“ฉันตบถังเชี่ยน” หลีเสี่ยวเถียนกล่าวต่อ “ฉันรู้ว่าฉันหุนหันพลันแล่นไปหน่อย แต่ถ้าย้อนเวลากลับไป ฉันก็ยังจะตบเธอเหมือนเดิมอยู่ดี! เธอไม่ใช่เจ้านายหญิงของเอสทีกรุ๊ปสักหน่อย! เธอจงใจแกล้งฉัน!” ฉินอันอันยังคงรู้สึกโกรธหลังจากฟังคำพูดของเธอ จริงอยู่ที่หลีเสี่ยวเถียนผิดตรงไปทำร้ายถังเชี่ยนก่อน แต่นี่เป็นเรื่องระหว่างเธอกับถังเชี่ยน ในฐานะผู้ชาย ฟู่สือถิงสมควรเข้ามายุ่งเหรอ? “ฟู่สือถิงสารเลวคนนี้ ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเขาเด็ดขาด! แน่นอน เขาก็ไม่สนใจเหมือนกันว่าจะฉันจะให้อภัยหรือไม่!” หลีเสี่ยวเถียนกล่าวขณะมองฉินอันอัน “อันอัน ความแค้นระหว่างฉันกับฟู่สือถิงไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย เธออย่าปล่อยให้ฉันมีอิทธิพลต่อเธอ ฉันโดนตบเพราะฉันปากไม่ดีเอง เขาไม่ได้ทำเพื่อถังเชี่ยนทั้งหมดหรอก” “เสี่ยวเถียน ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรกับเขา เขาไม่ควรตบตีใคร” ฉินอันอันจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ “เขาบีบคอเสี่ยวหานเกือบตาย เสี่ยวหานยังเกลียดเขาจนถึงทุกวันนี้ ฉันสงสัยว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวหานเป็นลูกชายของเขาเอง แต่เพราะความผิดพลาดของเขา เขาจึงทำเป็นไม่รู้จักเสี่ยวหาน เพราะเขารู้ว่าเสี่ยวหานไม่รู้จักเขาแน
หลังจากที่โจวจื่ออี้ส่งเธอไปที่ห้องทำงานของฟู่สือถิง เขาก็รินน้ำอุ่นให้เธอหนึ่งแก้ว “คุณอยากกินอะไรไหม? ฉันจะไปซื้อให้” โจวจื่ออี้พูดอย่างกระตือรือร้น ฉินอันอัน “ไม่เป็นไร คุณไปทำธุระเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน” รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวจื่ออี้ยังคงอยู่ “ตอนนี้ผมไม่มีอะไรต้องทำ ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง!” ฉินอันอันหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม “อันอัน เมื่อวานนี้เจ้านายผมตบเสี่ยวเถียนไป ตอนนั้นผมได้ยินเรื่อวราวมา ผมขออธิบายให้คุณฟังก่อนนะ! เจ้านายของผมไม่ได้ตบเสี่ยวเถียนเพราะถังเชี่ยน แต่เพราะเสี่ยวเถียนพูดอะไรบางอย่างที่ไม่เหมาะสมมาก อย่างเช่นว่า เธอบอกว่าเจ้านายของผมเป็นสวะและสมควรแล้วที่จะถูกคุณทิ้ง…” ฉินอันอันมองโจวจื่ออี้ด้วยสายตาเย็นชา โจวจื่ออี้สับสนกับสิ่งที่เขาเห็น และพูดโดยไม่ลังเล “เอ่อ… เจ้านายของผมน่าจะอธิบายเรื่องนี้ชัดเจนกว่า” “ยิ่งคุณอธิบายมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเกลียดเขามากขึ้นเท่านั้น” ฉินอันอันวางแก้วน้ำลง โจวจื่ออี้หุบปากลง “งั้นผมขอไปรอข้างนอกนะ” เขาออกมาจากออฟฟิศและถอนหายใจอย่างแรง ครู่ต่อมา ฟู่สือถิงก็เดินออกมาจากลิฟต์ โจวจื่ออี้ก้าวไปสองสามก้าวเพื่อทักทายเขาและเต
ถังเชี่ยนคิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขาก็ยังคงปกป้องฉินอันอันอยู่! จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียใจ และน้ำตาก็ไหลออกมาเอง โจวจื่ออี้เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วและดึงฉินอันอันออกจากโซฟา “ผมไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ถังเชี่ยนถึงเข้ามาได้” โจวจื่ออี้อธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมไปส่งคุณข้างล่างก่อน!” “ไม่ต้อง” เธอผลักมือของโจวจื่ออี้ออก แล้วก้าวขากว้างไปที่ลิฟต์ ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนมาก จริง ๆ แล้วเธอมาหาฟู่สือถิงเพราะหลีเสี่ยวเถียน แต่เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรเขาเลย แม้ว่าเขาจะบังคับ แต่ถ้าเขาลงมือไปแล้วก็ปก้ไขอะไรไม่ได้ เขาเป็นคนอารมณ์ร้ายและทะเลาะกับเธอบ่อย ๆ แต่เขาไม่เคยตบตีเธอเลย หลังจากออกจากลิฟต์ เธอก็เดินไปที่ลานจอดรถด้านนอก หลังจากขึ้นรถแล้วเธอก็ขับรถไปที่บริษัท ระหว่างทาง เธอได้รับสายจากหลีเสี่ยวเถียน “อันอัน ฉันได้ยินมาว่าเธอตบฟู่สือถิงเพราะฉัน... ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปหาเขา?” หลีเสี่ยวเถียนตกใจมากจนใบหน้าของเธอหายเจ็บเมื่อได้ยินข่าว “ท้องเธอโตขนาดนั้นแล้ว เธอไม่กลัวเขาจะทำร้ายเธอเหรอ?” ในสายตาของหลีเสี่ยวเถียน ผู้ชายที่กล้าทำร้ายผู้หญิงและเด็ก ล้วนไม่มีขีดกำจัด ฉินอันอันโกหก
เธอครุ่นคิดเรื่องนี้ครู่หนึ่ง ถ้าวันนี้ฟู่สือถิงตบเธอ เธอคงจะเกลียดเขาไปตลอดชีวิตแน่นอน อาจไปโรงพยาบาลเพื่อทำแท้งลูกด้วยความโกรธ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอคิดกับตัวเองว่าเขาอาจจะไม่มาหาเธออีกต่อไปแล้วจริง ๆ หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ร้านอาหารหรูในเมือง อาการบาดเจ็บบนใบหน้าของหลีเสี่ยวเถียนหายดีแล้ว และวันนี้เธอก็ชวนฉินอันอันไปทานอาหารเย็นมื้อใหญ่ เดิมทีหลีเสี่ยวเถียนขอให้ฉินอันอันพาเด็กทั้งสองคนมาด้วย แต่อิ๋นอิ๋นกับเว่ยเจินพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวซะก่อน “อันอัน ช่วงนี้ฟู่สือถิงไม่ได้มาหาเธอใช่ไหม?” หลีเสี่ยวเถียนพูดน้ำเสียงกังวล “อืม” ฉินอันอันสั่งอาหารสองสามอย่างแล้วยื่นเมนูให้เธอ “ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้เขาอยู่แต่บ้าน ไม่ออกไปข้างนอกเลย” หลีเสี่ยวเถียนอดหัวเราะไม่ได้เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “ฉันไม่ได้เกลียดเขาแล้ว จริง ๆ ...ฉันคิดว่าเขาอาจจะเซ็งมากกว่าฉันด้วยซ้ำไป ฉันอยากจะหัวเราะ ยังไงเสีย ตระกูลของเขาก็รวยกว่าฉัน ไหนจะสถานะของเขาก็สูงส่งกว่าฉันอีก ฮ่า ๆ ๆ!” ฉินอันอันหัวเราะไม่ออก แต่เมื่อเห็นหลีเสี่ยวเถียนมีความสุข อารมณ์ของเธอดีตาม “อันอัน สุขภาพของเธอเป็นยังไงบ้าง?” หลีเสี่ยวเถีย
“หึ! แน่นอนอยู่แล้ว!” หลีเสี่ยวเถียนหัวเราะเยาะ “ถังเชี่ยนพาผู้หญิงคนนั้นมาให้ฟู่สือถิง” ฉินอันอันหันไปมอง แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่ามันไร้สาระ แต่เธอก็คาดเดาพฤติกรรมของคนอื่นไม่ได้ “โชคร้ายจริง ๆ! ตอนแรกอารมณ์ดีแล้วเชียว จนได้มาเจอเข้ากับพวกเขา” หลีเสี่ยวเถียนจิบน้ำแล้วมองฉินอันอัน “อันอัน เราจะเปลี่ยนร้านกันดีไหม!” ฉินอันอันส่ายหน้า “เรามาก่อน” “ฉันกลัวว่าเธอจะหงุดหงิด” “ถึงจะหงุดหงิด ก็ออกไปไม่ได้” ฉินอันอันพูดน้ำเสียงนิ่งสงบ “อาหารก็สั่งไปแล้ว จะทิ้งได้ยังไง?” “หรือเราเอากลับไปกินที่บ้านกัน!” ฉินอันอัน “หลีเสี่ยวเถียน ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ขี้ขลาดแบบนี้นี่? ถ้าผู้หญิงคนนั้นพยายามทำตัวให้เหมือนฉันจริง ๆ งั้นเธอก็ควรจะกลัวเมื่อได้เห็นฉัน ไม่ใช่ตอนที่ฉันเห็นเธอ แล้วหนีไป” “ฉันไม่ขี้ขลาดอยู่แล้ว! ต่อให้ฟู่สือถิงจะเดินมาอยู่หน้าฉันตอนนี้ ฉันก็ไม่กลัว!” หลีเสี่ยวเถียนปากบอกว่าไม่กลัว แต่เอื้อมมือไปแตะแก้มที่โดนตบก่อนหน้านี้โดยไม่รู้ตัว พนักงานเสิร์ฟนำอาหารมาวางบนโต๊ะ ฉินอันอันหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบชิ้นเนื้อใส่ลงในจานของเธอ “ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่มักจะพูดกับ
หลังจากที่ฉินอันอันอิ่มแล้ว เธอก็วางตะเกียบลง หลีเสี่ยวเถียนวางตะเกียบลงทันที “อันอัน เราไปกันเถอะ! เธออยากไปชอปปิงไหม? ถ้าเธออยากไปชอปปิง ฉันจะไปเป็นเพื่อน” ฉินอันอันส่ายหน้า “ฉันอิ่มมากและง่วงนอนนิดหน่อย” “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพาเธอกลับนะ” หลีเสี่ยวเถียนถือกระเป๋าของเธอ เดินไปหาเธอและช่วยพยุงเธอลุกขึ้น ฉินอันอันกลั้นหัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องระวังขนาดนั้นหรอก ฉันเดินเองได้” “ฉันอยากประคองเธอคุณ!” หลีเสี่ยวเถียนจับท้องของเธออย่างนุ่มนวล “จริงด้วย ถึงจะดูไม่ใหญ่มาก เพราะเธอให้สุดหลวม ๆ ก็เลยดูไม่ออก แต่พอสัมผัสยิ่งชัดเจนเลย มันเหมือนแตงโมลูกใหญ่” ฉินอันอัน “เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นแตงโมลูกเล็ก ๆ” หลีเสี่ยวเถียน “เธอเคยเห็นแตงโมลูกโตขนาดนี้ไหม? เฮ้ ตอนนี้สามารถเห็นหน้าเด็กได้แล้วใช่ไหม?” ฉินอันอัน “อืม ครั้งล่าสุดที่ประเทศบี หมอเคยให้ฉันดูแล้ว” หลีเสี่ยวเถียน “เด็กคนนี้หน้าตาเหมือนใคร?” ฉินอันอันเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เหมือนเขา” “เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง?” หลีเสี่ยวเถียนกระซิบ “บอกเพศได้ตอนสี่เดือนใช่ไหม?” ฉินอันอัน “ฉันไม่ได้ถาม” “โอเค! เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ วันจั
หลีเสี่ยวเถียนลงไปชั้นล่างพร้อมกับผลตรวจ ฟู่สือถิงได้ยินเสียงฝีเท้าจึงมองไปที่บันได ทั้งสองมองหน้ากัน และบรรยากาศที่น่าอึดอัดก็เกิดขึ้นทั่วทั้งห้องนั่งเล่น “ประธานฟู่ อะไรพาคุณมาที่นี่ได้คะ?” แม้ว่าหลีเสี่ยวเถียนจะกลัวเขา แต่นี่คือบ้านของฉินอันอัน เธอมีความมั่นใจมากพอสมควร ฟู่สือถิงเพิกเฉยต่อความแปลกประหลาดของเธอ และมองไปที่ผลตรวจในมือของเธอ “ฉินอันอันยังหลับอยู่เหรอ?” “ค่ะ คุณมาที่นี่เพื่อพาอันอันไปเอาผลตรวจเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนพูดพร้อมกับเขย่าผลตรวจ “เธอไปเอามาแล้ว” “เอามาให้ฉัน” ฟู่สือถิงเดินไปหาเธอในสองก้าวแล้วยื่นมือออกไป เสี่ยวเถียนซ่อนผลตรวจไว้ด้านหลังเธอแล้วล้อเลียนเขา “หน้าของคุณหายแล้วเหรอ? ฉันนึกว่าคุณจะไม่มาเจออันอันแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงว่าศักดิ์ศรีของเด็ก ๆ ยังดีกว่าหัวใจคุณเสียอีก!” สีหน้าของฟู่สือถิงมืดมนและเย็นชาเมื่อเขาได้ยินคำเสียดสีของเธอ “คุณใส่ใจลูกขนาดนี้ เป็นเพราะคุณต้องการคนไปสืบทอดบัลลังก์ในตระกูลคุณเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนไม่มีทางปล่อยเขาไปง่าย ๆ “โอ้ ตระกูลของประธานฟู่มีบัลลังก์ที่ต้องสืบทอดต่อไปจริง ๆ ด้วย! น่าเสียดายที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปต
ตอนแรกเธออยากนอนแต่พวกเขาเสียงดังจนเธอตื่นและไม่อยากนอนต่อแล้ว “ไปตอนนี้เลย!” เธอพูดแล้วขึ้นไปหยิบกระเป๋าของเธอ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ลงไปชั้นล่างพร้อมถือกระเป๋า เขาจ้องมองไปที่ท้องของเธอ “ฉินอันอัน บ้านของคุณไม่มีลิฟต์เหรอ?” “ไม่มี” เธอรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขากังวลว่าเธอจะเหนื่อยเกินกว่าจะขึ้นบันไดและจะส่งผลต่อทารกในท้อง แต่เธอก็ไม่เหนื่อยเลย แม้ว่าท้องจะโตขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็ขึ้นบันไดได้อยู่ดี “งั้นก็ย้ายลงมาอยู่ที่ห้องชั้นหนึ่ง หรือจะให้ผมติดตั้งลิฟต์ให้คุณ คุณเลือกเอา” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงไม่ผูกมัด “จะติดตั้งลิฟต์ยังไงล่ะ? คุณจะพังบ้านฉันเหรอ?” เธอจ้องเขา “ถ้าฉันขึ้นบันไดไม่ได้ ฉันก็ย้ายลงมาอยู่ชั้นหนึ่งเองแหละ” เธอก้าวออกไปข้างนอก และเขาก็ตามเธอออกไป เมื่อบอดี้การ์ดเห็นทั้งสองออกมา เขาก็เปิดประตูรถให้พวกเขาทันที หลังจากที่ทั้งสองขึ้นรถแล้ว รถก็ขับไปทางโรงพยาบาล บรรยากาศในรถดูอึดอัด จู่ ๆ ฟู่สือถิงก็เอื้อมมือออกไปแล้วกดสวิตช์ จู่ ๆ ฉากกั้นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า โดยแบ่งช่องด้านหลังและที่นั่งคนขับออกเป็นสองช่อง ฉินอันอันเกิดคำถาม “???” “ฉินอันนัน
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง