“แล้วทำไมคุณต้องช่วยเก็บรักษาบัตรธนาคารของเขาด้วยล่ะ? คุณเป็นแม่เขารึไง? ความรักของแม่เปล่งประกายอัตโนมัติเวลาเห็นผู้ชายหน้าตาดีงั้นเหรอ?” เขาพูดเน้นทุกคำอย่างดุดันและไม่ยอมแพ้ ฉินอันอันขมวดคิ้ว สมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ เธอรู้นานแล้วว่าพูดจาอย่างมีเหตุผลกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จนเสียงทะเลาะวิวาทปลุกคนอื่น ๆ ในคฤหาสน์ เธอจึงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปตรงหน้าเขา “ไปคุยกันในห้อง” หลังจากที่เธอพูดประโยคนี้ เขาลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็ว เขาจับแขนของเธอแล้วพาเธอไปที่ห้องนอนของเขา วินาทีที่ประตูห้องปิดลง ฉินอันอันก็พูดเข้าประเด็น “ฟู่สือถิง ฉันไม่อยากเสียเวลากับคุณ พรุ่งนี้ฉันจะต้องเห็นผลงานของจิ้นซือเหนียนที่แบนกลับมาเหมือนเดิม! คุณรังแกฉันได้ แต่คุณไม่มีสิทธิ์มารังแกเพื่อนของฉัน! ถ้าคุณคิดว่าฉันกำลังข่มขู่แล้วล่ะก็ งั้นก็คอยดูแล้วกัน!” “คุณเอาเด็กในท้องมาขู่ผมเหรอ?” ดวงตาเรียวยาวของฟู่สือถิง จับจ้องที่ส่วนท้องของเธอ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยราวกับล้อเลียนเธอ ไม่มีทางที่เธอจะทำอะไรที่เป็นการทำร้ายเด็ก ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงการเอ
ไม่นาน ท้องฟ้าก็ใกล้สว่างแล้ว ข่าวด่วนข่าวหนึ่งได้พาดหัวเวบไซต์ใหญ่แต่ละเว็บอย่างรวดเร็ว! - ฟู่สือถิงกล่าว : ผมไม่ได้แบนจิ้นซือเหนียน พาดหัวข่าวตรงไปตรงมาและดึงดูดสายตาผู้คน! เมื่อคลิกเข้าไปตรงหัวข้อข่าวก็จะเห็นข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับสมบูรณ์ข้อความไม่ยาว แต่เนื้อหาชัดเจนมาก ฟู่สือถิงชี้ให้เห็นว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับจิ้นซือเหนียน เขาไม่ได้แบนจิ้นซือเหนียนทั้งในตอนนี้และต่อจากนี้ ด้านสินค้าแบรนด์ใหญ่ที่ยกเลิกสัญญากับจิ้นซือเหนียนไปตอนนี้คงเจอปัญหาแล้ว! หมายความว่ายังไง? นี่มันหมายความว่ายังไง? ทำไมฟู่สือถิงถึงตีสองหน้าแบบนี้?!โทรศัพท์มือถือของฟู่สือถิงถูกทิ้งบอมบ์ใส่ ทว่ามันไม่มีผลกระทบต่อการนอนหลับของเขา เพราะว่าโทรศัพท์ของเขาปิดอยู่ ทุกคนจึงโทรหาฟู่สือถิงไม่ติด ทำได้เพียงโทรหาโจวจื่ออี้เท่านั้นโจวจื่ออี้ดื่มไวน์ไปเมื่อคืนนี้ เมื่อถูกเสียงกริ่งโทรศัพท์ปลุกให้ตื่น เขาปวดหัวอย่างรุนแรงเพราะว่าเมาค้าง ผลคือรับสายแล้วปวดหัวหนักกว่าเดิม! “ข่าวอะไร? ข่าวปลอมหรือเปล่า?! เจ้านายของผมจะพูดแบบนี้ได้ยังไง!” โจวจื่ออี้ปีนลุกขึ้นแล้วหาแว่นตา “พวกคุณไม่ต้องร้อนใจ ผมจะติดต่
“เขาว่ายังไงบ้าง?” เขานั่งลงบนเก้าอี้กินข้าวแล้วยกนมขึ้นมาดื่ม “เขาถามถึงอันอันจากนั้นก็วางสายไปเลยค่ะ” หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว เขาก็ขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่ชั้นบน โจวจื่ออี้โทรหาเขาตั้งแต่เช้าขนาดนี้ ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดปุ่มเปิดเครื่อง แต่หน้าจอไม่สว่างอย่างที่เขาคาดไว้ เขากดปุ่มเปิดค้างอยู่นานแล้วก็ปรากฏหน้าการเชื่อมต่อ เขาขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เขาไม่ได้ปิดเครื่อง ทำไมโทรศัพท์ถึงปิดล่ะ? หลังจากเปิดเครื่อง สายที่ไม่ได้รับและข้อความปรากฏขึ้นจำนวนมาก หัวใจเขาตึงเครียดแล้วกดเปิดดูข้อความ - ประธานฟู่ คุณอ่านข่าววันนี้แล้วหรือยัง? ผมอ่านแล้ว กินข้าวเช้าไม่ลงเลย - ประธานฟู่ คุณมีทัศนคติยังไงกับจิ้นซือเหนียนกันแน่? ผมไม่เข้าใจแล้วก็ตกใจมากด้วย - ประธานฟู่ คุณไม่แบนจิ้นซือเหนียนแล้วจริง ๆ ใช่ไหม? งั้นผมทำงานกับเขาอีกครั้งได้แล้วใช่หรือเปล่า? ......หลังจากอ่านข้อความจบ ดวงตาที่มีกระแสคลื่นเย็นเยือกมองไปทางหญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงก่อนมื้อเช้า เขายังสัมผัสใบหน้าของเธออย่างรักใคร่ อยากจะรักและทะนุถนอมเธอไปตลอดชีวิต ตอ
เมื่อฉินอันอันได้ยินเสียงของเขาแล้ว ความหนาวเย็นก็ปะทุออกมาบนแผ่นหลัง วันนี้เขาไม่ทำงานเหรอ? เขาอยู่บ้านรอเธอตื่นโดยเฉพาะเลยเหรอ? เธอหันกลับมาอย่างกระอักกระอ่วนใจแล้วมองไปทางเขา เขาสวมชุดเป็นทางการและมีสีหน้าเคร่งขรึม แสงนอกหน้าต่างส่องเข้ามาตกลงบนตัวเขา ทำให้เขาดูเย็นชายิ่งกว่าเดิม “ฉันเอาโทรศัพท์ของคุณไปส่งข้อความ” เธอพูดตามความจริง “ฉันยอมรับว่าผิดที่หยิบมือถือของคุณไปโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ตอนที่คุณตัดสินใจแบนจิ้นซือเหนียนก็ไม่ได้ปรึกษาฉันเหมือนกัน” เธอยอมรับว่าตัวเองทำผิด แต่ก็ไม่เสียใจที่ทำแบบนี้เลย “ฉินอันอัน...” “เรียกฉันทำไม? คุณอยากคิดบัญชีกับฉันใช่ไหม? เมื่อคืนฉันไม่ได้พูดเลยว่าจะค้างคืนที่บ้านคุณ คุณมันสารเลว!” ฉินอันอันเชิดคางขึ้นแล้วทำข้อตกลงกับเขา “ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะหุบปากแล้วปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเงียบ ๆ” ฟู่สือถิงเจอคำพูดของเธอ จนเขาพูดไม่ออก เมื่อป้าจางเห็นพวกเขาสองคนทะเลาะกันก็รีบเดินเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ทันที “อันอัน อาหารกลางวันพร้อมแล้ว คุณน่าจะหิวแล้วใช่ไหมคะ? คุณทานข้าวก่อนเถอะค่ะ!” ไม่ทันที่ฉินอันอันจะเอ่ยปากปฏิเสธ ท้องของเธอก็ส่งเสียง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” เธออารมณ์เสียมาก ไม่ควรมาคุยกับเขาเลย ตอนนี้ไม่เพียงแต่รับคำพูดของเขาไม่ได้เท่านั้น หนำซ้ำยังรู้สึกเขินเป็นอย่างมากอีกด้วย “ฉินอันอัน ผมยังมีเรื่องต้องคุยกับคุณ ผมจะส่งคุณกลับบ้านแล้วเราจะคุยกันระหว่างทาง” น้ำเสียงของเขาไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น เธอถือกระเป๋าแล้วตามเขาไป หลังจากออกมาจากคฤหาสน์ เขายื่นมือมาทางเธอ “เอากุญแจรถให้ผม” “แล้วคุณจะกลับยังไง?” หลังจากที่เธอถามคำถามนี้ หางตาของเธอก็เห็นว่าบอดี้การ์ดขับรถออกมาแล้ว เธอถอนหายใจอยู่ในใจ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะมีบอดี้การ์ดติดตามไปด้วยทุกที่ เธอจะห่วงเขาทำไม? หลังจากขึ้นรถแล้ว รถขับออกไปนิ่ง ๆ หลังกินข้าวน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเล็กน้อย เธอรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย “ฉินอันอัน คุณจะเตรียมการวันหยุดฤดูร้อนให้ลูกทั้งสองคนของคุณยังไง?” เขายกหัวข้อที่ต้องการพูดถึงออกมา เธอขมวดคิ้วแน่นและหายง่วงทันที เขาใส่ใจเสี่ยวหานและรุ่ยลาขนาดนี้ เขารู้ว่าพวกเด็ก ๆ เป็นลูกของเขาแล้วรึเปล่า?ครั้นเห็นเธอมีปฏิกิริยาตอบสนองที่อ่อนไหวมาก เขาจึงอธิบายว่า “ตอนนี้ท้องของคุณโตมากแล้ว ดูแลลูกไม่สะดวก ให้ลูกของคุณเข้าค่ายฤดูร้อนไหม
ฉินอันอันตะลึง “เดิมทีก่อนหน้านี้ทุกคนก็ซุบซิบเองกันว่าเด็กในท้องของคุณเป็นลูกใครอยู่แล้ว...แต่ระหว่างไลฟ์สดเมื่อคืน จู่ ๆ ฟู่สือถิงก็เข้ามา ถึงแม้เขาจะไม่พูดอะไร แต่สายสายตาที่เขาจ้องมองคุณมันชัดเจนมาก!” รองประธานหัวเราะชอบใจเสียงดัง ฉินอันอันตอบ “เมื่อคืนจิ้นซือเหนียนก็จ้องมาที่ฉันค่ะ” “นั่นไม่เหมือนกัน ถ้าหากลูกในท้องของคุณคือลูกของจิ้นซือเหนียน ทำไมฟู่สือถิงถึงต้องเข้ามาพัวพันกับคุณล่ะ? ฟู่สือถิงไม่ใช่ผู้ชายประเภทยอมเสียเปรียบใครเสียหน่อย” รองประธานอธิบายอย่างสมจริงสมจังฉินอันอันเปิดแล็ปท็อปรองประธานยังพูดเป็นต่อยหอย “ถ้าฟู่สือถิงต้องการแบนจิ้นซือเหนียน แบรนด์ใหญ่จำนวนมากก็เลือกที่จะยกเลิกสัญญากับจิ้นซือเหนียนเพราะไม่กล้าปะทะกับเขา มีแต่บริษัทเราที่กล้าทำแบบนี้ เพราะอะไร? เพราะว่าคุณตั้งท้องลูกของเขาไง” “เมื่อคืนตอนไลฟ์สด มีคนโทรหาผมเยอะมากให้ผมไปเกลี้ยกล่อมคุณว่าอย่ามุทะลุแบบนี้ บอกว่าฟู่สือถิงจะต้องมาหาเราทำให้พวกเราเดือดร้อนแน่นอน ฮ่า ๆ ๆ ๆ...ผลคือข่าวพาดหัวเช้านี้ทำเอาผมหัวเราะหนักมาก!” “ประธานฉิน บริษัทพวกเราคือผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวิกฤตครั้งนี้” ฉินอันอัน
“เพราะว่าคุณโง่ไง” ฟู่สือถิงที่เมาแล้วพูดตรงมาก “ผมให้คุณสองพันล้าน คุณจะเอาไปทำอะไรก็ได้ แต่คุณกลับไปเกลือกกลั้วกับฟู่เย่เฉิน นั่นก็แปลว่าพวกคุณเป็นคนประเภทเดียวกัน” คำพูดของเขาทิ่มแทงเสิ่นอวี๋อย่างรุนแรง! สองพันล้าน... ถูกฉินอันอันเอาไปตั้งนานแล้ว! ถ้าตอนนี้เสิ่นอวี๋มีสองพันล้านอยู่ในมือ ทำไมเธอจะต้องยอมลำบากใช้เด็กมัดตัวฟู่เย่เฉินเอาไว้ด้วย?ตอนนี้ฟู่เย่เฉินคือผู้ชายที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เธอหาได้ในตอนนี้ยังไงล่ะบอดี้การ์ดประคองฟู่สือถิงขึ้นรถ โรลส์รอยซ์สีดำหายวับไปอย่างรวดเร็วในค่ำคืนอันมืดมิด เสิ่นอวี๋ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ด้านหลังเธอไม่ไกล ฟู่เย่เฉินเอาสองมือล้วงกระเป๋าแล้วพูดอย่างเย็นชา “เสิ่นอวี๋ ดูสิว่าตอนนี้คุณเป็นยังไง ผมขายหน้าจริง ๆ อาของผมไม่ต้องการคุณตั้งนานแล้ว แล้วทำไมคุณยังทำตัวเหมือนหมาของเขาอยู่อีก! ตอนนี้ผู้ชายที่คุณต้องเอาใจคือผมต่างหาก!” เมื่อได้ยินคำพูดถากถางของเขา เสิ่นอวี๋ก็หันกลับมา “ฟู่เย่เฉิน เมื่อก่อนตอนที่ฉันมีเงิน คุณไม่กล้าพูดแบบนี้กับฉันเลยนะ!” “ตอนนี้คุณไม่มีเงินแล้ว! และต่อจากนี้ก็หาเงินมากขนาดนั้นไม่ได้อีกแล้ว! คุณควรตระหนักถึงคว
โจวจื่ออี้เดาได้ว่าทำไมเขาถึงโกรธจึงรีบอธิบายว่า “ฉินอันอันไม่ได้ยอมให้ให้รุ่ยลาเข้าวงการบันเทิง เป็นรุ่ยลาที่ขอร้องและตั้งใจที่จะสัมผัสประสบการณ์นี้เอง คุณเองก็รู้ว่ารุ่ยลาหน้าตาน่ารักขนาดไหน ใครจะปฏิเสธเธอได้ลง” “รุ่ยลาไม่รู้ประสา เธอก็ไม่รู้เรื่องไปด้วยงั้นเหรอ? ในฐานะแม่ เธอควรมีหน้าที่ในการกำกับดูแลไม่ใช่ตามใจเธอ!” ฟู่สือถิงโต้กลับอย่างเคร่งขรึม โจวจื่ออี้ “ถ้ารุ่ยลามาขอร้องคุณ คุณจะทำตัวเที่ยงตรงไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้นได้จริง ๆ เหรอครับ?” ใบหน้าฟู่สือถิงหม่นมืดลงทันที “ไม่ต้องพูดว่าฉันทำได้หรือเปล่า ฉันคิดว่านายกำลังเห็นคนอื่นดีกว่าฉันอยู่นะ!” โจวจื่ออี้แสดงความจงรักภักดีอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่แน่นอนครับ ผมแค่แทนตัวเองเป็นฉินอันอัน ถ้ารุ่ยลามาขอร้องผม ผมจะต้องยอมทุกอย่างที่เธอต้องการแน่ ๆ ก็เธอน่ารักขนาดนั้น… ผมไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่น่ารักแบบนั้นมาก่อนเลย” คำเยินยอของโจวจื่ออี้ทำให้ฟู่สือถิงเย็นลง รุ่ยลาน่ารัก เขาเองก็รู้ดี อย่างไรเสียรุ่ยลาก็หน้าตาเหมือนฉินอันอัน ฉินอันอันมักจะยั่วให้เขาโกรธบ่อย ๆ แต่เขาไม่เคยลงมือกับเธอได้จริง ๆ สักครั้ง ถ้าเธอหดตัวเล็กลงไ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง