เธอสะอึกสะอื้น “ฉันอยากออกโรงพยาบาล” เขาไม่กล้าทำให้เธอหงุดหงิด จึงหันไปทางคุณหมอ “คุณฉิน หากคุณยืนกรานจะออกโรงพยาบาลก็สามารถทำได้ แต่คุณต้องตรวจร่างกายก่อน ถ้าตรวจร่างกายแล้วไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ฉันจะเอกสารอนุญาตออกจากโรงพยาบาลให้คุณ” ไม่นานนัก หลังจากตรวจร่างกายหลายครั้ง คุณหมอก็ออกเอกสารออกโรงพยาบาลให้เธอ เมื่อถึงบ้าน เธอขังตัวเองอยู่ในห้อง ก่อนออกจากโรงพยาบาล เธอเข้ารับการตรวจอัลตร้าซาวน์สี จากการอัลตร้าซาวน์แสดงให้เห็นว่าลูกน้อยของเธอมีอายุน้อยกว่าสองสัปดาห์ เท่ากับว่าหลังจากที่เธอมาอยู่ประเทศบี ลูกของเธอได้หยุดการเจริบเติบโต สิ่งนี้เป็นสัญญาณที่แย่มาก คุณหมอแนะนำให้ทำแท้งเด็ก แต่เธอไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ “หรือว่าพวกเราจะหาจิตแพทย์ให้เธอ!” ไมค์ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น หารือกับฟู่สือถึง “คุณหมอบอกว่า ภาวะซึมเศร้าของเธอไม่ได้มีปัจจัยจากเรื่องลูกทั้งหมด ผมคิดว่าคุณหมอพูดถูก การเจอกับอิ๋นหวังก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายสติสัมปชัญญะของเธอ” ฟู่สือถิงมองไปทางห้องของเธอ แล้วพูดว่า “พวกเราให้เวลาเธอหน่อย ผมเชื่อว่าเธอจะก้าวข้ามไปได้” “ตกลง! ว่าแต่เด็กในท้องของเธอ…” “เธออยากใ
“ตอนที่คุณหมอขอให้ฉันทำแท้งเด็ก เขาไม่พูดอะไรสักคำ เขาไม่พูด การนิ่งเงียบมันก็หมายความว่าเขายอมเสียลูก” ฉินอันอันสูดหายใจเข้าลึกและพูดอย่างยากลำบาก “เขาเป็นพ่อของเด็ก ทำไมเขาถึงเมินเฉยต่อเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้ขนาดนี้?” ไมค์ต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงพูดได้ว่า “บางทีเขาอาจจะแค่เคยชินกับการฟังคำพูดของคุณหมอ” “เขาไม่เคยฟังคำพูดของหมอ ตอนที่เขาป่วย เขาอยากสูบบุหรี่ก็สูบ อยากดื่มเหล้าก็ดื่ม ไม่มีใครทำให้เขาเชื่อฟังได้เว้นแต่เขาอยากทำเอง” ขนตาฉินอันอันสั่นกระพือเล็กน้อย น้ำเสียงเธอแหบแห้ง “เขาแค่ไม่อยากได้ลูกที่ไม่แข็งแรงของเราเท่านั้นเอง!”“อันอัน เธออย่าคิดว่าเขาเลวร้ายขนาดนั้น ฉันไม่กล้าพูดอะไรมาก แต่เขามีเธออยู่ในใจจริง ๆ” ไมค์ต้องการเลี่ยงเรื่องเด็ก “ฉันรู้” เธอสูดหายใจเข้า เสียงอู้อี้ขึ้นจมูก “ถ้าเขาไม่รักฉัน เขาคงไม่มาช่วยฉัน” ไมค์ส่งเสียงตอบรับ “ไมค์ ฉันเองก็รักเขามาก” เธอส่งเสียงสะอื้น “ฉันรู้ ถ้าเธอไม่รักเขา เธอก็ไม่มีลูกให้เขาหรอก” ไมค์ขมวดคิ้ว “อันอัน เธอวางแผนจะทำอะไร? เธอคงไม่คิดจะเลิกกับเขาหรอกนะ?” “ฉันไม่คิดที่จะเลิกกับเขา แต่ฉันไม่อยากให้เด็กที่ไม่แข
