองรู้จักฟู่สือถิงดีกว่าเซิ่งเป่ย ฟู่สือถิงดูเหมือ
ฟู่สือถิงรู้สึกว่าท่าทีของเธอรุนแรงเกินไป ดังนั้นจึงนั่งลงข้างเธอ พี่เลี้ยงเด็กเดินถือชามซุปไก่เข้ามา ครั้นเห็นพวกเขาสบสายตากันและกัน ดวงตาจับจ้องกันไม่คลาย ก็รีบวางชามซุปลงแล้วถอยออกไปอย่างรู้กาลเทศะทันที “ถ้าเขาเหนื่อยจริง เขาอยากจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านนานเท่าไหร่ก็ได้ ผมไม่คัดค้านหรอก” เขากลัวเด็ก ๆ จะได้ยินจึงลดเสียงลง “ตอนนี้ก็เปิดเทอมมาหนึ่งเดือนแล้ว เขาพักผ่อนอยู่บ้านหนึ่งเดือนแล้วยังพักไม่พอเหรอ?” “ไว้ฉันจะคุยกับเขาอีกทีค่ะ” ฉินอันอันยกชามซุปขึ้น ตักซุปหนึ่งช้อนเข้าปาก“ผมเกรงว่าเขาไม่ใช่แค่เหนื่อย แต่กำลังปิดบังบางอย่างกับคุณ” ฟู่สือถิงหยิบช้อนซุปจากมือของเธอ “ลูกชายของคุณซับซ้อนกว่าที่คุณคิดมาก” เธออยากเอาช้อนซุปคืนมาจากเขา ผลกลับเป็นเขาค่อย ๆ ตักน้ำซุปแล้วป้อนเข้าปากเธอ “ฉันไม่ได้อยากให้คุณป้อน” เธอหน้าแดงแล้วเอาช้อนกลับคืนมา “ฉันโทรหาคุณครูของเขาเป็นการส่วนตัวแล้ว คุณครูบอกว่าเขาเข้ากับเพื่อนที่ชั้นเรียนได้ดี และตอนค่ายปิดเทอมฤดูร้อนก็ปกติมากด้วย” “นอกเหนือจากเพื่อนร่วมชั้นแล้ว เขายังอาจจะติดพันกับสิ่งอื่น ๆ ได้ด้วย” ฟู่สือถิงยืนกรานการคาดเดาของตนเอง “ยิ่งไปกว่าน
ที่เมืองเอ วันนี้เป็นงานแต่งงานของหลญิงสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างฉินอันอัน ไม่มีเจ้าบ่าวในงานแต่งงานของเธอ เนื่องจากเจ้าบ่าวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหกเดือนที่แล้ว ฟู่ซื่อถิงอยู่ในสภาพราวกับผัก แพทย์จึงสรุปว่าเขาอาจอยู่ไม่รอดในสิ้นปีนี้ คุณนายใหญ่ฟู่ที่หมดหวัง เธอจึงตัดสินใจจัดการเรื่องการแต่งงานให้ลูกชายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ตระกูลฟู่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ในเมืองเอ แต่ไม่มีผู้หญิงมีชื่อเสียงหรือชาติตระกูลคนไหนยินดีจะแต่งงานกับชายที่กำลังจะตาย…หน้ากระจกแต่งตัว ฉินอันอันแต่งตัวเสร็จแล้ว ชุดแต่งงานสีขาวที่รับกับรูปร่างงดงามของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะ รวมกับการแต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อนบนใบหน้าของเธอ ทำให้เธอดูสดใสและงดงามราวกับดอกกุหลาบแรกแย้มสีแดง แต่ในดวงตาเรียวรีนั้นดูมีความว้าวุ่นและไม่สบายใจปรากฏให้เห็นอยู่ เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนเริ่มพิธี เธอก็ปัดหน้าจอโทรศัพท์รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนที่เธอจะถูกบังคับให้แต่งงานกับฟู่ซื่อถิง เธอมีแฟนอยู่แล้ว แล้วบังเอิญแฟนของเธอคือฟู่เย่เฉิน เขาเป็นหลานชายของฟู่ซื่อถิง พวกเขาไม่ได้เปิดเผยความสัมพัน
ภายใต้โคมระย้าคริสตัล ดวงตาสีดำสนิทราวกับออบซิเดียนของฟู่ซื่อถิงที่เปล่งประกายลึกล้ำมีเสน่ห์และแฝงไปด้วยอันตราย ก็คงไม่ขยับนอนนิ่งเหมือนเดิมเป็นปกติ ฟู่เย่เฉินหวาดกลัวมากจนเขาถอยหลังไปสองสามก้าว “อันอัน...ไม่สิ...น้าสะใภ้ ดึกแล้ว ฉันไม่รบกวนคุณกับคุณอาล่ะ!” ฟู่เย่เฉินเหงื่อไหลเย็นและเดินโซเซออกจากห้องนอนใหญ่ ฉินอันอันดูเขาวิ่งหนีไป เธอก็เริ่มเครียดขึ้นมาทันที และตัวสั่นเล็กน้อยอย่างหยุดไม่ได้ ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้วเหรอ?! ไม่ใช่ว่าเขาจะใกล้ตายเหรอ? เธออยากจะคุยกับเขา แต่ไม่มีเสียงออกมา จึงอยากเข้าไปมองใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนว่าเท้าของเธอกลับอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน ความกลัวที่ไม่รู้จักมันครอบงำเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอยออกมา...และวิ่งลงไปชั้นล่าง! “ป้าจาง ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้ว! เขาลืมตาขึ้นมาแล้ว!” ป้าจางได้ยินเสียงจึงรีบขึ้นไปชั้นบน “คุณผู้หญิง นายท่านเขาลืมตาแบบนี้ทุกวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ดูสิที่พวกเรากำลังพูดคุยกันอยู่ตอนนี้ เขาก็ไม่ตอบสนองเลย” พี่สะใภ้จางถอนหายใจ“ หมอบอกว่าความเป็นไปได้ของผู้ป่วยเจ้าชายนิทราแบบนี้ที่จะฟื้นขึ้นมาค่อนข้างต่ำมาก” ฉินอันอั