“ไม่... ไม่บอก ฉันจะไม่บอก” เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงขาดหายเช่นเดิม “เอาอะไรมารับประกันดีวะโจว์” จอมทัพหันไปถามลูกน้อง ซึ่งก็รู้ใจดีเหลือเกิน ลูกน้องคนสนิทถือมีดไปปักกลางโต๊ะ เท่านั้นแหละชายหนุ่มที่โดนซ้อมถึงกับตาโตด้วยความตกใจ ก่อนจะถูกนำตัวไปแล้วจับศีรษะฟุบหน้ากับโต๊ะ ลูกน้องคนหนึ่งก็จับมือเอาไว้พร้อมกับกางนิ้วออกจากกันให้หมดทุกนิ้ว “ห๊า! ไม่... ไม่นะ... พวกแกจะทำอะไร อย่า! อย่า! ได้โปรด อย่าทำอะไรฉันเลย” ชายหนุ่มเอ่ยขอร้องเสียงสั่น พร้อมกับเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้“เกี่ยวก้อยสัญญากัน แต่นิ้วก้อยน่ะขอนะ” จอมทัพก้มหน้ากระซิบเสียงเหี้ยมก่อนจะจับมีดคมๆ เอาไว้ปักไว้กึ่งกลางระหว่างนิ้วก้อยกับนิ้วนาง“มะ มะ ไม่ อย่าคุณเฉิน อย่า อ๊า!!!! อื้อ!!!” เสียงร้องดังลั่นห้อง เมื่อจอมทัพกดมีดลงไปบนนิ้วก้อยแรงๆ แรงสุดเท่าที่กำลังจะมี กระทั่งนิ้วก้อยขนาดสะบั้นไปหนึ่งข้อ จอมทัพทำลงไปด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่สะทกสะท้าน ส่วนลูกน้องก็ปิดผ้ายัดปากชายหนุ่มเอาไว้เพื่อไม่ให้ร้องไปมากกว่านี้ “อื้อ!!!” ชายหนุ่มได้แต่ร้องในลำคอ ดีดดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับดวงตาเหลือกล
“เอสเป็นซึมเศร้า” จอมทัพตอบสั้นๆ พร้อมกับปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ แววตากลับมาเป็นปกติเช่นกัน เพื่อตำรวจจะได้ไม่ต้องมีประเด็น หรือสงสัยไปมากกว่านี้ เพราะเขาจะจัดการด้วยตัวเอง“อาจจะมีความเครียดจากข่าวที่เกิดขึ้นด้วย” ตำรวจให้ความเห็น“ข่าวเหรอ” จอมทัพถามย้ำก่อนจะเหลือบมองตำรวจแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ“คุณเอสเล่าอะไรให้คุณฟังบ้างไหมครับ” ตำรวจถามจอมทัพเพิ่มเติม ซึ่งเขาได้แต่เหลือบมองเท่านั้น ภายในใจมีคำตอบมากมาย แต่ไม่ตอบ“เราเป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ ต่างคนต่างเติบโตกันคนละที่ แต่เมื่อไม่มีพ่อแม่ผมก็พยายามดูแลเขา แต่เขาแทบจะไม่เล่าอะไรให้ฟัง ที่ผ่านบอกแค่ว่าเครียดน่ะ ไม่อยากออกไปเจอใคร ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ผมบอกแค่ว่าเดี๋ยวผมก็กลับมา แต่ไม่ทันซะแล้ว” จอมทัพตอบแบบเลี่ยงๆ ไป “กระแสโซเชียลช่างรุนแรง สามารถฆ่าคนตายได้เลย” “ถ้าผมมีเวทมนต์ ผมจะเป่าทุกคนที่เกี่ยวข้องให้เป็นผุยผง” จอมทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงกดต่ำ น่ากลัว จนตำรวจถึงกับมองหน้และเหลือบมองบอดี้รอบๆ ตัว ซึ่งทุกคนก็จ้องเขม่งเลยทีเดียว เรียกได้ว่าสายตาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ซึ่งตำรวจก็รู้แหละว่าจอมทัพเป็นใคร มีอิทธิพลครอบคลุมระดับใ
