“แม่คะ เป็นเพราะหนูกลัวเจ็บ พี่พยาบาลเลยให้พี่เป็นตัวอย่างให้หนู” รุ่ยลาอธิบายเหตุผล “พี่ทำเพื่อหนู ให้หนูได้เจาะเลือด เขารักหนูมากเลยค่ะ” หลังจากได้ยินเหตุผลแล้ว ฉินอันอันก็ถอนหายใจ “ลูกสองคนทั้งน่ารักและมีเหตุผล แม่รักลูก ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ เลย!” “แม่คะ พวกเราก็รักแม่เหมือนกันนะคะ!” ดวงตาสีดำราวกับระฆังของรุ่ยลาเต็มไปด้วยความสุข บอดี้การ์ดยืนอยู่ข้าง ๆ พลางเกาหัว “คุณฉินให้ผมไปทำอาหารไหมครับ?” ฉินอันอัน “จะเป็นการรบกวนคุณเกินไปหรือเปล่าคะ?” บอดี้การ์ดส่ายหน้า “ไม่รบกวนเลยครับ” พูดจบ บอดี้การ์ดก็เข้าไปในครัว “แม่คะ ลุงบอดี้การ์ดทำอาหารอร่อยมากเลยนะคะ! เขาบอกว่าคืนนี้จะทำปีกไก่โค้กให้เรากิน” รุ่ยลาจับมือฉินอันอันแล้วพึมพำ “ทำไมลุงไมค์ไม่กลับมาด้วยล่ะคะ?” เธอขมวดคิ้ว “เขามีธุระ เราจึงไม่ได้กลับมาด้วยกัน” หลังจากที่ฟู่สือถิงปิดโทรศัพท์ของเธอ เธอก็ไม่ได้เปิดเครื่องเลย เมื่อบ่ายวันนี้ไมค์หาเธอไม่เจอ เขาคงเป็นกังวลมาก! เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าทันทีแล้วเปิดเครื่อง เมื่อเห็นสายที่ไม่ได้รับของไมค์ เธอก็โทรกลับ ไมค์รับโทรศัพท์ทันที “ฉินอันอัน! ต่อไปถ้าเธอถูก
เสิ่นอวี๋ออกมาจากคฤหาสน์ของฟู่สือถิงและเดินกลับไปที่บ้านเดิมของตระกูลฟู่ แม่เฒ่าฟู่เข้านอนเร็วทุกคืน ฟู่ฮั่นและภรรยาของเขามักจะเที่ยวนอกบ้านจนดึกดื่นถึงจะกลับบ้าน ส่วนฟู่เย่เฉินก็อยู่บ้านทั้งวันทั้งคืน ทุกวันนี้บ้านเดิมจึงสงบสุขมาก หลังจากที่เสิ่นอวี๋กลับมาที่ห้อง เธอก็ส่งข้อความถึงฟู่เย่เฉินทันที เมื่อฟู่เย่เฉินได้รับข้อความ เขาจึงรีบไปที่ห้องของเสิ่นอวี๋ทันที “เสินอวี๋ ลูกของเราไม่อยู่แล้ว คุณตามหาผมทำไม?” ฟู่เย่เฉินยืนอยู่ที่ประตูและพูดด้วยสีหน้าเย็นชา เขารู้สึกเจ็บปวดใจเรื่องเด็กที่ถูกฆ่าอย่างทารุณ ถ้าเขาไม่ต้องการ มันก็ไม่สำคัญสำหรับเขา แต่เขาต้องการเด็กคนนั้น “คุณคิดว่าฉันไม่ต้องการลูกของตัวเองเหรอ? นั่นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของฉันเหมือนกัน! แต่ฉันเก็บไว้ไม่ได้! ถ้าเด็กคนนั้นคลอดออกมามันจะไม่เป็นผลดีกับเราทั้งคู่!” เสิ่นอวี๋ดึงเขาเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู ฟู่เย่เฉินตื่นตัวมากขึ้น “คุณต้องการให้ผมทำอะไรอีก?” เสิ่นอวี๋ “ฉันกำลังจะย้ายออก คืนนี้ฉันจะมาบอกลาคุณ” “หืม? อย่าทำเหมือนเราจะไม่ได้เจอกันอีกเลย… คุณสัญญาว่าจะรักษาอิ๋นอิ๋นต่อไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างคุณก็ร
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงได้รับโทรศัพท์จากฟู่ฮั่นพี่ชายคนโตของเขา “สือถิง! รีบมาโรงพยาบาลเร็วเข้า! แม่หกล้มที่บ้าน ตอนนี้อาการไม่ดีเลย!” นิ้วของฟู่สือถิงที่จับโทรศัพท์บีบแน่นขึ้นทันที เขาเดินออกจากออฟฟิศแล้วมุ่งหน้าไปที่ลิฟต์ โจวจื่ออี้เห็นเขามีสีหน้าเคร่งเครียด ในใจพลันเกิดเสียงสัญญาณเตือน ‘เกิดอะไรขึ้น?’ “ประธานต้องการเลื่อนประชุมที่กำลังจะมาถึงหรือไม่ครับ?” “ให้รองประธานไปแทน ส่งรายงานการประชุมหลังประชุมเสร็จให้ฉัน” ฟู่สือถิงพูดด้วยเสียงราบเรียบก่อนจะเข้าไปในลิฟต์เฉพาะของประธาน ประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิด! โจวจื่ออี้รู้สึกไม่สบายใจ ปกติฟู่สือถิงไม่ค่อยแสดงความกังวลใจแบบนี้ในบริษัท ที่โรงพยาบาล แม่เฒ่าฟู่ฟู่ถูกเข็ญเข้าห้องฉุกเฉิน เมื่อฟู่สือถิงมาถึง ประตูห้องฉุกเฉินก็ยังคงปิดอยู่ “เกิดอะไรขึ้น?” เขามองฟู่ฮั่นด้วยสีหน้าดุร้าย “ตอนนั้นฉันไม่อยู่บ้าน...เย่เฉินบอกว่าเขาได้ยินแม่ของเรากรีดร้อง เขาจึงรีบวิ่งออกจากห้องไปดู เห็นแม่ของเรากลิ้งลงมาที่หน้าบันได…” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น “เธอตกลงมาจากชั้นสองเหรอ? เธอขึ้นไปทำอะไรบนชั้นสอง?!” แม่เฒ่าฟู่แก่แล้ว ขาและเ
“ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้แม่ไม่ต้องมาเจอผมกับอิ๋นอิ๋นอีก… เราทำให้แม่ต้องทนทุกข์ทรมาน” ยังไม่มีการตอบสนอง ที่แท้เมื่อคน ๆ หนึ่งตายไป ก็ไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ ความกังวล ความโกรธ ผิดหวัง ปล่อยวางไม่ได้ล้วนหยุดอยู่ที่หัวใจ จะไม่มีใครคอยบังคับให้เขาแต่งงานมีลูก จะไม่มีใครคอยกังวลว่าเขาจะมีอาหารและเสื้อผ้าเพียงพอหรือไม่ หรือเขาจะเหนื่อยจากการทำงานหรือไม่ ครู่หนึ่ง ฟู่เย่เฉินรีบไปโรงพยาบาล เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณย่า จู่ ๆ เขาก็ทรุดตัวลงและร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า! “ทำไมคุณย่าถึงจากไปแบบนี้? เมื่อวานเธอเพิ่งบอกให้ผมหาแฟน…” ฟู่เย่เฉินร้องไห้พลางหยิบโทรศัพท์มือถือของคุณย่าออกมา “ผมถามพี่เลี้ยงของคุณย่าแล้ว พี่เลี้ยงก็บอกว่าเหมือนคุณย่าจะได้รับโทรศัพท์ก่อนจะล้มลง...ผมก็เลยเอามือถือของคุณย่ามาด้วย...” ดวงตาของฟู่สือถิงเป็นสีแดงเข้ม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเปิดโทรศัพท์และกดดูที่ประวัติการโทร จู่ ๆ คำที่คุ้นเคยสามคำก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ คอของเขาเหมือนถูกบีบรัด! ฉินอันอัน! สายสุดท้ายที่แม่โทรหาก่อนที่เธอจะล้มคือกับฉินอันอัน ‘ทำไมแม่ถึงคุยโทรศัพท์กับฉินอันอัน?
คำถามของเขาทำให้เธอต้องขมวดคิ้วทันที! ‘เขากำลังพูดเรื่องอะไร?’ ‘เขาถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับแม่ของเขา?’ ‘แปลกจริง!’ ‘คำถามนี้ เขาถามแม่ตัวเองไม่ได้เหรอ?’ ‘ที่แปลกไปกว่านั้นคือ...แม่เฒ่าฟู่บอกว่าจะบอกเขาเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ?’ ‘ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว ยังไม่ได้บอกเขาอีกเหรอ?’ เธอหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบแล้วพยายามให้สงบสติอารมณ์ “ทำไมคุณไม่ถามคำถามนี้กับแม่ของคุณเองล่ะ?” ขณะที่เธอพูดประโยคนั้น ในใจมีความสงสัยอยู่ในใจแล้ว มีบางอย่างที่ทำให้แม่เฒ่าฟู่ไม่สามารถบอกความจริงกับฟู่สือถิงได้ใช่ไหม “แม่ของผมเสียชีวิตแล้ว” เขาพูดพร้อมกับสูดหายใจอย่างแรง “สายล่าสุดที่แม่โทรหาก่อนที่เธอจะเสียชีวิตคือคุณ ดังนั้นผมจึงอยากรู้ว่าพวกคุณคุยอะไรกัน” แก้วน้ำในมือสั่น! หลังจากสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็รีบวางแก้วน้ำลงและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “แม่ของคุณเสียแล้วเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?” “ตอบคำถามผมสิ! คุณคุยอะไรกับแม่?!” เขาค่อย ๆ หมดความอดทน! เดิมทีเขาคิดว่าการตายของแม่เป็นอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้ว ‘แม่อาศัยอยู่ในบ้านเดิมมาเกือบตลอดชีวิต ทำไมจู่ ๆ เธอถึงล้ม?’ ‘เธอถูกยั่วยุก
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ฉินอันอันฟังคำสั่งของเขาและเอ่ยเหน็บแนม “ไม่ต้องรบกวนให้บอดี้การ์ดคุณต้องลำบากหรอก! ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ฉันจะไปหาเอง!” ที่โรงพยาบาล ฟู่สือถิงหยิบโทรศัพท์มือถือของแม่ขึ้นมา เส้นเลือดปูดขึ้นมาบนหน้าผาก เส้นลำตัวตึงแน่น! เขานึกว่าฉินอันอันจะต้องบอกเรื่องที่เธอคุยโทรศัพท์กับแม่ก่อนที่แม่ของเขาจะเสียชีวิตทางโทรศัพท์แน่ ๆ เขาปล่อยให้แม่ของเขาตายโดยไม่รู้สาเหตุไม่ได้ ฟู่ฮั่นเดินเข้าไปหาเขาอย่างระมัดระวังแล้วถามว่า “สือถิง แม่เสียแล้ว เรื่องงานศพ จัดตอนนี้เลยดีไหม?” ฟู่สือถิง “ต้องชันสูตรศพก่อน!” เขาต้องการพิสูจน์ว่ามันเป็นการฆาตกรรมหรือไม่! ถึงแม้ว่าแม่จะมีความดันโลหิตสูง แต่ผลตรวจสุขภาพของเธอก็นับว่ายังแข็งแรงดี น่าสงสัยมากว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงล้มและเสียชีวิตอย่างกะทันหันขนาดนี้ ฟู่ฮั่นพยักหน้า “ตกลง ฉันจะไปตามหมอ” ฟู่เย่เฉินประคองแม่ของเขาอยู่ข้าง ๆ และไม่กล้าหายใจเสียงดัง หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ รู้สึกวิตกกังวล เขาไม่สามารถแสดงข้อพิรุจใด ๆ ได้ ถ้าอาของเขารู้ว่าเขาเป็นคนผลักคุณย่าลงไปที่ชั้นล่างจนทำให้เธอเสียชีวิต อาจะต้องฆ่าเขาทันทีแน่ ๆ!
หลังจากที่ฉินอันอันได้ยินคำพูดของเธอ ในใจก็นิ่งสงบ เธอและกับฟู่สือถิงกลายเป็นศัตรูกันโดยสิ้นเชิง เธอไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะเชื่อเธออยู่แล้ว “คุณเสิ่น คุณมีกลิ่นปาก ไม่มีใครเตือนคุณเลยเหรอคะ?” ฉินอันอันยกมือขึ้นปิดจมูก ใบหน้าของเสิ่นอวี๋บูดบึ้ง เธออยากจะโกรธและไม่กล้าเปิดปากพูด! ลิฟต์มาถึงชั้นที่กำหนด หลังจากส่งเสียงเตือน ประตูลิฟต์ก็ค่อย ๆ เปิดออก ฉินอันอันเดินออกจากลิฟต์ก่อน ไม่ไกลนัก ดวงตาที่เย็นชาของฟู่สือถิงเป็นประกายขึ้นทันทีเมื่อเขาเห็นเธอ ขายาวเดินไปหาเธอ เขาเดินไปตรงหน้าเธอพลันจับแขนเธอไว้แน่นแล้วพาเธอไปที่มุมห้อง เสิ่นอวี๋เฝ้ามองเขาทั้งสองเดินผ่านไป เธอยืนอยู่ที่เดิม ได้แต่มองดูพวกเขา เธอเห็นฉินอันอันเหวี่ยงแขนของฟู่สือถิงออก! หลังจากนั้นทันที เสียงของฉินอันอันก็ดังขึ้น “แม่ของคุณเป็นคนโทรหาฉันเอง! เราจะคุยอะไรกันมันก็เรื่องของเรา ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ! แม่ของคุณเสียชีวิตได้ยังไง คุณไม่คิดจะตรวจสอบด้วยตัวเองเลยเหรอ? นอกจากคุณจะมารบกวนฉันแล้ว คุณไม่มีทางเลือกอื่นเลยรึไง!” ดุเดือดมาก! เสิ่นอวี๋ไม่คิดว่าต่อหน้าฟู่สือถิง ฉินอันอันจะกล้าขนาดนี้! ดูเหมือนว่า
เสิ่นอวี๋ร้องไห้ “ฉินอันอัน! ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงหน้าด้านแบบคุณมาก่อนเลย! คุณกลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำ แล้วยังจะมาบอกว่าฉันเป็นคนทำอีก! ฉันบ้าหรือไง ถึงจะไปทำอะไรแบบนั้น?!” “ใช่! คุณบ้าไปแล้ว!” ฉินอันอันมองดูการแสดงของเธออย่างสงบ “คุณไม่ต้องดีใจไปหรอก ไม่ช้าก็เร็วหน้ากากของคุณจะต้องหลุดออกมาแน่” “หน้ากากอะไรกัน?! ฉินอันอัน! พูดมาให้ชัดเจนนะ...หน้ากากอะไร!” เสิ่นอวี๋ร้องไห้และรีบเดินไปหาฉินอันอัน ฉินอันอันแอบอยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง เธอไม่อยากสู้กับคนบ้า มือของเธอจะสกปรกเอา หลังจากที่ฟู่สือถิงเหลือบมองเธออย่างเย็นชา เขาก็กั้นร่างของเสิ่นอวี๋ไว้ “เสิ่นอวี๋ ที่นี่คือโรงพยาบาล!” เขาเตือน “เรื่องระหว่างเธอกับผมยังพูดกันไม่จบ คุณควบคุมอารมณ์ไว้ก่อน!” หลังจากที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาจบ เขาก็คว้าแขนของฉินอันอันแล้วเดินไปที่ลิฟต์! เสิ่นอวี๋มองพวกเขาทั้งสองจากไป น้ำตาของเธอหยุดไหลทันที แม้ว่าเธอจะแค่แสดง แต่เธอก็อยากตบฉินอันอันจริง ๆ! ฟู่เย่เฉินเดินเข้ามาเงียบ ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อย “เสิ่นอวี๋ จู่ ๆ ผมก็รู้สึกว่าคุณกับผมอาจไม่เหมาะกัน คุณจิตใจเหี้ยมโหดเกินไป ผมสู้