จางหยุนก้าวไปทางฟู่สือถิง ฟู่สือถิงเห็นจางหยุนเข้ามาใกล้จึงเริ่มพูดว่า “สวัสดีครับคุณป้า” ใบหน้าของจางหยุนเย็นชามาก “อันอันเชิญคุณมาที่นี่หรือเปล่า?” “เปล่าครับ” “แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่? คุณกับอันอันหย่ากันแล้ว อย่าเข้ามายุ่งกับชีวิตของเราเลย” จางหยุนแน่วแน่มาก ที่นี่คือบ้านของพวกเธอ ฟู่สือถิงมาโดยไม่ได้รับเชิญและกระทันหันมาก ฟู่สือถิงเหลือบมองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ของคฤหาสน์ จากนั้นจึงมองไปที่ใบหน้าของจางหยุน เหมือนมีก้อนเนื้อติดอยู่ในลำคอ “ผมขอโทษครับ” เขาไม่มีทางบุกรุกเข้าไปในบ้านของฉินอันอัน ขณะที่เขากำลังจะกลับ เขาก็เหลือบไปเห็นอะไรสีขาวเล็ก ๆ เคลื่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ ไม่แปลกใจเลยที่เด็กตัวน้อยนี้คือลูกสาวของฉินอันอัน เขาอยากเห็นลูกสาวของฉินอันอันจริง ๆ แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีนี้ เขารีบเดินออกไป หลังจากที่เขาจากไป รุ่ยลาก็ออกมาจากพุ่มไม้ด้วยอาการหอบหืด “คุณยาย! พ่อของหนูมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?” จางหยุนจับมือเล็ก ๆ ของรุ่ยลาแล้วเดินไปที่ประตูคฤหาสน์ “หนูรู้ได้ยังไงว่าเขาคือพ่อของหนู?” “เพราะเขาเป็นสามีเก่าของแม่ไงคะ!” รุ่ยลาถอนหายใจด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “เสียดายที
“พวกเขาหลบฉันเหมือนฉันเป็นสัตว์ร้าย คงไม่อยากทักทายฉันหรอก” ฝีเท้าของฟู่สือถิงหยุดนิ่ง น้ำเสียงของเขาก็ดูสิ้นหวังเล็กน้อย “บอส ให้ผมไปทักทายเธอ แล้วดูว่าลูกสาวของเธอหน้าตาเป็นยังไงไหมครับ?” โจวจื่ออี้ต้องการช่วยเขา “ไม่ต้อง ภารกิจของนายคืนนี้คือการเข้าใกล้ไมค์” “ครับ” หลังจากงานเลี้ยงอาหารค่ำของฉินกรุ๊ป ก็จะมีกิจกรรมสันทนาการมากมาย เพื่อนของโจวจื่ออี้สัญญาว่าจะพาเขาเข้าไปร่วมงานด้วย ด้วยวิธีนี้โจวจื่ออี้จึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับไมค์ หลังจากที่ครอบครัวทั้งสี่คนของฉินอันอันขึ้นรถ โจวจื่ออี้ก็พูดกับฟู่สือถิงว่า “ประธานครับ คุณกลับไปก่อนเถอะ! มือของคุณเสิ่นได้รับบาดเจ็บ วันนี้คุณยังไม่ได้ไปเยี่ยมเธอใช่ไหม? ถ้าคุณไม่ไป ผมเกรงว่าเธอจะเสียใจนะครับ” วันนี้ฟู่สือถิงงานยุ่งทั้งวัน โจวจื่ออี้มองออกว่าเขาเสียใจมาก เขาจึงใช้งานเพื่อทำให้ตัวเองเฉยชา แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตอนนี้อิ๋นอิ๋นยังต้องการการรักษาจากเสิ่นอวี๋ ดังนั้นฟู่สือถิงในฐานะแฟนจึงไม่สามารถใจร้ายเกินไปได้ หลังจากที่ฟู่สือถิงออกไป ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เพื่อนของโจวจื่ออี้ก็ออกมาจากร้านอาหาร มีชายกลุ่มหนึ่งเดินออก
วันรุ่งขึ้น เวลาตีห้า หน้าจอโทรศัพท์มือถือของฟู่สือถิงสว่างขึ้น มีข้อความใหม่เข้ามา สองชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงตื่นขึ้นมาเปิดโทรศัพท์และเห็นข้อความจากโจวจื่ออี้ : บอสครับ ไมค์บอกว่าตัวเองเป็นแฮกเกอร์ที่เก่งมาก : เขาเป็นเกย์ : บอสครับ ผมอยากขอลางาน เมื่ออ่านข้อความทั้งสาม ฟู่สือถิงก็ขมวดคิ้วทันที ‘จื่ออี้จะได้ข้อมูลสำคัญมากมายในคืนเดียวได้ยังไง?’ ไมค์ไม่น่าใช่คนเปิดเผยแบบนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาที่จะเปิดเผยข้อมูลของตัวเองกับคนแปลกหน้าโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ เมื่อคิดแบบนี้ ฟู่สือถิงจึงโทรหาโจวจื่ออี้ “จื่ออี้ นายได้ข้อมูลจากไมค์ได้ยังไง?” โจวจื่ออี้เงียบไปสองวินาที น้ำเสียงของเขาเหนื่อยเล็กน้อย “เมื่อคืนเขาเมา เขาก็เลยพูดออกมาหมดเลยครับ” “ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” “ครับ ผมก็ดื่มหนักเหมือนกัน ผมปวดหัวเลยอยากพัก” “ได้ งั้นนายพักผ่อนให้เต็มที่”……คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ แปดโมงเช้า ฉินอันอันกำลังเตรียมตัวจะส่งลูกสองคนไปโรงเรียน “แม่คะ เมื่อคืนลุงไมค์ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านเหรอคะ? หนูไปดูที่ห้องเขาแล้วไม่มีใครอยู่เลย!” รุ่ยลาถือกระเป๋านักเรียนด้วยสีหน้าสงสัย เมื่อคืน
ฟู่สือถิงเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของรุ่ยลา รุ่ยลาหน้าตาคล้ายฉินอันอันมาก ขณะที่เธอเดินผ่านเขา รุ่ยลาก็จ้องมองเขาด้วยดวงตาโตที่ดุร้ายเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเด็ก ๆ มีความคิดแบบไหนถึงได้เกลียดเขามากขนาดนั้น ไม่นานหลังจากนั้น ฉินอันอันก็เดินเข้าไปหาเขา “มาเช้าขนาดนี้ คุณมีธุระอะไรเหรอ?” ฟู่สือถิงมองใบหน้าที่เย็นชาของเธอและถามด้วยสีหน้าสงสัย “ฉินอันอัน เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกแท้ ๆของคุณหรือเปล่า? เธอเหมือนคุณมาก” “คุณมาที่นี่เพื่อมาเจอลูกสาวของฉันโดยเฉพาะเลยเหรอ?” “พ่อของเธอคือใคร?” เสียงของฟู่สือถิงเริ่มทุ้มขึ้นเล็กน้อย “เธออยู่ชั้นอนุบาลแล้ว อายุน่าจะเกินสามขวบแน่ ๆ” เหมือนว่าเรื่องโกหกที่เธอรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมจะไม่สามารถปิดบังต่อไปได้ รุ่ยลาหน้าคล้ายฉินอันอันตอนที่เธอยังเป็นเด็กมาก แทบจะแกะสลักจากพิมพ์เดียวกัน “ใช่ เธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของฉัน แต่คุณไม่ใช่พ่อของเธอ” ฉินอันอันยิ้ม “ฉันบังเอิญพบสเปิร์มของผู้ชายคนหนึ่งในธนาคารสเปิร์มต่างประเทศเพื่อเติมเต็มความปรารถนาที่อยากจะเป็นแม่ของฉัน” ความปรารถนาที่อยากจะเป็นแม่! ประโยคนี้ทำให้ฟู่สือถิงพูดอะไรไม่ออก “ถ้าคุณมาที่นี่เพีย
ฉินอันอันได้รับแจ้งจึงรีบไปที่แผนกเทคนิคทันที “ประธานฟู่ วันนี้หัวหน้าไม่ได้เข้าบริษัทครับ” ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าฝ่ายเทคนิค แต่สังเกตุจากสีหน้าเย็นชาของฟู่สือถิง อาจเป็นเพราะไมค์ทำให้เขาขุ่นเคือง “ผมจะพาคุณไปเจอเจ้านายของเรา!” หลังจากที่หัวหน้างานพูดจบ ฉินอันอันก็เดินเข้ามา เธอเดินไปหาฟู่สือถิง เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาแล้วพูดว่า “ไปคุยที่ห้องทำงานของฉัน” เขามาตามหาไมค์ที่แผนกเทคนิค น่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเขากับไมค์ ไมค์ไม่ได้พูดอะไรกับเธอ แต่เมื่อเห็นสีหน้าน่ากลัวของฟู่สือถิง ก็คิดว่าต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เมื่อมาถึงห้องทำงานของฉินอันอัน ฟู่สือถิงและเซิ่งเป่ยก็นั่งลงบนโซฟาโดยมีบอดี้การ์ดรออยู่ข้างนอก “เกิดอะไรขึ้น?” ฉินอันอันเทน้ำใส่แก้วให้พวกเขาทีละคน เซิ่งเป่ย “คุณฉิน หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของคุณรังแกจื่ออี้ ฉินอันอันพูดไม่ออก “...” จื่ออี้เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถมากที่สุดของฟู่สือถิง เทียบเท่ากับมือขวาของเขา การที่โจวจื่ออี้ถูกรังแกก็เท่ากับว่าเขาถูกรังแกด้วย เธอปวดหัว ไม่คิดว่าไมค์จะทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้! เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทร
ถ้าไมค์ทำแบบนั้นจริง ๆ จากที่เธอได้รู้จักฟู่สือถิง ฟู่สือถิงไม่ไว้ชีวิตเขาแน่นอน สักพักไมค์ก็กลับมาที่บริษัท เขาเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน “อันอัน! ฟังฉันอธิบายนะ! ฉันไม่ได้รังแกโจวจื่ออี้จริง ๆ! ถ้าฉันรู้ว่าคืนนั้นเขาเป็นคนของฟู่สือถิง ฉันคงไม่ดื่มกับเขาหรอก! ฉันคงจะต่อยและให้เขาได้ลิ้มรสหมัดของฉัน!” หลังจากที่ไมค์พูดจบ เขาก็เพิ่งเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ในออฟฟิศด้วย สำนักงานก็เงียบลงทันที ฟู่สือถิงหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำ เซิ่งเป่ยก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำ ฉินอันอันเปลี่ยนเรื่องและเอ่ยถามไมค์ “นายเคยแฮกข้อมูลโรงเรียนนานาชาติแองเจลาไหม? แล้วที่เอสทีกรุ๊ปโดนแฮกเมื่อไม่นานมานี้ ใช่ฝีมือนายด้วยหรือเปล่า?” ไมค์ยกมือขึ้นและสบถว่า “ไม่ใช่ฉันนะ! ถ้าฉันทำ ฉันต้องยอมรับแน่ แม้ว่าทักษะของฉันในด้านนี้จะดี แต่นั่นไม่ใช่ฉันจริง ๆ นะ” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ขยิบตาให้ฉินอันอัน ดวงตาของเขากำลังบอกเะอว่า ลูกชายของเธอทำ ฉินอันอันเงียบไป “...” “อืม...ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย พวกคุณกินกันหรือยัง? เรามากินข้าวด้วยกันไหม?!” แน่นอนว่าฉินอันอันต้องการปกป้องลูกชายของเธอ ดังนั้นเธอจึง
หัวใจของฉินอันอันบีบรัด เธอได้ยินเสียงของตัวเองที่แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย แต่จริง ๆ แล้วกังวลมากจนตัวสั่น “อืม...ท้าทายแบบไหนเหรอ?” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเย็นชา “ไอ้ห่วย มาบีบคอฉันสิ!” ฉินอันอันพูดไม่ออก “...” เซิ่งเป่ยไม่รู้จะแสดงสีหน้าอย่างไร “ผมสงสัยว่าแฮกเกอร์คนนี้ยังอายุน้อย!” ฉินอันอัน “ไม่เกี่ยวกันหรอกค่ะ! ประโยคนี้ประโยคเดียวบอกอะไรไม่ได้หรอก!” เซิ่งเป่ย “ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ไม่ใช้คำว่า ไอ้ห่วยหรอก ว่าไหม? แน่นอน อาจจมีในละครโบราณ” เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาสงสัยว่าเป็นผู้เยาว์ ฉินอันอันจึงพึมพำกับเซิ่งเป่ยว่า “ไอ้ห่วย” จากนั้นจึงพูดกับฟู่สือถิงว่า “ไอ้ห่วย” เซิ่งเป่ย “...” ฟู่สือถิง “...” ฉินอันอัน “คุณดูสิ คำ ๆ นี้ ไม่ได้อ่อนหัดขนาดนั้น! ผู้ใหญ่ก็ใช้ได้เหมือนกัน” เธอดูเหมือนพยายามกลบเกลื่อนตัวเอง เมื่อมองใบหน้าของเธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสุภาษิตหนึ่ง ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด ฟู่สือถิงกับเซิ่งเป่ยแอบสบตากันชั่วครู่ พวกเขามีลางสังหรณ์ในใจอยู่แล้ว “คุณฉิน คุณกับไมค์เจอกันได้ยังไงเหรอครับ? ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณจะรู้จักคนเก่งขนาดนี้” เซิ่งเป่ยเปลี่ยนเรื่อง
ตอนเย็น ฉินอันอันกลับถึงบ้านเร็วกว่าปกติ หลังจากที่จางหยุนไปรับเสี่ยวหานกลับมาแล้ว เธอก็อุ้มรุ่ยลาเข้าไปในห้อง เสี่ยวหานมองคุณยายอุ้มน้องสาวไป ในใจก็รู้แล้วว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น“เสี่ยวหาน เอากระเป๋านักเรียนมาให้แม่” ฉินอันอันเอื้อมมือไปหาเสี่ยวหาน เสี่ยวหานส่งกระเป๋านักเรียนให้เธอด้วยมือทั้งสองข้าง เธอเปิดกระเป๋านักเรียนของเขาออกแล้วหยิบแล็ปท็อปของเขาออกมา เธอไม่ได้เปิดแล็ปท็อปของเขา แต่พูดออกมาตรง ๆ เลยว่า “ลุงไมค์ของลูกบอกแม่ทุกอย่างแล้ว ลูกใช้เทคนิคที่เขาสอนทำเรื่องไม่ดีไปมาก เสี่ยวหาน ลูกรู้หรือเปล่าว่ามันผิดกฎหมาย? แล้วลูกรู้ไหมว่าต้องเจอกับอะไรบ้างถ้าถูกคนตรวจพบเข้า?” เสี่ยวหานตาไม่กระพริบ “ผมเพิ่งจะสี่ขวบ พวกเขาจับผมเข้าคุกได้เหรอครับ?” ฉินอันอันพูดไม่ออก “…” ถึงแม้ว่าฟู่สือถิงจะสมารถปิดแผ่นฟ้าของประเทศเอด้วยฝ่ามือข้างเดียวได้ แต่เขาก็ไม่มีทางส่งเด็กอายุสี่ขวบเข้าคุกได้เช่นกัน แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นสำคัญคือทัศนคติทั้งสามด้าน*ของเสี่ยวหานเริ่มบิดเบี้ยวแล้ว “ลูกสี่ขวบไปไม่ได้ตลอดหรอกนะ ยังไงลูกก็ต้องเติบโต” ฉินอันอันสอนเขา “แม่ทนเห็นลูกทำผิดซ้ำแ