“คุณ! คุณ! ได้ยินผมไหม” คนรับใช้ถาม ชายที่ปริศนาก็พยักหน้าแต่ไม่ได้ลืมตา คนรับใช้จึงเพ่งมองอีกครั้งให้แน่ใจ พร้อมกับจับตัวพลิก “คุณกรณ์! คุณกรณ์! โอ๊ยตายแล้ว” คนรับใช้เรียกด้วยความตกใจก่อนจะเข้าไปพยุง พร้อมกับสาวใช้อีกคน “นิ่ม ไปเรียกคุณๆ เดี๋ยวนี้ เร็ว” เขาสั่งอีกครั้ง จากนั้นสาวใช้คนเดิมก็วิ่งเข้าบ้านทันที ซึ่งเจ้านายทั้งหลายก็ยืนมองอยู่ก่อนแล้ว“มีอะไรเหรอนิ่ม” นราพี่สาวคนโตของบ้านเอ่ยถามด้วยความตกใจ “คุณกรณ์ คุณกรณ์อยู่หน้าบ้าน เหมือนถูกปองร้ายมาเลยค่ะ สภาพดูไม่ได้เลย” สิ้นคำของสาวใช้ ทุกคนก็วิ่งไปที่หน้าบ้านพร้อมกับตะโกนบอกคนขับรถให้เอารถออกโดยด่วน “กรี๊ด! กรณ์ เกิดอะไรขึ้น กรณ์” นรากรี๊ดลั่นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเลือดโทรมกายของชายหนุ่ม“พาคุณกรณ์ไปหาหมอเถอะครับ” คนรับใช้บอก “รถกำลังมา รถกำลังมา” นราละล่ำละลักเอ่ยเสียงสั่น แทบจะเป็นลมอยู่แล้ว เพราะสภาพของกรณ์นั้นไม่รู้จะอยู่หรือตาย และในจังหวะเดียวกันนั้นรถก็แล่นมาจอดด้านหน้าพอดี ทุกคนจึงได้พยุงกรณ์ขึ้นรถ คุณหนูใหญ่ก็ขึ้นไปนั่งประคองเอาไว้ เพราะเป็นคนสนิท “ให้เราตามไปไหม พี่นรา” น้องอีกคนเอ่ยถาม“ไปๆๆ ขับรถตามไป” นราตอบเสีย
“มะ มะ มัน... ชื่อต้าเฉิน ผมรู้จักว่าเขาเป็นนักธุรกิจ แต่ไม่ใช่”“มันให้ลูกน้องซ้อมคุณเหรอเนี่ย” “เปล่า ตัวเขาเอง เขาซ้อมผมด้วยมือของเขาเอง ไม่ให้ลูกน้องยุ่ง เขาเป็นมังกร” “เราจะทำยังไงดี ระ ระ เราต้องหนีหรือเปล่า” คีตะภัทรถามขึ้น “เราจะหนีทำไม ในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรผิด นังนั่นมันฆ่าตัวตายเองต่างหาก” นราตอบ“แต่มันก็เพราะ... เพราะเรานะพี่นรา เราทำให้สังคมประนามมันและเราทำให้มันเครียด”“ก็สมควรแล้วนี่ มันชั่ว เลว ต่ำ แล้วที่มันทำกับครอบครัวเราละ แทบจะบ้านแตก”“เรา ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียว คุณนราต้องจ้างบอดี้การ์ด เขาเอาจริงแน่ และไม่รู้ว่าจะโชคดีเหมือนผมที่รอดมาหรือเปล่า” กรณ์ยังคงบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย“คนตัวตั้งตัวตี และออกความเห็นเรื่องนี้ คือคุณกรณ์นะครับ แล้วพวกเราจะกลัวทำไม” คีตะภัทรพูดขึ้นทันที “ก็เพราะพวกคุณต้องการให้เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ” “เอาล่ะๆ ไม่ต้องเถียงกัน แต่ว่าเราควรบอกคุณพ่อไหม” “บอกพ่อ พ่อก็จะยิ่งเอาเรื่องเราน่ะสิถ้ารู้ความจริงน่ะ อย่าโง่สิพี่นรา เท่านี้คุณพ่อก็... ก็เหมือนคนไม่มีวิญญาณแล้วเพราะเอาแต่คิดถึงนังนั่น งั้นขอคุณพ่อจ้างบอดี้การ์ดสักสองสามคน เพื่อความ
“นี่มันโรงพยาบาลนะ มันไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งหรอกน่า” “ก็ได้ครับ งั้นผมกลับก่อน เจอกันพรุ่งนี้” เมื่อพูดจบคีตะภัทรก็ออกไปจากห้องพัก ขับรถกลับบ้านคนเดียว เพราะคนขับรถต้องอยู่เป็นเพื่อนนราก่อน แต่ให้ตายสิ จิตตกและระแวงไปหมด“คุณกรณ์ เขาทำอะไรคุณนอกเหนือจากนี้หรือเปล่า” นราอดถามไม่ได้เมื่ออยู่กันสองคน“มันซ้อมผม ด้วยตัวเอง ไม่ให้ลูกน้องยุ่ง มัน... เก่งมากคุณนรา โหด เหี้ยม น่ากลัว ถ้าไม่เป็นเพราะอยากให้ผมมาส่งข่าวล่ะก็ ป่านนี้ผมอาจจะตายแล้วก็ได้” “อยากเห็นหน้าจริงๆ เลย” “อย่าอยากเห็นเลยครับ มันน่ากลัวจริงๆ คุณคิดไม่ถึงหรอกเวลามีปืนจ่ออยู่ตรงหน้ามันเป็นยังไง ในห้องมืดที่มีแสงนิดเดียว เขาสามารถฆ่าผมได้เพียงแค่หมัดกับเท้า ผมแทบคลาน ตอนที่มันตัดนิ้วผม ผมเคยเห็นแต่ในหนัง” “ทำไมมันถึงโหดเหี้ยมแบบนี้” นราบอกเสียงสั่น นึกหวาดกลัว แต่เจอกับตัวเองจะเป็นอย่างไร เหมือนในหนังไหม คงน่ากลัวเกินจะคาดเดา “เราเลิกพูดเรื่องนี้นะครับ ผมว่าคุณพักเถอะ ผมก็จะพัก” เขาพูดมาเยอะแล้ว และอ่อนเพลียเหลือเกิน แต่ที่มีแรงพูดอยู่ก็เพราะว่าใจร้อนอย่างบอกเท่านั้นเอง ทุกคนจะได้ตื่นกลัว จะเหลือก็แต่น้องคนเล็กนั่นแหละที่ยั
“ฤทธิ์เยอะ! ถ้าไม่ติดว่าคุณท่านบอกนะ เจอดีแน่” สิ้นคำอีกที หญิงสาวก็ตบผัวะเข้าให้ทั้งใบหน้าภายใต้โม่งดำนั่นแหละ “โอ๊ย! มึงเอายาสลบปิดจมูกได้แล้ว” “อื้อ! อื้อ!” หญิงสาวก็ดิ้นสิทีนี้ แม้จะพยายามกลั้นใจ แต่เพราะหายใจไม่ออก สุดท้ายก็ต้องสูดกลิ่นยาสลบเข้าไปเต็มปวด จนกระทั่งหมดฤทธิ์ทันที จากนั้นสองหนุ่มจึงได้นำถุงคลุมศีรษะอีกรอบ จากนั้นก็จับมือมัดเอาไว้ทางด้านหลัง แล้วเอนให้เธอลองไปนอนบนเบาะ พร้อมกับเอาเสื้อคลุมตัวให้เพื่อปิดขา เพราะเธอใส่เดรสและนอนแบบนั้นไม่น่าดูนัก “สวยฉิบหาย” คนที่โดนตบ เอ่ยปากชมแบบหงุดหงิด พลางส่ายหน้า“ชมไปด้วยหงุดหงิดไปด้วยแปลว่า”“แปลว่าเจ็บ มือหนักแต่สวยดุ เด็กท่าน ว่าแต่ถ้าท่านเห็นหน้าแล้วจะทำอะไรเด็กนี่ลงเหรอ” “ทำไมวะ”“ก็สวยขนาดนี้ ลงไม้ลงมือคงไม่ไหว” “สวยแต่เลว ชั่ว คุณท่านก็ไม่เอาไว้หรอกนะ และเพราะยัยนี่ทำคุณต้าเอสตายจะมาสงสารทำไมเนี่ย”“ไม่ได้สงสาร เสียดายความสวย ไม่คิดว่าคนสวยๆ จะใจดำ อำมหิตแบบนี้” “นั่นสินะ สงสารคุณท่าน เหลือญาติแค่คนเดียวก็ทิ้งไปซะล่ะ” “เลิกๆ หยุดพูดดีกว่า เรามันตัวเล็กๆ ปลายแถว เงียบปาก ให้ข้างบนเขาจัดการกันไป หมดที่เราใกล้จะหมดแล้ว
