“แม่ครับ น้องเวียนหัว แต่นอนแป๊บเดียวก็หายแล้ว” เสี่ยวหานตอบ “แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ” “อ้อ…ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ลูกดูแลน้องดี ๆ นะ” “อื้ม” หลังวางสาย ฉินอันอันไม่ได้กลับไปที่บริษัท เธอยังขับรถกลับบ้านต่อไป ตอนนี้เธอสรุปได้เบื้องต้นแล้วว่าเด็กทั้งสองคนไม่อยู่บ้าน ถ้าเมื่อครู่เธอบอกพวกเขาว่าตอนนี้เธอกำลังกลับบ้าน พวกเขาจะนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านทันทีตอนนี้เธอกำลังกลับไปเงียบ ๆ ถ้าพวกเขาสองคนยังไม่กลับบ้าน เธอจะโทรหาเสี่ยวหานอีกครั้ง! เธอรู้สึกเสมอว่าเด็กสองคนกำลังวางแผนอะไรบางอย่างโดยใช้ประโยชน์จากการขอลาป่วย รุ่ยลาค่อนข้างเรียบง่าย ไม่มีความคิดซับซ้อน ข้อบกพร่องของเธอคือเชื่อฟังเสี่ยวหานมากเกินไปเท่านั้นเมื่อพิจารณาจาก ‘ประวัติความผิด’ ก่อนหน้านี้ของเสี่ยวหาน เธอเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในใจ ที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า ฉินอันอันจอดรถแล้วรีบเดินไปที่ประตูใหญ่ทันที หลังจากเปิดรหัสล็อกประตูแล้ว เธอก็ผลักประตูเปิดเข้าไปในบ้าน สักพัก เสี่ยวหานที่ได้ยินเสียงก็เดินออกมา ช่วงเวลาที่แม่และลูกชายมองหน้ากันและกัน ก็มีประกายไฟอันละเอียดอ่อนปะทุขึ้นในอากาศฉินอันอันรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ก็ได้ค่ะ งั้นหนูจะเชื่อฟังพี่ชาย!” รุ่ยลาบุ้ยปาก ถึงแม้จะยังอยากรู้อยากเห็นมาก แต่ในเมื่อพี่ชายพูดมาขนาดนี้ เธอก็ควรเชื่อฟังเขาสิ “คุณแม่อยากจะหาบอดี้การ์ดให้พวกเรา” รุ่ยลาเปลี่ยนเรื่อง “ถ้ามีบอดี้การ์ดแล้ว พวกเราคงไม่สามารถวิ่งออกมาได้ตามใจแล้ว” เสี่ยวหาน “ถึงตอนนั้นเธอรับผิดชอบดูบอดี้การ์ด ฉันจะลงมือคนเดียวเอง” รุ่ยลาดูลังเล “พี่คะ ถ้าพ่อจอมวายร้ายและผู้หญิงแซ่เสิ่นคนนั้นแต่งงานกันแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องไปหาพ่อจอมวายร้ายอีกแล้ว! พวกเราทำเหมือนไม่มีพ่อคนนี้เถอะค่ะ!” เสี่ยวหานมองดูใบหน้าไร้เดียงสาของน้องสาวแล้วพูดอย่างหนักแน่น “เขาไม่มีทางแต่งงานกับผู้หญิงแซ่เสิ่นหรอก” “ทำไมล่ะคะ?” “เพราะว่าผู้หญิงแซ่เสิ่นไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี” “แต่พ่อก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีเหมือนกัน! พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ?” คำพูดของรุ่ยลา ทำให้เสี่ยวหานพูดไม่ออก ทันใดนั้นเขารู้สึกว่า น้องสาวเขาต่างหากเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก ……ฉินกรุ๊ป การประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูง ฉินอันอันประกาศแผนการที่ตัวเองคิดอย่างหนักมาหลายวันแล้วออกมาผู้บริหารที่นั่งอยู่ต่างแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ! ทุกคนต
เธอขับรถออกจากลานจอดรถมุ่งหน้ากลับบ้าน เวลานี้คาดว่าเด็กสองคนน่าจะหลับไปแล้ว เมื่อเรื่องนี้จบลง เธอจะอยู่บ้านและใช้เวลากับลูกให้มาก ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอเหลือบมองสายที่โทรมาแล้วสวมหูฟังบลูทูธทันทีและรับสาย “อันอัน! เธอเห็นในเว่ยปั๋วหรือยัง? ฉันโกรธจะตายแล้ว!” น้ำเสียงเดือดดาลของหลีเสี่ยวเถียนดังขึ้นที่ปลายสาย “ที่เธอใจดีให้โดรนกับลูกค้าก่อนหน้านี้ ผลคือโดนโจมตีในอินเตอร์เน็ตเป็นกระบุง!” ฉินอันอันคาดเดาผลลัพธ์นี้ไว้แต่แรกแล้ว รองประธานโจวบอกเธอว่า ตราบใดที่เธอไม่แบ่งปันเทคโนโลยีหลักของเธอ เช่นนั้นแล้วเธอไม่มีทางอยู่ในประเทศนี้ต่อไปได้อย่างราบรื่น เพราะศัตรูของเธอ เป็นเจ้าของเงินทุนกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในประเทศ ไม่ว่าเธอจะทำอะไร พวกเขาจะต้องซื้อพวกหน้าม้าโจมตีทางอินเทอร์เน็ตใส่เธออย่างแน่นอน! ตอนนี้ที่เธอต้องทำคือการพยายามผ่านมันไปให้ได้! เธอเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ของเธอจะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอน “ฉันไม่ได้อ่าน เธอเองก็อย่าอ่านเลย” น้ำเสียงของเธอสงบมาก “ฉันเห็นแล้วจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นได้ยังไง? ฉันกำลังสาดคำด่าใส่พวกนั้นบนอินเทอร์เน็ตอยู่
เมื่อสักครู่นี้ จิ้นซือเหนียนที่ฟู่สือถิงตามหาอย่างหนักปรากฏตัวบนเว่ยปั๋วแล้ว! ในฐานะไอดอลที่เคยโด่งดังราวกับราชาครั้งหนึ่ง แต่อุบัติเหตุบนเวทีเมื่อสามปีก่อน กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา! หลังจากนั้นมา เขาก็หายตัวไปจากสายตาของสาธารณชน ทุกคนคิดว่าเขาตายไปแล้วโดยปริยาย มีเพียงแฟนคลับจำนวนมากของเขาที่โพสต์ข้อความลงบนเว่ยปั๋วของเขา สตรีมเพลงของเขาวันแล้ววันเล่า เฝ้ารอคอยปาฎิหารย์! คิดไม่ถึงว่า ปาฎิหารย์จะเกิดขึ้นแล้ว! เขาโพสต์เว่ยปั๋วอีกครั้ง เช้าวันนี้เวลาหกโมงห้าสิบห้านาที - เพื่อน ๆ ที่รัก ห่างกันไปสามปี พวกคุณสบายดีหรือเปล่า? ผมสบายดี แค่เหงานิดหน่อย ปีที่แล้ว ผมซื้อโดรนชื่อรุ่นสายลมมา มันบินไปยังสถานที่ไกล ๆ ทุกวัน นำคลิปต่าง ๆ ที่แสนมหัศจรรย์กลับมาให้ผมดู ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้เดินทางผ่านเมืองต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ไฟ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจที่มันคอยอยู่เป็นเพื่อนผมมาก สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่แค่อุปกรณ์ไร้หัวใจชิ้นหนึ่งเท่านั้น มันเป็นเหมือนเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ตอนนี้มันกำลังเจอกับช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดเพราะมันไม่สมบูรณ์แบบ ผมไม่สามารถนิ่งเงียบได้อีกต่อไป
“ผู้อำนวยการไมค์ ทำไมโทรศัพท์ของคุณกับประธานถึงโทรไม่ติดเลยล่ะ?” รองประธานมองไมค์แล้วพูดอย่างร้อนใจ “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! คุณรีบปลุกประธานเร็วเข้า!” ไมค์ดูเพิ่งตื่น เอื้อมมือเกาหัวแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน “บริษัทยังไม่ปิดตัวนี่นา มีเรื่องใหญ่อะไรเหรอ?” รองประธานรีบถอดรองเท้าตามเข้าไป “คุณกับประธานหาดารามาโฆษณาอยู่ทั้งคืนหรือเปล่า? บนเว่ยปั๋วมีดาราชื่อจิ้นซือเหนียนพูดถึงผลิตภัณฑ์ของเรา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นดาราดังด้วย!” ความง่วงงุนบนหน้าไมค์จางหายไป แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ “ทำไมผมไม่เข้าใจเลยว่าคุณกำลังพูดอะไร” “โถ่พระเจ้า! ในเว่ยปั๋วมีดาราใหญ่ชื่อจิ้นซือเหนียนโพสต์เว่ยปั๋วขอให้ทุกคนช่วยสนับสนุนโดรนรุ่นสายลมของพวกเรา หลังจากที่เขาโพสต์บนเว่ยปั๋วแล้ว ฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทต้องรับสายไม่หยุดเลย ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ คำสั่งซื้อยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย… ไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนเลย!” รองประธานพูดใบหน้าแดงไปถึงหู เพราะว่าโทรหาฉินอันอันและไมค์ไม่ติด ดังนั้นเขาจึงมาหาที่นี่ ไมค์ได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องเล็ก จึงเดินไปทางห้องนอนใหญ่ทันที เข
ภายในรถโรลโรลส์รอยซ์สีดำ ประตูรถถูกล็อก ฉินอันอันรู้สึกเสียใจ เธอคงตื่นไม่เต็มที่ในตอนเช้า ถึงได้ขึ้นรถของเขา หลังจากที่เธอขึ้นรถมาแล้ว เขาก็ล็อกประตูทันที ‘นี่มันอะไรกัน?’‘ลักพาตัวเหรอ?’“ฟู่สือถิง คุณคิดจะทำอะไร?” ฉินอันอันขมวดคิ้วแล้วเผชิญหน้ากับเขา ‘วันนี้เป็นงานหมั้นของเขาเหรอ?’ ‘ทำไมยังว่างมาหาเธอ?’ “ฉินอันอัน คุณรู้จักจิ้นซือเหนียนใช่ไหม?” เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางเธอ มีแสงจาง ๆ ในดวงตาของเขา “อย่าโกหกผม!” หลังจากฉินอันอันรับสายเขาตอนเช้า แบตเตอรี่โทรศัพท์ก็หมดไปดังนั้นตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบนอินเทอร์เน็ต จู่ ๆ เขาพูดถึงจิ้นซือเหนียน ทำให้ระฆังในใจเธอส่งเสียงเตือน“ไม่รู้จัก เกิดอะไรขึ้น?” เธอมองดูใบหน้าคุ้นเคยแต่ห่างเหินของเขาแล้วบังคับให้ตัวเองระงับสติอารมณ์ “ถ้าไม่รู้จักแล้วเขาจะช่วยคุณทำไม?” เขาพูดเร็วขึ้นและเน้นทีละคำ “ครั้งก่อนผมเห็นรูปเขาในโทรศัพท์ของคุณ คุณไม่เคยไล่ตามดารา แต่กลับชอบแค่เขาเพียงคนเดียว คุณบอกว่าไม่รู้จักกัน คุณคิดว่าผมโง่หรือไง?!” น้ำเสียงของเขาทำให้ฉินอันอันโมโห เธอโต้กลับอย่างรุนแรง “ฉันจะรู้จักเขาหรือไม่ ก็ไม่ใช่เร
“แม่ครับ สือถิงบอกว่าจะยกเลิกพิธีหมั้น เขาไม่มาแล้วครับ” ฟู่ฮั่นพูดจบก็เข้าไปประคองแม่ทันที แม่เฒ่าฟู่มีใบหน้าประหลาดใจ “เขาเป็นอะไร? เกิดเรื่องกับเขาเหรอ?” ฟู่ฮั่นส่ายหน้า “ไม่รู้ครับ พูดจบเขาก็วางสายไปเลย อาจเกิดเรื่องบางอย่าง! ผมจะให้คนขับรถส่งแม่กลับไปก่อน ผมจะอธิบายให้ทุกคนทราบเอง เลี้ยงอาหารแล้วค่อยส่งทุกคนกลับครับ” เรื่องนี้น่าอายเกินไปแล้ว! เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร แขกที่อยู่รอบ ๆ บริเวณเห็นเสิ่นอวี๋ร้องไห้ ต่างพากันมองมาที่เธอ เธอไม่เคยเจอเรื่องที่น่าอับอายแบบนี้มาก่อน! เธออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแม้อีกวินาทีเดียว เธอยกกระโปรงยาวขึ้นแล้ววิ่งออกจากห้องจัดเลี้ยงทั้งน้ำตา! ‘ฉินอันอัน เธอจะจดจำแค้นนี้เอาไว้!’ ……ที่โรงเรียนอนุบาลสตาร์ริเวอร์ เสี่ยวหานเปิดแล็ปท็อป เดิมจะดูความตื่นเต้น ใครจะรู้ เสิ่นอวี๋กลับวิ่งหนีไปแล้ว! สิ่งนี้ทำให้เขาขมวดคิ้ว ‘ตอนนี้ฟู่สือถิงยังมาไม่ถึงห้องจัดเลี้ยง เขาไม่มาแล้วงั้นเหรอ?’ ‘ไม่อย่างนั้น ทำไมเสิ่นอวี๋ต้องวิ่งหนีไปล่ะ?’ ‘พวกเขาสองคนไม่จัดงานหมั้นแล้วเหรอ?’ หัวใจที่ตึงเครียดของเสี่ยวหานผ่อนคลายลง เขาถอนใจโล่งอก เขาเกลี
ไม่รู้ว่าจูบนี้ดำเนินไปนานเท่าไหร่ กระทั่งมีเสียง ‘ปึง ๆ’ ดังขึ้น เขาถึงได้ปล่อยเธออย่างไม่เต็มใจ นอกหน้าต่างรถ ไมค์กำลังมองเข้ามาด้านในด้วยสีหน้างงงวยฉินอันอันตกใจจนหน้าถอดสี! เธอเปิดประตูรถแล้วหวังจะออกไป ฟู่สือถิงดึงเธอเอาไว้พูดเสียงแหบพร่า “ติดฟิล์มป้องกันความเป็นส่วนตัวไว้แล้ว เขามองไม่เห็นพวกเราหรอก” เธอถอนหายใจโล่งอก! จูบที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกสับสน แก้มบนหน้าของเธอแดงผิดปกติ ผมเผ้ายุ่งเหยิงอีกต่างหาก นอกจากนี้เขาเพิ่งถอดเสื้อคลุมของเธอออกแล้วโยนลงบนพื้น! เธอเก็บเสื้อคลุมขึ้นมา เขาคลายเกลียวฝาขวดน้ำแล้วยื่นให้เธอ “ฉันไม่เอา!” เธอจ้องเขาอย่างเย็นชา เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเพิ่งทำกับเธอ เธอโกรธจนปวดหัว ถึงแม้จะกระหายน้ำแทบตาย เธอก็ไม่ดื่มน้ำจากเขา เขาเมินเฉยต่อสายตาเกลียดชังของเธอที่ตวัดใส่เขา ความโกรธและอารมณ์เดือดดาลในตัวเขาละลายหายไปเพราะจูบเมื่อกี้ปรากฏว่าความทุกข์ที่มีมายาวนานเกิดจากการคิดถึงรสชาติของเธองั้นเหรอ? “ฉินอันอัน เมื่อกี้คุณไม่ได้รู้สึกเคลิบเคลิ้มเลยเหรอ?” เขาดื่มน้ำแล้วใช้นิ้วเช็ดคราบน้ำบนริมฝีปากบางของเขาอย่างสง่างาม “คุณไม่ไ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง