แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: ซวนเถียนตาหน่ายซี
“ฉันจะไปที่ไหนดีนะ?”

เซียวเฉินพรูลมหายใจยาวเหยียด ทันใดนั้นสับสนเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ เสียสละเพื่อสกุลเจียงมาโดยตลอด จู่ๆ ก็ถูกขับไล่ออกจากสกุลเจียง...

“ปี๊นปี๊น...”

รถยนต์รูปทรงโบราณคันหนึ่งจอดหน้าประตูบ้านสกุลเจียง หญิงสาวหน้าตางดงามโดดเด่นสวมชุดกระโปรงสีขาวคนหนึ่งลงจากรถ

เขารู้จักหญิงสาวคนนี้

ถังซินเวย เขาเคยช่วยชีวิตไว้ครั้งหนึ่ง

อันที่จริงก็แค่พี่สาวคนโตเจียงอีอีถูกลอบฆ่า เป็นเพราะเซียวเฉิน นักฆ่าทำไม่สำเร็จ ตอนถูกเขาไล่ตามได้จับถังซินเวยเป็นตัวประกัน เซียวเฉินลงมือฆ่านักฆ่าและช่วยคนไว้ก็เท่านั้น

“นายน้อยหก ไปกับฉันเถอะ” ถังซินเวยยื่นมือข้างหนึ่งให้เซียวเฉิน ใบหน้าประดับยิ้มอ่อนโยน

“คุณเคยช่วยชีวิตฉันไว้ วันนี้สกุลเจียงไล่คุณออกมา ไม่สู้กลับไปสกุลถังกับฉัน สกุลถังตกอับยังไง ก็ต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณแน่!” เธอกล่าวอย่างจริงใจ

เซียวเฉินถูกรอยยิ้มอ่อนโยนทำให้หวั่นไหว

เทียบกับท่าทีเย็นชาไร้เยื่อใยของพี่น้องทั้งห้าของสกุลเจียง ความอ่อนโยนของถังซินเวยก็คล้ายแสงสายหนึ่งส่องผ่านเข้าห้องหัวใจของเขา

อาจเพราะไม่ได้รับความอบอุ่นมานานมากเกินไปแล้วกระมัง...

คล้ายมีอะไรดลใจ เขาตอบหนึ่งคำ “ได้”

ถังซินเวยกระโดดโลดเต้นขึ้นมาในทันใด พาเขาขึ้นรถรู้สึกดีใจอย่างมาก

“ทำไมเธอรู้ว่าฉันถูกไล่ออกจากบ้านล่ะ?” เซียวเฉินเอ่ยถาม

“ฉันมักสังเกตข่าวของคุณอยู่ตลอด...” ถังซินเวยหน้าแดง พูดเสียงแผ่วเบา

“นายน้อยหก สกุลถังของฉันเทียบสกุลเจียงไม่ได้ หวังเพียงว่าคุณจะไม่รังเกียจ...”

เซียวเฉินยิ้มน้อยๆ

“จะเป็นไปได้ยังไง? พวกเธอยอมรับฉันไว้ ฉันก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว”

“ต่อไปอย่าเรียกฉันว่านายน้อยหกอีกเลย เรียกฉันว่าเซียวเฉิน”

ถังซินเวยพยักหน้าเบาๆ

......

สกุลถังเคยรุ่งเรืองมาก่อน บัดนี้ตกอับ คฤหาสน์เล็กเต็มไปด้วยกลิ่นอายเก่าแก่

ถังซินเวยพาเซียวเฉินเข้าไปแล้ว คนสกุลถังก็ล้วนพากันออกมาต้อนรับ

“นายน้อยหก ยินดีต้อนรับสู่สกุลถังของผมนะครับ!” นายท่านถังพูดยิ้มๆ

“ต่อไปก็ให้คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองเถอะค่ะ...” คุณนายถังคลี่ยิ้มมีเมตตา

“ถังโยว เก็บห้องของแกให้นายน้อยหกพักเถอะ ส่วนแกไปอยู่ที่ห้องหนังสือ” นายท่านถังพูดกับน้องสาวของถังซินเวย

“พ่อ หนูเก็บเรียบร้อยแล้ว นายน้อยหกเข้าไปอยู่ได้เลย” ถังโยวพูดยิ้มๆ

“ไม่เป็นไรๆ ผมนอนที่ไหนก็ได้” เซียวเฉินตกตะลึงที่ได้รับการเอาใจใส่อย่างดี

“นั่นจะได้ยังไง? คุณเป็นผู้มีพระคุณของบ้านพวกเรานะ!” นายท่านถังและคุณนายถังเผยสีหน้าเคร่งขรึม เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ยอมตกลง

เซียวเฉินได้แต่ยอมทำตาม

ความอบอุ่นแผ่ซ่านภายในใจ เขารู้สึกสลดใจอย่างยิ่งยวด

เพื่อพี่น้องทั้งห้าของสกุลเจียง เขามอบให้ทั้งหัวใจ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนับครั้งไม่ถ้วน ลอบช่วยเหลือพวกเธอไม่รู้มากน้อยเพียงใด กลับแลกมากับประโยคที่ว่าสกุลเจียงไม่เลี้ยงดูตัวไร้ประโยชน์...

ช่วยถังซินเวยอย่างไม่ตั้งใจหนึ่งครั้ง ทั้งสกุลถังซาบซึ้งในบุญคุณของเขา อยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดให้เขา

เทียบกันแล้วก็เห็นได้อย่างชัดเจน นี่ชวนให้เขารู้สึกหัวใจสั่นสะท้าน แต่ในเวลาเดียวกันก็หวั่นไหว

ช่วงเย็น คุณนายถังทำอาหารชั้นดีหนึ่งโต๊ะ เพื่อต้อนรับเซียวเฉิน

บรรยากาศมีความสุขกลมกลืนกัน ทำให้เซียวเฉินรับรู้ถึงความสุขยามได้รับความรักและเอาใจใส่

“ปัง!”

ทันใดนั้น ประตูใหญ่ถูกถีบ คนหนึ่งกลุ่มพุ่งพรวดพราดเข้ามาด้วยท่าทางดุดัน

“แหม! มีเงินซื้ออาหารดีๆ แต่ไม่มีเงินใช้หนี้เหรอ?” ผู้เป็นหัวหน้ามีรอยมีดฟันบนศีรษะคนหนึ่งมองอาหารบนโต๊ะตรงหน้า พูดเสียงเหี้ยมเกรียม

คนสกุลถังตกตะลึงพรึงเพริด ถังซินเวยรีบปกป้องถังโยวไว้พลางขยับถอยหลัง

เซียวเฉินขมวดคิ้วมุ่น

คนเหล่านี้ไม่คล้ายอันธพาลทั่วไป

“คุณเผิง คุณผ่อนผันให้ผมอีกสองสามวันเถอะ ผมจะส่งดอกเบี้ยของเดือนนี้ให้แน่...” นายท่านถังอ้อนวอน

“ดอกเบี้ย?” ชายหัวล้านแสยะยิ้ม “เงินต้นไม่ต้องคืนเหรอ?”

“กิน...ฉันจะให้พวกแกกินขี้!” เขายกเท้าถีบโต๊ะพลิกคว่ำ อาหารดีๆ ทั้งโต๊ะล้วนกระจัดกระจายลงพื้น

ถังโยวร้องอุทานด้วยความตกใจ ถังซินเวยรีบเข้าไปกอดเธอไว้ สายตาหวาดกลัว

“ยังร้องอีก ฉันจะฆ่าพวกแกให้ตายไปเลย!” ชายหัวล้านตะคอกเสียงเย็น สายตาเผยแววดุดัน

เพียงขยับขึ้นมา เซียวเฉินก็ขวางอยู่ตรงกลางแล้ว

“ไอ้หนู แกมาจากไหนกัน? อยากตายเหรอ?” ชายหัวล้านถามเสียงเย็น

“คุณอาถัง นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เซียวเฉินหันหน้าถามนายท่านถัง

“บริษัทของบ้านพวกเราหมุนเงินไม่ทัน หนำซ้ำยังกู้เงินจากธนาคารไม่ได้ จึงต้องไปกู้ยืมจากสมาคมชิงหลงอย่างจนใจ คิดไม่ถึง...ดอกเบี้ยสูงยิ่งกว่าเงินต้นมาก! เฮ้อ...” นายท่านถังถอนหายใจ

เซียวเฉินชะงักไปอย่างสุดระงับ

สกุลถังตกลำบากขนาดนี้แล้ว ยังรับเขาไว้...

ทำไมเขาไม่ทำอะไรสักหน่อยเล่า?

“ไสหัวไป!”

หันหน้า เซียวเฉินสบถเพียงคำเดียว

“หืม?”

พวกชายหัวล้านหรี่ตาลง แสยะยิ้มดูแคลนออกมา จากนั้นเผยด้านร้ายกาจ

“อย่าทำร้ายนายน้อยหกนะ พวกเราจะคืนเงินแน่!” นายท่านถังรีบร้องตะโกน

“นายน้อยหก?” ชายหัวล้วนจับจ้องเซียวเฉิน “ไอ้หนู แกเป็นคนตระกูลไหน?”

ขณะเซียวเฉินกำลังจะพูด

“เขาเคยเป็นคนสกุลเจียง” เสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง

คนของสมาคมชิงหลงหันไปมอง ได้เห็นสาวสวยขาเรียวยาวในชุดกระโปรงสั้นยืนอยู่หน้าประตู

ทันใดนั้น สีหน้าพวกชายหัวล้านเปลี่ยนไป

“คุณ...คุณหนูห้า ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” พวกเขาตกตะลึงหวาดกลัวสุดขีด

คุณหนูห้าสกุลเจียงเจียงเสี่ยวอู่เคยมาหาเรื่องสมาคมชิงหลง ประธานสมาคมชิงหลงประกาศว่าจะทำให้เจียงเสี่ยวอู่ปีนขึ้นเตียงของเขาภายในสามวัน

ทว่าเพิ่งมาถึงวันที่สอง ประธานสมาคมชิงหลงก็วิ่งไปที่สกุลเจียงด้วยตนเอง คุกเข่าสำนึกผิด ร้องขอการให้อภัยจากเจียงเสี่ยวอู่

ไม่มีใครรู้ว่าตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทว่านับตั้งแต่ตอนนั้นคนเดินทางสายมืดล้วนกริ่งเกรงสกุลเจียงอย่างลึกซึ้ง

เจียงเสี่ยวอู่เดินเข้ามาด้วยท่าทางเย่อหยิ่งโอหัง จับจ้องเซียวเฉิน

“พี่ห้า” เซียวเฉินเรียกทีหนึ่ง

พวกชายหัวล้วนตกตะลึงพรึงเพริด ตัวสั่นงันงก

“ใครเป็นพี่ห้าของแก? แกไม่ใช่คนสกุลเจียงแล้ว ไม่คู่ควรให้เรียกฉันว่าพี่ห้า!” เจียงเสี่ยวอู่พูดเสียงเย็นชา

สีหน้าเซียวเฉินเองก็ด้านชาไป

“เจียงเสี่ยวอู่ เธอมาทำอะไร?” เขาเรียกขานชื่อเธอโดยตรง

เจียงเสี่ยวอู่ขมวดคิ้ว ไม่สบอารมณ์ต่อท่าทีเย็นชาของเซียวเฉินอย่างมาก

“พี่ใหญ่สงสัยว่าแกเอาสิ่งของของสกุลเจียงมา ให้ฉันมาเอากลับไป” เธอสบถเสียงเย็นกล่าวขึ้น

เซียวเฉินเผยไอโทสะออกมา

ถึงขั้นสงสัยเขาเป็นขโมย?

ทันใดนั้น หัวใจเซียวเฉินเยียบเย็นถึงขีดสุด

“ฉันไม่ได้เอาสิ่งของของสกุลเจียงไป อีกทั้งยังไม่มีอะไรติดค้างสกุลเจียงอีก มีแต่สกุลเจียงติดค้างฉัน!” เขาพูดเนิบๆ

ความเย็นชาภายในสายตาทำให้เจียงเสี่ยวอู่ตกตะลึง

ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ คล้ายเปลี่ยนไปแล้ว

“สกุลเจียงเลี้ยงดูแกมาสิบกว่าปี แกพูดว่าไม่ติดค้างก็ไม่ติดค้างแล้ว? ไอ้คนอกตัญญูลืมบุญคุณคน!” เจียงเสี่ยวอู่ตำหนิ

“ฮ่าๆๆๆ....” เซียวเฉินหัวเราะเสียงเยียบเย็นออกมา

คนอกตัญญูตัวดี!

ตกลงใครเป็นคนอกตัญญูกันแน่?

“แกพูดว่าไม่ได้เอาไปก็ไม่ได้เอาไปเหรอ?” เจียงเสี่ยวอู่ไม่ยอมเลิกรา “แก ไปค้นตัวเขา!” เธอชี้ชายหัวล้าน

“ครับคุณหนูห้า” ชายหัวล้านมองสถานการณ์ออก ไม่เกรงใจเซียวเฉินอีก

เซียวเฉินมองด้วยสายตาเย็นชาไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยชายหัวล้านเข้ามาค้นตัว

เขาออกจากสกุลเจียง ไม่ได้หยิบมาแม้แดงเดียว ไม่ได้นำสิ่งใดมา

“แกไม่ได้เอามาจริงเหรอ?” เจียงเสี่ยวอู่ขมวดคิ้ว

“ฉันเอามาหนึ่งอย่าง”

“อะไร?”

“เอาศักดิ์ศรีของฉันกลับมา!” เซียวเฉินพูดอย่างหนักแน่นหนึ่งประโยค

สีหน้าเจียงเสี่ยวอู่ไม่สบอารมณ์

“ฉันกลับอยากเห็น ศักดิ์ศรีจะสามารถทำให้แกมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไหม!” เจียงเสี่ยวอู่โมโหผลักประตูออกไป

ทีแรกคิดว่าหากเซียวเฉินคุกเข่าขอร้องเธอดีๆ เธอก็จะช่วยชีวิตสุนัขของเขาสักครั้ง เอือมระอาอีกฝ่ายไม่รู้ความเอาเสียเลย

“ศักดิ์ศรี? หึๆ รักษาศักดิ์ศรีที่น่าสงสารของแกไปจนตายเถอะ!” ตอนเจียงเสี่ยวอู่จากไปได้พูดทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค

หลังเจียงเสี่ยวอู่ไปแล้ว พวกชายหัวล้านต่างยิ้มเย็น

“นายน้อยหก...คุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?” ชายหัวล้านเยาะหยัน

“ไปข้างนอก ฉันมีเรื่องจะพูดกับพวกแก” เซียวเฉินพูดเรียบๆ

“เซียวเฉิน!” ใบหน้าถังซินเวยเปี่ยมความกังวล กลัวเกิดเรื่องกับเขา

“นายน้อยหก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ...พวกเราจะแก้ปัญหาเอง...” นายท่านถังและคุณนายถังพูดเกลี้ยกล่อม

“คุณอา คุณอาหญิง ซินเวย ทุกคนวางใจเถอะ ผมมีวิธีแก้ปัญหา” เซียวเฉินหัวเราะ

จากนั้น เขาเดินออกไปภายนอก

“ดูว่าไอ้เด็กนี่จะเล่นลูกไม้อะไร” สีหน้าชายหัวล้านเจ้าเล่ห์ พาคนตามออกไป

ภายในตรอก เซียวเฉินหันหลังให้คนเหล่านั้น

“นายน้อยหก คุณคิดจะมาอ้อนวอนที่นี่เหรอ?” ชายหัวล้านเยาะหยัน

“รู้หรือเปล่าว่าทำไมประธานสมาคมชิงหลงถึงต้องไปคุกเข่าอ้อนวอนที่สกุลเจียง?” เซียวเฉินเอ่ยถาม

“หรือคุณรู้?” ชายหัวล้านสบถเสียงเย็น

“เพราะเขาได้พบคนผู้หนึ่ง” สุ้มเสียงเซียวเฉินเรียบเฉย

ชายหัวล้านขมวดคิ้ว

คนภายนอกไม่รู้เรื่องนี้

วันนั้นเขาติดตามท่านประธานไปพบคนยิ่งใหญ่น่าเกรงขามมากคนหนึ่ง

คนโหดเหี้ยมอย่างท่านประธานยังตัวสั่นงันงกอย่างหวาดกลัวสุดขีดภายใต้รัศมีน่าครั่นคร้ามของผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้น เขาไม่กล้าแม้แต่เงยหน้า ทำเพียงมองเงาด้านหลังแวบหนึ่ง

ครั้งนั้น จิตใจเขาสั่นไหว หวาดผวาสุดขีด

ทันใดนั้น ชายหัวล้านเผยสีหน้าสงสัย

เงาด้านหลังของคนตรงหน้า...ทันใดนั้นค่อยๆ ทับซ้อนกับเงาของคนผู้นั้น

“คุณ...คุณคือ...” ชายหัวล้านเบิกตากว้าง ตัวสั่นเทา

เซียวเฉินหมุนตัว แผ่จิตสังหารแรงกล้าออกมา

“ตึง!”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 3

    เจียงเสี่ยวอู่โมโหโกรธเกรี้ยวกลับมาถึงสกุลเจียง“พี่ใหญ่ เซียวเฉินตัวไร้ประโยชน์คนนั้นไม่ได้เอาสิ่งของของสกุลเจียงไป คนสกุลถังรับเขาไว้แล้ว” เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์“สกุลถัง?” เจียงอีอีขมวดคิ้ว“ก็คือถังซินเวยคนนั้น ก่อนหน้านี้ยังตั้งใจเอาของขวัญมาที่บ้านพวกเราอยู่เลย แต่ไม่ได้พบแม้แต่หน้าพี่ ก็ถูกพวกเราไล่ไปแล้ว”เจียงอีอีครุ่นคิด“ฉันนึกออกแล้ว มีบริษัทของสกุลถังแห่งหนึ่งเคยขอร้องต้องการร่วมมือกับฉัน แต่ฉันไม่สนใจ ได้ยินว่าตอนนี้บริษัทนั้นใกล้จะปิดตัวลงแล้ว...”“ใช่ใช่ใช่ ก็คือสกุลถังนั้น” เจียงเสี่ยวอู่พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง“ตอนนี้บริษัทสกุลถังใกล้จะปิดตัวลงแล้ว ทั้งครอบครัวใกล้ตายเต็มที ถึงขั้นยังกล้ารับไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนั้นไว้ ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!”“เซียวเฉินไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนั้นยังพูดว่าพวกเราสกุลเจียงติดค้างเขา พวกเธอว่าตลกไหมล่ะ?”พี่น้องคนอื่นมีปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไปมีคนเย้ยหยัน มีคนดูถูก มีคนเย็นชา“เซียวเฉินเป็นสุนัขตัวหนึ่งที่สกุลเจียงของฉันไล่ออกไปก็เท่านั้น สกุลถังกล้ารับไว้ เห็นชัดว่าต้องการเป็นศัตรูกับสกุลเจียงของฉัน ไม่รู้ดีชั่วจริงๆ!”“ยังพูดว่าพวกเร

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 4

    “ประธานผัง ใบสั่งซื้อใหญ่ขนาดนี้ คุณแน่ใจเหรอว่า...จะร่วมมือกับพวกเรา?”นายท่านถังและถังซินเวยล้วนรู้สึกเหลือจะเชื่อบริษัทสกุลถังใกล้ปิดตัวลงแล้วทำความร่วมมือกับเซิ่งหรงกรุ๊ป พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด“ประธานถัง หรือว่าผมมาหาถึงที่แล้วยังจริงใจไม่พออีกเหรอ?” ผังชิงอวิ๋นพูดยิ้มๆ“จะเป็นไปได้ยังไง?” นายท่านถังรีบโบกมือ “พวกเราก็แค่ไม่อยากจะเชื่อ คนใหญ่โตอย่างคุณจะมาหาพวกเราด้วยตนเองถึงที่นี่...”ผังชิงอวิ๋นเหล่มองเซียวเฉินเงียบๆ แวบหนึ่ง“เรื่องของพวกคุณสกุลถัง ผมได้ยินมาแล้ว”“ผลิตสินค้าออกมาไม่ได้มาตรฐาน ยอมแบกหนี้ก้อนโตเพื่อทำลายสินค้าด้อยคุณภาพทั้งหมด จิตใจเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกนับถือ เซิ่งหรงกรุ๊ปก็ต้องการร่วมมือกับคู่ค้าอย่างนี้นี่แหละ”คำพูดนี้ของผังชิงอวิ๋น พูดเสียจนนายท่านถังขอบตาร้อนผะผ่าว“ขอบคุณครับ...ขอบคุณครับ...” เขาพูดขอบคุณไม่หยุดใบสั่งซื้อนี้สำหรับสกุลถังคือได้รับความช่วยเหลือในยามลำบากอย่างแท้จริง“คุณพ่อ ใบสั่งซื้อนี่...” ถังซินเวยเผยสีหน้าลำบากใจ เอ่ยเตือนนายท่านถังตอนนี้สกุลถังติดหนี้ก้อนโต ไหนเลยจะมีเงินลงทุน?“คุณหนูถังวางใจได้ บริษัทของผมสามารถจ่าย

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 5

    เจียงอีอีเดินเข้าสกุลเจียงใบหน้าบึ้งตึง“พี่ใหญ่ เป็นอะไรไป?” พี่น้องทั้งสี่รีบเอ่ยถาม“ประธานบริษัทเซิ่งหรงกรุ๊ปไปเซ็นสัญญากับสกุลถังด้วยตนเองแล้ว” เจียงอีอีพูดเสียงเย็นชา“ส่วนเจียงซื่อกรุ๊ปของพวกเรา ถูกหักหลังแล้ว”เจียงอีอีพูดอย่างสุขุมมากแต่ภายใต้ความสุขุมกลับซ่อนเพลิงพิโรธเอาไว้“แค่สกุลถังแห่งหนึ่ง ตกลงเซิ่งหรงกรุ๊ปสนใจอะไรพวกเขากัน?” พี่น้องทั้งสี่รู้สึกเหลือจะเชื่อ“พูดเรื่องเหล่านี้ไปก็ไม่มีความหมายแล้ว” เจียงอีอีเอ่ยปากสีหน้าเย็นชา“จำเอาไว้ นับตั้งแต่วันนี้ไป สกุลถังก็คือศัตรูของเจียงซื่อกรุ๊ป จากนี้ไปฉันจะทำเพียงเรื่องเดียว นั่นคือทำให้สกุลถัง...พังพินาศจนหมดสิ้น!”พี่น้องทั้งสี่หวาดกลัวจนไม่กล้าพูดออกมาหากพี่สาวคนโตตัดสินใจทำเรื่องใด ก็จะทำเรื่องนั้นจนสำเร็จนี่คือความมุ่งมั่นของเธอที่เป็นประธานบริษัทเจียงซื่อกรุ๊ป“เซียวเฉินไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนั้น ถึงขั้นกล้าให้ฉันไสหัวไป!” เสียงเจียงอีอีเย็นยะเยือกภาพที่สกุลถังยังฉายซ้ำอยู่เบื้องหน้าเธอสิบกว่าปีมานี้ เซียวเฉินคล้ายสุนัขขี้ประจบส่ายหางไปมาอย่างน่าเวทนาต่อหน้าเธอทำไมถึงกล้าพูดกับเธออย่างนี้?อกเจียงอี

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 6

    “เซียวเฉิน แกขโมยเช็คมูลค่าห้าล้านของสกุลเจียงไป ถ้ายังไม่เอาออกมา ฉันจะหักมือหักขาแก!”เจียงหลิวเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียม เจือรอยยิ้มเย็นชา“เช็ค?” เซียวเฉินขมวดคิ้วเขาไม่ได้เอาอะไรมาจากสกุลเจียง...“เช็คเป็นฉันหยิบมาเอง” เจียงหลิวยอมรับโดยตรงด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “แต่ตอนนี้พวกผู้หญิงโง่เง่าสกุลเจียงเหล่านั้นล้วนเชื่อว่าแกไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ขโมยไป”“ฉันจะทำให้แกพิการ ค่อยเอาเช็คกลับไปคืน พิสูจน์ความสามารถของฉันเพื่อให้ได้รับความไว้ใจจากพวกเธอ แบบนี้ในอนาคตเจียงอีอีถึงจะไว้ใจมอบธุรกิจของสกุลเจียงไว้ในมือของฉัน...ถึงตอนนั้น ฉันต้องการอะไรก็ได้ทั้งหมด!”“ส่วนแก...” เขามองทางเซียวเฉิน เปี่ยมความดูแคลน “ตัวแทนไร้ประโยชน์คนหนึ่งก็เท่านั้น สามารถเป็นบันไดให้ฉันเหยียบขึ้นไปได้ก็เป็นวาสนาของแกแล้ว”สีหน้าเซียวเฉินเคร่งขรึมแผนดีนักนะ!น่ากลัวว่าพี่น้องทั้งห้าสกุลเจียงไม่มีวันคิดถึง นายน้อยที่เพียรพยายามตามหามาอย่างยากลำบากจะวางแผนเล่นงานพวกเธอ“แกนี่มันสถุลจริงๆ!” ถังซินเวยพูดอย่างโกรธเคือง“สถุล?” เจียงหลิวหัวเราะดังลั่น “ไอ้คนแซ่เซียวแย่งความมั่งคั่งของฉันมานับสิบกว่าปี หรือว่าไม่สถุ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 7

    เจียงซือซือหยิบแล็ปท็อปออกมา ล็อกอินเข้าสู่เว็บไซต์หนึ่ง“เว็บไซต์นี้รวบรวมอาจารย์หมอระดับสูงทั่วโลกเอาไว้ ทุกคนบนนี้ล้วนแบ่งระดับไว้อย่างชัดเจน แม้ว่าฉันมีชื่อเสียงในเมืองหนาน แต่ก็เป็นเพียงอาจารย์หมอระดับสองของที่นี่ บนนี้ยังมีระดับหนึ่ง ระดับตำนาน ไปจนถึงระดับสูงสุดอย่างระดับเซียน!” เจียงซือซือทางหนึ่งพูดทางหนึ่งคลิก“อาจารย์หมอระดับอาวุโสเหล่านั้นของประเทศเซี่ยพวกเรา อยู่บนนี้ก็อยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้น มีเพียงสองสามคนที่มีชื่อเสียงระดับโลกถึงจะสามารถถูกเรียกขานว่าระดับตำนาน...”“ส่วนระดับเซียน ทั่วโลกมีเพียงแค่คนเดียว! นั่นก็คืออาจารย์ของฉันหมอเทวดาเฉินเซียว!”พูดถึงอาจารย์ของตน ใบหน้าเจียงซือซือเปล่งประกายนี่เป็นความภาคภูมิใจและทรงเกียรติมากขนาดไหน!นึกถึงอดีตตอนกราบอาจารย์ เธอรู้สึกราวกับฝันไปตอนนั้นเธอเป็นเพียงอาจารย์หมอฝึกหัดเพิ่งเรียนจบคนหนึ่ง ยังรู้อะไรไม่มากชั่วขณะเพิ่งเข้าเว็บไซต์นี้ เธอใช้แท็กของหมอฝึกหัด ตอนต้องการขอความช่วยเหลือเมื่อได้พบปัญหายาก กลับไม่มีใครสนใจเธอตอนท่านนั้นที่อยู่ระดับเซียนจุดสูงสุดของพีระมิดพูดว่าต้องการรับเธอไว้เป็นศิษย์ เธอคล้ายฝันไปอย

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 8

    ลงท้ายเจียงหลิวก็ทนไม่ไหว หมดสติไปพี่น้องทั้งห้าสกุลเจียงถึงใจเย็นลง“พวกเธอเฝ้าเขาดีๆ สถานการณ์วันพรุ่งนี้น่าจะดีขึ้นเล็กน้อย” เจียงอีอีออกคำสั่ง “ฉันจะไปติดต่อหมอมีชื่อเสียงเหล่านั้น”ไม่สามารถคาดหวังกับเจียงซือซือได้แล้วเจียงหลิวหมดสติไปจึงเงียบลงพี่น้องสกุลเจียงเฝ้าเขาตลอดทั้งคืน เดิมทีคิดว่าในที่สุดก็ผ่านพ้นไปได้แล้ว พรุ่งนี้เตรียมตัวไปพักผ่อนใครรู้เล่าว่าเพียงเจียงหลิวตื่นขึ้นมา ก็ร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดทรมานอีกครั้งพี่น้องทั้งห้าสกุลเจียงเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ ใกล้สติแตกเต็มที“ต้องโทษเซียวเฉินไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนั้น!” เจียงเสี่ยวอู่พูดอย่างโกรธแค้น “เป็นเขาทำให้น้องเล็กต้องบาดเจ็บจนกลายเป็นแบบนี้ จะปล่อยเขาไปไม่ได้!”“เขาเป็นคนทำร้าย เขาจะต้องรู้วิธีรักษา”พูดไป เจียงเสี่ยวอู่ลุกขึ้นเตรียมออกไปข้างนอก“พี่ใหญ่ ฉันจะไปสกุลถังสักหน่อย...” เธอพูดอย่างมุ่งมั่น“ฉันจะทำให้เซียวเฉินไอ้ตัวไร้ประโยชน์คนนั้นมาคุกเข่าขอขมาน้องเล็กด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้เขากลับมาปกติเหมือนเดิม”เจียงอีอีได้ยินก็ขมวดคิ้ว“ถ้าเซียวเฉินไม่ยอมล่ะ?” เธอถาม“เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!”

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 9

    “ซินเวย ไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเฉินใช้ผ้าเช็ดหน้าอุ่นๆ ประคบใบหน้าให้ถังซินเวย พร้อมถามเธออย่างห่วงใยดวงตาคู่สวยของถังซินเวยเปี่ยมความอ่อนโยน“ฉันไม่เป็นไรค่ะ คุณรีบไปดูคุณหนูอู่เถอะ...” เธอมองทางฝั่งเจียงเสี่ยวอู่ กระซิบบอกเจียงเสี่ยวอู่ถูกตบแรงๆ สองฉาด พวงแก้มสองข้างบวมเปล่ง แย่กว่าเธอมาก“คนนอกคนหนึ่ง จะสนใจเธอทำไม? ฉันตบเบาไปด้วยซ้ำ” เซียวเฉินพูดเสียงเย็นชาถังซินเวยอ้าปาก กลับไม่พูดอะไรคนสกุลเจียงไล่เซียวเฉินออกจากตระกูลลก่อน เป็นพวกเธอไร้เยื่อใย เธอเองก็สนับสนุนที่เซียวเฉินทำแบบนี้เจียงเสี่ยวอู่ปิดหน้ายืนข้างหน้าต่าง สายตาจับจ้องด้านล่างตึกอยู่ตลอดบทสนทนาของทั้งคู่ เธอได้ยินทั้งหมดได้ยินเซียวเฉินพูดว่าคนนอกประโยคนั้น ไม่รู้เพราะอะไร เพลิงโทสะคุกรุ่นภายในใจเธอเคยเป็นสุนัขตัวหนึ่งของสกุลเจียง ทำไมตอนนี้กล้าอวดเบ่งใส่คนอื่น?“ไอ้คนเนรคุณ! ไอ้ชั่ว!” เธอสบถด่าภายในใจไม่หยุดความแค้นถูกตบสองฉาดนั้น เธอจะต้องแก้แค้นแน่เธออยู่ที่ข้างหน้าต่างนานมาก กลับไม่เห็นเงาคน ร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ทำไมยังไม่มา?ถึงขั้นกล้าขัดคำสั่งของเธอ...ผ่านไปอีกหลายนาที ในที่สุดก็มอ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 10

    หลังคนสกุลถังส่งประธานสมาคมชิงหลงและเจ้าสำนักทั้งสี่จากไปแล้ว กลับยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้“คนของสมาคมชิงหลงเกรงใจเกินไปแล้ว ท่าทีไม่เหมือนที่ผ่านมา” นายท่านถังพูดเสียงเครียด“มิหนำซ้ำคำว่าเกรงใจสองพยางค์นี้ ไม่สมควรปรากฏในพจนานุกรมของสมาคมชิงหลงเลยด้วยซ้ำ”สมาคมชิงหลงเป็นหัวหน้าใหญ่ในแวดวงใต้ดินของเมืองหนาน ชื่อเสียงโหดเหี้ยมเว้นเสียแต่เมื่อหลายปีก่อนที่พลาดท่าให้เจียงเสี่ยวอู่ในครั้งนั้น...ครั้งนี้กับครั้งนั้นก็เหมือนกัน อยู่เหนือจินตนาการ ยากจะเข้าใจได้ทำไมพวกเขาถึงพูดจาหยาบคายกับเจียงเสี่ยวอู่ แต่มีมารยาทต่อคนสกุลถังกันนะ?“ตกลงนี่เพราะอะไรกันแน่?” นายท่านถังขมวดคิ้วครุ่นคิดแม้ว่านี่เป็นเรื่องดี แต่กะทันหันมากเกินไป ยากจะไม่ให้คนคิดมาก“คุณอาถัง คุณอาอย่าคิดมากเกินไปเลย สกุลถังทำความร่วมมือกับเซิ่งหรงกรุ๊ปแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ด้วยตำแหน่งของเซิ่งหรงกรุ๊ป สมาคมชิงหลงเกรงใจพวกคุณอาก็สมเหตุสมผล” เซียวเฉินพูดยิ้มๆ“แล้วเพราะอะไรเซิ่งหรงนั้นถึงมาหาพวกเราสกุลถังล่ะ?” นายท่านถังส่ายหน้าดังเดิมนักธุรกิจทำธุรกิจย่อมต้องเห็นผลประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญเซิ่งหรงมามอบความช่วยเหลือ

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 40  

    จ้าวเทียนอีแผดเสียงร้องโหยหวนออกมาราวกับปอดจะฉีก เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส “พูดไม่พูด?” “อยากรู้เหรอ? ฝันไปเถอะ!” จ้าวเทียนอีคำรามเสียงดังสนั่น เซียวเฉินเหยียบลงไปที่แขนอีกข้างหนึ่งของเขาอีกครั้ง แขนสองข้างถูกเหยียบจนหัก จ้าวเทียนอีเจ็บปวดจนแทบตายไปตรงนั้น ความเคียดแค้นต่อเซียวเฉินที่อยู่ในใจพุ่งสูงถึงขีดสุดแล้ว ถังซินเวยมองดูสถานการณ์จนอกสั่นขวัญแขวน ต่อให้สกุลถังจะอยู่ในช่วงรุ่งเรืองเฟื่องฟู แต่จะด้านใด ๆ ก็ยังเทียบไม่ได้กับสกุลจ้าว จะยั่วยุล่วงเกินอีกฝ่ายไม่ได้เด็ดขาด เซียวเฉินทำจ้าวเทียนอีบาดเจ็บถึงเพียงนี้แล้ว เกรงว่าเธอคงจะหมดปัญญาปกป้องแล้ว “ยังไม่บอกอีกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว” เซียวเฉินเห็นจ้าวเทียนอียังคงดื้อรั้นปากแข็ง สีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะยกเท้าขึ้นกระทืบไปบนขาซ้ายของอีกฝ่าย ไม่รอคำตอบ ก็ยกเท้ากระทืบขาขวาของเขาไปอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียว แขนขาทั้งสี่ของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น ทว่าเซียวเฉินก็มิได้ใจอ่อนลงแม้แต่น้อย กล้าดูหมิ่นถังซินเวย เขาไม่มีทางยกโทษให้เด็ดขาด! “ฉันบอก…ฉันบอกก็ได้…” ในที่สุดจ้าวเทียนอีก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว ร้องออกมาพร้อ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 39  

    บอดี้การ์ดสองคนของจ้าวเทียนอีเดินตรงเข้ามาหาเซียวเฉิน ก่อนที่จ้าวเทียนอีจะเข้ามารับช่วงต่อดูแลธุรกิจของตระกูลก็เคยเป็นคุณชายเสเพล ใช้อำนาจอิทธิพลของสกุลจ้าวมาทำตัวโอหังอวดดี บอดี้การ์ดสองคนนี้เขาจ้างมาทำงานด้วยราคาสูง และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็คอยช่วยเขาจัดการกับคนที่ทำให้เขาไม่พอใจมานักต่อนักแล้ว ผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ ท่าทางธรรมดาเหมือนอย่างเซียวเฉิน จ้าวอีเทียนไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา หลังจากออกคำสั่งก็คร้านจะหันกลับไปมองอีก เขาหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นมา จิบเบา ๆ ทว่ายังไม่ทันได้กลืน “ปึง ปัง…” ก็ได้ยินเสียงกระแทกหนัก ๆ ดังขึ้นสองครั้ง เขายกยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางเงยหน้ามอง แต่ก็ต้องชะงักไปทันที บอดี้การ์ดที่เขาจ้างมาด้วยเงินสูงลิ่วถูกซัดลอยกระเด็น ก่อนจะล้มฟาดข้างโซฟาทั้งสองข้างอย่างแรง “หือ?” จ้าวเทียนอีขมวดคิ้วขึ้น จ้องมองเซียวเฉินอย่างประหลาดใจ “เหอะ ก็มีฝีมืออยู่บ้างนี่…” เขาดึงหน้าขรึมเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา “แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร?” จ้าวเทียนอีวางแก้วไวน์ลง พลางถามอย่างไม่แยแส “ถ้าไม่รู้ แกก็ลองถามถังซินเวยดูสิ” “คนที่กล้าล่วงเกินฉัน มีจุดจบอยู่สองแบบ ไม่ขอโทษด้

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 38  

    “ประธานจ้าว พวกเรามาพบกันสักหน่อยได้ไหมคะ? ฉันอยากจะขอเจรจากับคุณสักหน่อยค่ะ…” ถังซินเวยเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นคุณก็มาที่โรงแรมเยว่เผิงได้หรือเปล่า” น้ำเสียงจากปลายสายเจือด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ถังซินเวยไม่กล้าล่าช้า รีบขับรถมุ่งตรงไปที่โรงแรมเยว่เผิงทันที เมื่อมาถึง ก็รีบขึ้นลิฟต์อย่างร้อนรนไปยังห้องรับรองส่วนตัวที่อีกฝ่ายพูดถึงทันที ภายในห้องรับรองส่วนตัว มีชายหนุ่มที่ดูวัยรุ่นมาก ๆ คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ข้างกายมีบอดี้การ์ดสองคน และมีอาหารหรูหราวางอยู่เต็มโต๊ะ ระหว่างทางถังซินเวยได้บอกเซียวเฉินแล้วว่า ประธานจ้าวคนนี้ชื่อว่าจ้าวเทียนอี เป็นคุณชายจากสกุลจ้าวซึ่งเป็นตระกูลยิ่งใหญ่มีอิทธิพลในเมืองหนานเฉิง แม้ว่าอายุยังน้อยแต่ก็ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบหน้าที่สำคัญแล้ว เรื่องจัดหาวัสดุ ก็เป็นเขาเองที่ติดต่อกับถังซินเวยมาโดยตรง เห็นถังซินเวยเข้ามา จ้าวเทียนอีก็ผุดยิ้ม ทว่าเห็นด้านหลังของเธอมีเซียวเฉินตามมาด้วยอีกคน สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย “ประธานจ้าว ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะที่ทำให้คุณต้องรอนาน…” ถังซินเวยเข้าไปก็กล่าวขอโทษทันที ด้วยท่าทีอ่อนน้อม จ้าวเ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 37  

    เจียงอู๋ซวงที่เสียสติถูกส่งตัวกลับบ้านสกุลเจียง เห็นเจียงอู๋ซวงผมเผ้ายุ่งเหยิงสภาพดูอิดโรยน่าสังเวชแบบนั้น พี่น้องสกุลเจียงต่างตกตะลึงหน้าถอดสี “พี่รอง พี่เป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” พวกเธอรีบกรูกันเข้าไปล้อมรอบ “น้องรอง เธอเป็นอะไรไป?” เจียงอีอีขมวดคิ้ว “เธอเป็นดาราสาวตัวท็อป สภาพแบบนี้ถ้าเกิดถูกนักข่าวถ่ายภาพไปได้ ต้องกลายเป็นข่าวใหญ่ถูกวิจารณ์หนักหน่วงแน่ ชื่อเสียงสกุลเจียงต้องเสื่อมเสียแน่นอน” เจียงอู๋ซวงแววตาเหม่อลอย ไม่มีท่าทีโต้ตอบใด ๆ กับคำตำหนิของเธอ “แย่แล้ว…พวกเราพลาดไปแล้ว…” เธอขยับปากพึมพำ “แย่อะไร? พวกเราทำพลาดอะไรตรงไหนเหรอ?” พี่น้องสกุลเจียงได้ยินก็งุนงงไม่เข้าใจ “ไม่ควรไล่เซียวเฉินออกจากสกุลเจียงเลย พวกเราพลาดไปแล้ว…” เจียงอู๋ซวงพูดออกมาอย่างเหม่อลอย “หุบปาก!” สีหน้าของเจียงอีอีพลันเยือกเย็นลงทันที “เจียงอู๋ซวง นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? ถึงได้กล้ามาสงสัยกับการตัดสินใจของฉัน! พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดนะ!” เธอตวาดด้วยเสียงเย็นชา “คน…ผู้คนมากมาย…ตายไปหมดแล้ว” เจียงอู๋ซวงพลันร้องไห้ออกมา ความหวาดกลัวฉายชัดเต็มใบหน้า “ถูกเขาฆ่าตายหมด ทุกคนถูกเขาฆ่า

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 36  

    นั่นคือจุดสูงสุดที่สกุลเจียงต้องแหงนหน้ามองและไม่อาจเอื้อมถึง… “เซียวเฉิน แกซ่อนตัวได้เนียนนักนะ!” เจียงอู๋ซวงกัดฟันพลางเอ่ย หากว่าเซียวเฉินเผยตัวออกมาว่าไม่ใช่คนธรรมดาเร็วกว่านี้ ใครจะกล้าไล่เขาออกไป? คงจะรีบสอพลอเสียด้วยซ้ำ เจียงอู๋ซวงไม่ได้รู้สึกเสียใจ เพียงแต่รู้สึกว่าเซียวเฉินสมองเพี้ยนไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มีตำแหน่งยิ่งใหญ่น่าเหลือเชื่อขนาดนั้นแล้ว แต่กลับแสร้งทำเป็นตัวไร้ประโยชน์! “เจียงอู๋ซวง พี่รู้หรือเปล่า ว่าผมตั้งใจก่อตั้งตำหนักมืดขึ้นก็เพื่อสกุลเจียง?” เซียวเฉินหัวเราะเย็นเยียบออกมาด้วยสีหน้าดูถูก “กำลังคิดว่าจะมอบให้สกุลเจียงแท้ ๆ แต่พวกพี่กลับไล่ผมออกจากสกุลเจียง!” เจียงอู๋ซวงเบิกตาโพลง ม่านตาสั่นไหว จะบอกว่า พวกเธอทิ้งอำนาจการควบคุมองค์กรอันดับหนึ่งของโลกไปเองกับมืออย่างนั้นเหรอ? ในที่สุดเจียงอู๋ซวงก็นึกเสียดายขึ้นมาแล้ว และยังเป็นความเสียดายที่รุนแรงอย่างถึงที่สุด หากว่าสกุลเจียงสามารถควบคุมตำหนักมืดได้… เจียงอู๋ซวงไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าสกุลเจียงจะรุ่งเรืองมากขนาดไหน “ท่านเจ้า…เจ้าแห่งความมืด…” หัวหน้าพรรคชิงสีหน้าซีดเซียว ประสานมือคารวะต่อเซียวเฉิน

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 35  

    โถงหลักของพรรคชิงพังทลายแล้ว! คล้ายกับมีกระแสคลื่นคลั่งโหมกระหน่ำเข้ามา ทำลายทุกสิ่งแหลกละเอียด กำแพงถล่มลงมา คนจำนวนมากมายมหาศาลหลั่งไหลกันเข้ามา “โครม …” เสียงแววดังมาจากด้านบนศีรษะ คนของพรรคชิงตะลึงอึ้งงัน ทว่าไม่นานพวกเขาก็เข้าใจแล้ว แสงจากโลกภายนอกส่องเข้ามาจากด้านบน นั่นเป็นเพราะเพดานโถงทั้งอันของห้องโถงหลักกำลังเลื่อนขึ้นไป มันถูกเกี่ยวให้ลอยขึ้นไปแล้ว มองไปกลางท้องฟ้า เพียงปราดเดียวก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังดึงเพดานโถงหลักของพรรคชิงออกไป ฉับพลันทันใดนั้น ก็มีเฮลิคอปเตอร์จู่โจมหลายสิบลำกำลังลอยนิ่ง ๆ อยู่เหนือศีรษะของพวกคนพรรคชิง อาวุธหนักที่ติดบนเฮลิคอปเตอร์เล็งเป้าลงมาด้านล่างแล้ว “ปึง!” ทันใดกั้นก็มีกระบอกปืนทะลุเข้ามา เมื่อมองให้ดีแล้ว นั่นคือรถถัง ซึ่งจอดเรียงกันเป็นแนวยาว อยู่ด้านหลังเซียวเฉิน ปลายกระบอกปืนสีดำมืดเล็งเป้าไปยังจุดที่เบื้องบนของพรรคชิงนั่งอยู่ หากมองทะลุรอยแยกเล็ก ๆ ออกไป ก็จะเห็นว่าที่แม่น้ำด้านนอกสำนักงานใหญ่พรรคชิง มีเรือสงครามจอดรอคำสั่งอยู่ ทั้งทางน้ำ บนบก และอากาศ ปิดล้อมพรรคชิงไว้ได้อย่างสมบูรณ์ “นะ…นี่มัน…”

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 34  

    สำนักงานใหญ่ของพรรคชิงตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองหนานเฉิง ตอนที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอดนอกสำนักงานใหญ่พรรคชิง เจียงอู๋ซวงถูกเซียวเฉินโยนออกไปด้านนอก เธอกลิ้งกระเด็นกระดอนจนเศษดินเศษฝุ่นเปรอะเต็มหน้า “ไอ้บ้า! แกมันบ้าไปแล้ว!” เธอตะคอกเสียงแข็งด้วยความโกรธและอับอาย เซียวเฉินปลิดชีวิตทูตยมโลกแล้ว มิหนำซ้ำยังบังคับให้เธอขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แล้วพามาที่สำนักงานใหญ่พรรคชิงจริง ๆ พรรคชิงครองอำนาจอิทธิพลครอบคลุมทุกพื้นที่ ภายในสำนักงานใหญ่ย่อมซ่อนเสือซ่อนมังกรไว้เสมือนเป็นถ้ำเสือรังมังกร… เซียวเฉินกล้าดีอย่างไร? อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะลุยเดี่ยวเข้าไปในที่แบบนี้! “ใคร?” คนของพรรคชิงเดินเข้ามา ถือปืนไว้ในมือพร้อมยิงทุกเมื่อ เจียงอู๋ซวงกลัวจนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้น “เขาคือเซียวเฉิน ฆ่าทูตยมโลกกับนายท่านสามสกุลสวีของพรรคไปแล้ว รีบเข้าไปจับตัวมันไว้ซะสิ!” เธอตะโกนด้วยความขลาดกลัว “อะไรนะ? ฆ่าทูตยมโลกไปแล้ว?” คนของพรรคชิงตะลึงงัน ทูตยมโลกคือนักฆ่ายอดฝีมือของพรรคชิง แข็งแกร่งเก่งกาจเป็นที่สุด จะถูกฆ่าง่าย ๆ ได้อย่างไร? “กล้าหาญนัก ตายซะเถอะ!” ปากปืนสิบกว่ากระบอกเล็งเป้ามาที่เซียวเฉิน เ

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 33  

    เซียวเฉินผุดยิ้มบาง ๆ “ใช่ ฝีมือของฉันเอง” เสียงของเขาราบเรียบ ทูตยมโลกหรี่ตา เจียงอู๋ซวงสีหน้านิ่งชะงักงันไป สองคนต่างคิดไม่ถึงว่าเซียวเฉินจะยอมรับได้เต็มปากเต็มคำขนาดนั้น “แกทำได้อย่างไร?” ทูตยมโลกเค้นถาม “แค่ฆ่าคน จมเรือทิ้ง แค่นี้เรื่องง่าย ๆ” เซียวเฉินเอ่ยยิ้ม ๆ รอยยิ้มนั้นดูเรียบง่าย เหมือนกับสิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปเรื่องหนึ่ง ทูตยมโลกหรี่ตาอีกครั้ง “บนเรือลำนั้นมีคนมากกว่าสองร้อยชีวิต แกฆ่าทิ้งทั้งหมดเลยเหรอ? แกคิดว่าแกเป็นใครกัน?” เจียงอู๋ซวงพ่นลมออกทางจมูกทันใด ในสายตาของคนสกุลเจียง เซียวเฉินก็เป็นแค่สวะไร้ค่าคนหนึ่ง ไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย เขาจะทำเรื่องน่าตกใจแบบนี้ได้อย่างไร? สีหน้าของเจียงอู๋ซวงฉายประกายดูแคลนออกมาอย่างถึงที่สุด “แกฆ่าคนได้ยังไง? แล้วจมเรือทิ้งได้ยังไง?” ทูตยมโลกเค้นถามต่อด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “แกก็ลองไปถามพวกเขาเองสิ” เซียวเฉินเอ่ยอย่างเฉยเมย ทูตยมโลกสีหน้าแข็งกร้าวขึ้นมาทันใด “เซียวเฉิน แกมันอวดดีนัก! กล้าดียังไงถึงมาหยามทูตยมโลกแบบนี้!” เจียงอู๋ซวงตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “หุบปาก!” ทูตยมโลกตะคอกด้วยเสียงเย็

  • ย้อนเวลาไปทวงบัลลังก์แค้นให้คุณหนูตัวจริง   บทที่ 32  

    “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? เพราะอะไรกัน?” ในห้องแต่งตัว เจียงอู๋ซวงบันดาลโทสะอาละวาดโวยวายอีกครั้ง ไปออดิชันครั้งนี้ กลับทำให้เธอต้องอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด ไม่ใช่แค่ถูกทีมผู้กำกับชักสีหน้าพูดจาดูถูกดูแคลน แต่ยังต้องพ่ายแพ้ให้ยัยเด็กหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการครั้งแรก แม้แต่บทสมทบยังไม่เคยแสดงเลยด้วยซ้ำ ด้วยอีโก้ของเธอที่สูงลิ่วปานนั้น มีหรือจะทำใจยอมรับความจริงได้? ยิ่งคิดถึงคำพูดที่เซียวเฉินมันทิ้งไว้ก่อนจะออกไป ไฟโทสะในใจเธอก็ยิ่งเดือดดาล “อีกไม่เกินสามเดือน นอกจากเธอจะตกกระป๋อง แม้แต่บทตัวประกอบก็ไม่มีใครอยากให้เธอแสดงแล้ว” “ฉันน่ะเป็นเทพีรางวัลดอกไม้ทองคำเชียวนะ แม้แต่บทตัวประกอบก็ไม่มีให้เล่นเหรอ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” เจียงอู๋ซวงใบหน้ากระตุกพูดบอกกับตัวเอง “คุณคือเจียงอู๋ซวงสินะ?” พลันมีเสียงดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เจียงอู๋ซวงตกใจสะดุ้งโหยง ถึงได้ค้นพบว่าภายในห้องแต่งตัวตอนนี้มีอีกคนหนึ่งเพิ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ “คุณเป็นใคร?” เจียงอู๋ซวงซักถามด้วยความระแวงอย่างถึงที่สุด “ทูตยมโลกแห่งพรรคชิง” ผู้มาใหม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ สีหน้าของเจียงอู๋ซ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status