หลังจากออกมาจากแผนกผู้ป่วยใน ไมค์มองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นเธอเลย เขาโทรหาฟู่สือถิงอย่างหมดหวัง “ฟู่สือถิง! คุณรีบมาที่โรงพยาบาลที! ฉินอันอันหายไปแล้ว!” พอฟู่สือถิงได้ยิน เขารีบเดินออกจากวิลล่า “เกิดอะไรขึ้น?!” “แม่ของเว่ยเจินมาคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว… ผมแน่ใจว่าคุณป้าต้องใช้คำพูดรุนแรงกับเธอแน่!” ไมค์ยืนอยู่ในลานที่กว้างใหญ่ของโรงพยาบาล เขามองไปรอบ ๆ “เป็นความประมาทของผมเอง! ตอนนั้นผมกำลังคุยกับเว่ยเจินในห้องผู้ป่วย ดังนั้นเลยปล่อยให้เธอหายไป!” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “เธอน่าจะยังไปได้ไม่ไกล! ตอนนี้คุณเฝ้าที่ประตูโรงพยาบาลไว้ก่อน!” ......ฉินอันอันลงจากลิฟต์แล้วเดินไปที่หน้าอาคารผู้ป่วยนอกอย่างงุนงงที่ชั้นหนึ่งมีที่นั่งมากมาย เธอเดินจนเหนื่อย เมื่อพบที่นั่งว่างจึงนั่งลงรอบ ๆ ตัวล้วนแต่เป็นผู้ป่วยหรือครอบครัวของผู้ป่วย หนึ่งในนั้นคือคู่สามีภรรยาที่พาลูกที่ป่วยมาพบคุณหมอ “ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่อยากได้ลูกคนนี้ เธอก็จะเอาไว้ให้ได้! ตอนนี้ได้มาแล้ว ต้องวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลทุกสามวัน! เธอรู้ไหมว่าฉันงานยุ่งแค่ไหน?! นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะมาโรงพยาบาลกับเธอ!” ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่
เธอเห็นประกายน้ำตาในดวงตาของเขา เธออยากจะเอ่ยปาก บอกว่าไม่ใช่ มันไม่ใช่อย่างที่เขาพูด แต่จู่ ๆ เขากลับผละตัวออกไปและทิ้งเธอไว้ เขาปิดประตูรถฝั่งเธอเสียงดังปัง! เขาไม่ได้ไปนั่งที่คนขับ เขายืนอยู่นอกรถหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลข เธอมองร่างของเขาอย่างเงียบ ๆ มีประตูรถกั้นอยู่ระหว่างพวกเขาสองคนราวกับถูกคั่นด้วยช่องว่างที่ไม่อาจเชื่อมต่อได้ เขาบอกว่าในใจของเธอ ลูกสำคัญกว่าเขา เรื่องแบบนี้จะเอามาเปรียบเทียบกันได้ยังไง? เด็ก ๆ จัดอยู่กลุ่มด้อยโอกาส ดังนั้นแน่นอนว่าเธอต้องแสดงความรักและห่วงใยพวกเขามากกว่า เขาบอกว่าเธอไม่มั่นใจในตัวเขา แต่เธอกลับไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่นานไมค์ก็วิ่งเข้ามา ฉินอันอันดูทั้งสองคนคุยกันอยู่นอกรถ ไม่แน่ใจว่าสองคุยอะไรกัน จู่ ๆ ไมค์ก็รีบหยิบกุญแจรถไปนั่งที่เบาะคนขับ ฟู่สือถิงหันหลังให้เธอตั้งแต่ต้นจนจบ เธอเห็นกล้ามเนื้อหลังของเขาเกร็ง หลังจากที่ไมค์ขึ้นรถแล้วเธอก็รีบมองออกไป “เขาบอกว่าจะกลับประเทศพรุ่งนี้ เธอบอกให้เขากลับไปหรือเปล่า?” ไมค์สตาร์ทรถแล้วถาม “อืม” เธออดไม่ได้ที่จะมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง “เขาบอกว่าคืนนี้จะพักที
