“ฉันมาที่นี่เพื่อเสนอเงินให้คุณ” ฉินอันอันกล่าวต่อ “ฉันต้องการให้คุณทำอะไรบางอย่างให้ฉัน ตราบใดที่คุณทำ ฉันจะตกรางวัลให้คุณ และคุณจะเป็นคนกำหนดจำนวนด้วย” ฟู่เย่เฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะมีประโยชน์กับเธอ “เงินเป็นเรื่องเล็ก จริง ๆ แล้วผมไม่มีส่วนเกี่ยวอะไรกับนั่วนั่วเลย ตอนนั้นผมคิดว่าเธอเป็นคุณ ก็เลยคุยกับเธอ...” แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะช่วยเธอหรือไม่ แต่น้ำเสียงของเขาก็ชัดเจนแล้ว “ปีที่แล้วบริษัทของคุณทำเงินได้เท่าไหร่?” ฉินอันอันถามอย่างสบาย ๆ ฟู่เย่เฉินเกาหัวด้วยความเขินอาย “สองสามล้าน! ผมรู้ว่าผมไม่มีความสามารถ เงินที่ผมทำได้ในหนึ่งปีนั้นไม่เทียบเท่าที่อาของผมหาได้ในหนึ่งวันหรอก” “ฟู่เย่เฉิน ฉันจะให้คุณสิบล้าน” ฉินอันอันพูดแทรก “ถ้าคุณยอมรับราคานี้ได้ เราก็คุยกันต่อได้” “อันอัน ด้วยมิตรภาพของเรา ถึงคุณจะไม่ให้เงินผม ผมก็จะช่วยคุณอยู่ดี!” ฟู่เย่เฉินดันแว่นตาบนสันจมูกของเขาเพื่อซ่อนความดีใจไว้ภายในใจ สิบล้าน ไม่รับไว้ก็น่าเสียดาย “ฉันไม่เคยลืมตอนที่คุณช่วยเสิ่นอวี๋ใส่ร้ายฉัน” ฉินอันอันเตือนเขาว่า “คราวนี้ถ้าคุณกล้าทรยศฉันละก็...” “อันอัน ผมก็ลำบากใจมากนะ! ตอนน
“คำถามนี้ให้ลุงซือเหนียนตอบแล้วกัน” รุ่ยลาพูดอย่างแสบซน “คำตอบของหนูไม่นับค่ะ” พนักงานของรายการระเบิดเสียงหัวเราะ บนใบหน้าใสของจิ้นซือเหนียนปรากฏริ้วแดงระเรื่อ “แม่ของรุ่ยลาสวยมากจริง ๆ ครับ...ผมเคยบอกว่าเธอเป็นเทพธิดาของผม” ความคิดเห็นปะทุขึ้นอีกครั้ง - เทพธิดา? ฉินอันอันเหรอ?! แม่ของรุ่ยลาคือฉินอันอันเหรอ?! - โธ่เอ๊ย! ฉินอันอันถึงเป็นใครกัน? เธอไม่สมควรเป็นแม่ของรุ่ยลาเลย! - พอฉันเห็นคำว่าฉินอันอันสามคำนี้ ฉันนึกถึงวิดีโอนั้นเลย [อาเจียน] [อาเจียน] [อาเจียน] - มีแค่ฉันนคนเดียวเหรอที่อยากรู้ว่า ทำไมตอนนี้ซือเหนียนยังมองเธอเป็นเทพธิดาอยู่อีก? พิธีกรไม่คิดว่าจู่ ๆ จิ้นซือเหนียนจะพูดถึงฉินอันอัน จึงตกใจและตระหนกทันที “ซือเหนียน คุณเจอเทพธิดาของคุณอีกแล้วเหรอ?” จิ้นซือเหนียนส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดน้ำเสียงหนักแน่น “ผมมีเทพธิดาแค่คนเดียวเท่านั้น และเธอก็เป็นแม่ของรุ่ยลาครับ” เขาแทบจะพูดตรง ๆ ว่าแม่ของรุ่ยลาคือฉินอันอัน! หลังจากชื่อของฉินอันอันถูกหยิบยกขึ้นมา จิ้นซือเหนียนไม่ต้องการแอบซ่อน แต่เขากลับเริ่มพูดคุยเรื่องนี้กับทุกคน “แฟน ๆ หลายคนกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกข
“เจ้านายครับ หลังจากที่ผมดูวิดีโออีกรอบแล้วผมก็ขยายภาพแล้วพิมพ์รูปสะดือของผู้หญิงคนนั้นออกมา!” โจวจื่ออี้หยิบกระดาษพิมพ์สีแผ่นหนึ่งมอบให้ฟู่สือถิง “คุณต้องรู้ว่าสะดือของฉินอันอันเป็นอย่างไรใช่ไหมครับ? คุณลองเปรียบเทียบดูสิครับ” ตอนที่พวกเขาดูวดีโอก่อนหน้านี้ ก็เอาแต่สนใจหน้าตาและน้ำเสียง รวมถึงท้องที่บวมเป่งของหญิงสาวในวิดีโอเท่านั้น ไม่มีใครสนใจรูปทรงของสะดือเธอเลย พวกเขาละเลยจุดนี้ไป สะดือของแต่ละคนมีรูปทรงที่ต่างกัน ฟู่สือถิงดูกระดาษพิมพ์สีที่โจวจื่ออี้มอบให้ แล้ววางลง “เจ้านาย เป็นอย่างไรบ้างครับ?” โจวจื่ออี้คิดว่าในใจของเขาคงได้คำตอบแล้ว ทว่าคิ้วสวยของเขาขมวดแล้วถามว่า “ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะจำได้ว่าสะดือของเธอหน้าตาเป็นยังไงล่ะ?” ถึงแม้ว่าเขาจะเคยนอนกับฉินอันอัน แต่ใครจะไปให้ความสนใจสะดือของอีกฝ่ายเป็นพิเศษกันล่ะ? “เธอมีแผลเป็นจากการผ่าคลอดที่หน้าท้อง” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งฟู่สือถิงก็พูดว่า “ฉันสนใจแผลนี้อยู่ตลอด ก็เลยไม่ได้ใส่ใจสะดือของเธอเลย” โจวจื่ออี้พยักหน้าเข้าใจ “น่าเสียดายที่สะดือของผู้หญิงในวิดีโอมีเงินสดบังไว้…แต่ว่า เจ้านายครับ คุณไปหาฉินอันอันแล้ว ดูด
“ผมขอโทษ” จิ้นซือเหนียนขอโทษอีกครั้ง “อันอัน ผมแค่อยากทำในสิ่งที่ผมสามารถทำได้ ด้วยชื่อเสียงของรุ่ยลาในตอนนี้ ผู้คนจะต้องขุดคุ้ยข้อมูลครอบครัวของเธอแน่นอน แทนที่จะปล่อยให้เธอรู้เรื่องนี้จากคนอื่นทีหลัง สู้ชี้แจงในตอนนี้เลยดีกว่า” ฉินอันอันรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อติดอยู่ที่คอ เธอพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว “ไลฟ์สดใกล้จะจบแล้ว เดี๋ยวผมจะไปส่งเธอกลับบ้าน พวกเราเจอกันแล้วค่อยคุยนะครับ” จิ้นซือเหนียนพูดจบแล้วก็วางสายไปฉินอันอันถือโทรศัพท์ นั่งลงบนโซฟา สิ่งที่รุ่ยลาพูดในห้องถ่ายทอดสดดังก้องอยู่ในใจเธอ หลังจากที่ท้องของเธอบวมขึ้น รุ่ยลาก็ชอบนอนคว่ำฟังเสียงเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านใน และยังชอบพูดคุยกับน้องชายในท้องของเธอด้วย ดังนั้นรุ่ยลาจึงคุ้นเคยกับรูปร่างสะดือของเธอเป็นอย่างมาก ตรงกันข้าม เธอไม่ได้สังเกตตัวเองเลย เธอเองย่อมไม่ได้สนใจสะดือของผู้หญิงในวิดีโออยู่แล้ว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ว รีบเดินกลับไปที่ห้องชั้นบน สองชั่วโมงต่อมา จิ้นซือเหนียนส่งรุ่ยลากลับถึงบ้าน ไมค์และหลีเสี่ยวเถียนก็อยู่ที่นั่นทั้งคู่ “ลุงไมค์ ทำไมคุณลุงไม่ไปทำงานล่ะคะ?” รุ่ยลาเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มหวานให้
นี่คือสิ่งที่เธอตัดสินใจทำ หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว หลีเสี่ยวเถียนยอมรับการตัดสินใจของเธออย่างรวดเร็ว “อันอัน ฉันสนับสนุนเธอ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงอายที่จะเปิดเสื้อตัวเองให้คนแปลกหน้าดูแน่ เห็น ๆ กันอยู่ว่าเรื่องนี้เธอไม่ผิด แล้วทำไมเธอต้องพิสูจน์ด้วย?” หลีเสี่ยวเถียนกล่าว “แต่ว่าเธอสามารถแจ้งตำรวจได้ ให้ตำรวจช่วยชี้แจง” ฉินอันอันยอมรับคำแนะนำของเธอ ช่วงเย็น ตำรวจได้โพสต์รายงานคดีในเว่ยปั๋ว ระบุว่าหลังการสอบสวนของตำรวจ ผู้หญิงในวิดีโอที่กำลังเป็นประเด็นของฉินอันอันเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ใช่ฉินอันอัน ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม หลังจากที่ทางตำรวจโพสต์เว่ยปั๋ว จิ้นซือเหนียนรีบแชร์ต่อทันที : อินเทอร์เน็ตไม่ใช่สถานที่อันอยู่เหนือกฎหมาย ความจริงต้องได้รับการเผยแพร่! แฟน ๆ ของเขารีบแชร์โพสต์บนเว่ยปั๋วอย่างรวดเร็ว ทำให้ความจริงถูกเผยแพร่ออกไปกองภูเขาแห่งความคิดเห็นของประชาชนที่กดทับฉินอันอันไว้ พังทลายลงในพริบตาถังเชี่ยนเลื่อนดูเว่ยปั๋ว เมื่อเห็นคนบนอินเทอร์เน็ตจำนวนไม่น้อยที่เคยโพสต์ด่าฉินอันอันรีบโพสต์ขอโทษเธอ ในใจก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่! น่ารังเกียจ! แผนการที่เธอ
การมาเยือนของเซิ่งเป่ย ทำให้บรรยากาศที่อบอุ่นและมีความสุขภายในบ้านชะงักไปชั่วคราวก่อนหน้านี้หลีเสี่ยวเถียนโกรธเขาอยู่ พอตอนนี้เห็นเขาจึงโกรธยิ่งกว่าเดิม“พี่มาทำไม? มาฉลองกับพวกเราเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนพูดด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม เมื่อเฮ่อจุ่นจือเห็นดังนั้น เขาก็ดึงเธอออกไปทันที “เสี่ยวเถียน พี่เป่ยต้องมาหาอันอันแน่ คุณอย่าอยู่ขวางเขาที่นี่เลย” เฮ่อจุ่นจือรีบพาเสี่ยวเถียนออกไปอย่างรวดเร็วเซิ่งเป่ยกระแอมอย่างกระอักกระอ่วนใจ จากนั้นเดินตรงไปหาฉินอันอัน “ฉินอันอัน ผมขอโทษ” เซิ่งเป่ยพูดด้วยสีหน้าอึดอัด ทว่าน้ำเสียงจริงใจมาก “ผมมีความรู้น้อยไป ในชีวิตจริงผมไม่เคยเจอคนที่เลียนเสียงคนอื่นได้เหมือนจริงขนาดนั้นมาก่อน ดังนั้นผมเลยมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นคือคุณ ตัวผมอคติไปเองไม่พอ ยังบังคับให้สือถิงเลิกกับคุณอีก… คุณโทษผมคนเดียวเถอะ อย่าโทษเขาเลย” “เขาให้คุณมาเหรอ?” ฉินอันอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “เขาไม่รู้ว่าผมมาหรอก” เซิ่งเป่ยหน้าแดงก่ำ “นี่มันค่อนข้างอึดอัดใจ ผมยังไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าหน้าเขายังไง เลยมาขอโทษคุณก่อน” “ฉันไม่ต้องการคำขอโทษจากคุณ” ฉินอันอันมองเขา “เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่คุณใจ
“นั่นเป็นรถฟู่สือถิงไม่ใช่เหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนมองไปที่รถหรูตรงประตูแล้วบ่น “ไมค์ ข้อมูลคุณผิดพลาดแล้ว!”ไมค์อุทาน “ผู้ชายคนนี้เข้าใจยากจริง ๆ! คาดเดาอะไรไม่ได้เลย!” “อันอัน เธออย่าไปเจอเขานะ ปล่อยเขาไว้นั่นแหละ ให้เขาอึดอัดใจจนนอนไม่หลับ ให้เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเสียบ้าง!” หลีเสี่ยวเถียนพูดอย่างตื่นเต้น ไมค์เห็นด้วยกับเธออย่างที่สุด ดังนั้นจึงเดินไปที่ประตูทันทีและเตรียมปิดมันลง ฉินอันอันดึงแขนของเขาเอาไว้แล้วพูดว่า “ให้เขาเข้ามาเถอะ” อีกไม่นาน ลูกก็จะคลอดแล้ว เธอกับฟู่สือถิงยังมีเรื่องที่ต้องหารือกันให้เรียบร้อยต้องฉวยโอกาสครั้งนี้ พูดคุยทุกเรื่องกันให้จบ “ฉินอันอัน เธอลืมเรื่องที่เธอต้องรู้สึกคับข้องใจแล้วงั้นเหรอ?” ไมค์โกรธสุด ๆ “ถ้าเธอให้อภัยเขาง่าย ขนาดนี้ เขาไม่มีวันได้รับบทเรียน แล้วต่อไปจะยิ่งแย่ลงไปอีก!” “ไมค์ ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่” เธอมองไมค์ด้วยดวงตามั่นใจ “นายไม่ต้องกังวล ฉันไม่มีทางเสียเปรียบหรอก” เฮ่อจุ่นจือรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ “ในเมื่ออันอันพูดแบบนี้แล้ว พวกเราก็ไม่ต้องกังวลไปหรอก! คนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องความรู้สึกนะ” หลีเสี่ยวเถี
เขารู้อยู่แล้วว่าความสงบขนาดนี้จะต้องมีก่อนเกิดพายุลูกใหญ่กว่า! เธอมีลูกสองคนแล้ว ตอนนี้ยังต้องการสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกคนที่สามอีก! เธอไม่ยอมมอบลูกให้เขาเลยสักคน! เธอใจร้ายจริง ๆ! “คุณจะไม่ยอมเหรอ?” เธอไม่อยากให้เวลาเขาคิดนานเกินไป “ฟู่สือถิง ถ้าคุณไม่ยอม งั้นคุณกลับไปเดี๋ยวนี้เลย จนกว่าจะถึงเวลาคลอด อย่าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีก” น้ำเสียงที่เด็ดขาดของเธอ ทิ่มแทงใจเขาอย่างรุนแรง ตอนที่เขาถามเธอว่าเธอต้องการอะไร ที่จริงแล้วยังมีอีกประโยคหนึ่ง ที่เขาเกือบจะโพล่งออกมา ประโยคนั้นคือ “ขอแค่ผมมี ผมให้คุณได้ทุกอย่าง” “คุณคิดว่าถ้าลูกอยู่กับผมจะต้องทุกข์ทรมานใช่ไหม?” เขาถามเธอด้วยดวงตาสีแดง “ฉันแค่อยากให้ลูกอยู่กับฉันค่ะ” อารมณ์ของเธอค่อนข้างสงบขึ้นกว่าเดิมมาก “ชีวิตคนเรายังไงก็ต้องเจอความทุกข์แน่นอน ความทุกข์ไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือการปราศจากความรัก” “คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าผมจะไม่มีทางให้ความรักกับลูกได้?” เขาโต้กลับ “ฉันไม่อยากเถียงกับคุณเรื่องนี้” เธอเค้นถามอีกครั้ง “คุณตอบฉันมาสิ ถ้าคุณตอบไม่ได้ ฉันจะถือว่าคุณไม่ยอม” “แน่นอนว่าผมไม่ยอม” ลมหายใจร้อนรดบนแก้มเธอ “
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง