แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: ซวนเถียนตาหน่ายซี
“ซินเวย ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เซียวเฉินใช้ผ้าเช็ดหน้าอุ่นๆ ประคบใบหน้าให้ถังซินเวย พร้อมถามเธออย่างห่วงใย

ดวงตาคู่สวยของถังซินเวยเปี่ยมความอ่อนโยน

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ คุณรีบไปดูคุณหนูอู่เถอะ...” เธอมองทางฝั่งเจียงเสี่ยวอู่ กระซิบบอก

เจียงเสี่ยวอู่ถูกตบแรงๆ สองฉาด พวงแก้มสองข้างบวมเปล่ง แย่กว่าเธอมาก

“คนนอกคนหนึ่ง จะสนใจเธอทำไม? ฉันตบเบาไปด้วยซ้ำ” เซียวเฉินพูดเสียงเย็นชา

ถังซินเวยอ้าปาก กลับไม่พูดอะไร

คนสกุลเจียงไล่เซียวเฉินออกจากตระกูลลก่อน เป็นพวกเธอไร้เยื่อใย เธอเองก็สนับสนุนที่เซียวเฉินทำแบบนี้

เจียงเสี่ยวอู่ปิดหน้ายืนข้างหน้าต่าง สายตาจับจ้องด้านล่างตึกอยู่ตลอด

บทสนทนาของทั้งคู่ เธอได้ยินทั้งหมด

ได้ยินเซียวเฉินพูดว่าคนนอกประโยคนั้น ไม่รู้เพราะอะไร เพลิงโทสะคุกรุ่นภายในใจเธอ

เคยเป็นสุนัขตัวหนึ่งของสกุลเจียง ทำไมตอนนี้กล้าอวดเบ่งใส่คนอื่น?

“ไอ้คนเนรคุณ! ไอ้ชั่ว!” เธอสบถด่าภายในใจไม่หยุด

ความแค้นถูกตบสองฉาดนั้น เธอจะต้องแก้แค้นแน่

เธออยู่ที่ข้างหน้าต่างนานมาก กลับไม่เห็นเงาคน ร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ทำไมยังไม่มา?

ถึงขั้นกล้าขัดคำสั่งของเธอ...

ผ่านไปอีกหลายนาที ในที่สุดก็มองเห็นรถยนต์สองคันขับเข้าลานบ้านของสกุลถัง

ทันใดนั้นเจียงเสี่ยวอู่กระตือรือร้นขึ้นมา

“คนของฉันมาถึงแล้ว พวกแกรอความตายเถอะ!” เธอพูดเสียงเหี้ยม เดินไปที่ข้างประตู เปิดประตูออก

คนสกุลถังหันหน้ามองกัน เผยสีหน้าหวาดกลัว

ก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องเล่าของคุณหนูห้าสกุลเจียงมามาก มีบารมีน่าเกรงขามในแวดวงใต้ดิน

ท่าทีของคนสกุลถังทำให้เจียงเสี่ยวอู่อารมณ์ดี

เธอมองทางเซียวเฉิน อยากเห็นสีหน้าตกตะลึงหวาดกลัวบนใบหน้าของเขา กลับได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเขา จึงรู้สึกอึดอัดใจ

“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา อีกเดี๋ยวแกได้เห็นดีแน่!” เธอคิดอย่างโกรธแค้น

เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างว่องไว มีหลายคนขึ้นตึกมา

“ทำไมพวกแกเพิ่งมาถึง?” เจียงเสี่ยวอู่ปั้นหน้าบึ้งตึง ตะคอกอย่างไม่สบอารมณ์

คนเหล่านั้นคล้ายมองไม่เห็นเธออย่างไรอย่างนั้น ผ่านเธอไปโดยตรง

“พวกแก...”

เจียงเสี่ยวอู่ถูกเมินข้าม โมโหขึ้นมาในทันใด

“ตาบอดไปแล้วเหรอ? มองไม่เห็นฉันหรือไง? ใครให้พวกแกกล้าอย่างนี้?” เธอบันดาลโทสะ

แต่ยังไม่มีคนสนใจเธอ คนเหล่านั้นเดินผ่านเข้าประตูบ้านสกุลถัง

สีหน้าเจียงเสี่ยวอู่เคร่งขรึมสุดขีด เตรียมเข้าไปบันดาลโทสะ

“ประธานสมาคมชิงหลง! ยังมีเจ้าสำนักใหญ่ทั้งสี่...”

ได้เห็นหลายคนที่เข้ามา สีหน้านายท่านถังเผือดซีดลง

นี่คือคนโหดเหี้ยมในแวดวงใต้ดินของเมืองหนาน

ประธานสมาคมชิงหลงถือเป็นคนใหญ่โตคนหนึ่ง! มีอำนาจในเมืองหนานสูงเทียมฟ้า คนเปิดบริษัทเล็กๆ อย่างเขานี้ไม่สามารถล่วงเกินได้

โดยเฉพาะตอนนี้ยังติดหนี้สมาคมชิงหลงอยู่ เขารู้สึกกังวลมากขึ้นภายในใจ

ถังซินเวยและถังโยวเองก็มีสีหน้าตึงเครียด หวาดกลัวอย่างมาก

ประธานสมาคมชิงหลงพาเจ้าสำนักทั้งสี่เดินเข้ามาทางคนสกุลถัง กดดันอย่างยิ่งยวด

เจียงเสี่ยวอู่ทางด้านหลังได้เห็นท่าทีของคนสกุลถัง แสยะยิ้มเย็นชา โทสะลดลงไปไม่น้อย

“ท่านประธานสมาคม คนหนุ่มสาวไม่รู้ความ พวกเราเป็นคนล่วงเกินคุณหนูอู่เอง คุณคนใหญ่โตอย่าถือสาเด็กเลย ถ้าจะถามหาเอาความก็มาที่ผมคนเดียวเถอะ อย่าถือสาพวกเขาเลย...” นายท่านถังถลันขึ้นไป ขอร้องอย่างถ่อมตน

“ฮึๆ แกเป็นใครกัน? รับไหวงั้นเหรอ?” เจียงเสี่ยวอู่หัวเราะเสียงเย็นอยู่ข้างหลัง สีหน้าดูถูกเย้ยหยัน

“ไม่ว่าแกขอร้องยังไง ฉันก็ไม่มีวันปล่อยเซียวเฉินและสกุลถังไป! นี่ก็คือสิ่งที่ต้องชดใช้ให้กับตบสองฉาดนั้น!” สีหน้าเธอโหดเหี้ยม

“พวกแกรู้ว่าต้องทำยังไงใช่ไหม?” เธอตะคอกใส่คนของสมาคมชิงหลง

ประธานสมาคมชิงหลงขมวดคิ้วหันหน้ากลับไป จ้องเธอสายตาเย็นชา

“สามหาว! แกกล้าใช้สายตาแบบนี้มองฉันเหรอ?” เจียงเสี่ยวอู่ไม่สบอารมณ์

“ยังปากยื่นปากยาวอีก ฉันจะฉีกปากเธอ!” ประธานสมาคมชิงหลงขมวดคิ้วเอ่ยออกมาหนึ่งประโยค

ครู่ต่อมาเจียงเสี่ยวอู่อึ้งงันอยู่กับที่ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ

นี่ยังใช่พี่ใหญ่ในแวดวงใต้ดินที่เคยมาคุกเข่าร้องขอการให้อภัยจากเธอคนนั้นเหรอ?

ทำไมเขากล้าถึงขนาดนี้?

“ประธานถัง ทุกท่านของสกุลถัง ครั้งนี้ผมมาขอโทษพวกคุณด้วยตนเอง” ประธานสมาคมชิงหลงหันหลัง พูดอย่างรู้สึกผิด “ระยะนี้คนของสมาคมชิงหลงผมมาสร้างความเดือดร้อนให้ ขอโทษจริงๆ ครับ”

“หา? ขอโทษ?”

นายท่านถังและคุณนายถังตกใจหน้าถอดสี ถังซินเวยสองพี่น้องเบิกตากว้าง

“ไม่ไม่ไม่...พวกเราจะกล้ารับได้ยังไง? ท่านประธานสมาคม คุณวางใจเถอะ เงินที่ติดค้างสมาคมชิงหลง พวกเราจะรีบคืนโดยเร็วอย่างแน่นอนครับ!” นายท่านถังรีบออกปากรับประกัน

พวกเขาล้วนคิดว่าสมาคมชิงหลงกำลังล้อเล่น ตกใจตัวสั่นเทา

“เงินที่สกุลถังติดค้างสมาคมชิงหลง ไม่ต้องคืนแล้วครับ! ถือเป็นของขวัญขอขมาของพวกเราต่อสกุลถังก็แล้วกัน” ประธานสมาคมชิงหลงโบกมือใหญ่ พูดออกมา

“อะไรนะ?” คนสกุลถังตกตะลึงพรึงเพริด ไม่กล้าเชื่อ

“พวกแกกำลังทำบ้าอะไร?” เจียงเสี่ยวอู่ทั้งตกใจทั้งโมโห

“ฉันเรียกพวกแกมา ให้พวกแกมาขอขมาพวกเขางั้นเหรอ? สมองพวกแกถูกประตูหนีบไปแล้วหรือยังไง?” เธอตวาดเสียงเฉียบ

“เจียงเสี่ยวอู่ เธอกำลังรนหาที่ตาย!” สายตาประธานสมาคมชิงหลงคมกริบเย็นชา พูดเสียงเคร่งขรึม

มีดยาวเล่มหนึ่งจ่อที่คอของเจียงเสี่ยวอู่ อีกเพียงนิดเดียวก็จะกรีดคอเธอ

ไอเย็นยะเยือกทำให้เจียงเสี่ยวอู่นิ่งงัน

ลำคอขาวนวลของเธอมีเลือดซึมออกมา ไอเย็นทำให้หน้าเธอขาวซีด

“แก...ทำไมแกกล้าพูดกับฉันแบบนี้...” เธอไม่มั่นใจอีกต่อไป ภายนอกอวดเก่งแต่ภายในหวาดกลัว

เธอไม่เข้าใจ ทำไมคนที่เคยอ่อนน้อมถ่อมตนถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

“เธอคิดว่าฐานะคุณหนูห้าสกุลเจียงของเธอยอดเยี่ยมมากงั้นเหรอ?” ประธานสมาคมชิงหลงเย้ยหยันออกมา

“เธอคิดว่าคนใหญ่โตในแวดวงใต้ดินมากขนาดนั้นเคารพเธอเพราะเธอมีบารมีจริงๆ?”

“เจียงเสี่ยวอู่ อย่าหลงตัวเองเกินไปนัก ไม่มีคนอยู่เบื้องหลังเธอคนนั้น เธอก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ไม่รู้ต้องตายไปกี่ครั้งแล้ว!”

ถ้อยคำนี้ ทำให้สีหน้าเจียงเสี่ยวอู่แข็งกระด้าง

หลายปีมานี้ เธอได้รับความเคารพจากคนใหญ่โตในแวดวงใต้ดิน กลับไม่เคยคิดมาก่อนว่าทำไมจึงเป็นอย่างนี้

ทุกครั้งเธอล่วงเกินคนใหญ่โตในแวดวงใต้ดิน ผ่านไปไม่กี่วันก็จะมีคนมาร้องขอการให้อภัยจากเธอที่สกุลเจียง เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งจนเธอรู้สึกว่าผ่อนคลาย คิดว่าตนเองไม่ธรรมดา

เธอคิดว่านั่นเป็นเพราะฐานะคุณหนูห้าสกุลเจียงไปจนถึงบารมีน่าเกรงขามไม่ธรรมดาของเธอ

“คนที่อยู่เบื้องหลังฉัน? เบื้องหลังฉันมีใคร?” เธอเอ่ยถามอย่างตกตะลึง

“คนผู้นั้นเป็นคนใหญ่โตไร้คู่ต่อสู้บนโลกนี้ เป็นคนที่เธอคิดไม่ถึงว่ามีตัวตนอยู่!” ประธานสมาคมชิงหลงพูดอย่างเคารพนบนอบ เหล่มองเซียวเฉินเงียบๆ โดยไม่ทิ้งร่องรอย

“เจียงเสี่ยวอู่ เดิมทีเธอสามารถเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจสูงสุดบนโลกได้ น่าเสียดาย เธอเป็นคนทำลายทั้งหมดด้วยตนเอง” ประธานสมาคมชิงหลงเย้ยหยันออกมา

“ไม่มีคนผู้นั้นปกป้อง เธอก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น!”

เจียงเสี่ยวอู่เหม่อลอย

เธอไม่เข้าใจอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร

คนใหญ่โตเบื้องหลังอะไร เธอทำลายอะไร?

ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย

“ฉันไม่สนใจอะไรมากขนาดนั้นหรอกนะ ตอนนี้พวกแกต้องฟังคำสั่งของฉัน! จับเซียวเฉินให้ฉันเดี๋ยวนี้!” เธอตะคอกเสียงดัง

ตบสองฉาดนั้นทำให้เธอเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว

“โยนผู้หญิงบ้าคนนี้ออกไป!” ประธานสมาคมชิงหลงขมวดคิ้วเรียวยาว

มีเจ้าสำนักสองคนเดินเข้าไป ไม่ว่าเจียงเสี่ยวอู่ดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์

เธอคล้ายขยะถูกโยนออกจากสกุลถัง

เจียงเสี่ยวอู่สกปรกมอมแมมไปทั้งตัว สภาพน่าสงสาร

“พวกแก...พวกแกจะหักหลังเหรอ?” เธอตะคอก

“ยังไม่ไป ก็อย่าคิดจะได้ไปอีกเลย” เจ้าสำนักคนหนึ่งพูดเสียงเย็นชาหนึ่งประโยค

“ฉัวะ!”

เส้นผมข้างลำคอเธอถูกฟันออกหนึ่งช่อ

สีหน้าเจียงเสี่ยวอู่เผือดซีด ขยับถอยหลังตึกๆ

เธอโมโหโกรธแค้นสุดขีด

คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้...

ตกลงคนอยู่เบื้องหลังเธอยอดเยี่ยมมากขนาดไหน ทำไมอยู่ๆ ก็ทอดทิ้งตนเอง

“ตกลงฉันทำผิดอะไร?” เธอตะคอกอย่างไม่เต็มใจก่อนจะจากไป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 10

    หลังคนสกุลถังส่งประธานสมาคมชิงหลงและเจ้าสำนักทั้งสี่จากไปแล้ว กลับยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้“คนของสมาคมชิงหลงเกรงใจเกินไปแล้ว ท่าทีไม่เหมือนที่ผ่านมา” นายท่านถังพูดเสียงเครียด“มิหนำซ้ำคำว่าเกรงใจสองพยางค์นี้ ไม่สมควรปรากฏในพจนานุกรมของสมาคมชิงหลงเลยด้วยซ้ำ”สมาคมชิงหลงเป็นหัวหน้าใหญ่ในแวดวงใต้ดินของเมืองหนาน ชื่อเสียงโหดเหี้ยมเว้นเสียแต่เมื่อหลายปีก่อนที่พลาดท่าให้เจียงเสี่ยวอู่ในครั้งนั้น...ครั้งนี้กับครั้งนั้นก็เหมือนกัน อยู่เหนือจินตนาการ ยากจะเข้าใจได้ทำไมพวกเขาถึงพูดจาหยาบคายกับเจียงเสี่ยวอู่ แต่มีมารยาทต่อคนสกุลถังกันนะ?“ตกลงนี่เพราะอะไรกันแน่?” นายท่านถังขมวดคิ้วครุ่นคิดแม้ว่านี่เป็นเรื่องดี แต่กะทันหันมากเกินไป ยากจะไม่ให้คนคิดมาก“คุณอาถัง คุณอาอย่าคิดมากเกินไปเลย สกุลถังทำความร่วมมือกับเซิ่งหรงกรุ๊ปแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ด้วยตำแหน่งของเซิ่งหรงกรุ๊ป สมาคมชิงหลงเกรงใจพวกคุณอาก็สมเหตุสมผล” เซียวเฉินพูดยิ้มๆ“แล้วเพราะอะไรเซิ่งหรงนั้นถึงมาหาพวกเราสกุลถังล่ะ?” นายท่านถังส่ายหน้าดังเดิมนักธุรกิจทำธุรกิจย่อมต้องเห็นผลประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญเซิ่งหรงมามอบความช่วยเหลือ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 11

    ริมทะเลสาบเมืองหนานเฉิง อาคารกูเยว่นี่คือภัตตาคารสูงที่สุดของเมืองหนานเฉิง ก่อสร้างรูปแบบโบราณ ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการอย่างมากราคาของที่นี่สูงมาก ราคาแพงที่สุด ต่อให้เป็นเศรษฐีเมืองหนานเฉิงก็ต้องใคร่ครวญให้ดีวันนี้สกุลเจียงตั้งใจเหมาห้องวีไอพีที่ชั้นบนสุดสองห้องไว้เป็นพิเศษ เพื่อรับรองการมาเยือนของเหล่าหมอมีชื่อเสียงในประเทศเซี่ยเจียงอีอีและเจียงซือซือสองพี่น้องยืนที่หน้าประตูโถงรับแขกชั้นหนึ่งของอาคารกูเยว่ มาต้อนรับด้วยตนเองเจียงอีอีวางแผนไว้ดีมากใช้ชื่อเสียงของหมอเทวดาดึงดูดเหล่าอาจารย์หมอระดับสูงเหล่านี้มา พยายามสานสัมพันธ์ให้ดี ขยายเครือข่ายของสกุลเจียงหมอระดับหนึ่งนับว่ามีตำแหน่งสูงในประเทศเซี่ย คู่ควรให้ดึงเป็นพรรคพวกมองดูหมอระดับหนึ่งมีชื่อเสียงแต่ละคนเดินทางมา สองพี่น้องยิ้มร่าต้อนรับขับสู้เพราะอ้างชื่อศิษย์ของหมอเทวดา หมอเหล่านั้นเกรงใจเจียงซือซืออย่างมากใบหน้าเจียงซือซือประดับยิ้ม คำเยินยอของเหล่าอาจารย์หมอระดับสูงทำให้เธอภาคภูมิใจอยู่ๆ สายตาก็หยุดนิ่งไป“พี่ใหญ่ รีบดูเร็วเข้า!” เธอชี้ไปข้างหน้าพลางตะโกนเจียงอีอีขมวดคิ้วมองไป สีหน้าเคร่

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 12

    เซียวเฉินพาถังซินเวยขึ้นไปบนชั้นห้าของอาคารกูเยว่โดยตรงเจียงซือซืออ้างชื่อของเขาเรียกหมอมีชื่อเสียมายังเมืองหนานเฉิง เขาย่อมไม่นั่งนิ่งดูดายหลังมาถึงชั้นห้าแล้ว มองเห็นห้องส่วนตัวสองห้องถูกเปิดประตูทิ้งไว้ ภายในส่วนใหญ่ล้วนเป็นแพทย์อาวุโสชราภาพแล้วคนเหล่านี้ล้วนเป็นแพทย์ระดับหนึ่งของประเทศเซี่ย มีตำแหน่งสูงเซียวเฉินพาถังซินเวยเดินไปยังห้องส่วนตัวฝั่งตรงข้ามแห่งหนึ่ง ยังไม่ปิดประตู สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอาจารย์หมอเหล่านั้นได้ตอนนี้อาจารย์หมอระดับหนึ่งกำลังถกเถียงกันอย่างตื่นเต้น ล้วนคิดว่าใกล้จะได้พบหมอเทวดาแล้วนั่นคือภูเขามหึมาทางสายแพทย์ ดุจอนุสณ์ที่มีชีวิตอยู่ ต่อให้เป็นอาจารย์หมอระดับหนึ่งก็ล้วนเลื่อมใสอย่างมาก“คณหนูสี่สกุลเจียงสามารถคำนับหมอเทวดาเป็นอาจารย์ได้ เห็นชัดว่าเธอมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา ชวนให้คนอิจฉาจริงๆ เลย...สกุลเจียงมีหมอเทวดาเป็นที่พึ่ง ไม่มีวันล้มลง” ถังซินเวยพูดอย่างสลดใจเธอตั้งใจพูดให้เซียวเฉินฟังแท้จริงแล้วเธอไม่หวังให้เซียวเฉินแก้แค้นสกุลเจียง เพราะตอนนี้สกุลเจียงมีอำนาจยิ่งใหญ่ เธอกลัวเซียวเฉินจะถูกทำร้าย“ไม่มีวันล้มเหรอ?” เซียวเฉินหัวเรา

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 13

    “ปากดีนักนะ!”ภายในห้องส่วนตัวมีอาจารย์หมออาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้นยืน สีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา“แม้แต่สกุลหลินแห่งเจียงเป่ยก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา คาดว่านายมีภูมิหลังยิ่งใหญ่มากสินะ กลับไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนถึงกล้าพูดแบบนี้!” อาจารย์หมออาวุโสคนนั้นขยับขึ้นมาหลายก้าว สบตาเซียวเฉินโดยตรง รัศมีเปี่ยมความกดดัน“อาจารย์หมอหลิว”เจียงอีอีทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท“คนๆ นี้ชื่อว่าเซียวเฉิน เดิมทีเป็นเด็กกำพร้าที่สกุลเจียงรับเลี้ยงไว้ แต่เพราะสาเหตุบางอย่างจึงถูกขับไล่ออกจากสกุลเจียง เพราะเรื่องนี้ทำให้มีความคับแค้นใจ คิดแก้แค้นมาโดยตลอด วันนี้เขามาเพื่อทำลายงาน ต้องการทำลายการพบกันของทุกท่านและหมอเทวดา...”“สกุลเจียงเลี้ยงเด็กเนรคุณแบบนี้ออกมา อีอีรู้สึกผิดเหลือเกิน ขอโทษทุกท่านไว้ที่นี่ด้วยค่ะ” เจียงอีอีโค้งคำนับอาจารย์หมอเหล่านั้น“คุณหนูอีอี ไม่ใช่เรื่องของคุณเสียหน่อย ทำไมต้องรับผิดชอบความผิดพลาดของไอ้เด็กเนรคุณคนนั้นด้วย?” ทันใดนั้นมีอาจารย์หมอพูดขึ้น“ไม่รู้ความ กล้ามาก่อเรื่องที่นี่ ใครมอบความกล้าให้กัน!”“ไล่เขาออกไป! งานสำคัญขนาดนี้ จะปล่อยให้คนพรรค์นี้ทำลายได้ยังไง!”......เพ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 14

    “พรวด!”“แค่กๆ...”จากนั้นอาจารย์หมอระดับหนึ่งหลายคนก็เข้ามาลองอย่างต่อเนื่องเพียงแต่ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน ไม่มีใครสามารถคลายจุดลมปราณที่เจียงหลิวถูกปิดกั้นไว้ได้หากฝืนคลายจุดลมปราณ ก็จะเหมือนอาจารย์หลิวก่อนหน้านี้ ไม่เพียงทำร้ายตนเอง ยังจะทำให้เจียงหลิวได้รับบาดเจ็บมากขึ้นอีกด้วยเหล่าหมอมีชื่อเสียงพูดไม่ออก ไม่กล้าตำหนิอย่างโอหังอีกก็เหมือนอย่างที่เซียวเฉินพูด ไม่มีใครสามารถช่วยได้ทั้งๆ ที่เป็นแค่จุดลมปราณธรรมดาแห่งหนึ่ง กลับทำให้เหล่าอาจารย์หมอมีชื่อเสียงทำอะไรไม่ถูกเห็นสีหน้าเจียงหลิวซีดลงเรื่อยๆ ลมหายใจเองก็อ่อนแรงยิ่งขึ้น เจียงอีอีและเจียงซือซือร้อนใจดุจไฟเผา ใบหน้าเขียวคล้ำ“หรือว่าไม่มีใครสามารถรักษาน้องเล็กได้จริงๆ” พวกเธอไม่อยากเชื่อเซียวเฉินคนนั้น ทั้งๆ ที่เป็นแค่ตัวไร้ประโยชน์คนหนึ่ง!ทำไมเจียงหลิวถูกเขาทำร้ายอาการหนักถึงขนาดนี้ เหล่าหมอมีชื่อเสียงล้วนไม่สามารถรักษาได้“เลิกรักษาได้แล้ว!”เห็นเจียงหลิวเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย ในที่สุดเจียงอีอีก็ระเบิดอารมณ์ ออกแรงตะโกนออกไปหนึ่งประโยคจะรักษาต่อไปไม่ได้...ยังรักษาต่อไป เจียงหลิวก็ไม่มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว“ทำ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 15

    “เจียงซือซือ ลุกขึ้นเถอะ”เซียวเฉินพูดเสียงเรียบ“อาจารย์ ในที่สุดคุณก็ให้อภัยฉันแล้ว!” เจียงซือซือเผยอารมณ์ตกตะลึงระคนดีใจ“เธอถูกไล่ออกจากสำนักแล้ว อย่าเรียกฉันว่าอาจารย์อีก!” ประโยคต่อมาของเซียวเฉินทำให้รอยยิ้มเธอหายไป“อาจารย์ เพราะอะไร?” เธอตะโกนถามเพราะอะไรถึงยังไม่ให้อภัย? ตกลงเธอทำอะไรผิดไปกันแน่?“ฉันบอกแล้ว อย่าเรียกฉันว่าอาจารย์อีก! เธอไม่คู่ควร!” เซียวเฉินพูดอย่างรำคาญร่างกายเจียงซือซือโงนเงน ซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว ถูกเจียงอีอีประคองไว้เธอยอมรับความสะเทือนใจเช่นนี้ไม่ไหวใบหน้าเจียงอีอีเปี่ยมความไม่เข้าใจเธอถามเจียงซือซือไม่รู้ตั้งกี่รอบ แต่กลับไม่พบว่าตกลงอาจารย์ศิษย์สองคนนี้มีปัญหาอะไรคล้ายอยู่ดีๆ หมอเทวดาก็เปลี่ยนท่าทีไปอย่างกะทันหัน“บังเอิญที่นี่มีอาจารย์หมออยู่ไม่น้อย งั้นฉันขอประกาศอีกครั้ง” เซียวเฉินพูดเสียงเรียบ“คุณหนูสี่สกุลเจียงเจียงซือซือ ถูกฉันไล่ออกจากสำนักตั้งนานแล้ว นับตั้งแต่วันนี้ไปไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ฉันหมอเทวดาไม่มีศิษย์อีกต่อไป!” เสียงของเขาเด็ดขาดเหล่าอาจารย์หมอต่างพากันฮือฮา ถกเถียงกันขึ้นมาเจียงซือซือถึงขั้นถูกไล่ออกจากสำ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 16

    ตัวของเซียวเฉินเองก็คิดไม่ถึงว่า เจียงอีอีจะคุกเข่าขอร้องต่อหน้าของเขารวดเร็วขนาดนี้เพื่อช่วยเจียงหลิวแล้ว ไม่คิดเลยว่าเธอจะยอมทุ่มเทขนาดนี้เจียงอีอีหยิ่งยโสขนาดไหน เซียวเฉินรู้ดีเขาเผยให้เห็นสีหน้าประหลาดใจ“เป็นพี่น้องที่รักกันมากจริง ๆ” เซียวเฉินพูดด้วยความเหน็บแนมเล็กน้อยเขาอยู่ที่สกุลเจียงมาสิบกว่าปี รับใช้ห้าพี่น้องมาตลอด อย่างกับคนรับใช้ความทุ่มเทแบบนั้น กลับไม่เคยถูกมองตรง ๆ เลยสักครั้งเจียงหลิวเพิ่งถูกตามตัวกลับมาได้ไม่นาน เจียงอีอีก็ยอมโยนศักดิ์ศรีทิ้งคุกเข่าขอร้องตนเองเพื่อเขาแล้ว“คนที่ทุ่มเทให้สกุลเจียงของเธอมาสิบกว่าปีกับญาติที่สนิทพึ่งเจอหน้ากันครั้งแรกคนหนึ่ง แตกต่างกันมากขนาดนี้เลยเหรอ?” เซียวเฉินพูดเพียงประโยคเดียวเจียงอีอีไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมหมอเทวดาถึงได้พูดจาแบบนี้หรือว่าเขารู้จักเซียวเฉิน?“ต่อให้คนนอกทุ่มเทมากขนาดไหน ก็เป็นเพียงคนนอก ญาติสนิทต่อให้เป็นคนแปลกหน้า ก็มีสายเลือดเดียวกันไหลเวียนอยู่! ทั้งสองคนไม่สามารถเอามาเปรียบกันได้เลยแม้แต่น้อย!” เธอพูดอย่างจริงจังเซียวเฉินรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งนี่ก็คือแนวความคิดของพี่น้องสกุลเจียงอย่างน

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 17

    “เป็นยังไงบ้าง?”เจียงซือซือเพิ่งกลับมาถึงสกุลเจียง พี่น้องทุกคนก็รีบถามเธอ“ไอ้เซียวเฉินนี่พูดดี ๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง! ให้ตายยังไงมันก็ไม่ยอมบอกวิธีการรักษาน้องเล็ก!” เจียงซือซือพูดด้วยความแค้นเคือง“นี่คือการเอาคืนสกุลเจียงของมันเหรอ? น่าตลกจริง ๆ ยอมเอาชีวิตเข้าแลกแต่ไม่ยอมให้พวกเราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหรอ?” เจียงเสี่ยวอู่แค่นหัวเราะติด ๆ กัน“ถ้าอย่างนั้นก็ให้มันไปตายซะ” เจียงอีอีพูดเสียงราบเรียบ“เวลานี้ หลินเทาน่าจะพาคนไปที่สกุลถังแล้ว...บนโลกใบนี้ มีคนมากมายที่สามารถจัดการมันได้!”......กลางดึก ขบวนรถกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้ามือของหลินเทาพันด้วยผ้าพันแผล มือข้างหนึ่งห้อยอยู่ที่หน้าอก นั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถที่ขับนำหน้า สีหน้าอึมครึมเขาคือคุณชายใหญ่ของสกุลหลินแห่งเจียงเป่ย เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์ที่มีชื่อเสียงของประเทศเซี่ย ตอนหลังได้เป็นศิษย์ของแพทย์ชื่อดังเข้าศึกษาความรู้ทางด้านแพทยศาสตร์เพิ่มเติมครั้งนี้ติดตามอาจารย์มายังเมืองหนานเฉิง ก็เพราะหวังว่าจะได้เห็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ทางด้านแพทยศาสตร์ อยากจะได้รับคำชี้แนะของเขา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงออกหน้าแทนเจียงซื

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 40  

    จ้าวเทียนอีแผดเสียงร้องโหยหวนออกมาราวกับปอดจะฉีก เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส “พูดไม่พูด?” “อยากรู้เหรอ? ฝันไปเถอะ!” จ้าวเทียนอีคำรามเสียงดังสนั่น เซียวเฉินเหยียบลงไปที่แขนอีกข้างหนึ่งของเขาอีกครั้ง แขนสองข้างถูกเหยียบจนหัก จ้าวเทียนอีเจ็บปวดจนแทบตายไปตรงนั้น ความเคียดแค้นต่อเซียวเฉินที่อยู่ในใจพุ่งสูงถึงขีดสุดแล้ว ถังซินเวยมองดูสถานการณ์จนอกสั่นขวัญแขวน ต่อให้สกุลถังจะอยู่ในช่วงรุ่งเรืองเฟื่องฟู แต่จะด้านใด ๆ ก็ยังเทียบไม่ได้กับสกุลจ้าว จะยั่วยุล่วงเกินอีกฝ่ายไม่ได้เด็ดขาด เซียวเฉินทำจ้าวเทียนอีบาดเจ็บถึงเพียงนี้แล้ว เกรงว่าเธอคงจะหมดปัญญาปกป้องแล้ว “ยังไม่บอกอีกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว” เซียวเฉินเห็นจ้าวเทียนอียังคงดื้อรั้นปากแข็ง สีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะยกเท้าขึ้นกระทืบไปบนขาซ้ายของอีกฝ่าย ไม่รอคำตอบ ก็ยกเท้ากระทืบขาขวาของเขาไปอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียว แขนขาทั้งสี่ของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น ทว่าเซียวเฉินก็มิได้ใจอ่อนลงแม้แต่น้อย กล้าดูหมิ่นถังซินเวย เขาไม่มีทางยกโทษให้เด็ดขาด! “ฉันบอก…ฉันบอกก็ได้…” ในที่สุดจ้าวเทียนอีก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว ร้องออกมาพร้อ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 39  

    บอดี้การ์ดสองคนของจ้าวเทียนอีเดินตรงเข้ามาหาเซียวเฉิน ก่อนที่จ้าวเทียนอีจะเข้ามารับช่วงต่อดูแลธุรกิจของตระกูลก็เคยเป็นคุณชายเสเพล ใช้อำนาจอิทธิพลของสกุลจ้าวมาทำตัวโอหังอวดดี บอดี้การ์ดสองคนนี้เขาจ้างมาทำงานด้วยราคาสูง และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็คอยช่วยเขาจัดการกับคนที่ทำให้เขาไม่พอใจมานักต่อนักแล้ว ผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ ท่าทางธรรมดาเหมือนอย่างเซียวเฉิน จ้าวอีเทียนไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา หลังจากออกคำสั่งก็คร้านจะหันกลับไปมองอีก เขาหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นมา จิบเบา ๆ ทว่ายังไม่ทันได้กลืน “ปึง ปัง…” ก็ได้ยินเสียงกระแทกหนัก ๆ ดังขึ้นสองครั้ง เขายกยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางเงยหน้ามอง แต่ก็ต้องชะงักไปทันที บอดี้การ์ดที่เขาจ้างมาด้วยเงินสูงลิ่วถูกซัดลอยกระเด็น ก่อนจะล้มฟาดข้างโซฟาทั้งสองข้างอย่างแรง “หือ?” จ้าวเทียนอีขมวดคิ้วขึ้น จ้องมองเซียวเฉินอย่างประหลาดใจ “เหอะ ก็มีฝีมืออยู่บ้างนี่…” เขาดึงหน้าขรึมเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา “แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร?” จ้าวเทียนอีวางแก้วไวน์ลง พลางถามอย่างไม่แยแส “ถ้าไม่รู้ แกก็ลองถามถังซินเวยดูสิ” “คนที่กล้าล่วงเกินฉัน มีจุดจบอยู่สองแบบ ไม่ขอโทษด้

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 38  

    “ประธานจ้าว พวกเรามาพบกันสักหน่อยได้ไหมคะ? ฉันอยากจะขอเจรจากับคุณสักหน่อยค่ะ…” ถังซินเวยเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นคุณก็มาที่โรงแรมเยว่เผิงได้หรือเปล่า” น้ำเสียงจากปลายสายเจือด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ถังซินเวยไม่กล้าล่าช้า รีบขับรถมุ่งตรงไปที่โรงแรมเยว่เผิงทันที เมื่อมาถึง ก็รีบขึ้นลิฟต์อย่างร้อนรนไปยังห้องรับรองส่วนตัวที่อีกฝ่ายพูดถึงทันที ภายในห้องรับรองส่วนตัว มีชายหนุ่มที่ดูวัยรุ่นมาก ๆ คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ข้างกายมีบอดี้การ์ดสองคน และมีอาหารหรูหราวางอยู่เต็มโต๊ะ ระหว่างทางถังซินเวยได้บอกเซียวเฉินแล้วว่า ประธานจ้าวคนนี้ชื่อว่าจ้าวเทียนอี เป็นคุณชายจากสกุลจ้าวซึ่งเป็นตระกูลยิ่งใหญ่มีอิทธิพลในเมืองหนานเฉิง แม้ว่าอายุยังน้อยแต่ก็ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบหน้าที่สำคัญแล้ว เรื่องจัดหาวัสดุ ก็เป็นเขาเองที่ติดต่อกับถังซินเวยมาโดยตรง เห็นถังซินเวยเข้ามา จ้าวเทียนอีก็ผุดยิ้ม ทว่าเห็นด้านหลังของเธอมีเซียวเฉินตามมาด้วยอีกคน สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย “ประธานจ้าว ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะที่ทำให้คุณต้องรอนาน…” ถังซินเวยเข้าไปก็กล่าวขอโทษทันที ด้วยท่าทีอ่อนน้อม จ้าวเ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 37  

    เจียงอู๋ซวงที่เสียสติถูกส่งตัวกลับบ้านสกุลเจียง เห็นเจียงอู๋ซวงผมเผ้ายุ่งเหยิงสภาพดูอิดโรยน่าสังเวชแบบนั้น พี่น้องสกุลเจียงต่างตกตะลึงหน้าถอดสี “พี่รอง พี่เป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” พวกเธอรีบกรูกันเข้าไปล้อมรอบ “น้องรอง เธอเป็นอะไรไป?” เจียงอีอีขมวดคิ้ว “เธอเป็นดาราสาวตัวท็อป สภาพแบบนี้ถ้าเกิดถูกนักข่าวถ่ายภาพไปได้ ต้องกลายเป็นข่าวใหญ่ถูกวิจารณ์หนักหน่วงแน่ ชื่อเสียงสกุลเจียงต้องเสื่อมเสียแน่นอน” เจียงอู๋ซวงแววตาเหม่อลอย ไม่มีท่าทีโต้ตอบใด ๆ กับคำตำหนิของเธอ “แย่แล้ว…พวกเราพลาดไปแล้ว…” เธอขยับปากพึมพำ “แย่อะไร? พวกเราทำพลาดอะไรตรงไหนเหรอ?” พี่น้องสกุลเจียงได้ยินก็งุนงงไม่เข้าใจ “ไม่ควรไล่เซียวเฉินออกจากสกุลเจียงเลย พวกเราพลาดไปแล้ว…” เจียงอู๋ซวงพูดออกมาอย่างเหม่อลอย “หุบปาก!” สีหน้าของเจียงอีอีพลันเยือกเย็นลงทันที “เจียงอู๋ซวง นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? ถึงได้กล้ามาสงสัยกับการตัดสินใจของฉัน! พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดนะ!” เธอตวาดด้วยเสียงเย็นชา “คน…ผู้คนมากมาย…ตายไปหมดแล้ว” เจียงอู๋ซวงพลันร้องไห้ออกมา ความหวาดกลัวฉายชัดเต็มใบหน้า “ถูกเขาฆ่าตายหมด ทุกคนถูกเขาฆ่า

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 36  

    นั่นคือจุดสูงสุดที่สกุลเจียงต้องแหงนหน้ามองและไม่อาจเอื้อมถึง… “เซียวเฉิน แกซ่อนตัวได้เนียนนักนะ!” เจียงอู๋ซวงกัดฟันพลางเอ่ย หากว่าเซียวเฉินเผยตัวออกมาว่าไม่ใช่คนธรรมดาเร็วกว่านี้ ใครจะกล้าไล่เขาออกไป? คงจะรีบสอพลอเสียด้วยซ้ำ เจียงอู๋ซวงไม่ได้รู้สึกเสียใจ เพียงแต่รู้สึกว่าเซียวเฉินสมองเพี้ยนไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มีตำแหน่งยิ่งใหญ่น่าเหลือเชื่อขนาดนั้นแล้ว แต่กลับแสร้งทำเป็นตัวไร้ประโยชน์! “เจียงอู๋ซวง พี่รู้หรือเปล่า ว่าผมตั้งใจก่อตั้งตำหนักมืดขึ้นก็เพื่อสกุลเจียง?” เซียวเฉินหัวเราะเย็นเยียบออกมาด้วยสีหน้าดูถูก “กำลังคิดว่าจะมอบให้สกุลเจียงแท้ ๆ แต่พวกพี่กลับไล่ผมออกจากสกุลเจียง!” เจียงอู๋ซวงเบิกตาโพลง ม่านตาสั่นไหว จะบอกว่า พวกเธอทิ้งอำนาจการควบคุมองค์กรอันดับหนึ่งของโลกไปเองกับมืออย่างนั้นเหรอ? ในที่สุดเจียงอู๋ซวงก็นึกเสียดายขึ้นมาแล้ว และยังเป็นความเสียดายที่รุนแรงอย่างถึงที่สุด หากว่าสกุลเจียงสามารถควบคุมตำหนักมืดได้… เจียงอู๋ซวงไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าสกุลเจียงจะรุ่งเรืองมากขนาดไหน “ท่านเจ้า…เจ้าแห่งความมืด…” หัวหน้าพรรคชิงสีหน้าซีดเซียว ประสานมือคารวะต่อเซียวเฉิน

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 35  

    โถงหลักของพรรคชิงพังทลายแล้ว! คล้ายกับมีกระแสคลื่นคลั่งโหมกระหน่ำเข้ามา ทำลายทุกสิ่งแหลกละเอียด กำแพงถล่มลงมา คนจำนวนมากมายมหาศาลหลั่งไหลกันเข้ามา “โครม …” เสียงแววดังมาจากด้านบนศีรษะ คนของพรรคชิงตะลึงอึ้งงัน ทว่าไม่นานพวกเขาก็เข้าใจแล้ว แสงจากโลกภายนอกส่องเข้ามาจากด้านบน นั่นเป็นเพราะเพดานโถงทั้งอันของห้องโถงหลักกำลังเลื่อนขึ้นไป มันถูกเกี่ยวให้ลอยขึ้นไปแล้ว มองไปกลางท้องฟ้า เพียงปราดเดียวก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังดึงเพดานโถงหลักของพรรคชิงออกไป ฉับพลันทันใดนั้น ก็มีเฮลิคอปเตอร์จู่โจมหลายสิบลำกำลังลอยนิ่ง ๆ อยู่เหนือศีรษะของพวกคนพรรคชิง อาวุธหนักที่ติดบนเฮลิคอปเตอร์เล็งเป้าลงมาด้านล่างแล้ว “ปึง!” ทันใดกั้นก็มีกระบอกปืนทะลุเข้ามา เมื่อมองให้ดีแล้ว นั่นคือรถถัง ซึ่งจอดเรียงกันเป็นแนวยาว อยู่ด้านหลังเซียวเฉิน ปลายกระบอกปืนสีดำมืดเล็งเป้าไปยังจุดที่เบื้องบนของพรรคชิงนั่งอยู่ หากมองทะลุรอยแยกเล็ก ๆ ออกไป ก็จะเห็นว่าที่แม่น้ำด้านนอกสำนักงานใหญ่พรรคชิง มีเรือสงครามจอดรอคำสั่งอยู่ ทั้งทางน้ำ บนบก และอากาศ ปิดล้อมพรรคชิงไว้ได้อย่างสมบูรณ์ “นะ…นี่มัน…”

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 34  

    สำนักงานใหญ่ของพรรคชิงตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองหนานเฉิง ตอนที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอดนอกสำนักงานใหญ่พรรคชิง เจียงอู๋ซวงถูกเซียวเฉินโยนออกไปด้านนอก เธอกลิ้งกระเด็นกระดอนจนเศษดินเศษฝุ่นเปรอะเต็มหน้า “ไอ้บ้า! แกมันบ้าไปแล้ว!” เธอตะคอกเสียงแข็งด้วยความโกรธและอับอาย เซียวเฉินปลิดชีวิตทูตยมโลกแล้ว มิหนำซ้ำยังบังคับให้เธอขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แล้วพามาที่สำนักงานใหญ่พรรคชิงจริง ๆ พรรคชิงครองอำนาจอิทธิพลครอบคลุมทุกพื้นที่ ภายในสำนักงานใหญ่ย่อมซ่อนเสือซ่อนมังกรไว้เสมือนเป็นถ้ำเสือรังมังกร… เซียวเฉินกล้าดีอย่างไร? อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะลุยเดี่ยวเข้าไปในที่แบบนี้! “ใคร?” คนของพรรคชิงเดินเข้ามา ถือปืนไว้ในมือพร้อมยิงทุกเมื่อ เจียงอู๋ซวงกลัวจนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้น “เขาคือเซียวเฉิน ฆ่าทูตยมโลกกับนายท่านสามสกุลสวีของพรรคไปแล้ว รีบเข้าไปจับตัวมันไว้ซะสิ!” เธอตะโกนด้วยความขลาดกลัว “อะไรนะ? ฆ่าทูตยมโลกไปแล้ว?” คนของพรรคชิงตะลึงงัน ทูตยมโลกคือนักฆ่ายอดฝีมือของพรรคชิง แข็งแกร่งเก่งกาจเป็นที่สุด จะถูกฆ่าง่าย ๆ ได้อย่างไร? “กล้าหาญนัก ตายซะเถอะ!” ปากปืนสิบกว่ากระบอกเล็งเป้ามาที่เซียวเฉิน เ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 33  

    เซียวเฉินผุดยิ้มบาง ๆ “ใช่ ฝีมือของฉันเอง” เสียงของเขาราบเรียบ ทูตยมโลกหรี่ตา เจียงอู๋ซวงสีหน้านิ่งชะงักงันไป สองคนต่างคิดไม่ถึงว่าเซียวเฉินจะยอมรับได้เต็มปากเต็มคำขนาดนั้น “แกทำได้อย่างไร?” ทูตยมโลกเค้นถาม “แค่ฆ่าคน จมเรือทิ้ง แค่นี้เรื่องง่าย ๆ” เซียวเฉินเอ่ยยิ้ม ๆ รอยยิ้มนั้นดูเรียบง่าย เหมือนกับสิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปเรื่องหนึ่ง ทูตยมโลกหรี่ตาอีกครั้ง “บนเรือลำนั้นมีคนมากกว่าสองร้อยชีวิต แกฆ่าทิ้งทั้งหมดเลยเหรอ? แกคิดว่าแกเป็นใครกัน?” เจียงอู๋ซวงพ่นลมออกทางจมูกทันใด ในสายตาของคนสกุลเจียง เซียวเฉินก็เป็นแค่สวะไร้ค่าคนหนึ่ง ไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย เขาจะทำเรื่องน่าตกใจแบบนี้ได้อย่างไร? สีหน้าของเจียงอู๋ซวงฉายประกายดูแคลนออกมาอย่างถึงที่สุด “แกฆ่าคนได้ยังไง? แล้วจมเรือทิ้งได้ยังไง?” ทูตยมโลกเค้นถามต่อด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “แกก็ลองไปถามพวกเขาเองสิ” เซียวเฉินเอ่ยอย่างเฉยเมย ทูตยมโลกสีหน้าแข็งกร้าวขึ้นมาทันใด “เซียวเฉิน แกมันอวดดีนัก! กล้าดียังไงถึงมาหยามทูตยมโลกแบบนี้!” เจียงอู๋ซวงตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “หุบปาก!” ทูตยมโลกตะคอกด้วยเสียงเย็

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 32  

    “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? เพราะอะไรกัน?” ในห้องแต่งตัว เจียงอู๋ซวงบันดาลโทสะอาละวาดโวยวายอีกครั้ง ไปออดิชันครั้งนี้ กลับทำให้เธอต้องอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด ไม่ใช่แค่ถูกทีมผู้กำกับชักสีหน้าพูดจาดูถูกดูแคลน แต่ยังต้องพ่ายแพ้ให้ยัยเด็กหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการครั้งแรก แม้แต่บทสมทบยังไม่เคยแสดงเลยด้วยซ้ำ ด้วยอีโก้ของเธอที่สูงลิ่วปานนั้น มีหรือจะทำใจยอมรับความจริงได้? ยิ่งคิดถึงคำพูดที่เซียวเฉินมันทิ้งไว้ก่อนจะออกไป ไฟโทสะในใจเธอก็ยิ่งเดือดดาล “อีกไม่เกินสามเดือน นอกจากเธอจะตกกระป๋อง แม้แต่บทตัวประกอบก็ไม่มีใครอยากให้เธอแสดงแล้ว” “ฉันน่ะเป็นเทพีรางวัลดอกไม้ทองคำเชียวนะ แม้แต่บทตัวประกอบก็ไม่มีให้เล่นเหรอ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” เจียงอู๋ซวงใบหน้ากระตุกพูดบอกกับตัวเอง “คุณคือเจียงอู๋ซวงสินะ?” พลันมีเสียงดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เจียงอู๋ซวงตกใจสะดุ้งโหยง ถึงได้ค้นพบว่าภายในห้องแต่งตัวตอนนี้มีอีกคนหนึ่งเพิ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ “คุณเป็นใคร?” เจียงอู๋ซวงซักถามด้วยความระแวงอย่างถึงที่สุด “ทูตยมโลกแห่งพรรคชิง” ผู้มาใหม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ สีหน้าของเจียงอู๋ซ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status