เช้าวันรุ่งขึ้น อิ๋นอิ๋นมาที่ห้องของฉินอันอันและกล่าวคำอำลาเธอด้วยเสียงแผ่วเบา “อันอัน ฉันจะไปแล้วนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ ถ้าหายดีแล้วต้องกลับไปประเทศเอนะ!” หลังจากที่อิ๋นอิ๋นพูดจบ เธอก็กลัวว่าจะปลุกฉินอันอันให้ตื่น จึงไม่อยู่ต่อและรีบออกจากห้องไป ฉินอันอันลืมตาขึ้นและมองไปยังห้องอันว่างเปล่าด้วยความรู้สึกโหวงในใจ เวลาแปดโมงเช้า เครื่องบินส่วนตัวกัลฟ์สตรีมจีหกห้าศูนย์ออกเดินทางจากสนามบินเมืองหลวงประเทศบี ไปยังสนามบินเมืองหลวงประเทศเอซึ่งเป็นสนามบินปลายทาง หลังจากบินนานกว่าสิบชั่วโมง เครื่องบินก็ลงจอดช้า ๆ ที่สนามบินเมืองหลวงประเทศเอ ขณะนี้ประเทศเองเป็นเวลาหกโมงเช้า เว่ยเจินกลับมาพร้อมกับพวกเขา “คุณฟู่ ขอบคุณที่พาพวกเรากลับมานะคะ” คุณแม่เว่ยแสดงความขอบคุณฟู่สือถิง ฟู่สือถิงถิง “ยินดีครับ” “งั้นเราไปก่อนนะคะ!” แม่เว่ยพูด ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงกระตุก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “คุณเว่ย การที่เว่ยเจินได้รับบาดเจ็บแบบนี้ไม่สามารถไปตำหนิฉินอันอันได้ เธอไม่ได้พูดด้วยซ้ำว่าเธอเป็นศิษย์หลับของศาสตราจารย์หูชิง เว่ยเจินถูกลักพาตัวเพราะเวิยเจินเป็นผู้ช่วยของศาสตราจา
เขาไม่ต้องการกลับบ้าน แต่ก็ไม่อยากไปร่วมกิจกรรมกับใคร เมื่อเห็นว่าเขาเจ็บปวดเพียงใด โจวจื่ออี้ก็แนะนำว่า “ไปเที่ยวพักผ่อนกันไหมครับ? คุณอยากไปไหน ผมจะจองโรงแรมให้” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันอยากดื่มเหล้า” โจวจื่ออี้ถึงกับพูดไม่ออก ‘นี่เป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงมาทานอาหารเย็นงั้นเหรอ?’ หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงก็เมาอย่างที่เขาปรารถนา โจวจื่ออี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากส่งเขากลับบ้านเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าการดื่มเหล้าจะไม่ดีต่อร่างกาย แต่หากเขาไม่เมา เขาก็คงนอนไม่หลับแน่นอน หลังออกมาจากบ้านตระกูลฟู่แล้ว โจวจื่ออี้ก็โทรหาไมค์ “จิตสำนึกของฉินอันอันไม่รู้สึกเจ็บปวดบ้างหรือไง? เจ้านายของผมทุ่มเททั้งแรงกายและเม็ดเงินให้เธอ แต่นอกจากทำร้ายเจ้านายผมแล้ว เธอยังทำอะไรได้อีก?!” เวลานี้ที่ประเทศบีเป็นเวลากลางคืน ไมค์ขมวดคิ้วแล้วหาว “คุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรอีก? หา?!” “ฉินอันอันเป็นคนขอเลิกเหรอ? ผู้หญิงใจร้ายคนนี้ไม่มีหัวใจรึไง?!” โจวจื่ออี้อดบ่นไม่ได้ “โจวจื่ออี้ คุณคิดว่าคุณเป็นพ่อของฟู่สือถิง หรือคุณคิดว่าฟู่สือถิงเป็นลูกของคุณรึไง?” ไมค์พูดด้วยอารมณ์โกรธ “
แต่ผู้เขียนบทความนี้ชี้ให้เห็นว่า ทั้งหมดนี้ฉินอันอันทำเพื่อฉ้อโกงเงินของฟู่สือถิง! เนื่องจากฉินอันอันร่ำรวยในประเทศบี ประเทศบีจึงเทียบเท่ากับบ้านเกิดแห่งที่สองของเธอ เธอถูกลักพาตัวในบ้านเกิดของเธอ หรือเส้นสายในประเทศบีและเงินของเธอเองไม่สามารถช่วยเธอแก้ไขวิกฤติได้งั้นเหรอ? ฟู่สือถิงต้องขับเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมาช่วยเธอเชียวเหรอ? เป็นผลให้ฟู่สือถิงใช้เงินไปหมื่นล้านบาท แต่ต้องกลับบ้านอย่างโศกเศร้าเพียงลำพัง ดังนั้นผู้เขียนจึงสรุปว่าฟู่สือถิงถูกฉินอันอันหลอก ไม่เพียงแต่หลอกลวง ที่สำคัญกว่านั้นคือหลอกเงินไปหมื่นล้านด้วย! บทความนี้จบลงด้วยความคิดเห็นประชดประชันว่า แม้แต่คนที่ฉลาดอย่างฟู่สือถิงยังถูกผู้หญิงหลอกได้ ถ้าอยากรักษาทรัพย์ต้องอยู่ห่างจากผู้หญิง! โดยเฉพาะ 'ผู้หญิงที่แข็งแกร่ง' และสวยอย่างฉินอันอัน! เพราะโดยพื้นฐานแล้วความมั่งคั่งของเธอนั้นได้มาจากผู้ชาย บทความนี้ถูกพิมพ์ซ้ำโดยสื่อหลัก และได้รับความนิยมไปทั่วสื่อออนไลน์ ข่าวด่วนขนาดนี้ ถ้าเป็นเรื่องจริง คงจะตื่นเต้นน่าดู! - ฉันคิดว่าข่าวนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถืออยู่นะ ฟู่สือถิงบินไปประเทศบีด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเม
ประเทศบี ไมค์เห็นข่าวแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาค้นหาข่าวจากประเทศเอ แต่ผู้บริหารระดับสูงของฉินกรุ๊ปเป็นคนส่งข่าวมาให้เขา เพราะมีสื่อบางกลุ่มโทรไปถามฉินกรุ๊ปว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผู้บริหารจะรู้เรื่องส่วนตัวที่เป็นความลับของเจ้านายได้ยังไง? พวกเขารู้เพียงว่าฉินอันอันไปประเทศบี แต่พวกเขาไม่รู้ว่าฉินอันอันกำลังทำอะไรอยู่ในประเทศบี พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินอันอันถูกลักพาตัว ไมค์โกรธมากหลังจากได้อ่านข่าว หลังจากดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้ว เขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับฉินอันอันหรือไม่ ช่วงนี้ฉินอันอันพักอยู่ที่บ้าน ในทุก ๆ วัน ยกเว้นออกไปกินข้าวนอกบ้าน เธอก็พักผ่อนในห้องนอนตลอด ตอนที่เธอออกไปกินข้าวข้างนอกตามปกติ สภาวะอารมณ์ของเธอดีขึ้นกว่าก่อนที่ฟู่สือถิงจะจากไปมาก ไมค์คิดว่าเธอสบายดีจึงไม่อยากเอาข่าวนี้มากระทบจิตใจเธอ แต่หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไข ชื่อเสียงของเธอในประเทศเอก็จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ไมค์เริ่มพูด “อันอัน อาการบาดเจ็บของเธอเป็นยังไงบ้าง?” ฉินอันอันดื่มซุปแล้วพูดอย่างใจเย็น “ดีขึ้นเยอะแล้ว” “อืม ไม่ต้องใช้ยาก็ดีขึ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง