“ประธานผัง ใบสั่งซื้อใหญ่ขนาดนี้ คุณแน่ใจเหรอว่า...จะร่วมมือกับพวกเรา?”นายท่านถังและถังซินเวยล้วนรู้สึกเหลือจะเชื่อบริษัทสกุลถังใกล้ปิดตัวลงแล้วทำความร่วมมือกับเซิ่งหรงกรุ๊ป พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด“ประธานถัง หรือว่าผมมาหาถึงที่แล้วยังจริงใจไม่พออีกเหรอ?” ผังชิงอวิ๋นพูดยิ้มๆ“จะเป็นไปได้ยังไง?” นายท่านถังรีบโบกมือ “พวกเราก็แค่ไม่อยากจะเชื่อ คนใหญ่โตอย่างคุณจะมาหาพวกเราด้วยตนเองถึงที่นี่...”ผังชิงอวิ๋นเหล่มองเซียวเฉินเงียบๆ แวบหนึ่ง“เรื่องของพวกคุณสกุลถัง ผมได้ยินมาแล้ว”“ผลิตสินค้าออกมาไม่ได้มาตรฐาน ยอมแบกหนี้ก้อนโตเพื่อทำลายสินค้าด้อยคุณภาพทั้งหมด จิตใจเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกนับถือ เซิ่งหรงกรุ๊ปก็ต้องการร่วมมือกับคู่ค้าอย่างนี้นี่แหละ”คำพูดนี้ของผังชิงอวิ๋น พูดเสียจนนายท่านถังขอบตาร้อนผะผ่าว“ขอบคุณครับ...ขอบคุณครับ...” เขาพูดขอบคุณไม่หยุดใบสั่งซื้อนี้สำหรับสกุลถังคือได้รับความช่วยเหลือในยามลำบากอย่างแท้จริง“คุณพ่อ ใบสั่งซื้อนี่...” ถังซินเวยเผยสีหน้าลำบากใจ เอ่ยเตือนนายท่านถังตอนนี้สกุลถังติดหนี้ก้อนโต ไหนเลยจะมีเงินลงทุน?“คุณหนูถังวางใจได้ บริษัทของผมสามารถจ่าย
เจียงอีอีเดินเข้าสกุลเจียงใบหน้าบึ้งตึง“พี่ใหญ่ เป็นอะไรไป?” พี่น้องทั้งสี่รีบเอ่ยถาม“ประธานบริษัทเซิ่งหรงกรุ๊ปไปเซ็นสัญญากับสกุลถังด้วยตนเองแล้ว” เจียงอีอีพูดเสียงเย็นชา“ส่วนเจียงซื่อกรุ๊ปของพวกเรา ถูกหักหลังแล้ว”เจียงอีอีพูดอย่างสุขุมมากแต่ภายใต้ความสุขุมกลับซ่อนเพลิงพิโรธเอาไว้“แค่สกุลถังแห่งหนึ่ง ตกลงเซิ่งหรงกรุ๊ปสนใจอะไรพวกเขากัน?” พี่น้องทั้งสี่รู้สึกเหลือจะเชื่อ“พูดเรื่องเหล่านี้ไปก็ไม่มีความหมายแล้ว” เจียงอีอีเอ่ยปากสีหน้าเย็นชา“จำเอาไว้ นับตั้งแต่วันนี้ไป สกุลถังก็คือศัตรูของเจียงซื่อกรุ๊ป จากนี้ไปฉันจะทำเพียงเรื่องเดียว นั่นคือทำให้สกุลถัง...พังพินาศจนหมดสิ้น!”พี่น้องทั้งสี่หวาดกลัวจนไม่กล้าพูดออกมาหากพี่สาวคนโตตัดสินใจทำเรื่องใด ก็จะทำเรื่องนั้นจนสำเร็จนี่คือความมุ่งมั่นของเธอที่เป็นประธานบริษัทเจียงซื่อกรุ๊ป“เซียวเฉินไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนั้น ถึงขั้นกล้าให้ฉันไสหัวไป!” เสียงเจียงอีอีเย็นยะเยือกภาพที่สกุลถังยังฉายซ้ำอยู่เบื้องหน้าเธอสิบกว่าปีมานี้ เซียวเฉินคล้ายสุนัขขี้ประจบส่ายหางไปมาอย่างน่าเวทนาต่อหน้าเธอทำไมถึงกล้าพูดกับเธออย่างนี้?อกเจียงอี
“เซียวเฉิน แกขโมยเช็คมูลค่าห้าล้านของสกุลเจียงไป ถ้ายังไม่เอาออกมา ฉันจะหักมือหักขาแก!”เจียงหลิวเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียม เจือรอยยิ้มเย็นชา“เช็ค?” เซียวเฉินขมวดคิ้วเขาไม่ได้เอาอะไรมาจากสกุลเจียง...“เช็คเป็นฉันหยิบมาเอง” เจียงหลิวยอมรับโดยตรงด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “แต่ตอนนี้พวกผู้หญิงโง่เง่าสกุลเจียงเหล่านั้นล้วนเชื่อว่าแกไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ขโมยไป”“ฉันจะทำให้แกพิการ ค่อยเอาเช็คกลับไปคืน พิสูจน์ความสามารถของฉันเพื่อให้ได้รับความไว้ใจจากพวกเธอ แบบนี้ในอนาคตเจียงอีอีถึงจะไว้ใจมอบธุรกิจของสกุลเจียงไว้ในมือของฉัน...ถึงตอนนั้น ฉันต้องการอะไรก็ได้ทั้งหมด!”“ส่วนแก...” เขามองทางเซียวเฉิน เปี่ยมความดูแคลน “ตัวแทนไร้ประโยชน์คนหนึ่งก็เท่านั้น สามารถเป็นบันไดให้ฉันเหยียบขึ้นไปได้ก็เป็นวาสนาของแกแล้ว”สีหน้าเซียวเฉินเคร่งขรึมแผนดีนักนะ!น่ากลัวว่าพี่น้องทั้งห้าสกุลเจียงไม่มีวันคิดถึง นายน้อยที่เพียรพยายามตามหามาอย่างยากลำบากจะวางแผนเล่นงานพวกเธอ“แกนี่มันสถุลจริงๆ!” ถังซินเวยพูดอย่างโกรธเคือง“สถุล?” เจียงหลิวหัวเราะดังลั่น “ไอ้คนแซ่เซียวแย่งความมั่งคั่งของฉันมานับสิบกว่าปี หรือว่าไม่สถุ
เจียงซือซือหยิบแล็ปท็อปออกมา ล็อกอินเข้าสู่เว็บไซต์หนึ่ง“เว็บไซต์นี้รวบรวมอาจารย์หมอระดับสูงทั่วโลกเอาไว้ ทุกคนบนนี้ล้วนแบ่งระดับไว้อย่างชัดเจน แม้ว่าฉันมีชื่อเสียงในเมืองหนาน แต่ก็เป็นเพียงอาจารย์หมอระดับสองของที่นี่ บนนี้ยังมีระดับหนึ่ง ระดับตำนาน ไปจนถึงระดับสูงสุดอย่างระดับเซียน!” เจียงซือซือทางหนึ่งพูดทางหนึ่งคลิก“อาจารย์หมอระดับอาวุโสเหล่านั้นของประเทศเซี่ยพวกเรา อยู่บนนี้ก็อยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้น มีเพียงสองสามคนที่มีชื่อเสียงระดับโลกถึงจะสามารถถูกเรียกขานว่าระดับตำนาน...”“ส่วนระดับเซียน ทั่วโลกมีเพียงแค่คนเดียว! นั่นก็คืออาจารย์ของฉันหมอเทวดาเฉินเซียว!”พูดถึงอาจารย์ของตน ใบหน้าเจียงซือซือเปล่งประกายนี่เป็นความภาคภูมิใจและทรงเกียรติมากขนาดไหน!นึกถึงอดีตตอนกราบอาจารย์ เธอรู้สึกราวกับฝันไปตอนนั้นเธอเป็นเพียงอาจารย์หมอฝึกหัดเพิ่งเรียนจบคนหนึ่ง ยังรู้อะไรไม่มากชั่วขณะเพิ่งเข้าเว็บไซต์นี้ เธอใช้แท็กของหมอฝึกหัด ตอนต้องการขอความช่วยเหลือเมื่อได้พบปัญหายาก กลับไม่มีใครสนใจเธอตอนท่านนั้นที่อยู่ระดับเซียนจุดสูงสุดของพีระมิดพูดว่าต้องการรับเธอไว้เป็นศิษย์ เธอคล้ายฝันไปอย
ลงท้ายเจียงหลิวก็ทนไม่ไหว หมดสติไปพี่น้องทั้งห้าสกุลเจียงถึงใจเย็นลง“พวกเธอเฝ้าเขาดีๆ สถานการณ์วันพรุ่งนี้น่าจะดีขึ้นเล็กน้อย” เจียงอีอีออกคำสั่ง “ฉันจะไปติดต่อหมอมีชื่อเสียงเหล่านั้น”ไม่สามารถคาดหวังกับเจียงซือซือได้แล้วเจียงหลิวหมดสติไปจึงเงียบลงพี่น้องสกุลเจียงเฝ้าเขาตลอดทั้งคืน เดิมทีคิดว่าในที่สุดก็ผ่านพ้นไปได้แล้ว พรุ่งนี้เตรียมตัวไปพักผ่อนใครรู้เล่าว่าเพียงเจียงหลิวตื่นขึ้นมา ก็ร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดทรมานอีกครั้งพี่น้องทั้งห้าสกุลเจียงเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ ใกล้สติแตกเต็มที“ต้องโทษเซียวเฉินไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนั้น!” เจียงเสี่ยวอู่พูดอย่างโกรธแค้น “เป็นเขาทำให้น้องเล็กต้องบาดเจ็บจนกลายเป็นแบบนี้ จะปล่อยเขาไปไม่ได้!”“เขาเป็นคนทำร้าย เขาจะต้องรู้วิธีรักษา”พูดไป เจียงเสี่ยวอู่ลุกขึ้นเตรียมออกไปข้างนอก“พี่ใหญ่ ฉันจะไปสกุลถังสักหน่อย...” เธอพูดอย่างมุ่งมั่น“ฉันจะทำให้เซียวเฉินไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนั้นมาคุกเข่าขอขมาน้องเล็กด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้เขากลับมาปกติเหมือนเดิม”เจียงอีอีได้ยินก็ขมวดคิ้ว“ถ้าเซียวเฉินไม่ยอมล่ะ?” เธอถาม“เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!”
“ซินเวย ไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเฉินใช้ผ้าเช็ดหน้าอุ่นๆ ประคบใบหน้าให้ถังซินเวย พร้อมถามเธออย่างห่วงใยดวงตาคู่สวยของถังซินเวยเปี่ยมความอ่อนโยน“ฉันไม่เป็นไรค่ะ คุณรีบไปดูคุณหนูอู่เถอะ...” เธอมองทางฝั่งเจียงเสี่ยวอู่ กระซิบบอกเจียงเสี่ยวอู่ถูกตบแรงๆ สองฉาด พวงแก้มสองข้างบวมเปล่ง แย่กว่าเธอมาก“คนนอกคนหนึ่ง จะสนใจเธอทำไม? ฉันตบเบาไปด้วยซ้ำ” เซียวเฉินพูดเสียงเย็นชาถังซินเวยอ้าปาก กลับไม่พูดอะไรคนสกุลเจียงไล่เซียวเฉินออกจากตระกูลลก่อน เป็นพวกเธอไร้เยื่อใย เธอเองก็สนับสนุนที่เซียวเฉินทำแบบนี้เจียงเสี่ยวอู่ปิดหน้ายืนข้างหน้าต่าง สายตาจับจ้องด้านล่างตึกอยู่ตลอดบทสนทนาของทั้งคู่ เธอได้ยินทั้งหมดได้ยินเซียวเฉินพูดว่าคนนอกประโยคนั้น ไม่รู้เพราะอะไร เพลิงโทสะคุกรุ่นภายในใจเธอเคยเป็นสุนัขตัวหนึ่งของสกุลเจียง ทำไมตอนนี้กล้าอวดเบ่งใส่คนอื่น?“ไอ้คนเนรคุณ! ไอ้ชั่ว!” เธอสบถด่าภายในใจไม่หยุดความแค้นถูกตบสองฉาดนั้น เธอจะต้องแก้แค้นแน่เธออยู่ที่ข้างหน้าต่างนานมาก กลับไม่เห็นเงาคน ร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ทำไมยังไม่มา?ถึงขั้นกล้าขัดคำสั่งของเธอ...ผ่านไปอีกหลายนาที ในที่สุดก็มอ
หลังคนสกุลถังส่งประธานสมาคมชิงหลงและเจ้าสำนักทั้งสี่จากไปแล้ว กลับยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้“คนของสมาคมชิงหลงเกรงใจเกินไปแล้ว ท่าทีไม่เหมือนที่ผ่านมา” นายท่านถังพูดเสียงเครียด“มิหนำซ้ำคำว่าเกรงใจสองพยางค์นี้ ไม่สมควรปรากฏในพจนานุกรมของสมาคมชิงหลงเลยด้วยซ้ำ”สมาคมชิงหลงเป็นหัวหน้าใหญ่ในแวดวงใต้ดินของเมืองหนาน ชื่อเสียงโหดเหี้ยมเว้นเสียแต่เมื่อหลายปีก่อนที่พลาดท่าให้เจียงเสี่ยวอู่ในครั้งนั้น...ครั้งนี้กับครั้งนั้นก็เหมือนกัน อยู่เหนือจินตนาการ ยากจะเข้าใจได้ทำไมพวกเขาถึงพูดจาหยาบคายกับเจียงเสี่ยวอู่ แต่มีมารยาทต่อคนสกุลถังกันนะ?“ตกลงนี่เพราะอะไรกันแน่?” นายท่านถังขมวดคิ้วครุ่นคิดแม้ว่านี่เป็นเรื่องดี แต่กะทันหันมากเกินไป ยากจะไม่ให้คนคิดมาก“คุณอาถัง คุณอาอย่าคิดมากเกินไปเลย สกุลถังทำความร่วมมือกับเซิ่งหรงกรุ๊ปแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ด้วยตำแหน่งของเซิ่งหรงกรุ๊ป สมาคมชิงหลงเกรงใจพวกคุณอาก็สมเหตุสมผล” เซียวเฉินพูดยิ้มๆ“แล้วเพราะอะไรเซิ่งหรงนั้นถึงมาหาพวกเราสกุลถังล่ะ?” นายท่านถังส่ายหน้าดังเดิมนักธุรกิจทำธุรกิจย่อมต้องเห็นผลประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญเซิ่งหรงมามอบความช่วยเหลือ
ริมทะเลสาบเมืองหนานเฉิง อาคารกูเยว่นี่คือภัตตาคารสูงที่สุดของเมืองหนานเฉิง ก่อสร้างรูปแบบโบราณ ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการอย่างมากราคาของที่นี่สูงมาก ราคาแพงที่สุด ต่อให้เป็นเศรษฐีเมืองหนานเฉิงก็ต้องใคร่ครวญให้ดีวันนี้สกุลเจียงตั้งใจเหมาห้องวีไอพีที่ชั้นบนสุดสองห้องไว้เป็นพิเศษ เพื่อรับรองการมาเยือนของเหล่าหมอมีชื่อเสียงในประเทศเซี่ยเจียงอีอีและเจียงซือซือสองพี่น้องยืนที่หน้าประตูโถงรับแขกชั้นหนึ่งของอาคารกูเยว่ มาต้อนรับด้วยตนเองเจียงอีอีวางแผนไว้ดีมากใช้ชื่อเสียงของหมอเทวดาดึงดูดเหล่าอาจารย์หมอระดับสูงเหล่านี้มา พยายามสานสัมพันธ์ให้ดี ขยายเครือข่ายของสกุลเจียงหมอระดับหนึ่งนับว่ามีตำแหน่งสูงในประเทศเซี่ย คู่ควรให้ดึงเป็นพรรคพวกมองดูหมอระดับหนึ่งมีชื่อเสียงแต่ละคนเดินทางมา สองพี่น้องยิ้มร่าต้อนรับขับสู้เพราะอ้างชื่อศิษย์ของหมอเทวดา หมอเหล่านั้นเกรงใจเจียงซือซืออย่างมากใบหน้าเจียงซือซือประดับยิ้ม คำเยินยอของเหล่าอาจารย์หมอระดับสูงทำให้เธอภาคภูมิใจอยู่ๆ สายตาก็หยุดนิ่งไป“พี่ใหญ่ รีบดูเร็วเข้า!” เธอชี้ไปข้างหน้าพลางตะโกนเจียงอีอีขมวดคิ้วมองไป สีหน้าเคร่
จ้าวเทียนอีแผดเสียงร้องโหยหวนออกมาราวกับปอดจะฉีก เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส “พูดไม่พูด?” “อยากรู้เหรอ? ฝันไปเถอะ!” จ้าวเทียนอีคำรามเสียงดังสนั่น เซียวเฉินเหยียบลงไปที่แขนอีกข้างหนึ่งของเขาอีกครั้ง แขนสองข้างถูกเหยียบจนหัก จ้าวเทียนอีเจ็บปวดจนแทบตายไปตรงนั้น ความเคียดแค้นต่อเซียวเฉินที่อยู่ในใจพุ่งสูงถึงขีดสุดแล้ว ถังซินเวยมองดูสถานการณ์จนอกสั่นขวัญแขวน ต่อให้สกุลถังจะอยู่ในช่วงรุ่งเรืองเฟื่องฟู แต่จะด้านใด ๆ ก็ยังเทียบไม่ได้กับสกุลจ้าว จะยั่วยุล่วงเกินอีกฝ่ายไม่ได้เด็ดขาด เซียวเฉินทำจ้าวเทียนอีบาดเจ็บถึงเพียงนี้แล้ว เกรงว่าเธอคงจะหมดปัญญาปกป้องแล้ว “ยังไม่บอกอีกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว” เซียวเฉินเห็นจ้าวเทียนอียังคงดื้อรั้นปากแข็ง สีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะยกเท้าขึ้นกระทืบไปบนขาซ้ายของอีกฝ่าย ไม่รอคำตอบ ก็ยกเท้ากระทืบขาขวาของเขาไปอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียว แขนขาทั้งสี่ของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น ทว่าเซียวเฉินก็มิได้ใจอ่อนลงแม้แต่น้อย กล้าดูหมิ่นถังซินเวย เขาไม่มีทางยกโทษให้เด็ดขาด! “ฉันบอก…ฉันบอกก็ได้…” ในที่สุดจ้าวเทียนอีก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว ร้องออกมาพร้อ
บอดี้การ์ดสองคนของจ้าวเทียนอีเดินตรงเข้ามาหาเซียวเฉิน ก่อนที่จ้าวเทียนอีจะเข้ามารับช่วงต่อดูแลธุรกิจของตระกูลก็เคยเป็นคุณชายเสเพล ใช้อำนาจอิทธิพลของสกุลจ้าวมาทำตัวโอหังอวดดี บอดี้การ์ดสองคนนี้เขาจ้างมาทำงานด้วยราคาสูง และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็คอยช่วยเขาจัดการกับคนที่ทำให้เขาไม่พอใจมานักต่อนักแล้ว ผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ ท่าทางธรรมดาเหมือนอย่างเซียวเฉิน จ้าวอีเทียนไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา หลังจากออกคำสั่งก็คร้านจะหันกลับไปมองอีก เขาหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นมา จิบเบา ๆ ทว่ายังไม่ทันได้กลืน “ปึง ปัง…” ก็ได้ยินเสียงกระแทกหนัก ๆ ดังขึ้นสองครั้ง เขายกยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางเงยหน้ามอง แต่ก็ต้องชะงักไปทันที บอดี้การ์ดที่เขาจ้างมาด้วยเงินสูงลิ่วถูกซัดลอยกระเด็น ก่อนจะล้มฟาดข้างโซฟาทั้งสองข้างอย่างแรง “หือ?” จ้าวเทียนอีขมวดคิ้วขึ้น จ้องมองเซียวเฉินอย่างประหลาดใจ “เหอะ ก็มีฝีมืออยู่บ้างนี่…” เขาดึงหน้าขรึมเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา “แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร?” จ้าวเทียนอีวางแก้วไวน์ลง พลางถามอย่างไม่แยแส “ถ้าไม่รู้ แกก็ลองถามถังซินเวยดูสิ” “คนที่กล้าล่วงเกินฉัน มีจุดจบอยู่สองแบบ ไม่ขอโทษด้
“ประธานจ้าว พวกเรามาพบกันสักหน่อยได้ไหมคะ? ฉันอยากจะขอเจรจากับคุณสักหน่อยค่ะ…” ถังซินเวยเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นคุณก็มาที่โรงแรมเยว่เผิงได้หรือเปล่า” น้ำเสียงจากปลายสายเจือด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ถังซินเวยไม่กล้าล่าช้า รีบขับรถมุ่งตรงไปที่โรงแรมเยว่เผิงทันที เมื่อมาถึง ก็รีบขึ้นลิฟต์อย่างร้อนรนไปยังห้องรับรองส่วนตัวที่อีกฝ่ายพูดถึงทันที ภายในห้องรับรองส่วนตัว มีชายหนุ่มที่ดูวัยรุ่นมาก ๆ คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ข้างกายมีบอดี้การ์ดสองคน และมีอาหารหรูหราวางอยู่เต็มโต๊ะ ระหว่างทางถังซินเวยได้บอกเซียวเฉินแล้วว่า ประธานจ้าวคนนี้ชื่อว่าจ้าวเทียนอี เป็นคุณชายจากสกุลจ้าวซึ่งเป็นตระกูลยิ่งใหญ่มีอิทธิพลในเมืองหนานเฉิง แม้ว่าอายุยังน้อยแต่ก็ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบหน้าที่สำคัญแล้ว เรื่องจัดหาวัสดุ ก็เป็นเขาเองที่ติดต่อกับถังซินเวยมาโดยตรง เห็นถังซินเวยเข้ามา จ้าวเทียนอีก็ผุดยิ้ม ทว่าเห็นด้านหลังของเธอมีเซียวเฉินตามมาด้วยอีกคน สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย “ประธานจ้าว ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะที่ทำให้คุณต้องรอนาน…” ถังซินเวยเข้าไปก็กล่าวขอโทษทันที ด้วยท่าทีอ่อนน้อม จ้าวเ
เจียงอู๋ซวงที่เสียสติถูกส่งตัวกลับบ้านสกุลเจียง เห็นเจียงอู๋ซวงผมเผ้ายุ่งเหยิงสภาพดูอิดโรยน่าสังเวชแบบนั้น พี่น้องสกุลเจียงต่างตกตะลึงหน้าถอดสี “พี่รอง พี่เป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” พวกเธอรีบกรูกันเข้าไปล้อมรอบ “น้องรอง เธอเป็นอะไรไป?” เจียงอีอีขมวดคิ้ว “เธอเป็นดาราสาวตัวท็อป สภาพแบบนี้ถ้าเกิดถูกนักข่าวถ่ายภาพไปได้ ต้องกลายเป็นข่าวใหญ่ถูกวิจารณ์หนักหน่วงแน่ ชื่อเสียงสกุลเจียงต้องเสื่อมเสียแน่นอน” เจียงอู๋ซวงแววตาเหม่อลอย ไม่มีท่าทีโต้ตอบใด ๆ กับคำตำหนิของเธอ “แย่แล้ว…พวกเราพลาดไปแล้ว…” เธอขยับปากพึมพำ “แย่อะไร? พวกเราทำพลาดอะไรตรงไหนเหรอ?” พี่น้องสกุลเจียงได้ยินก็งุนงงไม่เข้าใจ “ไม่ควรไล่เซียวเฉินออกจากสกุลเจียงเลย พวกเราพลาดไปแล้ว…” เจียงอู๋ซวงพูดออกมาอย่างเหม่อลอย “หุบปาก!” สีหน้าของเจียงอีอีพลันเยือกเย็นลงทันที “เจียงอู๋ซวง นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? ถึงได้กล้ามาสงสัยกับการตัดสินใจของฉัน! พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดนะ!” เธอตวาดด้วยเสียงเย็นชา “คน…ผู้คนมากมาย…ตายไปหมดแล้ว” เจียงอู๋ซวงพลันร้องไห้ออกมา ความหวาดกลัวฉายชัดเต็มใบหน้า “ถูกเขาฆ่าตายหมด ทุกคนถูกเขาฆ่า
นั่นคือจุดสูงสุดที่สกุลเจียงต้องแหงนหน้ามองและไม่อาจเอื้อมถึง… “เซียวเฉิน แกซ่อนตัวได้เนียนนักนะ!” เจียงอู๋ซวงกัดฟันพลางเอ่ย หากว่าเซียวเฉินเผยตัวออกมาว่าไม่ใช่คนธรรมดาเร็วกว่านี้ ใครจะกล้าไล่เขาออกไป? คงจะรีบสอพลอเสียด้วยซ้ำ เจียงอู๋ซวงไม่ได้รู้สึกเสียใจ เพียงแต่รู้สึกว่าเซียวเฉินสมองเพี้ยนไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มีตำแหน่งยิ่งใหญ่น่าเหลือเชื่อขนาดนั้นแล้ว แต่กลับแสร้งทำเป็นตัวไร้ประโยชน์! “เจียงอู๋ซวง พี่รู้หรือเปล่า ว่าผมตั้งใจก่อตั้งตำหนักมืดขึ้นก็เพื่อสกุลเจียง?” เซียวเฉินหัวเราะเย็นเยียบออกมาด้วยสีหน้าดูถูก “กำลังคิดว่าจะมอบให้สกุลเจียงแท้ ๆ แต่พวกพี่กลับไล่ผมออกจากสกุลเจียง!” เจียงอู๋ซวงเบิกตาโพลง ม่านตาสั่นไหว จะบอกว่า พวกเธอทิ้งอำนาจการควบคุมองค์กรอันดับหนึ่งของโลกไปเองกับมืออย่างนั้นเหรอ? ในที่สุดเจียงอู๋ซวงก็นึกเสียดายขึ้นมาแล้ว และยังเป็นความเสียดายที่รุนแรงอย่างถึงที่สุด หากว่าสกุลเจียงสามารถควบคุมตำหนักมืดได้… เจียงอู๋ซวงไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าสกุลเจียงจะรุ่งเรืองมากขนาดไหน “ท่านเจ้า…เจ้าแห่งความมืด…” หัวหน้าพรรคชิงสีหน้าซีดเซียว ประสานมือคารวะต่อเซียวเฉิน
โถงหลักของพรรคชิงพังทลายแล้ว! คล้ายกับมีกระแสคลื่นคลั่งโหมกระหน่ำเข้ามา ทำลายทุกสิ่งแหลกละเอียด กำแพงถล่มลงมา คนจำนวนมากมายมหาศาลหลั่งไหลกันเข้ามา “โครม …” เสียงแววดังมาจากด้านบนศีรษะ คนของพรรคชิงตะลึงอึ้งงัน ทว่าไม่นานพวกเขาก็เข้าใจแล้ว แสงจากโลกภายนอกส่องเข้ามาจากด้านบน นั่นเป็นเพราะเพดานโถงทั้งอันของห้องโถงหลักกำลังเลื่อนขึ้นไป มันถูกเกี่ยวให้ลอยขึ้นไปแล้ว มองไปกลางท้องฟ้า เพียงปราดเดียวก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังดึงเพดานโถงหลักของพรรคชิงออกไป ฉับพลันทันใดนั้น ก็มีเฮลิคอปเตอร์จู่โจมหลายสิบลำกำลังลอยนิ่ง ๆ อยู่เหนือศีรษะของพวกคนพรรคชิง อาวุธหนักที่ติดบนเฮลิคอปเตอร์เล็งเป้าลงมาด้านล่างแล้ว “ปึง!” ทันใดกั้นก็มีกระบอกปืนทะลุเข้ามา เมื่อมองให้ดีแล้ว นั่นคือรถถัง ซึ่งจอดเรียงกันเป็นแนวยาว อยู่ด้านหลังเซียวเฉิน ปลายกระบอกปืนสีดำมืดเล็งเป้าไปยังจุดที่เบื้องบนของพรรคชิงนั่งอยู่ หากมองทะลุรอยแยกเล็ก ๆ ออกไป ก็จะเห็นว่าที่แม่น้ำด้านนอกสำนักงานใหญ่พรรคชิง มีเรือสงครามจอดรอคำสั่งอยู่ ทั้งทางน้ำ บนบก และอากาศ ปิดล้อมพรรคชิงไว้ได้อย่างสมบูรณ์ “นะ…นี่มัน…”
สำนักงานใหญ่ของพรรคชิงตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองหนานเฉิง ตอนที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอดนอกสำนักงานใหญ่พรรคชิง เจียงอู๋ซวงถูกเซียวเฉินโยนออกไปด้านนอก เธอกลิ้งกระเด็นกระดอนจนเศษดินเศษฝุ่นเปรอะเต็มหน้า “ไอ้บ้า! แกมันบ้าไปแล้ว!” เธอตะคอกเสียงแข็งด้วยความโกรธและอับอาย เซียวเฉินปลิดชีวิตทูตยมโลกแล้ว มิหนำซ้ำยังบังคับให้เธอขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แล้วพามาที่สำนักงานใหญ่พรรคชิงจริง ๆ พรรคชิงครองอำนาจอิทธิพลครอบคลุมทุกพื้นที่ ภายในสำนักงานใหญ่ย่อมซ่อนเสือซ่อนมังกรไว้เสมือนเป็นถ้ำเสือรังมังกร… เซียวเฉินกล้าดีอย่างไร? อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะลุยเดี่ยวเข้าไปในที่แบบนี้! “ใคร?” คนของพรรคชิงเดินเข้ามา ถือปืนไว้ในมือพร้อมยิงทุกเมื่อ เจียงอู๋ซวงกลัวจนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้น “เขาคือเซียวเฉิน ฆ่าทูตยมโลกกับนายท่านสามสกุลสวีของพรรคไปแล้ว รีบเข้าไปจับตัวมันไว้ซะสิ!” เธอตะโกนด้วยความขลาดกลัว “อะไรนะ? ฆ่าทูตยมโลกไปแล้ว?” คนของพรรคชิงตะลึงงัน ทูตยมโลกคือนักฆ่ายอดฝีมือของพรรคชิง แข็งแกร่งเก่งกาจเป็นที่สุด จะถูกฆ่าง่าย ๆ ได้อย่างไร? “กล้าหาญนัก ตายซะเถอะ!” ปากปืนสิบกว่ากระบอกเล็งเป้ามาที่เซียวเฉิน เ
เซียวเฉินผุดยิ้มบาง ๆ “ใช่ ฝีมือของฉันเอง” เสียงของเขาราบเรียบ ทูตยมโลกหรี่ตา เจียงอู๋ซวงสีหน้านิ่งชะงักงันไป สองคนต่างคิดไม่ถึงว่าเซียวเฉินจะยอมรับได้เต็มปากเต็มคำขนาดนั้น “แกทำได้อย่างไร?” ทูตยมโลกเค้นถาม “แค่ฆ่าคน จมเรือทิ้ง แค่นี้เรื่องง่าย ๆ” เซียวเฉินเอ่ยยิ้ม ๆ รอยยิ้มนั้นดูเรียบง่าย เหมือนกับสิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปเรื่องหนึ่ง ทูตยมโลกหรี่ตาอีกครั้ง “บนเรือลำนั้นมีคนมากกว่าสองร้อยชีวิต แกฆ่าทิ้งทั้งหมดเลยเหรอ? แกคิดว่าแกเป็นใครกัน?” เจียงอู๋ซวงพ่นลมออกทางจมูกทันใด ในสายตาของคนสกุลเจียง เซียวเฉินก็เป็นแค่สวะไร้ค่าคนหนึ่ง ไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย เขาจะทำเรื่องน่าตกใจแบบนี้ได้อย่างไร? สีหน้าของเจียงอู๋ซวงฉายประกายดูแคลนออกมาอย่างถึงที่สุด “แกฆ่าคนได้ยังไง? แล้วจมเรือทิ้งได้ยังไง?” ทูตยมโลกเค้นถามต่อด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “แกก็ลองไปถามพวกเขาเองสิ” เซียวเฉินเอ่ยอย่างเฉยเมย ทูตยมโลกสีหน้าแข็งกร้าวขึ้นมาทันใด “เซียวเฉิน แกมันอวดดีนัก! กล้าดียังไงถึงมาหยามทูตยมโลกแบบนี้!” เจียงอู๋ซวงตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “หุบปาก!” ทูตยมโลกตะคอกด้วยเสียงเย็
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? เพราะอะไรกัน?” ในห้องแต่งตัว เจียงอู๋ซวงบันดาลโทสะอาละวาดโวยวายอีกครั้ง ไปออดิชันครั้งนี้ กลับทำให้เธอต้องอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด ไม่ใช่แค่ถูกทีมผู้กำกับชักสีหน้าพูดจาดูถูกดูแคลน แต่ยังต้องพ่ายแพ้ให้ยัยเด็กหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการครั้งแรก แม้แต่บทสมทบยังไม่เคยแสดงเลยด้วยซ้ำ ด้วยอีโก้ของเธอที่สูงลิ่วปานนั้น มีหรือจะทำใจยอมรับความจริงได้? ยิ่งคิดถึงคำพูดที่เซียวเฉินมันทิ้งไว้ก่อนจะออกไป ไฟโทสะในใจเธอก็ยิ่งเดือดดาล “อีกไม่เกินสามเดือน นอกจากเธอจะตกกระป๋อง แม้แต่บทตัวประกอบก็ไม่มีใครอยากให้เธอแสดงแล้ว” “ฉันน่ะเป็นเทพีรางวัลดอกไม้ทองคำเชียวนะ แม้แต่บทตัวประกอบก็ไม่มีให้เล่นเหรอ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” เจียงอู๋ซวงใบหน้ากระตุกพูดบอกกับตัวเอง “คุณคือเจียงอู๋ซวงสินะ?” พลันมีเสียงดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เจียงอู๋ซวงตกใจสะดุ้งโหยง ถึงได้ค้นพบว่าภายในห้องแต่งตัวตอนนี้มีอีกคนหนึ่งเพิ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ “คุณเป็นใคร?” เจียงอู๋ซวงซักถามด้วยความระแวงอย่างถึงที่สุด “ทูตยมโลกแห่งพรรคชิง” ผู้มาใหม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ สีหน้าของเจียงอู๋ซ