“มะ มะ ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำอะไรเลย” เธอละล่ำละลักตอบเสียงสั่น “อย่ามาแก้ตัว ไอ้กรผู้ช่วยพี่สาวเธอ มันก็แก้ตัวแบบนี้ ฉันไม่ฆ่ามันก็บุญหัวแล้ว” “พะ พะ พี่กร นายทำอะไรพี่กร” หญิงสาวถามด้วยความตกใจ“ต้องถามก่อนว่า พวกเธอทำอะไรต้าเอสต่างหาก ส่วนไอ้กรน่ะ เธอก็จะโดนเหมือนกันมันนั่นแหละ” “ฉัน ฉันไม่เกี่ยว ฉันไม่ได้ทำอะไรต้าเอส ต้าเอสฆ่าตัวตาย” สิ้นคำของเธอ เขาก็ยิ่งโกรธแล้วหันไปคว้าแจกันขว้างใส่พื้นเสียเลยเพื่อระบายอารมณ์ เพล้ง!!! ทำเอาเธอตกใจและยกขาขึ้นทันทีเพราะกลัวเศษแก้วกระเด็นใส่“อย่ามาแก้ตัว!!! คิดสิว่าทำอะไรลงไป และเพราะอะไรทำไมน้องฉันต้องมาตาย เพราะปีศาจอย่างพวกเธอไง”“ฉัน... ฉันไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ” หญิงสาวแก้ตัวอีกครั้ง ทว่าคราวนี้น้ำเสียงเบาลง “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เอาเถอะถ้าจะปากแข็งกว่าไอ้กรล่ะก็ คงต้องจัดการให้หนักกว่าซะล่ะมั้ง” “อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวด้วย ที่ต้าเอสฆ่าตัวตายไม่เกี่ยวกับฉันเลย” เธอพยายามบอกเสียงสั่น น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลรินอาบแก้มด้วยความหวาดกลัว และรู้สึกผิดกับสิ่งที่เขาเล่ามานั่นแหละ เธอรู้ แม้จะไม่เกี่ยวแต่ต้าเอสก็ต้องมาตายเพราะ
“แล้วผมล่ะครับ ผมคงปล่อยให้คุณท่านอยู่ตามลำพังไม่ได้” “ใครก็ทำอะไรฉันไม่ได้ ไปเช่าบ้านอยู่ห่างๆ ถ้าไม่เรียกไม่ต้องมายุ่ง” จอมทัพบอกเสียงเหี้ยม แต่ภายในใจของโจว์มันหวาดหวั่นจริงๆ นะ ให้ตายสิ ไม่มีลูกน้องคนไหนที่รู้ความสัมพันธ์นี้ยกเว้นโจว์คนเดียว “งั้น มีอะไรก็โทรเรียกครับ ผมจะให้บอร์ดี้การ์ดอยู่ห่างๆ” โจว์บอกด้วยความเป็นห่วงและเสียงสั่นอยู่ เพราะช็อกไม่หายเหมือนกัน “อย่ามาป้วนเปี้ยนเป็นพอ” จอมทัพบอกเสียงเหี้ยม “ครับ” โจว์ตอบกลับพลางมองหน้าจอมทัพด้วยความหวั่นใจอีกครั้ง สายตาของจอมทัพมันบ่งบอกว่า ไม่ได้พร้อมที่จะแก้แค้นให้สาสมเหมือนก่อนหน้านี้เลย โจว์คิด ก่อนจะปลีกตัวออกไปจากบ้านหลังใหญ่หลังนี้ที่ตั้งอยู่ห่างจากรีสอร์ต หรือบ้านพักตากอากาศหลังอื่น เป็นบ้านชั้นเดียวกันแบบสไตล์อังกฤษ แต่มีปล่องไฟสำหรับหน้าหนาวเช่นกัน รอบๆ บ้านรายล้อมไปด้วยสวนหย่อมและลำธาร ด้านหลังติดภูเขา และใช่นี่คือบ้านพักตากอากาศของจอมทัพเอง แต่ภายในบ้านแทบจะไม่มีอะไรนอกจากเครื่องนอน เพราะเขาไม่ได้มาพักนานแล้ว แต่สร้างเอาไว้พักผ่อนเวลาอยากมาเที่ยวเท่านั้นเอง จอมทัพสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางมองไปรอบตัว มือของเขาพร้อมกับห
“เมียฉัน วันนี้มีหลายอย่างให้ทำเลย” เขาบอกพลางหรี่ตามองเธอ และยกยิ้มมุมปาก ครั้นเธอจะเถียงคนก็เยอะแยะ ทำได้แค่กัดฟัน“ถ้างั้น ผมจะไปทำงานอื่นดีกว่า มีอะไรก็โทรเรียกก็แล้วกันครับ”“อืม” จอมทัพตอบสั้นๆ จากนั้นทั้งโจว์และลูกน้องทั้งหมดจึงได้แยกย้ายและหน้าที่ขนของลงเป็นของอลิน“พูดคำว่าเมียอีกคำ ฉันต่อยคุณแน่”“ก็เมียไหมล่ะ นี่ก็ผัว” เขาตอบหน้าตาเฉย พลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง“ไม่ได้เป็น” เธอเค้นเสียงและทำหน้าบึ้งใส่“ก็ใส่เข้าไปเต็มลำขนาดนั้น แค่ยังไม่เสร็จ”“คุณ!” เธอไม่รู้จะเถียงอย่างดี จึงได้แต่ยกมือขึ้นผลักอกเขาแรงๆ แล้วเดินไปยังท้ายรถ ทยอยขนทุกอย่างลงแล้วเดินดุ่มๆ เข้าไปในบ้าน ชอบใจเขาเสียจริงที่ทำให้เธอมีน้ำโหได้เนี่ย คิดแล้วก็เผลอยิ้มแต่เพียงชั่วครู่เท่านั้นเขาก็ต้องหุบยิ้มในทันที จากนั้นก็เดินเข้าบ้าน ไปนั่งชิลๆ ในห้องนั่งเล่น พลางหยิบไวน์มารินจิบ
“อ้าว ป้าก็นึกว่าสามคนผัวเสียซะอีก เห็นยุคนี้นิยมโลกหลายใบ เลยนึกว่ามีเหมือนเขาบ้าง” แหมป้าขายผักฟิวป้าข้างบ้านจริงๆ เชียว“แล้วคุณคนนี้ก็ไม่ใช่...” “เอาผักนี้ครับ เอาอันนี้ด้วย อุ้ยอันนี้ด้วยครับ” จอมทัพรู้ว่าเธอจะพูดอะไรจึงแทรกพูดสารพัด“โจว์ช่วยเลือกที” จอมทัพยังเสริมขึ้นอีก แล้วทำเป็นเลือกนั่นนั่นแล้วส่งให้ป้าคนขาย จ่ายเงินเสร็จก็คว้ามืออลินออกไปจากหน้าร้าน ไปยังร้านอื่นๆ โดยมีโจว์เป็นคนนำ เพราะจ่ายตลาดเก่งที่สุดแล้วล่ะ ได้เนื้อสัตว์สารพัดเพื่อจะได้นำไปเก็บไว้ในตู้เย็น“คุณจะขังฉันไว้ที่บ้านพักตากอากาศกี่ปี ซื้อไปเยอะแยะขนาดนั้น” อลินอดแซวไม่ได้ เมื่อยังเดินอยู่ในตลาด“ได้ทั้งชีวิต” จอมทัพตอบเสียงเรียบ เหมือนไม่คิดอะไร แต่อลินกลับเหลือบมอง“หยุดมองผมด้วยสายตาแบบนั้น” จอมทัพว่า“อยากมองตายล่ะ” เธอเถียงกลับ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก“อารมณ์งอนผัว
“โจว์ไปกับฉัน ฉันจะพาเชลยฉัน ไปจ่ายตลาด” จอมทัพเอ่ยน้ำเสียงเยาะอีกครั้ง“ครับ” โจว์ก็รับคำอย่างว่าง่าย พร้อมกับเดินไปที่รถและเปิดให้เจ้านาย“เชิญครับ” เขาผายมือ จอมทัพจึงดันอลินขึ้นไปนั่งก่อน จากนั้นจอมทัพจึงตามขึ้นไปประกบ และเมื่อเคลื่อนรถออกไปจากหน้าบ้านได้ อลินก็เอามือดันเขาออกไปให้ห่างๆ แล้วหันมามองอย่างเอาเรื่อง“จะเอายังไงคะ” เธอถามแบบหาเรื่อง“สนุกดีออก หรือชอบแบบที่ผมทำกับไอ้กรณ์”“ฉันไม่รู้ว่าคุณทำอะไรคุณกรณ์” ดูเหมือนการย้ำของเขา จะทำให้เธออยากรู้มากขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสได้ถามเลย“หึๆ” เขาได้แต่หัวเราะใจลำคอ ก่อนจะเปิดโทรศัพท์เพื่อเอาคลิปให้เธอดู เท่านั้นแหละเธอก็ช้อก อ้าปากค้างไปเลย เพราะไม่คิดว่าผุ้ชายที่เคยขึ้นชื่อว่าสุภาพบุรุษกับเธอจะ...