ฉินอันอันเดินออกจากลิฟต์ เธอไม่ได้ตั้งใจจะมีปัญหากับพวกเขามากนัก จุดประสงค์ที่เธอมาในวันนี้คือเพื่อสั่งสอนนั่วนั่ว ตอนนี้ได้ระบายแล้ว เธอก็รู้สึกดีขึ้นมาก ขณะที่เธอเดินผ่านฟู่สือถิง ฝ่ามือใหญ่ของเขาก็คว้าแขนของเธอไว้โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า “ทำอะไร?” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาจับมือเธอแล้วพาเธอออกไปนอกบริษัท ถังเชี่ยนต้องการตามไปด้วย แต่โจวจื่ออี้ห้ามไว้ “ผู้จัดการถังไปหาลูกพี่ลูกน้องของคุณเถอะ! เธอร้องไห้ไม่หยุดเลย” ถังเชี่ยนกัดฟัน “ตอนนี้เธออยู่ไหน?” “ผมเห็นจมูกของเธอเบี้ยวนิดหน่อย ผมจึงขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาเธอไปโรงพยาบาล” โจวจื่ออี้พูด “คุณไปหาเธอที่โรงพยาบาลเถอะ! เธออารมณ์เสียมาก ผมเกรงว่าเธอจะจิตตก” หลังจากที่โจวจื่ออี้พูดจบ ถังเชี่ยนก็ทำได้เพียงไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลเท่านั้น ฟู่สือถิงดึงฉินอันอันไปที่ลานจอดรถด้านหน้าบริษัท ในขณะนี้ลานจอดรถว่างเปล่า มีเพียงพวกเขาสองคน ในขณะที่ถังเชี่ยนขับรถออกไป ดวงตาที่ดูราวกับมีพิษของเธอจับจ้องไปในทิศทางที่ฉินอันอันยืนอยู่ ทำไมจู่ ๆ เธอถึงมาหาเรื่องนั่วนั่วได้ล่ะ? เธอรู้อะไรบางอย่างแล้วหรือเปล่า? หลังจากที
ความเข้าใจผิดของเธอต่อเขา เกรงว่าในชาตินี้คงไม่สามารถแก้ไขมันได้ “ฉินอันอัน วันนี้ลมแรงมาก คุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ!” หลังจากที่ฟู่สือถิงพูดแบบนั้น เขาก็เดินไปจากเธอ เธอยืนแข็งตัวอยู่กับที่ เธอไม่คิดว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลย ไม่เถียงอะไรสักคำ เธอประเมินความสามารถในการควบคุมตัวเองของเขาต่ำเกินไป เธอประเมินระดับความยับยั้งชั่งใจของเขาในตอนนี้ต่ำไป บอดี้การ์ดเดินเข้ามาหาเธอแล้วพูดว่า “ประธานครับ ให้ผมพาคุณกลับเถอะ! วันนี้ลมค่อนข้างแรง คุณจะไม่สบายเอาได้” ฉินอันอันไม่รู้สึกว่าลมแรง ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนมีไฟอยู่ในใจ และมันก็ลุกไหม้ด้วยความตื่นตระหนก ...... เมื่อฟู่สือถิงเข้ามาในสำนักงาน โจวจื่ออี้ก็เดินตามเขาเข้ามาทันทีและเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในฝ่ายประชาสัมพันธ์เมื่อเช้านี้ “ผมถามพนักงานในฝ่ายประชาสัมพันธ์ และพวกเขาบอกว่าไม่เพียงแต่ฉินอันอันคิดว่าผู้หญิงในวิดีโอคือ นั่วนั่วปลอมตัวเป็นเธอเท่านั้น แต่คนที่ควักตาของเสิ่นอวี๋ก็คือนั่วนั่วด้วยเหมือนกัน” เมื่อโจวจื่ออี้พูดด้วยความตกใจ เนื่องจากนั่วนั่วดูอ่อนโยนและประพฤติตนดี และน้ำเสียงการพูดของเธอก็เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป
ที่โรงพยาบาล หลังจากที่นั่วนั่วเห็นถังเชี่ยน น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด “พี่ถังเชี่ยน ฉินอันอันทำเกินไปแล้ว เธอกล้าตบฉันทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐาน! เธอไม่ได้กลัวพวกเราเลย!” ใบหน้าของนั่วนั่วถูกทายาจนทั่ว และตอนนี้เธอก็ดูตื่นตระหนกเป็นพิเศษ ถังเชี่ยนพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องลูกของสือถิง นั่นเป็นสาเหตุที่เธอกล้าทำอะไรกำเริบเสิบสานแบบนั้น” “เธอร้ายกาจกว่าที่พี่บอกไว้มาก! เธอทำจมูกฉันเบี้ยว” นั่วนั่วพูดอย่างทุกข์ทรมาน “ปฏิกิริยาของฟู่สือถิงเป็นยังไงบ้าง? แม้ว่าเขาจะไม่ช่วยฉัน ก็น่าจะตำหนิฉินอันอันเพราะเห็นแก่พี่ใช่รึเปล่า?” “เธอคิดอะไรอยู่?” ถังเชี่ยนรู้สึกขมขื่นในใจ “เขาบอกว่าเขาเกลียดเด็ก แต่เขารักเด็กที่ฉินอันอันจะคลอดให้เขามาก ไม่ว่าเธอจะทำอะไรเขาก็ทนได้หมด ไม่มีขีดจำกัดเลย” “แล้วที่ฉันโดนตบนี่ก็เปล่าประโยชน์ทั้งหมดเลยเหรอ?” นั่วนั่วหยุดร้องไห้และถามด้วยความไม่เชื่อ “ฉันไม่มีทางปล่อยให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานโดยเปล่าประโยชน์แน่! อย่าไปมองว่าหล่อนตบเธอ จริง ๆ แล้วหล่อนกำลังเตือนฉันอยู่ต่างหาก!” ถังเชี่ยนจำสิ่งที่ฉินอันอันพูดได้และโกรธจนตัวชา ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของถ
เธอมีนัดตอนเที่ยง เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับและคิดเรื่องนี้ทั้งคืน ถังเชี่ยนและนั่วนั่วร่วมมือกันเล่นงานเธอ ถ้าเธอไม่สู้กลับ พวกนั้นจะคิดว่าเธอรังแกได้ง่าย ๆ และพวกเธออาจทำสิ่งเลวร้ายมากกว่านี้ในอนาคต เธอไม่ต้องการเป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้อีกต่อไป เรื่องวิดีโอนี้ เธอไม่เจอหลักฐานที่ชัดเจนที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอได้ในตอนนี้ แต่เธอสามารถสู้กลับด้วยวิธีอื่นได้! เธอไปร้านอาหารใกล้กับบริษัทของฟู่เย่เฉิน คนที่เธอนัดมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟู่เย่เฉิน ครั้งหนึ่งเธอเคยชื่นชมชายผู้นี้มากและรู้สึกว่าเขาสมบูรณ์แบบในทุก ๆ ด้าน สามารถเติมเต็มจินตนาการทั้งหมดของเธอราวกับเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว แต่เมื่อภายนอกที่สวยงามนั้นถูกลอกออก ก็ตกใจเมื่อได้รู้ว่าชายคนนี้ไม่ได้ดีไปผู้ชายทั่วไปเลยด้วยซ้ำ ภายใต้หน้าตาที่หล่อเหลาของเขา เต็มไปด้วยความขี้ขลาดตาขาว ความอ่อนแอ ความเห็นแก่ตัว และความโลภที่เข้าปกคลุมจิตใจของเขาทั้งหมด ขณะที่เธอดื่มน้ำ ฟู่เย่เฉินก็เปิดประตูร้านอาหารเข้ามา “อันอัน ทำไมคุณอยากเจอผมล่ะ?” ฟู่เย่เฉินมองที่ท้องของเธอก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเธอ “คุณใกล้คลอดแล้วสินะ?” “คุณคงไม่ชอบเด็กใช่ไ
“ฉันมาที่นี่เพื่อเสนอเงินให้คุณ” ฉินอันอันกล่าวต่อ “ฉันต้องการให้คุณทำอะไรบางอย่างให้ฉัน ตราบใดที่คุณทำ ฉันจะตกรางวัลให้คุณ และคุณจะเป็นคนกำหนดจำนวนด้วย” ฟู่เย่เฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะมีประโยชน์กับเธอ “เงินเป็นเรื่องเล็ก จริง ๆ แล้วผมไม่มีส่วนเกี่ยวอะไรกับนั่วนั่วเลย ตอนนั้นผมคิดว่าเธอเป็นคุณ ก็เลยคุยกับเธอ...” แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะช่วยเธอหรือไม่ แต่น้ำเสียงของเขาก็ชัดเจนแล้ว “ปีที่แล้วบริษัทของคุณทำเงินได้เท่าไหร่?” ฉินอันอันถามอย่างสบาย ๆ ฟู่เย่เฉินเกาหัวด้วยความเขินอาย “สองสามล้าน! ผมรู้ว่าผมไม่มีความสามารถ เงินที่ผมทำได้ในหนึ่งปีนั้นไม่เทียบเท่าที่อาของผมหาได้ในหนึ่งวันหรอก” “ฟู่เย่เฉิน ฉันจะให้คุณสิบล้าน” ฉินอันอันพูดแทรก “ถ้าคุณยอมรับราคานี้ได้ เราก็คุยกันต่อได้” “อันอัน ด้วยมิตรภาพของเรา ถึงคุณจะไม่ให้เงินผม ผมก็จะช่วยคุณอยู่ดี!” ฟู่เย่เฉินดันแว่นตาบนสันจมูกของเขาเพื่อซ่อนความดีใจไว้ภายในใจ สิบล้าน ไม่รับไว้ก็น่าเสียดาย “ฉันไม่เคยลืมตอนที่คุณช่วยเสิ่นอวี๋ใส่ร้ายฉัน” ฉินอันอันเตือนเขาว่า “คราวนี้ถ้าคุณกล้าทรยศฉันละก็...” “อันอัน ผมก็ลำบากใจมากนะ! ตอนน
“คำถามนี้ให้ลุงซือเหนียนตอบแล้วกัน” รุ่ยลาพูดอย่างแสบซน “คำตอบของหนูไม่นับค่ะ” พนักงานของรายการระเบิดเสียงหัวเราะ บนใบหน้าใสของจิ้นซือเหนียนปรากฏริ้วแดงระเรื่อ “แม่ของรุ่ยลาสวยมากจริง ๆ ครับ...ผมเคยบอกว่าเธอเป็นเทพธิดาของผม” ความคิดเห็นปะทุขึ้นอีกครั้ง - เทพธิดา? ฉินอันอันเหรอ?! แม่ของรุ่ยลาคือฉินอันอันเหรอ?! - โธ่เอ๊ย! ฉินอันอันถึงเป็นใครกัน? เธอไม่สมควรเป็นแม่ของรุ่ยลาเลย! - พอฉันเห็นคำว่าฉินอันอันสามคำนี้ ฉันนึกถึงวิดีโอนั้นเลย [อาเจียน] [อาเจียน] [อาเจียน] - มีแค่ฉันนคนเดียวเหรอที่อยากรู้ว่า ทำไมตอนนี้ซือเหนียนยังมองเธอเป็นเทพธิดาอยู่อีก? พิธีกรไม่คิดว่าจู่ ๆ จิ้นซือเหนียนจะพูดถึงฉินอันอัน จึงตกใจและตระหนกทันที “ซือเหนียน คุณเจอเทพธิดาของคุณอีกแล้วเหรอ?” จิ้นซือเหนียนส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดน้ำเสียงหนักแน่น “ผมมีเทพธิดาแค่คนเดียวเท่านั้น และเธอก็เป็นแม่ของรุ่ยลาครับ” เขาแทบจะพูดตรง ๆ ว่าแม่ของรุ่ยลาคือฉินอันอัน! หลังจากชื่อของฉินอันอันถูกหยิบยกขึ้นมา จิ้นซือเหนียนไม่ต้องการแอบซ่อน แต่เขากลับเริ่มพูดคุยเรื่องนี้กับทุกคน “แฟน ๆ หลายคนกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกข
“เจ้านายครับ หลังจากที่ผมดูวิดีโออีกรอบแล้วผมก็ขยายภาพแล้วพิมพ์รูปสะดือของผู้หญิงคนนั้นออกมา!” โจวจื่ออี้หยิบกระดาษพิมพ์สีแผ่นหนึ่งมอบให้ฟู่สือถิง “คุณต้องรู้ว่าสะดือของฉินอันอันเป็นอย่างไรใช่ไหมครับ? คุณลองเปรียบเทียบดูสิครับ” ตอนที่พวกเขาดูวดีโอก่อนหน้านี้ ก็เอาแต่สนใจหน้าตาและน้ำเสียง รวมถึงท้องที่บวมเป่งของหญิงสาวในวิดีโอเท่านั้น ไม่มีใครสนใจรูปทรงของสะดือเธอเลย พวกเขาละเลยจุดนี้ไป สะดือของแต่ละคนมีรูปทรงที่ต่างกัน ฟู่สือถิงดูกระดาษพิมพ์สีที่โจวจื่ออี้มอบให้ แล้ววางลง “เจ้านาย เป็นอย่างไรบ้างครับ?” โจวจื่ออี้คิดว่าในใจของเขาคงได้คำตอบแล้ว ทว่าคิ้วสวยของเขาขมวดแล้วถามว่า “ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะจำได้ว่าสะดือของเธอหน้าตาเป็นยังไงล่ะ?” ถึงแม้ว่าเขาจะเคยนอนกับฉินอันอัน แต่ใครจะไปให้ความสนใจสะดือของอีกฝ่ายเป็นพิเศษกันล่ะ? “เธอมีแผลเป็นจากการผ่าคลอดที่หน้าท้อง” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งฟู่สือถิงก็พูดว่า “ฉันสนใจแผลนี้อยู่ตลอด ก็เลยไม่ได้ใส่ใจสะดือของเธอเลย” โจวจื่ออี้พยักหน้าเข้าใจ “น่าเสียดายที่สะดือของผู้หญิงในวิดีโอมีเงินสดบังไว้…แต่ว่า เจ้านายครับ คุณไปหาฉินอันอันแล้ว ดูด
“ผมขอโทษ” จิ้นซือเหนียนขอโทษอีกครั้ง “อันอัน ผมแค่อยากทำในสิ่งที่ผมสามารถทำได้ ด้วยชื่อเสียงของรุ่ยลาในตอนนี้ ผู้คนจะต้องขุดคุ้ยข้อมูลครอบครัวของเธอแน่นอน แทนที่จะปล่อยให้เธอรู้เรื่องนี้จากคนอื่นทีหลัง สู้ชี้แจงในตอนนี้เลยดีกว่า” ฉินอันอันรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อติดอยู่ที่คอ เธอพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว “ไลฟ์สดใกล้จะจบแล้ว เดี๋ยวผมจะไปส่งเธอกลับบ้าน พวกเราเจอกันแล้วค่อยคุยนะครับ” จิ้นซือเหนียนพูดจบแล้วก็วางสายไปฉินอันอันถือโทรศัพท์ นั่งลงบนโซฟา สิ่งที่รุ่ยลาพูดในห้องถ่ายทอดสดดังก้องอยู่ในใจเธอ หลังจากที่ท้องของเธอบวมขึ้น รุ่ยลาก็ชอบนอนคว่ำฟังเสียงเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านใน และยังชอบพูดคุยกับน้องชายในท้องของเธอด้วย ดังนั้นรุ่ยลาจึงคุ้นเคยกับรูปร่างสะดือของเธอเป็นอย่างมาก ตรงกันข้าม เธอไม่ได้สังเกตตัวเองเลย เธอเองย่อมไม่ได้สนใจสะดือของผู้หญิงในวิดีโออยู่แล้ว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ว รีบเดินกลับไปที่ห้องชั้นบน สองชั่วโมงต่อมา จิ้นซือเหนียนส่งรุ่ยลากลับถึงบ้าน ไมค์และหลีเสี่ยวเถียนก็อยู่ที่นั่นทั้งคู่ “ลุงไมค์ ทำไมคุณลุงไม่ไปทำงานล่ะคะ?” รุ่ยลาเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มหวานให้
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง