ตอนแรกเธออยากนอนแต่พวกเขาเสียงดังจนเธอตื่นและไม่อยากนอนต่อแล้ว “ไปตอนนี้เลย!” เธอพูดแล้วขึ้นไปหยิบกระเป๋าของเธอ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ลงไปชั้นล่างพร้อมถือกระเป๋า เขาจ้องมองไปที่ท้องของเธอ “ฉินอันอัน บ้านของคุณไม่มีลิฟต์เหรอ?” “ไม่มี” เธอรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขากังวลว่าเธอจะเหนื่อยเกินกว่าจะขึ้นบันไดและจะส่งผลต่อทารกในท้อง แต่เธอก็ไม่เหนื่อยเลย แม้ว่าท้องจะโตขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็ขึ้นบันไดได้อยู่ดี “งั้นก็ย้ายลงมาอยู่ที่ห้องชั้นหนึ่ง หรือจะให้ผมติดตั้งลิฟต์ให้คุณ คุณเลือกเอา” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงไม่ผูกมัด “จะติดตั้งลิฟต์ยังไงล่ะ? คุณจะพังบ้านฉันเหรอ?” เธอจ้องเขา “ถ้าฉันขึ้นบันไดไม่ได้ ฉันก็ย้ายลงมาอยู่ชั้นหนึ่งเองแหละ” เธอก้าวออกไปข้างนอก และเขาก็ตามเธอออกไป เมื่อบอดี้การ์ดเห็นทั้งสองออกมา เขาก็เปิดประตูรถให้พวกเขาทันที หลังจากที่ทั้งสองขึ้นรถแล้ว รถก็ขับไปทางโรงพยาบาล บรรยากาศในรถดูอึดอัด จู่ ๆ ฟู่สือถิงก็เอื้อมมือออกไปแล้วกดสวิตช์ จู่ ๆ ฉากกั้นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า โดยแบ่งช่องด้านหลังและที่นั่งคนขับออกเป็นสองช่อง ฉินอันอันเกิดคำถาม “???” “ฉินอันนัน
“คุณฟู่ ยินดีด้วยนะครับ คุณได้ลูกผู้ชาย” อาจารย์หมอชี้ไปที่หน้าจอแล้วแสดงให้เขาดู ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงขยับขึ้นและเขาพูดน้ำเสียงแหบแห้ง “ผมขอดูหน้าเขาหน่อยครับ” อาจารย์แพทย์ขยับเครื่องอัลตร้าซาวน์ขึ้นไปทันที เสียดายที่เด็กพลิกตัว ทำให้ตอนนี้มองเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของเขาเท่านั้น “เมื่อกี้ผมบันทึกรูปถ่ายหน้าเต็มของเขาไว้แล้วครับ” อาจารย์แพทย์คลิกที่รูปของเด็กคนนั้นแล้วแสดงให้เขาดู “คุณฟู่ ลูกชายของคุณหน้าเหมือนคุณมาก! เห็นแวบแรกก็รู้เลยว่าเป็นลูกของคุณ” ฟู่สือถิงมองไปที่รูปถ่ายของเด็ก และใจของเขาก็อ่อนลงทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกได้อย่างแท้จริงว่าเด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ จู่ ๆ เขาก็เข้าใจว่าทำไมเมื่อก่อนฉินอันอันถึงโกรธมากและขอให้แพทย์ใช้ยากับเธอ เพราะเธอรู้สึกได้ถึงชีวิตของเด็กคนนี้ก่อนเขา “เดี๋ยวผมจะพิมพ์รูปถ่ายของเด็กให้คุณทีหลังนะครับ” อาจารย์แพทย์กล่าวว่า “ผมอยากเห็นพัฒนาการของเด็กก่อน” ฟู่สือถิงพยักหน้า หลังจากนั้นครู่หนึ่ง อาจารย์แพทย์ก็กล่าวว่า “เด็กยังเล็กเกินไป สตรีมีครรภ์ควรได้รับสารอาหารมากขึ้น พักผ่อนให้มากขึ้น และไม่ทำอะไรที่เหนื่อยจนเกินไป”
เธอหยิบแผ่นอัลตราซาวนด์ขึ้นมาแล้วมองไปที่ใบหน้าของเด็ก ซึ่งดูเหมือนฟู่สือถิงมาก ในใจพลันรู้สึกสั่นเทา “เด็กน้อยนี่ก็ดูคล้ายคุณนะ! เขาเป็นลูกของคุณหรือเปล่า?” ถังเชี่ยนถามด้วยรอยยิ้ม ฟู่สือถิงตอบและเอาแผ่นอัลตราซาวนด์กลับ “เธอมีธุระอะไรกับฉัน?” “ลูกพี่ลูกน้องของฉันเริ่มงานวันนี้ ฉันก็เลยแวะมาบอกคุณ” ถังเชี่ยนขมวดคิ้วและยิ้มเบา ๆ “สือถิง ยินดีด้วยนะที่ได้เป็นพ่อคน! เจ้าตัวเล็กดูเหมือนคุณมาก โตขึ้นเขาจะต้องเก่งเหมือนคุณแน่นอน” สีหน้าของฟู่สือถิงผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เด็กเป็นเพียงแสงสว่างในใจของเขา ถังเชี่ยนออกจากห้องทำงานของเขาและกลับมาที่ห้องทำงานของเธอด้วยรอยยิ้ม หลังจากเข้าไปในห้องทำงาน ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที! เธอกำลังจะระเบิด! ลูก ๆ ของพวกเขาสบายดี! พระเจ้าโหดร้ายกับเธอขนาดนี้ได้ยังไง? นั่วนั่วเข้าไปในห้องทำงานของเธอและเห็นเอกสารบนโต๊ะของเธอกองอยู่บนพื้น จึงถามทันที “พี่ถัง เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” “เหอะเหอะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ฉันเสียใจน่ะสิ!” ถังเชี่ยนกัดฟัน “เพราะเขาไม่ชอบเด็ก เธอจึงตัดมดลูกออกเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องกังวล! แต่สุดท้ายเขากลับไปมีลูกชายกับ
ฉินอันอันมีสีหน้าตกใจ เธอไม่อยากจะเชื่อเลย! ฟู่สือถิงมำแบบนั้นได้ยังไง?! ทำไมเขาถึงแบนจิ้นซือเหนียน? ทำไม?! ผู้จัดการส่วนตัวเล่าด้วยความเจ็บปวด “เมื่อวานนี้ ผู้ช่วยของฟู่สือถิงติดต่อผมมาและบอกว่าฟู่สือถิงมีธุระกับซือเหนียน ผมจึงพาซือเหนียนไปที่เอสทีกรุ๊ป ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคุยกันเรื่องอะไรกัน แต่ตอนที่ซือเหนียนออกมาจากห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก คิดไม่ถึงว่าวันนี้ซือเหนียนจะถูกแบน…” ฉินอันอัน “ตอนนี้ซือเหนียนเป็นยังไงบ้างคะ?” ผู้จัดการส่วนตัว “เขาโอเคครับ ถ้าสุดท้ายเขาลาออกจากวงการบันเทิง เขาก็สามารถกลับบ้านไปสืบทอดธุรกิจของครอบครัวได้… แต่ผมไม่อยากให้เขาลาออกจากวงการบันเทิงเลย! เขาเกิดมาเพื่อเป็นไอดอล คุณฉิน คุณต้องช่วยซือเหนียนนะครับ!” ฉินอันอัน “ไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันจะไปหาฟู่สือถิงเดี๋ยวนี้” ผู้จัดการส่วนตัวถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นรบกวนคุณด้วยนะครับ!” หลังจากวางสาย ฉินอันอันก็ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของฟู่สือถิง ฟู่สือถิงกับจิ้นซือเหนียนไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกัน พวกเขาเจอหน้ากัน ฟู่สือถิงแค่ต้องคืนการ์ดให้กับจิ้นซือเหนียน ในระหว่างนั้น ทั้งสองคนเกิดความข
เลขาหันหน้าไปทางกล้อง ยกมุมปากขึ้นแล้วพูดด้วยความตื่นเต้น “สวัสดีทุกท่าน! ยินดีต้อนรับเข้าสู่ห้องถ่ายทอดสดของบริษัทของเรานะคะ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเรียนเชิญประธานใหญ่ของเรา คุณฉินอันอันค่ะ! เสียงปรบมือดังกึกก้องดังมาจากทั่วทุกมุม ฉินอันอันสวมชุดเดรสคอวีสีเงินที่เผยให้เห็นส่วนโค้งของร่างกายของเธออย่างสมบูรณ์แบบ ท้องป่องของเธอตกอยู่ในสายตาของสาธารณชนแล้ว! จิ้นซือเหนียนที่ปรากฏตัวอยู่บนเวทีพร้อมกับเธอกำลังจับชายกระโปรงของเธอไว้! จำนวนคนในห้องถ่ายทอดสดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับจรวด มีผู้แสดงความคิดเห็นอยู่ตลอดเวลา! - ตอนที่ฉินกรุ๊ปเผชิญกับความยากลำบาก ซือเหนียนก็ปรากฏตัวขึ้นและช่วยเหลือพวกเขาครั้งหนึ่งแล้ว! ตอนนี้ซือเหนียนกำลังเผชิญกับความยากลำบาก ฉินกรุ๊ปก็ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่! มิตรภาพนี้ทำให้ฉันน้ำตาไหล! - ฉันจะจำแบรนด์ที่ยกเลิกสัญญากับซือเหนียนได้! ฉันจะไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอีก! ฉันจะจำฉินกรุ๊ปไว้ด้วย! ฉันจะเป็นคนแรกที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่จากบริษัทของพวกเขาแน่นอน! - คืนนี้ซือเหนียนหล่อมาก! ที่รัก! ไม่มีใครสามารถแบนคุณได้! ไม่ ว่า ใคร! - ไม่มีใครส
ในรถโรลส์รอยซ์สีดำ โจวจื่ออี้มองไปที่ฟู่สือถิงหลังจากรับโทรศัพท์ “ประธานครับ เมื่อกี้ไมค์โทรหาผม และบอกให้ผมไปทานอาหารเย็นกับพวกเขาที่โรงแรม” โจวจื่ออี้ลังเล “คุณอยากไปด้วยกันไหมครับ?” สีหน้าของฟู่สือถิงเคร่งขรึม “พวกเขาไม่ได้เชิญฉัน แล้วทำไมฉันต้องไปด้วย?” โจวจื่ออี้อึดอัด “ผมได้ยินมาว่า เมื่อเช้าฉินอันอันโทรหาคุณ แต่โทรไม่ติด… คุณอยากไปเจอ ไปพูดคุยกับเธอไหมครับ? ไม่ต้องไปสนใจรอยยิ้มสดใสของฉินอันอันในระหว่างการถ่ายทอดสดคืนนี้ ไมค์บอกว่าเธอโกรธมากจริง ๆ... ผมเดาว่าคืนนี้เธอแต่งตัวแบบนั้นก็เพื่อยั่วให้คุณโกรธ” ดวงตาดำราวน้ำหมึกของฟู่สือถิงเต็มไปด้วยความเย็นชา “นายรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้ใส่ไปโชว์จิ้นซือเหนียน?” โจวจื่ออี้สัมผัสได้ถึงความโกรธจัดของเขาและไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก ในโรงแรม จิ้นซือเหนียนสอนทุกคนถึงวิธีควบคุมโดรนรุ่นล่าสุดของฉินกรุ๊ปทันที จากนั้นจึงร้องเพลงตามคำขอของทุกคนอย่างกระตือรือร้น การถ่ายทอดสดกลายเป็นคอนเสิร์ตออนไลน์ทันที! ฉินอันอันลงมาจากเวที ไมค์หยิบเสื้อคลุมบาง ๆ จะสวมให้เธอ แต่เธอปฏิเสธ “ตอนนี้เป็นฤดูร้อน ฉันไม่หนาวหรอก” ไมค์ “แอร์ในห้องค่อนข้าง
เธอผลักมือไมค์ออกพอปรับอารมณ์แล้วก็เดินขึ้นไปบนเวที เธอรับไมโครโฟนจากเลขาฯ แล้วยืนหันหน้าไปทางจิ้นซือเหนียน ถึงแม้ผู้คนด้านล่างเวทีจะมองเห็นแค่ใบหน้าด้านข้างของเธอ แต่ก็มองเห็นความรู้สึกที่ปลายคิ้วของเธอได้อย่างชัดเจน ดนตรีโหมโรงเริ่มขึ้น คนสองคนบนเวทีจ้องมองกันราวกับว่าทุกสิ่งรอบตัวไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย ฟู่สือถิงเดินไปที่แถวหน้าของเวที บอดี้การ์ดคอยรักษาระยะห่างกับคนที่อยู่ข้าง ๆ บรรยากาศในสถานที่จัดงาน นับว่าแปลกประหลาดมาก! ไม่มีใครคิดว่าฟู่สือถิงจะมา! คนในแวดวงได้ยินมาอย่างคลุมเครือว่าเขาคือคนที่แบนจิ้นซือเหนียน ดังนั้นคิดแล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาจึงมาปรากฏตัวที่นี่ เขามาหาเรื่องจิ้นซือเหนียน หรือว่ามาหาเรื่องฉินอันอันกันแน่? ลำดับต่อไปจะต้องเป็นโชว์ที่สนุกแน่! ไมค์เห็นสีหน้าของฟู่สือถิงผิดปกติ เขาส่งข้อความถึงโจวจื่ออี้ทันที : เดี๋ยวพอพวกเขาร้องเพลงเสร็จ ผมจะพาฉินอันอันออกไป คุณดูแลเจ้านายของคุณด้วย อย่าปล่อยให้เขาทำเรื่องบ้า ๆ บนเวที! บนเวทีกำลังถ่ายทอดสดอยู่! โจวจื่ออี้ได้รับข้อความและตอบกลับว่า : ผมจะพยายามจับตาดูเขาอย่างที่สุด! ไมค์ : ค
แต่ถ้าคืนนี้ไม่ไปหาเขา เธอต้องนอนไม่หลับแน่ เธอหวังว่าจะทำให้อาชีพของจิ้นซือเหนียนกลับมาเป็นตามปกติโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องไม่สบายใจต่อไป หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เดินออกมาจากห้อง เด็กทั้งสองคนหลับไปแล้ว ในบ้านเงียบมากจนดูราวจะได้ยินเสียงเข็มหล่น เธอยังได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวเหมือนตีกลองอีกด้วย เธอกำลังกลัวอะไรอยู่? ตอนนี้เธอตั้งท้องลูกของเขา ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าทำร้ายเธอหรอก พี่เลี้ยงเด็กและบอดี้การ์ดเลิกงานแล้ว เธอจึงขับรถไปยังคฤหาสน์ของฟู่สือถิงเพียงลำพัง สี่สิบนาทีต่อมา รถก็จอดอยู่ที่ลานหน้าบ้านของเขา เธอเดินลงจากรถ อาศัยไฟถนน บอดี้การ์ดตรงเสาประตูจึงมองเห็นหน้าเธอชัดเจนและเปิดประตูลานบ้านทันที ตอนนี้เธอตั้งท้องลูกของฟู่สือถิงอยู่ ใครจะกล้าขวางเธอ? เมื่อเธอเดินมาถึงประตูคฤหาสน์ ป้าจางรีบเข้ามาแล้วย่อตัวลงเปลี่ยนรองเท้าให้เธอ “ฉันเปลี่ยนเองค่ะ” เธอรีบหยุดป้าจาง ป้าจาง “อันอัน ตอนนี้คุณตั้งท้องอยู่ ถ้าไม่ต้องก้มก็ไม่ต้องทำหรอกค่ะ คุณผู้ชายบอกว่าคุณจะมา ดิฉันเลยตุ๋นซุปไว้ให้คุณค่ะ” ตอนเย็นเธอกินอะไรมานิดหน่อย ตอนนี้เลยรู้สึกหิวนิด ๆ “เขา
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง