แชร์

บทที่ 15

ผู้เขียน: ซวนเถียนตาหน่ายซี
“เจียงซือซือ ลุกขึ้นเถอะ”

เซียวเฉินพูดเสียงเรียบ

“อาจารย์ ในที่สุดคุณก็ให้อภัยฉันแล้ว!” เจียงซือซือเผยอารมณ์ตกตะลึงระคนดีใจ

“เธอถูกไล่ออกจากสำนักแล้ว อย่าเรียกฉันว่าอาจารย์อีก!” ประโยคต่อมาของเซียวเฉินทำให้รอยยิ้มเธอหายไป

“อาจารย์ เพราะอะไร?” เธอตะโกนถาม

เพราะอะไรถึงยังไม่ให้อภัย? ตกลงเธอทำอะไรผิดไปกันแน่?

“ฉันบอกแล้ว อย่าเรียกฉันว่าอาจารย์อีก! เธอไม่คู่ควร!” เซียวเฉินพูดอย่างรำคาญ

ร่างกายเจียงซือซือโงนเงน ซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว ถูกเจียงอีอีประคองไว้

เธอยอมรับความสะเทือนใจเช่นนี้ไม่ไหว

ใบหน้าเจียงอีอีเปี่ยมความไม่เข้าใจ

เธอถามเจียงซือซือไม่รู้ตั้งกี่รอบ แต่กลับไม่พบว่าตกลงอาจารย์ศิษย์สองคนนี้มีปัญหาอะไร

คล้ายอยู่ดีๆ หมอเทวดาก็เปลี่ยนท่าทีไปอย่างกะทันหัน

“บังเอิญที่นี่มีอาจารย์หมออยู่ไม่น้อย งั้นฉันขอประกาศอีกครั้ง” เซียวเฉินพูดเสียงเรียบ

“คุณหนูสี่สกุลเจียงเจียงซือซือ ถูกฉันไล่ออกจากสำนักตั้งนานแล้ว นับตั้งแต่วันนี้ไปไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ฉันหมอเทวดาไม่มีศิษย์อีกต่อไป!” เสียงของเขาเด็ดขาด

เหล่าอาจารย์หมอต่างพากันฮือฮา ถกเถียงกันขึ้นมา

เจียงซือซือถึงขั้นถูกไล่ออกจากสำนักตั้งนานแล้ว...

นี่เรื่องอะไรกัน?

สีหน้าเจียงซือซือเผือดซีด

เซียวเฉินพูดถ้อยคำนี้ออกมาต่อหน้าทุกคน เธอไม่มีทางให้ถอยอีก

ไม่มีสิทธิพิเศษของศิษย์หมอเทวดาอีกแล้ว...

ไม่มีหมอเทวดา เธอก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น

แม้แต่อาจารย์หมอระดับสองและรองประธานสมาคมแพทย์เมืองหนานเฉิง ทั้งหมดก็ล้วนได้มาเพราะสาเหตุนี้

“ท่านหมอเทวดา งั้นเรื่องของสกุลเจียง...” อาจารย์หมอท่านหนึ่งเอ่ยถาม

“เจียงซือซือแอบอ้างชื่อของฉัน ฉันไม่รู้เรื่อง” เซียวเฉินเอ่ยตอบ

“อะไรนะ?”

อาจารย์หมอทุกคนเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยว

เจียงซือซือถูกขับไล่ออกจากสำนัก พวกเขาย่อมไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีก

ถูกสกุลเจียงหลอกให้เดินทางมาไกล ถึงขั้นทำให้ตนเองบาดเจ็บ ใครจะไม่โกรธบ้างเล่า?

นี่คือต้องการหลอกพวกเขาให้มารักษาคุณชายหกสกุลเจียงสินะ น่าขำที่พวกเขายังคิดว่าจะสามารถได้รับคำชี้แนะจากหมอเทวดาจริงๆ

“เจียงอีอี เจียงซือซือ พวกเธอกล้ามากนะ! ถึงกับหลอกพวกฉัน!”

ทันใดนั้นมีอาจารย์หมอลุกออกมาตะคอก

“สกุลเจียงเล็กๆ ก็กล้าทำถึงขนาดนี้ สกุลเจียงทะเยอทะยานไม่น้อยจริงๆ”

อาจารย์หมอทั้งหมดกดดัน เจียงอีอีและเจียงซือซือไม่กล้าตอบ ทำเพียงยอมรับเงียบๆ

นี่คือผลลัพธ์เลวร้ายที่สุด

ไม่เพียงไม่สามารถรักษาเจียงหลิวได้ ยังล่วงเกินอาจารย์หมอทุกคนอีกด้วย

แม้ว่าหมอเทวดาปรากฏตัว แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เจียงซือซือไม่สามารถขอคืนดีได้ เขายังตัดขาดความสัมพันธ์กับสกุลเจียงอีกด้วย

เจียงอีอีและเจียงซือซือครุ่นคิดอย่างหนักใจ สีหน้าเปลี่ยนไปมา

“พี่น้องสกุลเจียง จากนี้ไปพวกเธอก็จัดการตัวเองเถอะ” มีคนพูดเสียงเย็นชา

สีหน้าสองพี่น้องเผือดซีด

เบื้องหลังอาจารย์หมอท่านนั้นยิ่งใหญ่มาก พวกเธอตกตะลึงหวาดกลัว

เผชิญหน้ากับเสียงตำหนิทั้งหมด พวกเธอไม่มีแรงปฏิเสธ

“ท่านหมอเทวดา...”

ทันใดนั้นเจียงอีอีเงยหน้า จับจ้องเซียวเฉิน

“น้องเล็กของฉันถูกคนชั่วทำร้าย บนตัวถูกกดจุดปิดกั้นลมปราณหลายแห่ง หมอมีชื่อเสียงที่นี่มากมายล้วนลองรักษามาก่อนแล้ว กลับไม่มีใครสามารถรักษาได้ คุณมีฐานะสูงเป็นหมอระดับเซียนเพียงหนึ่งเดียว สามารถรักษาได้ไหมคะ? หรือว่าแม้แต่หมอระดับหนึ่งเหล่านี้คุณก็เทียบไม่ได้?” เธอเอ่ยถามเจือความท้าทาย

เหล่าหมอมีชื่อเสียงเงียบลงในทันใด ล้วนหันมองทางเซียวเฉิน

พวกเขาอยากรู้จริงๆ

ยังมีคนสามารถรักษาเจียงหลิวคนนั้นได้ไหม?

หากหมอเทวดายื่นมือเข้าไป น่าจะทำได้ใช่ไหม...

เซียวเฉินมองเจียงอีอีสายตาเรียบเฉยแวบหนึ่ง

คิดใช้แผนยั่วยุงั้นเหรอ?

หึ...

“ทำไมฉันจะช่วยไม่ได้?” เซียวเฉินตอบเสียงเรียบ

เจียงอีอีได้ยินก็ส่ายหน้า

“ทั้งโลกนี้มีระดับเซียนเพียงคนเดียว ชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพของสายแพทย์ เล่าลือกันว่าเป็นเซียน แต่คนที่เคยเห็นหมอเทวดารักษา มีกี่คนกันล่ะ?” เสียงเธอเปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน

“หลายสิ่งบนโลกนี้ได้ยินไม่สู้ได้เห็น”

“เธอก็แค่ยั่วยุฉันเพราะอยากให้รักษาน้องเล็กของเธอเท่านั้น” เซียวเฉินหัวเราะเบาๆ

“ใช่แล้วค่ะ” เจียงอีอีไม่ปฏิเสธ “หมอเทวดาระดับเซียนยอดเยี่ยมไร้คู่ต่อสู้จริงไหม ท่านหมอเทวดาโปรดพิสูจน์ให้เห็นด้วยเถอะ” เธอหัวเราะออกมา

นี่คือวางอุบายซึ่งหน้า

อยู่ต่อหน้าหมอมีชื่อเสียงมากขนาดนี้ หากเซียวเฉินปฏิเสธ นั่นก็ยืนยันคำพูดของเธอแล้ว ในอนาคตตนเองต้องมีข่าวลือหนาหู ทำลายชื่อเสียงหมอเทวดา

หากเซียวเฉินรับปาก รักษาเจียงหลิว ถ้าอย่างนั้นเธอก็บรรลุเป้าหมาย

“คุณหนูใหญ่สกุลเจียงตัวดี วางอุบายเก่งจริงๆ!” เซียวเฉินยิ้มเย็น

“ท่านหมอเทวดาชมเกินไปแล้วค่ะ” เจียงอีอีตอบอย่างไม่ใส่ใจ พูดยิ้มๆ

“งั้นฉันจะรักษาให้พวกเธอดู” สีหน้าเซียวเฉินเจ้าเล่ห์ พูดหนึ่งประโยค

เจียงอีอีและเจียงซือซือมีไหวพริบ รีบเข็นเจียงหลิวที่หมดสติไปมาข้างหน้า

เหล่าหมอเทวดาเองก็ล้อมไว้ มองตาไม่กะพริบ

มองเห็นหมอเทวดาลงมือ เป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่

เซียวเฉินเองก็ไม่พูดไร้สาระ ยกมือกดลงไปกลางอากาศสองสามที

คล้ายมีพลังลมปราณที่มองไม่เห็นพุ่งออกไป กดลงบนจุดลมปราณของเจียงหลิว

“ปึกปึกปึก...”

เสียงอึมครึมดังอยู่ครู่หนึ่ง ลมหายใจของเจียงหลิวกลายเป็นสม่ำเสมอ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ครั้งนี้ ไม่ร้องอย่างเจ็บปวดเหมือนก่อนหน้านี้อีก

“น้องเล็ก นายรู้สึกยังไง?” เจียงอีอีรีบถาม

“ผมรู้สึก...ในที่สุดก็สบายแล้ว...” เจียงหลิวตอบช้าๆ สีหน้าดีขึ้นไม่น้อย

“รักษาหายแล้วจริงๆ! แค่กดสองสามทีเท่านั้น!” เหล่าอาจารย์หมอเบิกตากว้าง ตกตะลึงพรึงเพริด

พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่แล้วกลับไม่ได้อะไร ถึงขั้นถูกหมอเทวดารักษาได้อย่างง่ายดาย....

หมอเทวดาสมเป็นหมอเทวดา!

ทักษะเหนือชั้นจริงๆ!

สีหน้าเจียงอีอีเผยความดีใจ รีบโค้งคำนับเซียวเฉิน

“เมื่อกี้ร้อนใจอยากช่วยคนจึงล่วงเกินท่านหมอเทวดาไป ท่านหมอเทวดาได้โปรดอย่าถือสา...” เธอพูดอย่างรู้สึกผิด

“เจียงอีอี เธอดีใจเร็วเกินไปแล้ว” เซียวเฉินพูดเสียงเย็นชา

พูดจบ เขากดจุดกลางอากาศอีกครั้ง

“ปึกปึกปึก...”

เจียงหลิวถูกกดจุดอีกครั้ง ใบหน้าดำจนกลายเป็นสีตับหมู

“โอ๊ยโอ๊ยโอ๊ย...”

เขาร้องโอดครวญอีกครั้ง เจ็บปวดแทบขาดใจ

“อะไรน่ะ!”

สีหน้าเจียงอีอีและเจียงซือซือเขียวคล้ำ ตกตะลึงพรึงเพริดจนพูดไม่ออก

“ฉันสามารถรักษาเขาได้ ก็ย่อมสามารถทำให้เขากลับไปเป็นเหมือนเดิมได้” เซียวเฉินยิ้มเย็นเอ่ยออกมา

“เดิมทีคุณชายหกสกุลเจียงอดทนต่อความทรมานเพียงเจ็ดวันก็สามารถหายดีได้แล้ว แต่ตอนนี้เขาต้องอดทนอีกสิบสี่วัน หนำซ้ำยังเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย!” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

“ครั้งนี้เขาจะสามารถทนต่อไปได้อีกหรือไม่ นี่พูดยากแล้ว..”

ได้ยิน สีหน้าเจียงอีอีและเจียงซือซือเผือดซีด

ถึงขั้นเลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิม...

นี่จะดีได้อย่างไร

“เจียงอีอี นี่คือการลงโทษต่อความอวดฉลาดของเธอ!” เซียวเฉินพูดเสียงเรียบเฉยเย็นชา

เขาพิสูจน์วิชาแพทย์ของเขาไปแล้วว่าไม่มีคู่ต่อสู้ แต่ก็ไม่มีวันรักษาให้เจียงหลิวโดยเสียเปล่า

เจียงอีอียืนอึ้งงันอยู่กับที่ คล้ายจิตวิญญาณหลุดลอยไปก็มิปาน

ความอวดฉลาดของเธอไม่สามารถช่วยเจียงหลิวได้ ยังทำร้ายเขาอีก

ความเสียใจและรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาจากก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้เธอรู้สึกทรมาน

มองเจียงหลิวที่ร้องโอดครวญไม่หยุด หัวใจราวถูกกรีด

“ตึง!”

เจียงอีอีคุกเข่าแรงๆ ต่อหน้าเซียวเฉิน

“ท่านหมอเทวดา ฉันขอร้องคุณ ได้โปรดรักษาน้องเล็กของฉันด้วยเถอะ! เขาเป็นทายาทสืบสกุลเพียงหนึ่งเดียวของสกุลเจียงฉัน!”

เธอยอมทิ้งความหยิ่งทะนงและศักดิ์ศรี ขอร้องเซียวเฉิน...

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 16

    ตัวของเซียวเฉินเองก็คิดไม่ถึงว่า เจียงอีอีจะคุกเข่าขอร้องต่อหน้าของเขารวดเร็วขนาดนี้เพื่อช่วยเจียงหลิวแล้ว ไม่คิดเลยว่าเธอจะยอมทุ่มเทขนาดนี้เจียงอีอีหยิ่งยโสขนาดไหน เซียวเฉินรู้ดีเขาเผยให้เห็นสีหน้าประหลาดใจ“เป็นพี่น้องที่รักกันมากจริง ๆ” เซียวเฉินพูดด้วยความเหน็บแนมเล็กน้อยเขาอยู่ที่สกุลเจียงมาสิบกว่าปี รับใช้ห้าพี่น้องมาตลอด อย่างกับคนรับใช้ความทุ่มเทแบบนั้น กลับไม่เคยถูกมองตรง ๆ เลยสักครั้งเจียงหลิวเพิ่งถูกตามตัวกลับมาได้ไม่นาน เจียงอีอีก็ยอมโยนศักดิ์ศรีทิ้งคุกเข่าขอร้องตนเองเพื่อเขาแล้ว“คนที่ทุ่มเทให้สกุลเจียงของเธอมาสิบกว่าปีกับญาติที่สนิทพึ่งเจอหน้ากันครั้งแรกคนหนึ่ง แตกต่างกันมากขนาดนี้เลยเหรอ?” เซียวเฉินพูดเพียงประโยคเดียวเจียงอีอีไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมหมอเทวดาถึงได้พูดจาแบบนี้หรือว่าเขารู้จักเซียวเฉิน?“ต่อให้คนนอกทุ่มเทมากขนาดไหน ก็เป็นเพียงคนนอก ญาติสนิทต่อให้เป็นคนแปลกหน้า ก็มีสายเลือดเดียวกันไหลเวียนอยู่! ทั้งสองคนไม่สามารถเอามาเปรียบกันได้เลยแม้แต่น้อย!” เธอพูดอย่างจริงจังเซียวเฉินรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งนี่ก็คือแนวความคิดของพี่น้องสกุลเจียงอย่างน

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 17

    “เป็นยังไงบ้าง?”เจียงซือซือเพิ่งกลับมาถึงสกุลเจียง พี่น้องทุกคนก็รีบถามเธอ“ไอ้เซียวเฉินนี่พูดดี ๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง! ให้ตายยังไงมันก็ไม่ยอมบอกวิธีการรักษาน้องเล็ก!” เจียงซือซือพูดด้วยความแค้นเคือง“นี่คือการเอาคืนสกุลเจียงของมันเหรอ? น่าตลกจริง ๆ ยอมเอาชีวิตเข้าแลกแต่ไม่ยอมให้พวกเราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหรอ?” เจียงเสี่ยวอู่แค่นหัวเราะติด ๆ กัน“ถ้าอย่างนั้นก็ให้มันไปตายซะ” เจียงอีอีพูดเสียงราบเรียบ“เวลานี้ หลินเทาน่าจะพาคนไปที่สกุลถังแล้ว...บนโลกใบนี้ มีคนมากมายที่สามารถจัดการมันได้!”......กลางดึก ขบวนรถกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้ามือของหลินเทาพันด้วยผ้าพันแผล มือข้างหนึ่งห้อยอยู่ที่หน้าอก นั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถที่ขับนำหน้า สีหน้าอึมครึมเขาคือคุณชายใหญ่ของสกุลหลินแห่งเจียงเป่ย เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์ที่มีชื่อเสียงของประเทศเซี่ย ตอนหลังได้เป็นศิษย์ของแพทย์ชื่อดังเข้าศึกษาความรู้ทางด้านแพทยศาสตร์เพิ่มเติมครั้งนี้ติดตามอาจารย์มายังเมืองหนานเฉิง ก็เพราะหวังว่าจะได้เห็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ทางด้านแพทยศาสตร์ อยากจะได้รับคำชี้แนะของเขา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงออกหน้าแทนเจียงซื