“คุณมัน... ชั่วร้ายที่สุด” เธอไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าเขา ส่วนเขาน่ะหรือได้แต่หัวเราะชอบใจ
“พอได้แล้วนรา” บิดาเอ่ยแทรกขึ้น“ทุกคน ฉันขอโทษ ฉันแค่รักคุณอา” ต้าเอสพยุงตัวลุกขึ้นนั่งแล้วประนมมือไหว้สั่นๆ“หนอย! มึงมันไร้ยางอาย” สิ้นคำคุณหญิงนวลอนงค์ก็ถีบเข้าไปที่ใบหน้าของต้าเอสอย่างแรง“เอส” ท่านวันชัยร้องเรียก ก่อนจะวิ่งเข้าไปพยุง“คุณหญิง จะเกินไปแล้วนะ”“คุณแม่ คุณแม่ เรากลับกันเถอะค่ะ พอได้แล้ว เรื่องมันไปกันใหญ่แล้ว”“ถ้ามันไม่ตายวันนี้ กูจะทำให้มันตายวันหน้า คอยดู เชิญคุณเสวยสุขกับมันไปก่อนเถอะ” เมื่อพูดจบคุณหญิงนวลอนงค์ก็สะบัดตัวขึ้นรถ มีอลินคอยประคองเอาไว้ โดยที่นรา คีตะภัทร ขึ้นรถอีกคัน ทิ้งให้ท่านวันชัยกอดร่างของต้าเอสเอาไว้ เวลานี้เขาเต็บไปด้วยความอับอาย เพราะชาวบ้านมุงดูกันเต็มไปหมด และเขาไม่รู้จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร สุดท้ายได้แต่อุ้มเธอขึ้นรถเพื่อพาไปโรงพยาบาล จอมทัพกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นจนมือสั่น พร้อมกับสันกรามที่ขบกันแน่นด้วยความโกรธ จะไม่ให้เขาแค้นได้อย่างไรใจเมื่อสิ่งที่คนพวกนั้นทำเกินกว่าคำว่าคน แม้ต้าเอส
“อีกสองคนเหรอ” จอมทัพถามกลับ“ครับ”“เฮ้อ โจว์ มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันวะ เหมือนจะผิดแผนไปหมด” จอมทัพบอกด้วยน้ำเสียงเครียดเล็กน้อย“มันไม่ได้ผิดแผนหรอกครับ แต่ มันเป็นชะตากรรมของพวกเราทุกคน”“ทำไมต้องเป็นเธอ ครอบครัวเธอ ที่ทำให้เอสต้องมาลาโลกแบบนี้”“ผมเข้าใจความเจ็บปวดของคุณท่าน”“แล้วคุณท่านจะเอายังไงต่อไปครับ”“ความเจ็บปวด และความแค้นมันฝังแน่นอยู่ในอก ชีวิตต้องแลกชีวิตเท่านั้น พวกมันสะใจที่เห็นต้าเอสโดนโซเชียลกระทำ และฆ่าทั้งเป็น แต่ฉันจะไม่รอให้โซเชียลเอาคืนคนพวกนั้นหรอก ฉันนี่แหละจะจัดการเอง”“แล้ว คุณเล็กล่ะครับ”“เล็กก็ส่วนเล็ก” ดูเหมือนว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วจอมทัพตอบไม่ได้เลยว่าจะทำอย่างไรกับอลิน“ให้คนสะกดรอยตามคนที่เหลือ แค่สะกดรอยตามนะ เอาให
แต่เขาก็ยังคงอ้อยอิ่งไล่ปลายจมูก มาสัมผัสกับริมฝีปากของเธอแผ่วเบา ภาพความทรงจำเมื่อหกเดือนที่แล้วมันหวนคืนกลับมาอีกครั้ง จูบและอ้อมกอดอุ่นมันยังอยู่ในความทรงจำไม่เคยจ่าง และรอคอยที่จะได้เป็นเจ้าของหัวใจดวงนี้ แต่วันนี้เขาทำอะไรลงไป “ตัวเล็ก” เสียงกระซิบทุ้มนุ่มเปล่งออกมาจากปากร้อนเบาๆ และนั่นทำให้เธอรู้สึกว่าได้เขากลับคืนมาเพียงชั่วครู่ก็ยังดี“พี่... พี่เฉิน” เธอตอบเสียงเบาเช่นกัน จากนั้นจึงยกมือขึ้นลูบไล้แก้มของเขาคล้ายจะพิสูจน์ว่าใช่เขาจริงๆ และยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อ เรียวปากร้อนก็ประกบจูบแนบแน่นอีกครั้ง คราวนี้ต่างฝ่ายต่างเต็มใจพร้อมกับดึงความทรงจำแห่งความสุขนั้นกลับคืนมา ผ่านสัมผัสเร่าร้อนและดูดดื่มอยู่เนิ่นนาน จนรู้สึกถึงลมหายใจหอบพร่าและร่างกายที่ร้อนรุ่มขึ้น จวบจนกระทั่งพอใจ เรียวปากจึงได้พละออกจากกัน แต่หน้าผากยังคงแนบกันอยู่ ชั่วอึดใจเขายกมือซ้ายเชยคางเธอให้เงยหวังจะจูบอีกสักที แต่ความโกรธแค้นและเสียใจมันตีกับความรู้สึกถวิลหาเหลือเกิน“พี่เฉิน ได้โปรด ฟังเล็กได้ไหม เล็กไม่ได้...” อลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพลางเอามือขวาจับมือซ้ายของเขาข้างที่ประคองใบหน้าเธอเอาไว้ แต่เธอกลับส
“มิน่าล่ะ เราถึงไม่รู้ว่าต้าเอสมีญาติพี่น้อง เขาเป็นผู้มีอิทธิพลระดับไหนคะ” “ก็ระดับ... มังกรตัวใหญ่ จะเรียกมังกรเสียทีเดียวก็ไม่ใช่ ท่านมีเชื้ออเมริกัน” “เป็นมาเฟีย” อลินให้ความเห็นน้ำเสียงตระหนกพอสมควร พลางมองไปที่แผ่นหลังของจอมทัพที่มีรอยสักลายมังกรอยู่ เธอรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ใช่... พี่เฉินคนนั้น แทบจะเป็นคนละคนกับจอมทัพ เธอไม่รู้จักผู้ชายที่เธอนอนด้วยในคืนนั้นเลย “ไม่เรียกว่ามาเฟียดีกว่าครับ ท่านเป็นคนดีนะ” คนดีที่สามารถซ้อมคนให้บางตายได้น่ะสิ “ที่ทำอยู่นั่นแหละ เรียกว่าใช่เลยค่ะ คนธรรมดาที่ไหนจะกล้าลักพาตัวคนอื่นมาทำร้ายได้แบบนี้” “ก็ใช่แหละครับ เขาไม่เหมือนคนที่คุณเล็กรู้จัก เวลารักเขารักหมดหัวใจ เวลาแค้นเขาก็แค้นจนสามารถฆ่าได้เหมือนกัน ฉะนั้น คุณเล็กรู้คร่าวๆ เท่านี้พอ ค่อยๆ ทำความรู้จักกับเขาไป ผมขอตัว” “ดะ ดะ เดี๋ยว แล้วเล็ก เอ่อฉัน ต้องอยู่ที่นี่กับเขาเหรอ” “คุณเป็นเชลยเขานี่ ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่มัดหรือขังคุณเอาไว้เหมือนนายกรณ์นั่น”“เชลยเหรอ ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น” “หึๆ ทำตัวน่ารักไว้นะครับ เผื่อเขาใจดี ไว้ชีวิตคุณ” ดูเหมือนโจว์กำลังเยาะ
แต่ขณะเดียวกันจอมทัพก็ออกยืนสงบสติอารมณ์อยู่ที่ห้องนั่งเล่น มองผ่านกระจกออกไปน้ำในลำธารไหลไม่ขาดสาย สายตาของเขามองเหม่อ มีน้ำตาคลอเล็กน้อย ก่อนจะยกมือข้างซ้ายของตนเองขึ้นมาดู มือขวาสัมผัสแหวนด้วยอาการสั่นเทา ความเมาหายไปหมด เขาจะทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้ คิดถึงเหลือเกิน คิดถึงแทบขาดใจ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องตัดใจจากความรู้สึกรักออกไปทั้งหมด บอกตัวเองว่าเธอทำให้เขาเจ็บปวด เธอทำให้ต้าเอสตาย“ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้” จอมทัพพูดเพียงลำพังด้วยน้ำเสียงสั่น รักน้องก็รัก แต่ก็รัก... รักเหลือเกิน ทว่าได้แค่คิดแล้วก็ยกมือปิดหน้าเอาไว้ด้วยความเครียด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจล็อกบ้าน ล็อกหน้าต่างทุกบานแล้วกลับเข้าห้อง จากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาโจว์เพื่อให้ซื้อบางอย่างเข้ามาให้ในวันพรุ่งนี้ พอสั่งอะไรเสร็จสรรพเขาก็ปิดไฟแล้วกลับเข้าห้องเก็บตัวเงียบ ไม่ได้ดื่มเหล้า นอนไปพร้อมกับความทุกข์เป็นสองเท่า พอเช้าวันรุ่งขึ้น ในห้องที่อลินนอนสว่างจ้า เพราะด้านนอกน่าจะสายมากแล้ว เธอตื่นสายเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ กล่อมตัวเองอยู่นานนับชั่วโมง จนกระทั่งหลับไปโดยไม่รู้ตัวว่าหยุดร้องไห้เมื่อไหร่ มาตอนนี้รู้สึกอ่อนเพลียอย่า
“พี่เฉิน... พี่เฉินไม่เอา อย่า” เธอเอ่ยขอร้องเบาๆ พร้อมกับหายใจหอบทั้งซ่านสยิวและร้อนรุ่ม “อย่าทำเพราะความโกรธเล็กสิ” คราวนี้น้ำเสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อยและหยุดดิ้น ขณะที่เรียวปากของเขากำลังละเลงเล้าโลมกับบัวคู่งามอย่างหิวกระหาย สลับปาดป่ายเรียวลิ้นร้อนไปมาทั้งสองฝั่ง ทั้งดูดดึงขบเม้มเม็ดทับทิมสีหวานหนักหน่วง ซ่านสยิวเพียงใดแต่ความหวาดกลัวและเสียใจมันมีมากกว่า เธอรักเขาและยอมเป็นของเขา หากทำด้วยความรัก ไม่ใช่ความเกลียดชังและเกลี้ยวกราดแบบนี้“คุณจอมทัพ” เมื่อเขายังไม่หยุด เธอจึงเรียกชื่อเต็มเขาเสียเลย และมันได้ผลจริงๆ ด้วย เขาหยุดและเงยหน้ามองเธอพลางกัดฟันข่มอารมณ์“ทำไม ไม่อยากได้เหรอ” เขากระซิบถาม“ถ้าคุณใช้กำลัง คุณก็อาจจะได้ฉัน แต่หัวใจฉันมันก็จะแหลกสลาย” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเช่นเคย“แล้วใจผมล่ะ มันต้องแหลกสลายกี่ครั้ง” “แต่มันต้องไม่จบแบบนี้ ฟังเล็กบ้าง” เธอทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบามีน้ำตาคลอ ทำให้เขาสับสนในหัวใจพอสมควร“ผมจะฟัง แต่ต้องหลังจากหนึ่งชั่วโมง นับจากนี้” สิ้นคำเขาก็ก้มลงจะจูบเธออีกรอบทว่าเธอเบือนหน้าหนี“มะ มะ ไม่เอา พี่เฉิน ไม่!” คราวนี้เธอขัดขืนรุนแรง