เพียงแค่สองคำแนวป้องกันในใจของเธอก็แตกออกอย่างง่ายดาย เธอออกไปข้างนอกตอนหกโมงเช้า ปิดโทรศัพท์ เขาติดต่อเธอไม่ได้ ดังนั้นเขาเลยต้องมาหาที่นี่ ‘หากเป็นเช่นนั้นก็แปลว่า เขาเป็นห่วงเธอสินะ?’ “คุณคือฟู่ซื่อถิงสินะคะ?” จางหยุนเห็นบรรยากาศน่าอึดอัดใจ จึงรีบพูดคลายบรรยากาศ “วันนี้อันอันอารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันเลยพาเธอออกไปผ่อนคลายข้างนอกน่ะค่ะ ตอนนี้เธอไม่เป็นไรแล้ว ฉันจะไปรินน้ำมาให้คุณนะคะ” ฉินอันอัน “แม่!” ฟู่ซื่อถิง “ไม่ต้องหรอกครับ” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน บรรยากาศยิ่งดูอึมครึมมากขึ้น “แม่คะ เขาต้องรีบไปแล้ว แม่ไม่ต้องสนใจเขาหรอกค่ะ แม่มานั่งพักสักหน่อยเถอะ” ฉินอันอันดึงแม่ให้มานั่งบนโซฟา เธอกำลังพยายามไล่เขาทางอ้อม เขาลุกขึ้นเพราะรู้ตัว แล้วพูดกับจางหยุน “ผมขอตัวก่อนนะครับ วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่” จางหยุนต้องการไปส่งเขา แต่ถูกฉินอันอันขวางไว้“แม่คะ หนูก็ต้องกลับก่อนแล้ว วันนี้แม่พักผ่อนอยู่บ้านดี ๆ นะคะ” พูดจบฉินอันอันก็เดินตามหลังฟู่ซื่อถิงออกมาด้วยกัน หลังจากลงมาที่ชั้นล่างของตึก ฉินอันอันก็เอ่ยกับเขาว่า “ต่อไปนี้อย่ามาที่นี่อีกนะคะ” สีหน้าของเขาเย็นชากว่าเดิม สันก
“ถ้าต่อไปแกยังกล้าเล่นการพนันอีก ไม่ต้องให้คนอื่นลงมือหรอก ฉันจะตัดมือแกออกทั้งสองข้างเอง!” ฟู่หานโกรธมาก เขาพูดกัดฟันกรอด “ลูกเพิ่งตื่น จะทำให้เขากลัวทำไม?! ลูกชายของฉันจะแพ้เงินพนันมากขนาดนั้นคนเดียวได้ยังไง! จะต้องเป็นนังสุนัขจิ้งจอกฉินเค่อเคอคนนั้นที่เล่นแพ้แน่!” แม่ฟู่พูดพร้อมกับเดินไปทางประตูห้องผู้ป่วย แล้วเรียกฉินเค่อเคอเข้ามา หลังจากฉินเค่อเคอเหลือบมองฟู่เย่เฉิน เธอก็ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดในใจ ไม่กล้าตอบคำถามของแม่ฟู่ “แม่…แม่โทษเค่อเคอทำไม…เมื่อคืนมีคนจงใจวางกับดักผม ไม่อย่างนั้นพวกเราไม่แพ้พนันมากขนาดนั้นหรอก!” ถึงแม้ว่าเสียงของฟู่เย่เฉินจะแหบแห้ง แต่จิตใจของเขาก็ฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว “เป็นฟู่ซื่อถิง…ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเขา! เพราะว่าผมเคยรักกับฉินอันอัน เขาเลยเกลียดผมมาก!” “แม่รู้ว่าเป็นฝีมืออาของแก! ไม่ใช่แค่ทนแกไม่ได้เท่านั้น! เขาไม่เห็นพ่อแกอยู่ในสายตาแล้วด้วยเหมือนกัน!” แม่ฟู่พูดด้วยความตื่นตระหนก “คุณสมบัติของเขามีข้อบกพร่องสำคัญ! นั่นคือเขาไม่ใช่คนธรรมดา! พวกเราไม่ควรไปยุ่งกับเขา!” ฟู่หานผลักภรรยาไปด้านข้าง “เธอกำลังพูดไร้สาระอะไรต่อหน้าคนนอก! เพราะว่าฉั
ความหลงใหลบนใบหน้าของถังเฉียนหายวับไปทันที “ถึงแม้ฉันจะไม่กล้ารับประกันว่าเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง” ถังเฉียวเซินกล่าวต่อ “เหตุผลที่ฉันไม่เคยบอกเธอเพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา และฉันคิดว่าคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของตัวเขามีค่ามากกว่าเรื่องนี้” ถังเฉียนรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเล็กน้อย ผ่านไปสักพัก เธอยกแก้วไวน์แดงเข้าปากอย่างสั่นเทา “ถังเฉียน เขายอดเยี่ยมมาก แต่เขาก็มีข้อบกพร่องใหญ่เช่นกัน เธอไม่จำเป็นต้องพูดจาเกินจริงเพื่อเขา ถ้าหากเธอแต่งงานกับเขาจริง ๆ ฉันคงเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตของเธอไม่น้อยเลย” ถังเฉียวเซินหั่นสเต๊กเนื้อวัวหรูหรา น้ำเสียงไม่เป็นเดือดเป็นร้อน “เขาต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนี้แน่…ฉันเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนเลว…” หลังจากถังเฉียนเงียบไปครู่หนึ่ง ก็พูดพึมพำว่า “ถ้าหากว่าเขาเป็นคนเลวชั่วช้าจริง ๆ ไม่มีทางที่ฉันจะไม่รู้ ฉันคอยอยู่ข้างกายเขามานานหลายปี นานมากพอที่จะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของใครสักคน” ถังเฉียวเซินหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของเธอ “เมื่อไม่นานมานี้ฆาตกรในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเพิ่งถูกจับได้ ฆาตกรรายนี้หลบหนีมาสิบกว่าปี เขา
ก่อนอื่นต้องผ่านอุปสรรคครั้งแรกก่อน จากนั้นถึงจะค่อย ๆ ราบรื่นขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องถามเธอแล้ว ให้ของขวัญเธอไปเลยก็พอ” เซิ่งเป่ยเสนอความเห็น “นายให้เครื่องประดับเธอสิ ผู้หญิงชอบเครื่องประดับ” ฟู่ซื่อถิง “เธอไม่ใส่เครื่องประดับ ไม่เคยเห็นเธอใส่เลย” “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสิครับ ผู้หญิงทุกคนใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว” โจวจื่ออี้เอ่ยแนะนำ ฟู่ซื่อถิง “เธอไม่ใช้พวกครีมบำรุงผิว ฉันเคยไปที่ห้องของเธอ นอกจากโฟมล้างหน้าก็ไม่มีอะไรเลย” ‘แต่ก็คงให้โฟมล้างหน้าเป็นของขวัญไม่ได้สินะ?’ เซิ่งเป่ยคิดไม่ถึงเลยว่าฉินอันอันจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ แล้วก็ยิ่งคิดไม่ถึงว่าฟู่ซื่อถิงประธานของเอสทีกรุ๊ปจะทำเรื่องอย่างการแอบเข้าไปให้ห้องของผู้หญิงแล้วสังเกตเรื่องประเภทนี้ได้! “ถ้าอย่างนั้นก็ให้โฟมล้างหน้าเธอนั่นแหละ!” เซิ่งเป่ยพูด ฟู่ซื่อถิงตอบ “โฟมล้างเธอมีฝุ่นจับ เดาว่าไม่ได้ใช้นานแล้ว” ......“เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า! เธอต้องใส่เสื้อผ้ากับรองเท้าทุกวันใช่ไหมล่ะ? กระเป๋าต้องมีหรือเปล่า?” เซิ่งเป่ยให้คำตอบสุดท้าย “แม่ของนายตบตีเธอ เธอต้องเสียใจและอึดอัดใจมากแน่ ถ้านายไม่โอ๋เธอ เธอเม
ฉินอันอันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่รู้ตัวว่าถูกวิ่งราวโทรศัพท์ ขาทั้งสองก็แยกออกเตรียมวิ่งไล่ตาม แต่หลังจากวิ่งไปได้สองก้าว เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองตั้งท้องอยู่ จึงหยุดวิ่ง หันหลังกลับอย่างรวดเร็วและเดินไปในเขตหมู่บ้าน ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ป้าจางก็โทรศัพท์ไปหาฟู่ซื่อถิง “คุณผู้ชายคะ โทรศัพท์ของคุณผู้หญิงถูกคนร้ายขโมยไปตอนเดินเล่นค่ะ ดิฉันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเป็นเพื่อนเธอแล้ว แต่ตำรวจบอกกับพวกเราว่า คงไม่น่าจะได้คืน ตอนคุณผู้หญิงกลับมา ตาเธอแดงก่ำเลย บอกว่าในโทรศัพท์มีข้อมูลสำคัญเยอะมาก ตอนนี้เธอแอบร้องไห้อยู่ในห้องค่ะ” ป้าจางทนไมไหวแล้ว คิดว่าถ้าเธอบอกเรื่องนี้กับฟู่ซื่อถิง บางทีอาจจะใช้ประโยชน์จากเส้นสายของฟู่ซื่อถิง สามารถนำโทรศัพท์เธอกลับคืนมาได้ ที่จริงแล้วป้าจางไม่แน่ใจหรอกว่าฉินอันอันแอบร้องไห้อยู่ในห้องหรือเปล่า แต่ป้าจางจงใจพูดแบบนี้ เพื่อดูว่าจะทำให้ฟู่ซื่อถิงใจอ่อนลงได้หรือไม่ คืนนี้ฟู่ซื่อถิงนัดกับถังเฉียวเซินไว้แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ร้านอาหารที่นัดหมายไว้เรียบร้อยแล้ว และถังเฉียวเซินจะมาถึงในไม่ช้า หลังจากรับสายป้าจางแล้ว เขาใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ไ
ฟู่ซื่อถิง “อืม” “ได้ครับได้ครับ! ผมจำชื่อเธอได้แล้ว!” ……คฤหาสน์ตระกูลฟู่ ฉินอันอันนั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ ลงชื่อเข้าใช้บัญชีโซเชียลของตัวเองในคอมพิวเตอร์ แล้วส่งข้อความว่าโทรศัพท์ถูกขโมย จากนั้นก็นั่งเหม่อลอยบนเก้าอี้อยู่ตลอดเวลา ถ้าหากคนที่ขโมยมือถือไปจะแค่ล้างเครื่องแล้วขายทิ้งไปก็ดีน่ะสิ เธอกลัวว่าโทรศัพท์จะถูกเปิดออกแล้วจะมีคนเห็นข้อมูลส่วนตัวข้างใน เธอตบหัวที่กำลังวิงเวียนของตัวเอง แล้วถอนใจ ถ้ารู้ก่อน เธอจะไม่ออกไปข้างนอกหมู่บ้านเลย ข้างในหมู่บ้านก็เดินเล่นได้แท้ ๆ! เธอลุกจากเก้าอี้ แล้วหยิบชุดนอน ไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอปีนขึ้นเตียงแล้วนอนลงบนเตียง พรุ่งนี้ต้องไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ แล้วยังต้องทำบัตรหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ด้วยหลังจากเอนตัวลงนอน เธอพลิกตัวไปมา ทำยังไงก็นอนไม่หลับ ด้านนอกประตู มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบและเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “คุณผู้หญิงคะ คุณหลับแล้วหรือยัง? คุณผู้ชายเพิ่งจะโทรมาบอกว่าช่วยเอาโทรศัพท์คุณคืนมาได้แล้ว ต้องการให้คุณไปเซ็นชื่อที่สถานีตำรวจค่ะ แต่ถ้าคุณไม่อยากไป คุณผู้ชายเซ็นสามารถเซ็นให้ได้…” เสียงของป้าจ