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 18

    เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นท่ามกลางความมืดยามราตรีมีคนล้มลงบนพื้น สูญเสียชีวิตไปตลอดกาลหลินเทาเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาให้เห็นนับตั้งแต่องครักษ์ชุดดำสกุลหลินถูกสร้างมา แทบจะไม่เคยพ่ายแพ้พวกเขาคือนักฆ่าอันทรงพลังในสายตาของคนทั่วไป พละกำลังน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งแต่วันนี้ องครักษ์ชุดดำเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งเพียงการปะทะกันแค่อึดใจเดียว บนพื้นก็มีศพขององครักษ์ชุดดำนอนอยู่เจ็ดแปดศพแล้วหลินเทาสูญเสียความเย่อหยิ่งและความมั่นใจ ภายในใจเกิดความตกใจอย่างรุนแรงคิดไม่ถึงว่าองครักษ์ชุดดำจะพ่ายแพ้แล้ว!ภายในชั่วพริบตาเดียวก็สูญเสียจำนวนคนเกือบหนึ่งในสาม...ทว่าคนพวกนั้นของเซียวเฉิน ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว!หลินเทาแทบจะไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเองคนของเซียวเฉิน เรียกได้ว่าไม่เหมือนคนเลย!รูปร่างของพวกเขาเหมือนปีศาจร้าย แรงอาฆาตที่รุนแรงระเบิดออกมา เขาตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่างนี่มันกลุ่มคนแบบไหนกัน?แต่ละคนราวกับฆ่าคนนับไม่ถ้วน สีหน้าท่าทางดุร้าย เหมือนกับเทพแห่งการสังหาร ไม่ใช่คนที่องครักษ์ชุดดำจะเปรียบได้เลยสักนิดเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน!องครักษ์ชุดดำไม่สามารถต่

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 19

    “สืบได้เหรอยัง?”ในสกุลเจียง เจียงอีอีขมวดคิ้วหลังจากทราบเรื่องของขบวนรถสกุลหลิน เธอก็รีบส่งคนไปสืบทันที“อะไรนะ? ยังสืบไม่ได้? พวกแกมัวทำบ้าอะไรกันอยู่?” หลังจากได้ยินว่าคนที่ส่งตัวไปไม่มีความคืบหน้า เธอจึงโมโหมากคุณชายใหญ่แห่งสกุลหลินพาองครักษ์ชุดดำไปหาเรื่องเซียวเฉิน แต่กลับหายสาบสูญไประหว่างทาง สืบไม่เจอผลลัพธ์ใด ๆ“เซียวเฉินละ? ที่สกุลถังมีความเคลื่อนไหวอะไรไหม?” เธอถามอีก“ยังไม่ได้ออกจากบ้าน อยู่ในบ้านตลอด” ลูกน้องรายงาน“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”พี่น้องสกุลเจียงคิดยังไงก็ไม่เข้าใจสกุลหลินเป็นตระกูลร่ำรวยแห่งเจียงเป่ย องครักษ์ชุดดำก็แข็งแกร่งมาก สรุปว่าเป็นใครกันแน่ถึงสามารถทำให้พวกเขาหายไปได้อย่างเงียบเชียบแบบนี้?“ไอ้เซียวเฉินนี่ มันโชคดีจริง ๆ!” เจียงเสี่ยวอู่พูดอย่างเคียดแค้น“ถือว่ามันดวงดี!”ตอนที่พวกเธอกำลังโมโห เจียงอีอีก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง“คุณแม่ คุณแม่กลับมาแล้ว!” เธอพูดด้วยความประหลาดใจพี่น้องสกุลเจียงทุกคนรู้สึกตื่นเต้นกันขึ้นมานายหญิงตัวจริงแห่งสกุลเจียง ไปบ้านแม่ที่เมืองหลวงเมื่อหนึ่งเดือนก่อนเจียงอีอีกับพี่น้องทั้งสี่คนรีบลุกขึ้น เต

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 20

    “ผมในตอนนี้ ไม่ติดค้างอะไรกับคนสกุลเจียง”เซียวเฉินทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่ง เดินออกจากประตูบ้านสกุลเจียงอย่างสบายใจเขายุติเรื่องราวในอดีต บุญคุณและความแค้นต่อจากนี้คิดต่างหากหวังฮุ่ยหรูไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว มองดูเซียวเฉินที่เดินออกไปอย่างเงียบ ๆ“คุณแม่ ไอ้เซียวเฉินนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว! ปล่อยมันไปไม่ได้!”“ใช่ค่ะ น้องเล็กยังกำลังทุกข์ทรมานอยู่ มีเพียงเขาที่สามารถแก้ไขได้!”“พวกเราจะต้องจับตัวมันเอาไว้ ดูว่ามันจะทนรับความทรมานได้ไหม!”ทันทีที่เซียวเฉินเดินออกไป พี่น้องทั้งห้าก็ส่งเสียงโหวกเหวก“มันถึงคราวที่พวกแกจะมาสั่งสอนฉันแล้วเหรอ?” หวังฮุ่ยหรูถามด้วยสีหน้าเย็นชาทุกคนไม่กล้าส่งเสียงออกมาทันทีหวังฮุ่ยหรูโบกมือ“สวบ!”เงาดำเงาหนึ่งปรากฏตัวขึ้นทันที คุกเข่าลงข้างหนึ่งที่ใต้เท้าเธอ“ซาอิ่งเบอร์หนึ่ง นายหญิงโปรดออกคำสั่ง!” เงาดำนั่นพูดด้วยความนอบน้อม“ซาอิ่ง!”พี่น้องสกุลเจียงสีหน้าประหลาดใจพวกเธอเคยได้ยินเพียงว่า ซาอิ่งเป็นกองกำลังลับของสกุลเจียง เชื่อฟังเพียงคำสั่งของหัวหน้าตระกูลเท่านั้น ยังไม่เคยเห็นจริง ๆที่แท้หลังจากที่หัวหน้าตระกูลสกุลเจียงจากไป กองกำ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 21

    ค่อนข้างสงบเงียบอยู่หลายวันเซียวเฉินได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขที่หาได้ยากอยู่หลายวัน สกุลเจียงก็ไม่มีใครมาหาเขาอีกถึงแม้จะไม่รู้ว่าทางด้านสกุลเจียงกำลังวางแผนอะไร แต่ว่าตอนนี้พวกเขาน่าจะกำลังยุ่งอยู่กับการดูแลเจียงหลิว ไม่มีเวลามาจัดการเขาเซียวเฉินก็มีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเช่นกันวันนี้เป็นวันที่ต้องออกไปทำงานข้างนอกเป็นเพื่อนถังซินเวยทั้งวันเนื่องจากบริษัทของสกุลถังกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งเพราะได้รับการช่วยเหลือจากเซิ่งหรงกรุ๊ป แต่ยังมีธุระอีกมากมายที่ต้องพึ่งพาสกุลถังของตนตอนนี้ถังซินเวยเป็นถึงประธานถัง เป็นผู้รับผิดชอบกิจการของบริษัท ย่อมต้องจัดการเล็กใหญ่ทั้งหมดให้เรียบร้อยด้วยตนเองทุกวันเซียวเฉินจะช่วยเป็นลูกมือให้เธอ แต่ก็มีความที่ได้ทำแบบนั้นเมื่อก่อนนี้คุ้นชินกับการใช้ชีวิตเสี่ยงตาย ทุ่มเทให้กับสกุลเจียงทุกวี่วัน การใช้ชีวิตแบบนี้สำหรับเขาถือว่าค่อนข้างสงบสุข ให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลายหลังจากยุ่งมาทั้งวัน...“ไปรับถังโยวกัน จากนั้นก็กลับบ้านไปกินข้าวเย็น!” ถังซินเวยพูดพร้อมยิ้มตาหยีตอนนี้เธอมีพลังเต็มเปี่ยม มีเซียวเฉินคอยอยู่ข้าง ๆ ทำอะไรก็รู้สึกไม่เ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 22

    บทละครไม่น่าจะเป็นแบบนี้เจียงอู๋ซวงใช้ถังโยวหญิงสาวคนหนึ่งมาระบายอารมณ์ แก้แค้นเซียวเฉินถังโยวน้ำตาไหลพราก เจียงอู๋ซวงกลับยกมือจะตบอีกครั้งแต่ฝ่ามือยังไม่ได้ฟาดลงไปอีก เพราะเซียวเฉินได้จับมือของเจียงอู๋ซวงเอาไว้แล้ว“เซียวเฉิน แกกล้าดียังไง! ละครเรื่องนี้มีนายท่านสามสกุลสวีแห่งพรรคชิงดูแลอยู่!” เจียงอู๋ซวงตะคอกพรรคชิง นั่นเป็นถึงพรรคใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในตอนนี้ของประเทศเซี่ย...เมืองหนานเฉิงสิ่งที่สมาคมชิงหลงจะสามารถเทียบได้ มีความยิ่งใหญ่กว่ามาก อิทธิพลก็กว้างใหญ่มากเช่นกันนายท่านสามสกุลสวีแห่งพรรคชิง เป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวงการ บารมียิ่งใหญ่หากชื่อของเขาถูกเอ่ยออกมา ทั้งวงการขาวและดำต่างก็ต้องให้เกียรติเจียงอู๋ซวงคิดว่าเซียวเฉินจะกลัวทว่า เซียวเฉินไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย“ถังโยว มานี่” เขาพูดกับถังโยว“พี่เซียวเฉิน ฉันกำลัง...”ถังโยวพูดเสียงเบา“เจียงอู๋ซวงตบหน้าเธอหนึ่งที ฉันต้องการให้ตบเธอคืนหนึ่งที!” เซียวเฉินพูดออกมาประโยคหนึ่ง ทั้งกองถ่ายต่างพากันตกใจ“เธอกล้าเหรอ?” เจียงอู๋ซวงแค่นหัวเราะออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “แค่ตัวประกอบเล็ก ๆ คน

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 23

    “เฮอะ ๆ ๆ...” เหมือนกับเจียงอู๋ซวงได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก“นอกจากตำนานเฉินเฟยเรื่องนี้แล้ว คิวงานภายในสองปีนี้ก็เต็มหมดแล้ว นักลงทุนและผู้กำกับมากมายขอร้องให้ฉันรับเล่นละครของพวกเขา บริษัทใหญ่หลายแห่งก็เสนอราคาสูงเพื่อให้ฉันเป็นพรีเซนเตอร์...แกว่า ฉันจะดับไหม?”“เซียวเฉินเอ๊ยเซียวเฉิน แกนี่มันช่างเพ้อเจ้อจริง ๆ คำพูดแบบนี้ก็กล้าพูดออกมาได้”เธอมองถังโยวแวบหนึ่ง ยิ้มบางอย่าง ๆ ดูถูก“ฉันพูดแค่ประโยคเดียว นังเด็กนี่ก็เข้ากองถ่ายละครไหนไม่ได้อีก ต่อไปเธอก็คงเป็นไม่ได้แม้แต่เป็นตัวประกอบ แกว่ามา ว่าเธอจะดังได้ยังไง?ถังโยวได้ยินสีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นมา เต็มไปด้วยความกังวลเซียวเฉินไม่ได้พูดอะไรเขาปล่อยมือจากเจียงอู๋ซวง หันหลังกลับไปแล้วดึงถังโยวออกจากฉากถ่ายทำละคร“ถังโยว ละคนแบบนี้มีอะไรน่าแสดง? เราไม่เล่น ฉันจะแนะนำละครเรื่องอื่นให้เธอ” เขาพูดอย่างอ่อนโยนถังโยวพยักหน้าอย่างว่าง่ายแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเชื่อว่าเซียวเฉินจะมีความสามารถแบบนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ออกหน้าแทนเธอ เธอจะทำให้เซียวเฉินขายหน้าไม่ได้“ก็มีแค่ความสามารถพูดจาโอ้อวดหลอกลวงเด็กสาวเท่านั้น” เจียงอู๋ซวงหัวเราะ

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 40  

    จ้าวเทียนอีแผดเสียงร้องโหยหวนออกมาราวกับปอดจะฉีก เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส “พูดไม่พูด?” “อยากรู้เหรอ? ฝันไปเถอะ!” จ้าวเทียนอีคำรามเสียงดังสนั่น เซียวเฉินเหยียบลงไปที่แขนอีกข้างหนึ่งของเขาอีกครั้ง แขนสองข้างถูกเหยียบจนหัก จ้าวเทียนอีเจ็บปวดจนแทบตายไปตรงนั้น ความเคียดแค้นต่อเซียวเฉินที่อยู่ในใจพุ่งสูงถึงขีดสุดแล้ว ถังซินเวยมองดูสถานการณ์จนอกสั่นขวัญแขวน ต่อให้สกุลถังจะอยู่ในช่วงรุ่งเรืองเฟื่องฟู แต่จะด้านใด ๆ ก็ยังเทียบไม่ได้กับสกุลจ้าว จะยั่วยุล่วงเกินอีกฝ่ายไม่ได้เด็ดขาด เซียวเฉินทำจ้าวเทียนอีบาดเจ็บถึงเพียงนี้แล้ว เกรงว่าเธอคงจะหมดปัญญาปกป้องแล้ว “ยังไม่บอกอีกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว” เซียวเฉินเห็นจ้าวเทียนอียังคงดื้อรั้นปากแข็ง สีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะยกเท้าขึ้นกระทืบไปบนขาซ้ายของอีกฝ่าย ไม่รอคำตอบ ก็ยกเท้ากระทืบขาขวาของเขาไปอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียว แขนขาทั้งสี่ของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น ทว่าเซียวเฉินก็มิได้ใจอ่อนลงแม้แต่น้อย กล้าดูหมิ่นถังซินเวย เขาไม่มีทางยกโทษให้เด็ดขาด! “ฉันบอก…ฉันบอกก็ได้…” ในที่สุดจ้าวเทียนอีก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว ร้องออกมาพร้อ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 39  

    บอดี้การ์ดสองคนของจ้าวเทียนอีเดินตรงเข้ามาหาเซียวเฉิน ก่อนที่จ้าวเทียนอีจะเข้ามารับช่วงต่อดูแลธุรกิจของตระกูลก็เคยเป็นคุณชายเสเพล ใช้อำนาจอิทธิพลของสกุลจ้าวมาทำตัวโอหังอวดดี บอดี้การ์ดสองคนนี้เขาจ้างมาทำงานด้วยราคาสูง และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็คอยช่วยเขาจัดการกับคนที่ทำให้เขาไม่พอใจมานักต่อนักแล้ว ผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ ท่าทางธรรมดาเหมือนอย่างเซียวเฉิน จ้าวอีเทียนไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา หลังจากออกคำสั่งก็คร้านจะหันกลับไปมองอีก เขาหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นมา จิบเบา ๆ ทว่ายังไม่ทันได้กลืน “ปึง ปัง…” ก็ได้ยินเสียงกระแทกหนัก ๆ ดังขึ้นสองครั้ง เขายกยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางเงยหน้ามอง แต่ก็ต้องชะงักไปทันที บอดี้การ์ดที่เขาจ้างมาด้วยเงินสูงลิ่วถูกซัดลอยกระเด็น ก่อนจะล้มฟาดข้างโซฟาทั้งสองข้างอย่างแรง “หือ?” จ้าวเทียนอีขมวดคิ้วขึ้น จ้องมองเซียวเฉินอย่างประหลาดใจ “เหอะ ก็มีฝีมืออยู่บ้างนี่…” เขาดึงหน้าขรึมเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา “แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร?” จ้าวเทียนอีวางแก้วไวน์ลง พลางถามอย่างไม่แยแส “ถ้าไม่รู้ แกก็ลองถามถังซินเวยดูสิ” “คนที่กล้าล่วงเกินฉัน มีจุดจบอยู่สองแบบ ไม่ขอโทษด้

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 38  

    “ประธานจ้าว พวกเรามาพบกันสักหน่อยได้ไหมคะ? ฉันอยากจะขอเจรจากับคุณสักหน่อยค่ะ…” ถังซินเวยเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นคุณก็มาที่โรงแรมเยว่เผิงได้หรือเปล่า” น้ำเสียงจากปลายสายเจือด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ถังซินเวยไม่กล้าล่าช้า รีบขับรถมุ่งตรงไปที่โรงแรมเยว่เผิงทันที เมื่อมาถึง ก็รีบขึ้นลิฟต์อย่างร้อนรนไปยังห้องรับรองส่วนตัวที่อีกฝ่ายพูดถึงทันที ภายในห้องรับรองส่วนตัว มีชายหนุ่มที่ดูวัยรุ่นมาก ๆ คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ข้างกายมีบอดี้การ์ดสองคน และมีอาหารหรูหราวางอยู่เต็มโต๊ะ ระหว่างทางถังซินเวยได้บอกเซียวเฉินแล้วว่า ประธานจ้าวคนนี้ชื่อว่าจ้าวเทียนอี เป็นคุณชายจากสกุลจ้าวซึ่งเป็นตระกูลยิ่งใหญ่มีอิทธิพลในเมืองหนานเฉิง แม้ว่าอายุยังน้อยแต่ก็ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบหน้าที่สำคัญแล้ว เรื่องจัดหาวัสดุ ก็เป็นเขาเองที่ติดต่อกับถังซินเวยมาโดยตรง เห็นถังซินเวยเข้ามา จ้าวเทียนอีก็ผุดยิ้ม ทว่าเห็นด้านหลังของเธอมีเซียวเฉินตามมาด้วยอีกคน สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย “ประธานจ้าว ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะที่ทำให้คุณต้องรอนาน…” ถังซินเวยเข้าไปก็กล่าวขอโทษทันที ด้วยท่าทีอ่อนน้อม จ้าวเ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 37  

    เจียงอู๋ซวงที่เสียสติถูกส่งตัวกลับบ้านสกุลเจียง เห็นเจียงอู๋ซวงผมเผ้ายุ่งเหยิงสภาพดูอิดโรยน่าสังเวชแบบนั้น พี่น้องสกุลเจียงต่างตกตะลึงหน้าถอดสี “พี่รอง พี่เป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” พวกเธอรีบกรูกันเข้าไปล้อมรอบ “น้องรอง เธอเป็นอะไรไป?” เจียงอีอีขมวดคิ้ว “เธอเป็นดาราสาวตัวท็อป สภาพแบบนี้ถ้าเกิดถูกนักข่าวถ่ายภาพไปได้ ต้องกลายเป็นข่าวใหญ่ถูกวิจารณ์หนักหน่วงแน่ ชื่อเสียงสกุลเจียงต้องเสื่อมเสียแน่นอน” เจียงอู๋ซวงแววตาเหม่อลอย ไม่มีท่าทีโต้ตอบใด ๆ กับคำตำหนิของเธอ “แย่แล้ว…พวกเราพลาดไปแล้ว…” เธอขยับปากพึมพำ “แย่อะไร? พวกเราทำพลาดอะไรตรงไหนเหรอ?” พี่น้องสกุลเจียงได้ยินก็งุนงงไม่เข้าใจ “ไม่ควรไล่เซียวเฉินออกจากสกุลเจียงเลย พวกเราพลาดไปแล้ว…” เจียงอู๋ซวงพูดออกมาอย่างเหม่อลอย “หุบปาก!” สีหน้าของเจียงอีอีพลันเยือกเย็นลงทันที “เจียงอู๋ซวง นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? ถึงได้กล้ามาสงสัยกับการตัดสินใจของฉัน! พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดนะ!” เธอตวาดด้วยเสียงเย็นชา “คน…ผู้คนมากมาย…ตายไปหมดแล้ว” เจียงอู๋ซวงพลันร้องไห้ออกมา ความหวาดกลัวฉายชัดเต็มใบหน้า “ถูกเขาฆ่าตายหมด ทุกคนถูกเขาฆ่า

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 36  

    นั่นคือจุดสูงสุดที่สกุลเจียงต้องแหงนหน้ามองและไม่อาจเอื้อมถึง… “เซียวเฉิน แกซ่อนตัวได้เนียนนักนะ!” เจียงอู๋ซวงกัดฟันพลางเอ่ย หากว่าเซียวเฉินเผยตัวออกมาว่าไม่ใช่คนธรรมดาเร็วกว่านี้ ใครจะกล้าไล่เขาออกไป? คงจะรีบสอพลอเสียด้วยซ้ำ เจียงอู๋ซวงไม่ได้รู้สึกเสียใจ เพียงแต่รู้สึกว่าเซียวเฉินสมองเพี้ยนไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มีตำแหน่งยิ่งใหญ่น่าเหลือเชื่อขนาดนั้นแล้ว แต่กลับแสร้งทำเป็นตัวไร้ประโยชน์! “เจียงอู๋ซวง พี่รู้หรือเปล่า ว่าผมตั้งใจก่อตั้งตำหนักมืดขึ้นก็เพื่อสกุลเจียง?” เซียวเฉินหัวเราะเย็นเยียบออกมาด้วยสีหน้าดูถูก “กำลังคิดว่าจะมอบให้สกุลเจียงแท้ ๆ แต่พวกพี่กลับไล่ผมออกจากสกุลเจียง!” เจียงอู๋ซวงเบิกตาโพลง ม่านตาสั่นไหว จะบอกว่า พวกเธอทิ้งอำนาจการควบคุมองค์กรอันดับหนึ่งของโลกไปเองกับมืออย่างนั้นเหรอ? ในที่สุดเจียงอู๋ซวงก็นึกเสียดายขึ้นมาแล้ว และยังเป็นความเสียดายที่รุนแรงอย่างถึงที่สุด หากว่าสกุลเจียงสามารถควบคุมตำหนักมืดได้… เจียงอู๋ซวงไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าสกุลเจียงจะรุ่งเรืองมากขนาดไหน “ท่านเจ้า…เจ้าแห่งความมืด…” หัวหน้าพรรคชิงสีหน้าซีดเซียว ประสานมือคารวะต่อเซียวเฉิน

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 35  

    โถงหลักของพรรคชิงพังทลายแล้ว! คล้ายกับมีกระแสคลื่นคลั่งโหมกระหน่ำเข้ามา ทำลายทุกสิ่งแหลกละเอียด กำแพงถล่มลงมา คนจำนวนมากมายมหาศาลหลั่งไหลกันเข้ามา “โครม …” เสียงแววดังมาจากด้านบนศีรษะ คนของพรรคชิงตะลึงอึ้งงัน ทว่าไม่นานพวกเขาก็เข้าใจแล้ว แสงจากโลกภายนอกส่องเข้ามาจากด้านบน นั่นเป็นเพราะเพดานโถงทั้งอันของห้องโถงหลักกำลังเลื่อนขึ้นไป มันถูกเกี่ยวให้ลอยขึ้นไปแล้ว มองไปกลางท้องฟ้า เพียงปราดเดียวก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังดึงเพดานโถงหลักของพรรคชิงออกไป ฉับพลันทันใดนั้น ก็มีเฮลิคอปเตอร์จู่โจมหลายสิบลำกำลังลอยนิ่ง ๆ อยู่เหนือศีรษะของพวกคนพรรคชิง อาวุธหนักที่ติดบนเฮลิคอปเตอร์เล็งเป้าลงมาด้านล่างแล้ว “ปึง!” ทันใดกั้นก็มีกระบอกปืนทะลุเข้ามา เมื่อมองให้ดีแล้ว นั่นคือรถถัง ซึ่งจอดเรียงกันเป็นแนวยาว อยู่ด้านหลังเซียวเฉิน ปลายกระบอกปืนสีดำมืดเล็งเป้าไปยังจุดที่เบื้องบนของพรรคชิงนั่งอยู่ หากมองทะลุรอยแยกเล็ก ๆ ออกไป ก็จะเห็นว่าที่แม่น้ำด้านนอกสำนักงานใหญ่พรรคชิง มีเรือสงครามจอดรอคำสั่งอยู่ ทั้งทางน้ำ บนบก และอากาศ ปิดล้อมพรรคชิงไว้ได้อย่างสมบูรณ์ “นะ…นี่มัน…”

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 34  

    สำนักงานใหญ่ของพรรคชิงตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองหนานเฉิง ตอนที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอดนอกสำนักงานใหญ่พรรคชิง เจียงอู๋ซวงถูกเซียวเฉินโยนออกไปด้านนอก เธอกลิ้งกระเด็นกระดอนจนเศษดินเศษฝุ่นเปรอะเต็มหน้า “ไอ้บ้า! แกมันบ้าไปแล้ว!” เธอตะคอกเสียงแข็งด้วยความโกรธและอับอาย เซียวเฉินปลิดชีวิตทูตยมโลกแล้ว มิหนำซ้ำยังบังคับให้เธอขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แล้วพามาที่สำนักงานใหญ่พรรคชิงจริง ๆ พรรคชิงครองอำนาจอิทธิพลครอบคลุมทุกพื้นที่ ภายในสำนักงานใหญ่ย่อมซ่อนเสือซ่อนมังกรไว้เสมือนเป็นถ้ำเสือรังมังกร… เซียวเฉินกล้าดีอย่างไร? อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะลุยเดี่ยวเข้าไปในที่แบบนี้! “ใคร?” คนของพรรคชิงเดินเข้ามา ถือปืนไว้ในมือพร้อมยิงทุกเมื่อ เจียงอู๋ซวงกลัวจนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้น “เขาคือเซียวเฉิน ฆ่าทูตยมโลกกับนายท่านสามสกุลสวีของพรรคไปแล้ว รีบเข้าไปจับตัวมันไว้ซะสิ!” เธอตะโกนด้วยความขลาดกลัว “อะไรนะ? ฆ่าทูตยมโลกไปแล้ว?” คนของพรรคชิงตะลึงงัน ทูตยมโลกคือนักฆ่ายอดฝีมือของพรรคชิง แข็งแกร่งเก่งกาจเป็นที่สุด จะถูกฆ่าง่าย ๆ ได้อย่างไร? “กล้าหาญนัก ตายซะเถอะ!” ปากปืนสิบกว่ากระบอกเล็งเป้ามาที่เซียวเฉิน เ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 33  

    เซียวเฉินผุดยิ้มบาง ๆ “ใช่ ฝีมือของฉันเอง” เสียงของเขาราบเรียบ ทูตยมโลกหรี่ตา เจียงอู๋ซวงสีหน้านิ่งชะงักงันไป สองคนต่างคิดไม่ถึงว่าเซียวเฉินจะยอมรับได้เต็มปากเต็มคำขนาดนั้น “แกทำได้อย่างไร?” ทูตยมโลกเค้นถาม “แค่ฆ่าคน จมเรือทิ้ง แค่นี้เรื่องง่าย ๆ” เซียวเฉินเอ่ยยิ้ม ๆ รอยยิ้มนั้นดูเรียบง่าย เหมือนกับสิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปเรื่องหนึ่ง ทูตยมโลกหรี่ตาอีกครั้ง “บนเรือลำนั้นมีคนมากกว่าสองร้อยชีวิต แกฆ่าทิ้งทั้งหมดเลยเหรอ? แกคิดว่าแกเป็นใครกัน?” เจียงอู๋ซวงพ่นลมออกทางจมูกทันใด ในสายตาของคนสกุลเจียง เซียวเฉินก็เป็นแค่สวะไร้ค่าคนหนึ่ง ไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย เขาจะทำเรื่องน่าตกใจแบบนี้ได้อย่างไร? สีหน้าของเจียงอู๋ซวงฉายประกายดูแคลนออกมาอย่างถึงที่สุด “แกฆ่าคนได้ยังไง? แล้วจมเรือทิ้งได้ยังไง?” ทูตยมโลกเค้นถามต่อด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “แกก็ลองไปถามพวกเขาเองสิ” เซียวเฉินเอ่ยอย่างเฉยเมย ทูตยมโลกสีหน้าแข็งกร้าวขึ้นมาทันใด “เซียวเฉิน แกมันอวดดีนัก! กล้าดียังไงถึงมาหยามทูตยมโลกแบบนี้!” เจียงอู๋ซวงตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “หุบปาก!” ทูตยมโลกตะคอกด้วยเสียงเย็

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 32  

    “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? เพราะอะไรกัน?” ในห้องแต่งตัว เจียงอู๋ซวงบันดาลโทสะอาละวาดโวยวายอีกครั้ง ไปออดิชันครั้งนี้ กลับทำให้เธอต้องอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด ไม่ใช่แค่ถูกทีมผู้กำกับชักสีหน้าพูดจาดูถูกดูแคลน แต่ยังต้องพ่ายแพ้ให้ยัยเด็กหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการครั้งแรก แม้แต่บทสมทบยังไม่เคยแสดงเลยด้วยซ้ำ ด้วยอีโก้ของเธอที่สูงลิ่วปานนั้น มีหรือจะทำใจยอมรับความจริงได้? ยิ่งคิดถึงคำพูดที่เซียวเฉินมันทิ้งไว้ก่อนจะออกไป ไฟโทสะในใจเธอก็ยิ่งเดือดดาล “อีกไม่เกินสามเดือน นอกจากเธอจะตกกระป๋อง แม้แต่บทตัวประกอบก็ไม่มีใครอยากให้เธอแสดงแล้ว” “ฉันน่ะเป็นเทพีรางวัลดอกไม้ทองคำเชียวนะ แม้แต่บทตัวประกอบก็ไม่มีให้เล่นเหรอ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” เจียงอู๋ซวงใบหน้ากระตุกพูดบอกกับตัวเอง “คุณคือเจียงอู๋ซวงสินะ?” พลันมีเสียงดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เจียงอู๋ซวงตกใจสะดุ้งโหยง ถึงได้ค้นพบว่าภายในห้องแต่งตัวตอนนี้มีอีกคนหนึ่งเพิ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ “คุณเป็นใคร?” เจียงอู๋ซวงซักถามด้วยความระแวงอย่างถึงที่สุด “ทูตยมโลกแห่งพรรคชิง” ผู้มาใหม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ สีหน้าของเจียงอู๋ซ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status