แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: ซวนเถียนตาหน่ายซี
“เซียวเฉิน แกขโมยเช็คมูลค่าห้าล้านของสกุลเจียงไป ถ้ายังไม่เอาออกมา ฉันจะหักมือหักขาแก!”

เจียงหลิวเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียม เจือรอยยิ้มเย็นชา

“เช็ค?” เซียวเฉินขมวดคิ้ว

เขาไม่ได้เอาอะไรมาจากสกุลเจียง...

“เช็คเป็นฉันหยิบมาเอง” เจียงหลิวยอมรับโดยตรงด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “แต่ตอนนี้พวกผู้หญิงโง่เง่าสกุลเจียงเหล่านั้นล้วนเชื่อว่าแกไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ขโมยไป”

“ฉันจะทำให้แกพิการ ค่อยเอาเช็คกลับไปคืน พิสูจน์ความสามารถของฉันเพื่อให้ได้รับความไว้ใจจากพวกเธอ แบบนี้ในอนาคตเจียงอีอีถึงจะไว้ใจมอบธุรกิจของสกุลเจียงไว้ในมือของฉัน...ถึงตอนนั้น ฉันต้องการอะไรก็ได้ทั้งหมด!”

“ส่วนแก...” เขามองทางเซียวเฉิน เปี่ยมความดูแคลน “ตัวแทนไร้ประโยชน์คนหนึ่งก็เท่านั้น สามารถเป็นบันไดให้ฉันเหยียบขึ้นไปได้ก็เป็นวาสนาของแกแล้ว”

สีหน้าเซียวเฉินเคร่งขรึม

แผนดีนักนะ!

น่ากลัวว่าพี่น้องทั้งห้าสกุลเจียงไม่มีวันคิดถึง นายน้อยที่เพียรพยายามตามหามาอย่างยากลำบากจะวางแผนเล่นงานพวกเธอ

“แกนี่มันสถุลจริงๆ!” ถังซินเวยพูดอย่างโกรธเคือง

“สถุล?” เจียงหลิวหัวเราะดังลั่น “ไอ้คนแซ่เซียวแย่งความมั่งคั่งของฉันมานับสิบกว่าปี หรือว่าไม่สถุล? ฉันแค่เอาสิ่งที่เป็นของฉันคืนมาก็เท่านั้น!”

สีหน้าเซียวเฉินเย็นชาสุดขีด

ความมั่งคั่งสิบปี?

หึๆ...

สิบกว่าปีมานี้เขาอยู่ที่สกุลเจียงอย่างระมัดระวัง เป็นสุนัขตัวหนึ่ง เสียสละมากถึงขนาดนั้น สุดท้ายได้รับอะไรกลับมากันเล่า?

หนึ่งประโยค “สกุลเจียงไม่เลี้ยงตัวไร้ประโยชน์” นั่นคือปฏิเสธการเสียสละทั้งหมด ถูกไล่ออกจากบ้านอย่างไม่ไยดี

ความมั่งคั่งอันต่ำต้อยนี้ได้มาแล้วมีประโยชน์อะไร!

เซียวเฉินคร้านจะอธิบายกับเจียงหลิว

“เห็นว่าแกเป็นทายาทสืบสกุลเพียงคนเดียวของพ่อบุญธรรม จะให้โอกาสกับแกสักครั้ง ไสหัวออกไปจากสกุลถังภายในสิบวินาทีซะ”

เจียงหลิวเผยสีหน้าเย้ยหยัน มองเขาคล้ายมองคนโง่

“แกไม่เป็นไรใช่ไหม? หรือคิดว่าตนเองเป็นคนใหญ่โตไปแล้ว? ฉันจะยืนอยู่ที่นี่ อีกสิบวินาทีแกจะทำอะไรฉันได้?” เขาพูดเย้ยหยัน ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน

สิบวินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“ถึงเวลาแล้ว” เซียวเฉินเยือกเย็นน่าเกรงขาม

“แล้วยังไง?” สีหน้าเจียงหลิวเย้ยหยัน

เซียวเฉินเดินออกไปหนึ่งก้าว เสียงลมกรรโชกคล้ายฟ้าคำรามดังตามไปด้วย

เจียงหลิวเบิกตากว้างในทันใด

เร็วมาก!

ตอนที่รู้สึกตัว เซียวเฉินก็ยืนต่อหน้าเขา สายตาเรียบเฉยเย็นชาคล้ายมองทะลุร่างเขาไป ชวนให้เขาขนลุกชัน

เจียงหลิวเองก็ถือว่าคลุกคลีอยู่กับแวดวงใต้ดิน เคยพบพวกโหดเหี้ยมมากมาย ไม่มีคนใดไม่มีรัศมีอันน่าเกรงขาม

แต่เซียวเฉินคนนี้ เหนือชั้นกว่ามาก!

“ไปตายซะ!” เจียงหลิวตัดสินใจชิงลงมือก่อน เหวี่ยงหมัดออกไป

เซียวเฉินขยับเบาๆ อย่างผ่อนคลาย จับมือของเขาไว้แน่น

เจียงหลิวใช้แรงกายทั้งหมดที่มีกลับไม่สามารถดิ้นออกได้ หวาดผวาอย่างสุดระงับ

คนผู้นี้ ไม่ใช่ตัวไร้ประโยชน์ใช่ไหม?

“ปล่อยฉันนะ!” เจียงหลิวตะโกน

สีหน้าเซียวเฉินไร้อารมณ์ แขนค่อยๆ ขยับ

“อ้าก...” เจียงหลิวร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดออกมา

“รีบปล่อยฉัน! เชื่อไหมว่าฉันสามารถฆ่าแกตายได้!” เขาตวาด

เซียวเฉินไม่พูดจา สีหน้าเรียบเฉย บิดเล็กน้อย

“แคร๊ก!”

มือเจียงหลิวหักแล้ว

เขาล้มลงกับพื้นสีหน้าเผือดซีด คล้ายสุนัขตายตัวหนึ่ง

เขาไม่อยากจะเชื่อ ตัวไร้ประโยชน์ถูกสกุลเจียงขับไล่ออกมาจะน่ากลัวขนาดนี้

“แกทำร้ายคนสกุลถัง จะต้องชดใช้ร้อยเท่า!” เซียวเฉินพูดเสียงเย็น กดจุดบนร่างกายเจียงหลิวสองสามครั้ง

“อ้ากอ้ากอ้าก...”

เจียงหลิวร้องโอดครวญคล้ายหมูถูกเชือดออกมา เจ็บปวดจนอยากตาย

ขณะเดียวกัน เขาคิดเพียงอยากตาย...

นั่นไม่ใช่ความเจ็บปวดที่คนธรรมดาจะสามารถรับไหว กระดูกทุกชิ้นผิวหนังทุกตารางนิ้วล้วนเจ็บปวด

“ไสหัวไป!”

เซียวเฉินยกเท้าถีบเจียงหลิวออกจากประตูบ้านสกุลเจียง

เจียงหลิวตะเกียกตะกายกลับสกุลเจียง หมดสติอยู่หน้าประตูใหญ่สกุลเจียง

“น้องเล็ก!”

เจียงเสี่ยวอู่พบก่อนเป็นคนแรก อุทานอย่างตกตะลึง รีบเรียกคนให้หามเข้าไป

พี่น้องสกุลเจียงวิ่งออกมา ทั้งหมดล้อมเจียงหลิวไว้ ร้อนใจจนร้องไห้ออกมา

“ส่งให้ฉัน ฉันจะช่วยเขาเอง!” พี่สี่เจียงซือซือลุกออกมา

เธอเป็นอาจารย์หมอคนสวยมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหนาน ได้รับเกียรติยศมากมาย ได้รับการเสนอชื่อเป็นรองประธานสมาคมแพทย์เมืองหนาน

เมืองหนานแห่งนี้ ไม่มีโรคซับซ้อนที่เธอรักษาไม่หาย

“ก็แค่แขนหัก ต่อให้ดีก็พอ” เจียงซือซือตรวจอาการแล้วก็พูดอย่างมั่นใจ

ก็แค่ต่อกระดูกเท่านั้น สำหรับเธอคล้ายไม่มีความยากเลยแม้แต่น้อย

ระหว่างเจียงซือซือต่อกระดูก เจียงหลิวได้สติขึ้นมาแล้ว

“ฮือ...เจ็บเหลือเกิน...ผมเจ็บ!” เจียงหลิวร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

เจียงซือซืองุนงง

“ต่อกระดูกเรียบร้อยแล้ว ทำไมยังเป็นแบบนี้อีก?” เธอไม่เข้าใจ

“เจ็บ! พี่สี่ เจ็บมากเลย!” เจียงหลิวร้องไม่หยุด

เจียงซือซือมองแล้วก็ปวดใจและร้อนใจ

“น้องเล็ก เจ็บตรงไหน?”

“เจ็บทั้งตัวครับ! เจ็บจนผมอยากตายแล้ว!”

มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผากเจียงซือซือ

เธอพยายามอย่างสุดความสามารถ ต้องตกใจที่ไม่สามารถรักษาเจียงหลิวได้ แม้แต่สาเหตุของโรคก็วินิจฉัยออกมาไม่ได้

พี่น้องสกุลเจียงทั้งร้อนใจทั้งโมโห

“น้องเล็ก ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เจียงอีอีถาม

“ผม...ผมไปสกุลถังหาเซียวเฉินต้องการเอาเช็คกลับมา...เขาไม่เพียงไม่ให้ ยังหักแขนของผมด้วย...หนำซ้ำยังต้องการทำให้ผมเจ็บปวดจนอยากตาย ใช้เรื่องนี้มาแก้แค้นสกุลเจียง...” เจียงหลิวพูดอย่างยากลำบาก

“เขายังพูดอีกว่านี่แค่เริ่มต้น...เขาจะทำให้ทั้งสกุลเจียงอยู่อย่างไม่สงบสุข!”

ได้ยิน พี่น้องทั้งห้าโมโหมาก

“ไอ้คนสารเลว! ไอ้คนเนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง!”

“น่าจะปล่อยให้เขาตายอยู่ข้างนอกตั้งแต่แรก!”

“ลืมบุญคุณ! ใจดำอำมหิต!”

.....

พี่สาวทั้งสี่สบถด่าสาปแช่ง

สีหน้าเจียงอีอีเย็นชาจนน่ากลัว

เธอตัดสินใจแล้ว

จะต้องทำทุกหนทาง ทำลายสกุลถังและเซียวเฉินให้ได้!

“เซียวเฉินกดจุดบนตัวผมหลายครั้ง ผมถึงกลายเป็นแบบนี้...พี่สาว ช่วยผมด้วยครับ...ผมเจ็บจะตายแล้ว!” เจียงหลิวอ้อนวอน

“น้องสี่ เธอเป็นหมอมีชื่อเสียงของเมืองหนานไม่ใช่เหรอ? เธอรีบคิดหาทางช่วยสิ!” สองสามคนมองเจียงซือซือ

เจียงซือซือร้อนใจดุจไฟเผา มุกเหงื่อเม็ดใหญ่เท่าถั่วหยดลง

ชื่อเสียงของเธอโด่งดัง ได้รับเกียรติมากมาย เป็นที่จับตามองในเมืองหนาน ไม่จำเป็นต้องเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา

ทว่าสิ่งที่เธอได้เรียนรู้มากลับไม่สามารถรักษาเจียงหลิวได้

“ฉัน...ฉันรักษาไม่ได้...”

สุดท้าย เธอทำเพียงก้มหน้าพูดอ้ำอึ้ง

“เธอเป็นอาจารย์หมอมีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหนานนะ! ทำไมเธอรักษาไม่ได้ล่ะ?” พี่น้องสกุลเจียงรู้สึกเหลือจะเชื่อ

ใบหน้าเจียงซือซือแสบร้อน พูดไม่ออก

ขณะเดียวกัน ความภาคภูมิใจในตนเองของเธอถูกโจมตี

“น้องสี่ อาจารย์ของเธอเป็นหมอเทวดาไม่ใช่เหรอ? รีบไปขอความช่วยเหลือจากเขาสิ!” เจียงอีอีเอ่ยเตือน

“ใช่แล้ว! ฉันยังมีอาจารย์นี่!” เจียงซือซือได้สติในทันใด

อาจารย์ผู้ลึกลับท่านนั้นถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้เธอ ตอนเธอเผชิญหน้ากับความลำบากก็สามารถช่วยแก้ปัญหาให้เธอได้อย่างง่ายดาย

เธอสามารถกลายเป็นหมอมีชื่อเสียงของเมืองหนานได้ หนีไม่พ้นความดีความชอบของอาจารย์ผู้ลึกลับ

สีหน้าเจียงซือซือฮึกเหิมขึ้นมา

“ฉันจะติดต่อเขาเดี๋ยวนี้เลย!”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 7

    เจียงซือซือหยิบแล็ปท็อปออกมา ล็อกอินเข้าสู่เว็บไซต์หนึ่ง“เว็บไซต์นี้รวบรวมอาจารย์หมอระดับสูงทั่วโลกเอาไว้ ทุกคนบนนี้ล้วนแบ่งระดับไว้อย่างชัดเจน แม้ว่าฉันมีชื่อเสียงในเมืองหนาน แต่ก็เป็นเพียงอาจารย์หมอระดับสองของที่นี่ บนนี้ยังมีระดับหนึ่ง ระดับตำนาน ไปจนถึงระดับสูงสุดอย่างระดับเซียน!” เจียงซือซือทางหนึ่งพูดทางหนึ่งคลิก“อาจารย์หมอระดับอาวุโสเหล่านั้นของประเทศเซี่ยพวกเรา อยู่บนนี้ก็อยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้น มีเพียงสองสามคนที่มีชื่อเสียงระดับโลกถึงจะสามารถถูกเรียกขานว่าระดับตำนาน...”“ส่วนระดับเซียน ทั่วโลกมีเพียงแค่คนเดียว! นั่นก็คืออาจารย์ของฉันหมอเทวดาเฉินเซียว!”พูดถึงอาจารย์ของตน ใบหน้าเจียงซือซือเปล่งประกายนี่เป็นความภาคภูมิใจและทรงเกียรติมากขนาดไหน!นึกถึงอดีตตอนกราบอาจารย์ เธอรู้สึกราวกับฝันไปตอนนั้นเธอเป็นเพียงอาจารย์หมอฝึกหัดเพิ่งเรียนจบคนหนึ่ง ยังรู้อะไรไม่มากชั่วขณะเพิ่งเข้าเว็บไซต์นี้ เธอใช้แท็กของหมอฝึกหัด ตอนต้องการขอความช่วยเหลือเมื่อได้พบปัญหายาก กลับไม่มีใครสนใจเธอตอนท่านนั้นที่อยู่ระดับเซียนจุดสูงสุดของพีระมิดพูดว่าต้องการรับเธอไว้เป็นศิษย์ เธอคล้ายฝันไปอย

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 8

    ลงท้ายเจียงหลิวก็ทนไม่ไหว หมดสติไปพี่น้องทั้งห้าสกุลเจียงถึงใจเย็นลง“พวกเธอเฝ้าเขาดีๆ สถานการณ์วันพรุ่งนี้น่าจะดีขึ้นเล็กน้อย” เจียงอีอีออกคำสั่ง “ฉันจะไปติดต่อหมอมีชื่อเสียงเหล่านั้น”ไม่สามารถคาดหวังกับเจียงซือซือได้แล้วเจียงหลิวหมดสติไปจึงเงียบลงพี่น้องสกุลเจียงเฝ้าเขาตลอดทั้งคืน เดิมทีคิดว่าในที่สุดก็ผ่านพ้นไปได้แล้ว พรุ่งนี้เตรียมตัวไปพักผ่อนใครรู้เล่าว่าเพียงเจียงหลิวตื่นขึ้นมา ก็ร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดทรมานอีกครั้งพี่น้องทั้งห้าสกุลเจียงเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ ใกล้สติแตกเต็มที“ต้องโทษเซียวเฉินไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนั้น!” เจียงเสี่ยวอู่พูดอย่างโกรธแค้น “เป็นเขาทำให้น้องเล็กต้องบาดเจ็บจนกลายเป็นแบบนี้ จะปล่อยเขาไปไม่ได้!”“เขาเป็นคนทำร้าย เขาจะต้องรู้วิธีรักษา”พูดไป เจียงเสี่ยวอู่ลุกขึ้นเตรียมออกไปข้างนอก“พี่ใหญ่ ฉันจะไปสกุลถังสักหน่อย...” เธอพูดอย่างมุ่งมั่น“ฉันจะทำให้เซียวเฉินไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนั้นมาคุกเข่าขอขมาน้องเล็กด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้เขากลับมาปกติเหมือนเดิม”เจียงอีอีได้ยินก็ขมวดคิ้ว“ถ้าเซียวเฉินไม่ยอมล่ะ?” เธอถาม“เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!”

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 9

    “ซินเวย ไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเฉินใช้ผ้าเช็ดหน้าอุ่นๆ ประคบใบหน้าให้ถังซินเวย พร้อมถามเธออย่างห่วงใยดวงตาคู่สวยของถังซินเวยเปี่ยมความอ่อนโยน“ฉันไม่เป็นไรค่ะ คุณรีบไปดูคุณหนูอู่เถอะ...” เธอมองทางฝั่งเจียงเสี่ยวอู่ กระซิบบอกเจียงเสี่ยวอู่ถูกตบแรงๆ สองฉาด พวงแก้มสองข้างบวมเปล่ง แย่กว่าเธอมาก“คนนอกคนหนึ่ง จะสนใจเธอทำไม? ฉันตบเบาไปด้วยซ้ำ” เซียวเฉินพูดเสียงเย็นชาถังซินเวยอ้าปาก กลับไม่พูดอะไรคนสกุลเจียงไล่เซียวเฉินออกจากตระกูลลก่อน เป็นพวกเธอไร้เยื่อใย เธอเองก็สนับสนุนที่เซียวเฉินทำแบบนี้เจียงเสี่ยวอู่ปิดหน้ายืนข้างหน้าต่าง สายตาจับจ้องด้านล่างตึกอยู่ตลอดบทสนทนาของทั้งคู่ เธอได้ยินทั้งหมดได้ยินเซียวเฉินพูดว่าคนนอกประโยคนั้น ไม่รู้เพราะอะไร เพลิงโทสะคุกรุ่นภายในใจเธอเคยเป็นสุนัขตัวหนึ่งของสกุลเจียง ทำไมตอนนี้กล้าอวดเบ่งใส่คนอื่น?“ไอ้คนเนรคุณ! ไอ้ชั่ว!” เธอสบถด่าภายในใจไม่หยุดความแค้นถูกตบสองฉาดนั้น เธอจะต้องแก้แค้นแน่เธออยู่ที่ข้างหน้าต่างนานมาก กลับไม่เห็นเงาคน ร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ทำไมยังไม่มา?ถึงขั้นกล้าขัดคำสั่งของเธอ...ผ่านไปอีกหลายนาที ในที่สุดก็มอ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 10

    หลังคนสกุลถังส่งประธานสมาคมชิงหลงและเจ้าสำนักทั้งสี่จากไปแล้ว กลับยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้“คนของสมาคมชิงหลงเกรงใจเกินไปแล้ว ท่าทีไม่เหมือนที่ผ่านมา” นายท่านถังพูดเสียงเครียด“มิหนำซ้ำคำว่าเกรงใจสองพยางค์นี้ ไม่สมควรปรากฏในพจนานุกรมของสมาคมชิงหลงเลยด้วยซ้ำ”สมาคมชิงหลงเป็นหัวหน้าใหญ่ในแวดวงใต้ดินของเมืองหนาน ชื่อเสียงโหดเหี้ยมเว้นเสียแต่เมื่อหลายปีก่อนที่พลาดท่าให้เจียงเสี่ยวอู่ในครั้งนั้น...ครั้งนี้กับครั้งนั้นก็เหมือนกัน อยู่เหนือจินตนาการ ยากจะเข้าใจได้ทำไมพวกเขาถึงพูดจาหยาบคายกับเจียงเสี่ยวอู่ แต่มีมารยาทต่อคนสกุลถังกันนะ?“ตกลงนี่เพราะอะไรกันแน่?” นายท่านถังขมวดคิ้วครุ่นคิดแม้ว่านี่เป็นเรื่องดี แต่กะทันหันมากเกินไป ยากจะไม่ให้คนคิดมาก“คุณอาถัง คุณอาอย่าคิดมากเกินไปเลย สกุลถังทำความร่วมมือกับเซิ่งหรงกรุ๊ปแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ด้วยตำแหน่งของเซิ่งหรงกรุ๊ป สมาคมชิงหลงเกรงใจพวกคุณอาก็สมเหตุสมผล” เซียวเฉินพูดยิ้มๆ“แล้วเพราะอะไรเซิ่งหรงนั้นถึงมาหาพวกเราสกุลถังล่ะ?” นายท่านถังส่ายหน้าดังเดิมนักธุรกิจทำธุรกิจย่อมต้องเห็นผลประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญเซิ่งหรงมามอบความช่วยเหลือ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 11

    ริมทะเลสาบเมืองหนานเฉิง อาคารกูเยว่นี่คือภัตตาคารสูงที่สุดของเมืองหนานเฉิง ก่อสร้างรูปแบบโบราณ ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการอย่างมากราคาของที่นี่สูงมาก ราคาแพงที่สุด ต่อให้เป็นเศรษฐีเมืองหนานเฉิงก็ต้องใคร่ครวญให้ดีวันนี้สกุลเจียงตั้งใจเหมาห้องวีไอพีที่ชั้นบนสุดสองห้องไว้เป็นพิเศษ เพื่อรับรองการมาเยือนของเหล่าหมอมีชื่อเสียงในประเทศเซี่ยเจียงอีอีและเจียงซือซือสองพี่น้องยืนที่หน้าประตูโถงรับแขกชั้นหนึ่งของอาคารกูเยว่ มาต้อนรับด้วยตนเองเจียงอีอีวางแผนไว้ดีมากใช้ชื่อเสียงของหมอเทวดาดึงดูดเหล่าอาจารย์หมอระดับสูงเหล่านี้มา พยายามสานสัมพันธ์ให้ดี ขยายเครือข่ายของสกุลเจียงหมอระดับหนึ่งนับว่ามีตำแหน่งสูงในประเทศเซี่ย คู่ควรให้ดึงเป็นพรรคพวกมองดูหมอระดับหนึ่งมีชื่อเสียงแต่ละคนเดินทางมา สองพี่น้องยิ้มร่าต้อนรับขับสู้เพราะอ้างชื่อศิษย์ของหมอเทวดา หมอเหล่านั้นเกรงใจเจียงซือซืออย่างมากใบหน้าเจียงซือซือประดับยิ้ม คำเยินยอของเหล่าอาจารย์หมอระดับสูงทำให้เธอภาคภูมิใจอยู่ๆ สายตาก็หยุดนิ่งไป“พี่ใหญ่ รีบดูเร็วเข้า!” เธอชี้ไปข้างหน้าพลางตะโกนเจียงอีอีขมวดคิ้วมองไป สีหน้าเคร่

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 12

    เซียวเฉินพาถังซินเวยขึ้นไปบนชั้นห้าของอาคารกูเยว่โดยตรงเจียงซือซืออ้างชื่อของเขาเรียกหมอมีชื่อเสียมายังเมืองหนานเฉิง เขาย่อมไม่นั่งนิ่งดูดายหลังมาถึงชั้นห้าแล้ว มองเห็นห้องส่วนตัวสองห้องถูกเปิดประตูทิ้งไว้ ภายในส่วนใหญ่ล้วนเป็นแพทย์อาวุโสชราภาพแล้วคนเหล่านี้ล้วนเป็นแพทย์ระดับหนึ่งของประเทศเซี่ย มีตำแหน่งสูงเซียวเฉินพาถังซินเวยเดินไปยังห้องส่วนตัวฝั่งตรงข้ามแห่งหนึ่ง ยังไม่ปิดประตู สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอาจารย์หมอเหล่านั้นได้ตอนนี้อาจารย์หมอระดับหนึ่งกำลังถกเถียงกันอย่างตื่นเต้น ล้วนคิดว่าใกล้จะได้พบหมอเทวดาแล้วนั่นคือภูเขามหึมาทางสายแพทย์ ดุจอนุสณ์ที่มีชีวิตอยู่ ต่อให้เป็นอาจารย์หมอระดับหนึ่งก็ล้วนเลื่อมใสอย่างมาก“คณหนูสี่สกุลเจียงสามารถคำนับหมอเทวดาเป็นอาจารย์ได้ เห็นชัดว่าเธอมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา ชวนให้คนอิจฉาจริงๆ เลย...สกุลเจียงมีหมอเทวดาเป็นที่พึ่ง ไม่มีวันล้มลง” ถังซินเวยพูดอย่างสลดใจเธอตั้งใจพูดให้เซียวเฉินฟังแท้จริงแล้วเธอไม่หวังให้เซียวเฉินแก้แค้นสกุลเจียง เพราะตอนนี้สกุลเจียงมีอำนาจยิ่งใหญ่ เธอกลัวเซียวเฉินจะถูกทำร้าย“ไม่มีวันล้มเหรอ?” เซียวเฉินหัวเรา

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 13

    “ปากดีนักนะ!”ภายในห้องส่วนตัวมีอาจารย์หมออาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้นยืน สีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา“แม้แต่สกุลหลินแห่งเจียงเป่ยก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา คาดว่านายมีภูมิหลังยิ่งใหญ่มากสินะ กลับไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนถึงกล้าพูดแบบนี้!” อาจารย์หมออาวุโสคนนั้นขยับขึ้นมาหลายก้าว สบตาเซียวเฉินโดยตรง รัศมีเปี่ยมความกดดัน“อาจารย์หมอหลิว”เจียงอีอีทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท“คนๆ นี้ชื่อว่าเซียวเฉิน เดิมทีเป็นเด็กกำพร้าที่สกุลเจียงรับเลี้ยงไว้ แต่เพราะสาเหตุบางอย่างจึงถูกขับไล่ออกจากสกุลเจียง เพราะเรื่องนี้ทำให้มีความคับแค้นใจ คิดแก้แค้นมาโดยตลอด วันนี้เขามาเพื่อทำลายงาน ต้องการทำลายการพบกันของทุกท่านและหมอเทวดา...”“สกุลเจียงเลี้ยงเด็กเนรคุณแบบนี้ออกมา อีอีรู้สึกผิดเหลือเกิน ขอโทษทุกท่านไว้ที่นี่ด้วยค่ะ” เจียงอีอีโค้งคำนับอาจารย์หมอเหล่านั้น“คุณหนูอีอี ไม่ใช่เรื่องของคุณเสียหน่อย ทำไมต้องรับผิดชอบความผิดพลาดของไอ้เด็กเนรคุณคนนั้นด้วย?” ทันใดนั้นมีอาจารย์หมอพูดขึ้น“ไม่รู้ความ กล้ามาก่อเรื่องที่นี่ ใครมอบความกล้าให้กัน!”“ไล่เขาออกไป! งานสำคัญขนาดนี้ จะปล่อยให้คนพรรค์นี้ทำลายได้ยังไง!”......เพ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 14

    “พรวด!”“แค่กๆ...”จากนั้นอาจารย์หมอระดับหนึ่งหลายคนก็เข้ามาลองอย่างต่อเนื่องเพียงแต่ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน ไม่มีใครสามารถคลายจุดลมปราณที่เจียงหลิวถูกปิดกั้นไว้ได้หากฝืนคลายจุดลมปราณ ก็จะเหมือนอาจารย์หลิวก่อนหน้านี้ ไม่เพียงทำร้ายตนเอง ยังจะทำให้เจียงหลิวได้รับบาดเจ็บมากขึ้นอีกด้วยเหล่าหมอมีชื่อเสียงพูดไม่ออก ไม่กล้าตำหนิอย่างโอหังอีกก็เหมือนอย่างที่เซียวเฉินพูด ไม่มีใครสามารถช่วยได้ทั้งๆ ที่เป็นแค่จุดลมปราณธรรมดาแห่งหนึ่ง กลับทำให้เหล่าอาจารย์หมอมีชื่อเสียงทำอะไรไม่ถูกเห็นสีหน้าเจียงหลิวซีดลงเรื่อยๆ ลมหายใจเองก็อ่อนแรงยิ่งขึ้น เจียงอีอีและเจียงซือซือร้อนใจดุจไฟเผา ใบหน้าเขียวคล้ำ“หรือว่าไม่มีใครสามารถรักษาน้องเล็กได้จริงๆ” พวกเธอไม่อยากเชื่อเซียวเฉินคนนั้น ทั้งๆ ที่เป็นแค่ตัวไร้ประโยชน์คนหนึ่ง!ทำไมเจียงหลิวถูกเขาทำร้ายอาการหนักถึงขนาดนี้ เหล่าหมอมีชื่อเสียงล้วนไม่สามารถรักษาได้“เลิกรักษาได้แล้ว!”เห็นเจียงหลิวเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย ในที่สุดเจียงอีอีก็ระเบิดอารมณ์ ออกแรงตะโกนออกไปหนึ่งประโยคจะรักษาต่อไปไม่ได้...ยังรักษาต่อไป เจียงหลิวก็ไม่มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว“ทำ

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 40  

    จ้าวเทียนอีแผดเสียงร้องโหยหวนออกมาราวกับปอดจะฉีก เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส “พูดไม่พูด?” “อยากรู้เหรอ? ฝันไปเถอะ!” จ้าวเทียนอีคำรามเสียงดังสนั่น เซียวเฉินเหยียบลงไปที่แขนอีกข้างหนึ่งของเขาอีกครั้ง แขนสองข้างถูกเหยียบจนหัก จ้าวเทียนอีเจ็บปวดจนแทบตายไปตรงนั้น ความเคียดแค้นต่อเซียวเฉินที่อยู่ในใจพุ่งสูงถึงขีดสุดแล้ว ถังซินเวยมองดูสถานการณ์จนอกสั่นขวัญแขวน ต่อให้สกุลถังจะอยู่ในช่วงรุ่งเรืองเฟื่องฟู แต่จะด้านใด ๆ ก็ยังเทียบไม่ได้กับสกุลจ้าว จะยั่วยุล่วงเกินอีกฝ่ายไม่ได้เด็ดขาด เซียวเฉินทำจ้าวเทียนอีบาดเจ็บถึงเพียงนี้แล้ว เกรงว่าเธอคงจะหมดปัญญาปกป้องแล้ว “ยังไม่บอกอีกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว” เซียวเฉินเห็นจ้าวเทียนอียังคงดื้อรั้นปากแข็ง สีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะยกเท้าขึ้นกระทืบไปบนขาซ้ายของอีกฝ่าย ไม่รอคำตอบ ก็ยกเท้ากระทืบขาขวาของเขาไปอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียว แขนขาทั้งสี่ของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น ทว่าเซียวเฉินก็มิได้ใจอ่อนลงแม้แต่น้อย กล้าดูหมิ่นถังซินเวย เขาไม่มีทางยกโทษให้เด็ดขาด! “ฉันบอก…ฉันบอกก็ได้…” ในที่สุดจ้าวเทียนอีก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว ร้องออกมาพร้อ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 39  

    บอดี้การ์ดสองคนของจ้าวเทียนอีเดินตรงเข้ามาหาเซียวเฉิน ก่อนที่จ้าวเทียนอีจะเข้ามารับช่วงต่อดูแลธุรกิจของตระกูลก็เคยเป็นคุณชายเสเพล ใช้อำนาจอิทธิพลของสกุลจ้าวมาทำตัวโอหังอวดดี บอดี้การ์ดสองคนนี้เขาจ้างมาทำงานด้วยราคาสูง และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็คอยช่วยเขาจัดการกับคนที่ทำให้เขาไม่พอใจมานักต่อนักแล้ว ผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ ท่าทางธรรมดาเหมือนอย่างเซียวเฉิน จ้าวอีเทียนไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา หลังจากออกคำสั่งก็คร้านจะหันกลับไปมองอีก เขาหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นมา จิบเบา ๆ ทว่ายังไม่ทันได้กลืน “ปึง ปัง…” ก็ได้ยินเสียงกระแทกหนัก ๆ ดังขึ้นสองครั้ง เขายกยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางเงยหน้ามอง แต่ก็ต้องชะงักไปทันที บอดี้การ์ดที่เขาจ้างมาด้วยเงินสูงลิ่วถูกซัดลอยกระเด็น ก่อนจะล้มฟาดข้างโซฟาทั้งสองข้างอย่างแรง “หือ?” จ้าวเทียนอีขมวดคิ้วขึ้น จ้องมองเซียวเฉินอย่างประหลาดใจ “เหอะ ก็มีฝีมืออยู่บ้างนี่…” เขาดึงหน้าขรึมเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา “แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร?” จ้าวเทียนอีวางแก้วไวน์ลง พลางถามอย่างไม่แยแส “ถ้าไม่รู้ แกก็ลองถามถังซินเวยดูสิ” “คนที่กล้าล่วงเกินฉัน มีจุดจบอยู่สองแบบ ไม่ขอโทษด้

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 38  

    “ประธานจ้าว พวกเรามาพบกันสักหน่อยได้ไหมคะ? ฉันอยากจะขอเจรจากับคุณสักหน่อยค่ะ…” ถังซินเวยเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นคุณก็มาที่โรงแรมเยว่เผิงได้หรือเปล่า” น้ำเสียงจากปลายสายเจือด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ถังซินเวยไม่กล้าล่าช้า รีบขับรถมุ่งตรงไปที่โรงแรมเยว่เผิงทันที เมื่อมาถึง ก็รีบขึ้นลิฟต์อย่างร้อนรนไปยังห้องรับรองส่วนตัวที่อีกฝ่ายพูดถึงทันที ภายในห้องรับรองส่วนตัว มีชายหนุ่มที่ดูวัยรุ่นมาก ๆ คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ข้างกายมีบอดี้การ์ดสองคน และมีอาหารหรูหราวางอยู่เต็มโต๊ะ ระหว่างทางถังซินเวยได้บอกเซียวเฉินแล้วว่า ประธานจ้าวคนนี้ชื่อว่าจ้าวเทียนอี เป็นคุณชายจากสกุลจ้าวซึ่งเป็นตระกูลยิ่งใหญ่มีอิทธิพลในเมืองหนานเฉิง แม้ว่าอายุยังน้อยแต่ก็ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบหน้าที่สำคัญแล้ว เรื่องจัดหาวัสดุ ก็เป็นเขาเองที่ติดต่อกับถังซินเวยมาโดยตรง เห็นถังซินเวยเข้ามา จ้าวเทียนอีก็ผุดยิ้ม ทว่าเห็นด้านหลังของเธอมีเซียวเฉินตามมาด้วยอีกคน สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย “ประธานจ้าว ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะที่ทำให้คุณต้องรอนาน…” ถังซินเวยเข้าไปก็กล่าวขอโทษทันที ด้วยท่าทีอ่อนน้อม จ้าวเ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 37  

    เจียงอู๋ซวงที่เสียสติถูกส่งตัวกลับบ้านสกุลเจียง เห็นเจียงอู๋ซวงผมเผ้ายุ่งเหยิงสภาพดูอิดโรยน่าสังเวชแบบนั้น พี่น้องสกุลเจียงต่างตกตะลึงหน้าถอดสี “พี่รอง พี่เป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” พวกเธอรีบกรูกันเข้าไปล้อมรอบ “น้องรอง เธอเป็นอะไรไป?” เจียงอีอีขมวดคิ้ว “เธอเป็นดาราสาวตัวท็อป สภาพแบบนี้ถ้าเกิดถูกนักข่าวถ่ายภาพไปได้ ต้องกลายเป็นข่าวใหญ่ถูกวิจารณ์หนักหน่วงแน่ ชื่อเสียงสกุลเจียงต้องเสื่อมเสียแน่นอน” เจียงอู๋ซวงแววตาเหม่อลอย ไม่มีท่าทีโต้ตอบใด ๆ กับคำตำหนิของเธอ “แย่แล้ว…พวกเราพลาดไปแล้ว…” เธอขยับปากพึมพำ “แย่อะไร? พวกเราทำพลาดอะไรตรงไหนเหรอ?” พี่น้องสกุลเจียงได้ยินก็งุนงงไม่เข้าใจ “ไม่ควรไล่เซียวเฉินออกจากสกุลเจียงเลย พวกเราพลาดไปแล้ว…” เจียงอู๋ซวงพูดออกมาอย่างเหม่อลอย “หุบปาก!” สีหน้าของเจียงอีอีพลันเยือกเย็นลงทันที “เจียงอู๋ซวง นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? ถึงได้กล้ามาสงสัยกับการตัดสินใจของฉัน! พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดนะ!” เธอตวาดด้วยเสียงเย็นชา “คน…ผู้คนมากมาย…ตายไปหมดแล้ว” เจียงอู๋ซวงพลันร้องไห้ออกมา ความหวาดกลัวฉายชัดเต็มใบหน้า “ถูกเขาฆ่าตายหมด ทุกคนถูกเขาฆ่า

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 36  

    นั่นคือจุดสูงสุดที่สกุลเจียงต้องแหงนหน้ามองและไม่อาจเอื้อมถึง… “เซียวเฉิน แกซ่อนตัวได้เนียนนักนะ!” เจียงอู๋ซวงกัดฟันพลางเอ่ย หากว่าเซียวเฉินเผยตัวออกมาว่าไม่ใช่คนธรรมดาเร็วกว่านี้ ใครจะกล้าไล่เขาออกไป? คงจะรีบสอพลอเสียด้วยซ้ำ เจียงอู๋ซวงไม่ได้รู้สึกเสียใจ เพียงแต่รู้สึกว่าเซียวเฉินสมองเพี้ยนไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มีตำแหน่งยิ่งใหญ่น่าเหลือเชื่อขนาดนั้นแล้ว แต่กลับแสร้งทำเป็นตัวไร้ประโยชน์! “เจียงอู๋ซวง พี่รู้หรือเปล่า ว่าผมตั้งใจก่อตั้งตำหนักมืดขึ้นก็เพื่อสกุลเจียง?” เซียวเฉินหัวเราะเย็นเยียบออกมาด้วยสีหน้าดูถูก “กำลังคิดว่าจะมอบให้สกุลเจียงแท้ ๆ แต่พวกพี่กลับไล่ผมออกจากสกุลเจียง!” เจียงอู๋ซวงเบิกตาโพลง ม่านตาสั่นไหว จะบอกว่า พวกเธอทิ้งอำนาจการควบคุมองค์กรอันดับหนึ่งของโลกไปเองกับมืออย่างนั้นเหรอ? ในที่สุดเจียงอู๋ซวงก็นึกเสียดายขึ้นมาแล้ว และยังเป็นความเสียดายที่รุนแรงอย่างถึงที่สุด หากว่าสกุลเจียงสามารถควบคุมตำหนักมืดได้… เจียงอู๋ซวงไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าสกุลเจียงจะรุ่งเรืองมากขนาดไหน “ท่านเจ้า…เจ้าแห่งความมืด…” หัวหน้าพรรคชิงสีหน้าซีดเซียว ประสานมือคารวะต่อเซียวเฉิน

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 35  

    โถงหลักของพรรคชิงพังทลายแล้ว! คล้ายกับมีกระแสคลื่นคลั่งโหมกระหน่ำเข้ามา ทำลายทุกสิ่งแหลกละเอียด กำแพงถล่มลงมา คนจำนวนมากมายมหาศาลหลั่งไหลกันเข้ามา “โครม …” เสียงแววดังมาจากด้านบนศีรษะ คนของพรรคชิงตะลึงอึ้งงัน ทว่าไม่นานพวกเขาก็เข้าใจแล้ว แสงจากโลกภายนอกส่องเข้ามาจากด้านบน นั่นเป็นเพราะเพดานโถงทั้งอันของห้องโถงหลักกำลังเลื่อนขึ้นไป มันถูกเกี่ยวให้ลอยขึ้นไปแล้ว มองไปกลางท้องฟ้า เพียงปราดเดียวก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังดึงเพดานโถงหลักของพรรคชิงออกไป ฉับพลันทันใดนั้น ก็มีเฮลิคอปเตอร์จู่โจมหลายสิบลำกำลังลอยนิ่ง ๆ อยู่เหนือศีรษะของพวกคนพรรคชิง อาวุธหนักที่ติดบนเฮลิคอปเตอร์เล็งเป้าลงมาด้านล่างแล้ว “ปึง!” ทันใดกั้นก็มีกระบอกปืนทะลุเข้ามา เมื่อมองให้ดีแล้ว นั่นคือรถถัง ซึ่งจอดเรียงกันเป็นแนวยาว อยู่ด้านหลังเซียวเฉิน ปลายกระบอกปืนสีดำมืดเล็งเป้าไปยังจุดที่เบื้องบนของพรรคชิงนั่งอยู่ หากมองทะลุรอยแยกเล็ก ๆ ออกไป ก็จะเห็นว่าที่แม่น้ำด้านนอกสำนักงานใหญ่พรรคชิง มีเรือสงครามจอดรอคำสั่งอยู่ ทั้งทางน้ำ บนบก และอากาศ ปิดล้อมพรรคชิงไว้ได้อย่างสมบูรณ์ “นะ…นี่มัน…”

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 34  

    สำนักงานใหญ่ของพรรคชิงตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองหนานเฉิง ตอนที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอดนอกสำนักงานใหญ่พรรคชิง เจียงอู๋ซวงถูกเซียวเฉินโยนออกไปด้านนอก เธอกลิ้งกระเด็นกระดอนจนเศษดินเศษฝุ่นเปรอะเต็มหน้า “ไอ้บ้า! แกมันบ้าไปแล้ว!” เธอตะคอกเสียงแข็งด้วยความโกรธและอับอาย เซียวเฉินปลิดชีวิตทูตยมโลกแล้ว มิหนำซ้ำยังบังคับให้เธอขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แล้วพามาที่สำนักงานใหญ่พรรคชิงจริง ๆ พรรคชิงครองอำนาจอิทธิพลครอบคลุมทุกพื้นที่ ภายในสำนักงานใหญ่ย่อมซ่อนเสือซ่อนมังกรไว้เสมือนเป็นถ้ำเสือรังมังกร… เซียวเฉินกล้าดีอย่างไร? อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะลุยเดี่ยวเข้าไปในที่แบบนี้! “ใคร?” คนของพรรคชิงเดินเข้ามา ถือปืนไว้ในมือพร้อมยิงทุกเมื่อ เจียงอู๋ซวงกลัวจนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้น “เขาคือเซียวเฉิน ฆ่าทูตยมโลกกับนายท่านสามสกุลสวีของพรรคไปแล้ว รีบเข้าไปจับตัวมันไว้ซะสิ!” เธอตะโกนด้วยความขลาดกลัว “อะไรนะ? ฆ่าทูตยมโลกไปแล้ว?” คนของพรรคชิงตะลึงงัน ทูตยมโลกคือนักฆ่ายอดฝีมือของพรรคชิง แข็งแกร่งเก่งกาจเป็นที่สุด จะถูกฆ่าง่าย ๆ ได้อย่างไร? “กล้าหาญนัก ตายซะเถอะ!” ปากปืนสิบกว่ากระบอกเล็งเป้ามาที่เซียวเฉิน เ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 33  

    เซียวเฉินผุดยิ้มบาง ๆ “ใช่ ฝีมือของฉันเอง” เสียงของเขาราบเรียบ ทูตยมโลกหรี่ตา เจียงอู๋ซวงสีหน้านิ่งชะงักงันไป สองคนต่างคิดไม่ถึงว่าเซียวเฉินจะยอมรับได้เต็มปากเต็มคำขนาดนั้น “แกทำได้อย่างไร?” ทูตยมโลกเค้นถาม “แค่ฆ่าคน จมเรือทิ้ง แค่นี้เรื่องง่าย ๆ” เซียวเฉินเอ่ยยิ้ม ๆ รอยยิ้มนั้นดูเรียบง่าย เหมือนกับสิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปเรื่องหนึ่ง ทูตยมโลกหรี่ตาอีกครั้ง “บนเรือลำนั้นมีคนมากกว่าสองร้อยชีวิต แกฆ่าทิ้งทั้งหมดเลยเหรอ? แกคิดว่าแกเป็นใครกัน?” เจียงอู๋ซวงพ่นลมออกทางจมูกทันใด ในสายตาของคนสกุลเจียง เซียวเฉินก็เป็นแค่สวะไร้ค่าคนหนึ่ง ไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย เขาจะทำเรื่องน่าตกใจแบบนี้ได้อย่างไร? สีหน้าของเจียงอู๋ซวงฉายประกายดูแคลนออกมาอย่างถึงที่สุด “แกฆ่าคนได้ยังไง? แล้วจมเรือทิ้งได้ยังไง?” ทูตยมโลกเค้นถามต่อด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “แกก็ลองไปถามพวกเขาเองสิ” เซียวเฉินเอ่ยอย่างเฉยเมย ทูตยมโลกสีหน้าแข็งกร้าวขึ้นมาทันใด “เซียวเฉิน แกมันอวดดีนัก! กล้าดียังไงถึงมาหยามทูตยมโลกแบบนี้!” เจียงอู๋ซวงตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “หุบปาก!” ทูตยมโลกตะคอกด้วยเสียงเย็

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 32  

    “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? เพราะอะไรกัน?” ในห้องแต่งตัว เจียงอู๋ซวงบันดาลโทสะอาละวาดโวยวายอีกครั้ง ไปออดิชันครั้งนี้ กลับทำให้เธอต้องอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด ไม่ใช่แค่ถูกทีมผู้กำกับชักสีหน้าพูดจาดูถูกดูแคลน แต่ยังต้องพ่ายแพ้ให้ยัยเด็กหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการครั้งแรก แม้แต่บทสมทบยังไม่เคยแสดงเลยด้วยซ้ำ ด้วยอีโก้ของเธอที่สูงลิ่วปานนั้น มีหรือจะทำใจยอมรับความจริงได้? ยิ่งคิดถึงคำพูดที่เซียวเฉินมันทิ้งไว้ก่อนจะออกไป ไฟโทสะในใจเธอก็ยิ่งเดือดดาล “อีกไม่เกินสามเดือน นอกจากเธอจะตกกระป๋อง แม้แต่บทตัวประกอบก็ไม่มีใครอยากให้เธอแสดงแล้ว” “ฉันน่ะเป็นเทพีรางวัลดอกไม้ทองคำเชียวนะ แม้แต่บทตัวประกอบก็ไม่มีให้เล่นเหรอ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” เจียงอู๋ซวงใบหน้ากระตุกพูดบอกกับตัวเอง “คุณคือเจียงอู๋ซวงสินะ?” พลันมีเสียงดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เจียงอู๋ซวงตกใจสะดุ้งโหยง ถึงได้ค้นพบว่าภายในห้องแต่งตัวตอนนี้มีอีกคนหนึ่งเพิ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ “คุณเป็นใคร?” เจียงอู๋ซวงซักถามด้วยความระแวงอย่างถึงที่สุด “ทูตยมโลกแห่งพรรคชิง” ผู้มาใหม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ สีหน้าของเจียงอู๋ซ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status