ฉินอันอันกลั้นน้ำตาไว้ ก่อนหันหลังกลับด้วยความโกรธ ก้าวเท้ายาว ๆ เดินออกจากสถานีตำรวจไป เธอไม่ได้เซ็นชื่อ แล้วก็ไม่ได้เอาโทรศัพท์ของตัวเองคืนมาจากมือของฟู่ซื่อถิง หลังจากฟูซื่อถิงเซ็นชื่อแทนเธอแล้ว เขาก็ออกมาจากสถานีตำรวจ บนรถระหว่างทางกลับบ้านฟู่ซื่อถิงยื่นโทรศัพท์ให้เธอ พูดเสียงทุ้มต่ำ “ผมไม่ได้ดูโทรศัพท์ของคุณ” ฉินอันอันรับโทรศัพท์คืนมา สูดหายใจแรง “แต่คุณก็รู้แล้วว่ามีอะไรอยู่ข้างในโทรศัพท์ฉัน” ฟู่ซื่อถิง “เรื่องนี้สำคัญมากเหรอ? รูปพุงเนี่ยนะ” ฉินอันอันกัดฟันกรอด ในใจเตือนตัวเองไม่หยุดว่าอย่าโกรธเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว เป็นเขาที่ช่วยหาโทรศัพท์คืนมา “ฟู่ซื่อถิง ถ้าฉันบอกคุณว่า เด็กที่คุณบังคับให้ฉันทำแท้งก่อนหน้านี้ไม่ใช่ลูกของฟู่เย่เฉิน แต่เป็นของคุณ คุณจะรู้สึกผิดในใจบ้างไหม?” ฉินอันอันถามเขาโดยกำโทรศัพท์ไว้ในมือ ฟู่ซื่อถิงหันหน้ามา แล้วมองมาทางเธอ สีหน้าของเธอจริงจัง ไม่เหมือนกำลังล้อเล่น “ผลทดสอบก่อนหน้านี้งั้นเหรอ?” ลูกกระเดือกของเขาขยับ น้ำเสียงแหบแห้ง “ใช่” ฉินอันอันสบตาเขา แล้วพูดทีละคำ “คุณฆ่าลูกด้วยมือคุณเอง คุณรู้สึกผิดบ้างไหม?” เธออยากเห็นควา
มื้อเช้าทั้งสองคนนั่งที่โต๊ะอาหารตรงข้ามกัน เธอกินบะหมี่กับน้ำเต้าหู้ เขากินซีเรียลกับนม“ขอบคุณที่ช่วยฉันตามหาโทรศัพท์กลับมาเมื่อคืนนี้นะคะ” เธอเอ่ยปากทำลายความเงียบ “แม่ผมทำร้ายคุณ ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ” เขาเองก็เอ่ยปาก แสดงคำขอโทษที่เขาเก็บกดไว้ในใจออกใาด้วยเช่นกัน ฉินอันอันหน้าร้อนผะผ่าว “คุณไม่ได้เป็นคนทำเสียหน่อย จะขอโทษฉันทำไม?” “การตบหน้ามันไม่ดี” เสียงของเขาแข็งขึ้นเล็กน้อย “ถ้ามีใครมาแตะหน้าผม ผมก็จะ…” ฉินอันอันไม่รอให้เขาพูดจบ เธอยกมือขึ้นแล้วเลื่อนไปบนแก้มเขาเบา ๆ ผิวของเขาละเอียดและเรียบเนียน ทำให้มือที่สัมผัสรู้สึกดี ฟู่ซือถิง “…”ดวงตาของเขาล้ำลึกยิ่งขึ้น ลูกกระเดือกขยับ แก้วนมในมือสั่นไหวเบา ๆ “เอาล่ะ ถือว่าหายกันก็แล้วกันนะคะ” เธอหลุบตาลงดื่มน้ำเต้าหู้ แต่การเต้นของหัวใจไม่เป็นจังหวะนิ้วมือที่สัมผัสแก้มเขา ระอุราวกับถูกไฟไหม้ เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เธอรีบกินอาหารเช้าจนเสร็จ แล้วกลับไปหลบในห้องวันนี้รอยแผลบนแก้มจางลงมากกว่าเมื่อวาน แล้วก็ไม่เจ็บมากแล้ว เธอทารองพื้นเป็นชั้นบาง ๆ เพื่อปกปิดรอยช้ำบนหน้าของเธอ เธอไม่อาจอุดอู้อยู่แต่ในบ้านได้อีกต่