หลังจากที่การขนย้ายสิ่งของเข้าห้องเก็บของเสร็จสิ้นลง หลินอ้ายก็สังเกตเห็นว่าภายในบ้านมีผู้คนอาศัยอยู่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งเหิงจิ้งกั๋วและองครักษ์ส่วนตัวของเขาอีกสิบคน ทำให้จำนวนคนในบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หลินอ้ายเริ่มกังวลว่าวัตถุดิบอาหารที่มีอยู่จะไม่เพียงพอต่อความต้องการของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง ซึ่งอาหารสดจะหายากขึ้นและมีราคาสูงขึ้น นางจึงตัดสินใจที่จะบอกหลินฉางหยูและหลินฉิงอันให้ไปซื้อวัตถุดิบอาหารเพิ่มเติมจากในตลาด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงฤดูหนาวและรองรับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นในบ้าน
“ท่านพี่ อันเออร์ ข้าคิดว่าเราควรจะไปซื้อวัตถุดิบอาหารมาเพิ่มเสียหน่อย” หลินอ้ายกล่าวกับสองพ่อลูก
“เพราะเหตุใดหรือเจ้าคะท่านแม่?” หลินฉิงอันถาม
“ในบ้านของเรามีคนอยู่มากขึ้นกว่าเดิมมาก หากเราไม่เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ อาหารอาจจะไม่พอ และเมื่อถึงฤดูหนาว ราคาอาหารก็จะแพงขึ้น” หลินอ้ายอธิบายด้วยความเป็
เมื่อถึงยามอิ๋น แสงแรกแห่งวันใหม่ยังไม่ทันสาดส่อง แต่ภายในบ้านของตระกูลหลินกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว หลินฉางหยูและหลินฉิงอันตื่นขึ้นมาเตรียมปลาและถั่วงอกเพื่อนำไปส่งที่โรงเตี๊ยมไห่ถังตามปกติเหล่าองครักษ์ที่พักอยู่ในบ้านหลังเล็ก ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พวกเขารู้สึกตัวและรีบลุกขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าหลินฉางหยูและหลินฉิงอันกำลังเตรียมของ พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือองครักษ์ส่วนหนึ่งช่วยสองพ่อลูกขนปลาและถั่วงอกขึ้นเกวียนลาอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ ส่วนองครักษ์อีกส่วนหนึ่งก็ไปช่วยหลินอ้ายตักน้ำใส่โอ่งและช่วยเตรียมอาหารในครัว เพื่อแบ่งเบาภาระของนางเหิงจิ้งกั๋วที่พักอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวต่างๆ ก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขารู้สึกอบอุ่นใจที่เห็นคนของเขารู้จักช่วยเหลือและมีน้ำใจต่อผู้อื่นไม่นานนัก หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางก็เดินเข้ามาในห้องของเหิงจิ้งกั๋ว พวกเขาถืออุปกรณ์ทำแผลมาด้วย“อรุ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูหนาวได้มาเยือนอย่างเต็มตัว หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาปกคลุมทั่วผืนดิน บรรยากาศหนาวเย็นแผ่กระจายไปทุกหนทุกแห่ง แต่ชีวิตในหมู่บ้านต้าไห่ยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าจะเป็นช่วงหน้าหนาวแล้ว แต่ตระกูลหลินยังคงต้องเดินทางไปส่งปลาและถั่วงอกที่โรงเตี๊ยมไห่ถังตามปกติ พวกเขายังเหลือปลาที่ต้องส่งอีกเจ็ดรอบ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอที่จะทำให้พวกเขาตัดสินใจฝ่าความหนาวเย็นเดินทางไปส่งสินค้าและรับเงินจากเถ้าแก่หลิวหลินฉางหยูและหลินฉิงอันเตรียมตัวสำหรับการเดินทางอย่างรอบคอบ พวกเขาสวมเสื้อผ้าหนาๆ หลายชั้น เพื่อป้องกันความหนาวเย็น หลินฉิงอันมีความกังวลเกี่ยวกับลาของพวกเขาที่ต้องเดินทางในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ นางกลัวว่าลาจะหนาวสั่นและเจ็บเท้า นางจึงขอให้หลินอ้ายช่วยเย็บถุงเท้าหนาๆ ให้กับลา โดยใช้วัสดุจากหนังสัตว์เก่าๆ ที่เก็บไว้ในบ้าน“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าอยากจะขอให้ท่านแม่ช่วยเย็บถุงเท้าให้กับลาหน่อยเจ้าค่ะ อากาศหนาวเช่นนี้ ข้ากลัวว่ามันจะเจ็บเท้า” หลินฉิงอันกล่าว
ผู้ใหญ่บ้านหลี่กล่าวอวยพรให้ลูกหลานทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง และประสบความสำเร็จในชีวิต ลูกหลานก็อวยพรให้ผู้ใหญ่บ้านหลี่และภรรยามีสุขภาพแข็งแรงและอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานไปนานๆเสียงหัวเราะและรอยยิ้มดังขึ้นเป็นระยะ บ่งบอกถึงความสุขและความอบอุ่นที่อยู่ในครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านหลี่ แม้ว่าผู้ใหญ่บ้านหลี่จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวของเขา แต่เขาก็ยังคงนึกถึงตระกูลหลินและสิ่งที่พวกเขาได้ทำเพื่อหมู่บ้าน เขาคิดถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของตระกูลหลินที่ได้ช่วยเหลือเหิงจิ้งกั๋วและองครักษ์ของเขา รวมถึงการสร้างห้องเก็บของและการสนับสนุนชาวบ้านในการขายเกาลัดคั่ว ผู้ใหญ่บ้านหลี่รู้สึกขอบคุณตระกูลหลินที่ได้นำความเจริญและความสุขมาสู่หมู่บ้านต้าไห่บรรยากาศในวันปีใหม่ของหมู่บ้านต้าไห่จึงเต็มไปด้วยความสุข ความอบอุ่น และความหวัง ทุกคนต่างเริ่มต้นปีใหม่ด้วยจิตใจที่เบิกบานและมีความหวังในอนาคตที่ดีเมื่อเทศกาลปีใหม่ผ่านพ้นไป ชีวิตในหมู่บ้านต้าไห่ก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง หิมะยังคงโปรยปรายลงมาเป็น
ชีวิตของตระกูลหลินกลับมาดำเนินไปตามปกติ หลินฉางหยูและหลินฉิงอันยังคงขึ้นเขาไปจับปลาและนำมาพักไว้ในบ่อก่อนที่จะนำไปส่งที่โรงเตี๊ยมไห่ถังเช่นเคย กิจวัตรประจำวันเหล่านี้ช่วยให้พวกเขามีรายได้เลี้ยงดูครอบครัววันหนึ่ง ขณะที่สองพ่อลูกกำลังเตรียมปลาเพื่อนำไปส่งที่โรงเตี๊ยมไห่ถัง หลินฉิงอันก็เอ่ยขึ้นด้วยความคิดที่อยู่ในใจมาสักพัก“ท่านพ่อเจ้าคะ วันนี้ข้าอยากจะพาน้องชายทั้งสองไปอำเภอด้วย” หลินฉิงอันกล่าว“ไปอำเภอหรือ? มีธุระอันใดหรือ อันเออร์?” หลินฉางหยูถามด้วยความสงสัย“ข้าอยากจะพาน้องๆ ไปสมัครเรียนที่สำนักศึกษาในอำเภอเจ้าค่ะ พวกเขาโตพอที่จะเริ่มเรียนหนังสือได้แล้ว” หลินฉิงอันอธิบายหลินฉางหยูพยักหน้าเห็นด้วย เขาเห็นว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกชายทั้งสอง และเขาก็อยากจะให้ลูกๆ ได้มีโอกาสเรียนรู้เมื่อหลินอ้ายได้ยินว่าหลินฉิงอันจะพาน้องชายทั้งสองไปสมัครเรียนที่อำเภอ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ลองทบทวนดูอีกครั้งดีไหมเจ้าคะ ข้าคิดว่าการซื้อทาสเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วเจ้าค่ะ อย่างไรข้ากับท่านพ่อยังต้องทำงานหาเงิน ส่วนท่านแม่ก็ต้องดูแลบ้าน ตอนนี้น้อง ๆ อายุจะ 10 ขวบแล้ว หากพวกเขาสามารถดูแลตัวเองและดูแลทาสได้ ในอนาคตหากพวกเขาสอบได้ขุนนาง พวกเขาจะต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอีกมากมายนัก การฝึกฝนพวกเขาเสียแต่ตอนนี้ ข้าคิดว่าดีแล้วเจ้าค่ะ”“ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ ข้ากับน้องดูแลตัวเองได้แล้วขอรับ หากพี่ใหญ่ซื้อทาสให้พวกเราก็ดีไม่น้อย อย่างไรข้ากับน้องก็ฝึกวรยุทธ์กับพี่ชายเหิงมาตลอด ข้าคิดว่าพวกข้าสองคนจะเอาตัวรอดได้ขอรับ” หลินฉิงเฉิงพูดด้วยแววตาจริงจัง“ข้าเห็นด้วยกับพี่รองขอรับ ท่านพ่อ ท่านแม่อย่าได้กังวลเลยนะขอรับ หากพวกท่านเป็นห่วงพวกเรา พวกท่านแค่แวะไปเยี่ยมเราที่อำเภอก็ได้แล้วขอรับ” หลินฉิงหยางพูดสนับสนุนพี่ชายและพี่สาวอีกแรงหนึ่งหลินฉางหยูกับหลินอ้ายหันมองกันอย่างจนใจ แต่ในเมื่อพวกเขาพี่น้องต่างเชื่อมั่นในกันและกันเช่นนี้ พ
เมื่อทุกคนไปถึงอำเภอ หลินฉางหยูก็เข้าไปทำเรื่องซื้อขายโดยรับตั๋วแลกเงินจากหลินอ้ายไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ต่างรอเขาที่ห้องโถงรับแขก ไม่นานนักหลินฉางหยูก็ถือโฉนดพร้อมกับกุญแจของจวนพวงใหญ่ออกมาพร้อมเจ้าหน้าที่หลินฉางหยูส่งโฉนดให้หลินอ้ายเก็บเอาไว้ ส่วนเขาถือกุญแจที่หนักไม่น้อยด้วยตัวเอง เจ้าหน้าที่บอกทางหลินฉางหยูให้ขับเกวียนไปยังถนนฝั่งตะวันตกซึ่งมีโรงค้าทาสของทางการอยู่เมื่อไปถึงด้านหน้า พวกเขาก็พบกับผู้คนจำนวนไม่น้อยที่นำทาสมาขายหรือซื้อทาสไปเดินผ่านไปมาไม่น้อย“เจ้านำเกวียนลาไปจอดด้านนั้นก่อน ข้าจะให้คนงานดูแลให้ แล้วเราค่อยเข้าไปด้านในด้วยกัน” เจ้าหน้าที่บอกกับหลินฉางหยู“ขอรับ”หลินอ้ายและเด็ก ๆ ต่างมองเห็นทาสที่ถูกนำมาขายและซื้อไปก็นึกเวทนาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ละคนสภาพไม่ต่างจากขอทานสักนิด ไม่รู้ว่าหากพวกเขาซื้อไปแล้วทาสเหล่านั้นจะสามารถทำงานให้ได้หรือไม่ ทั้งสี่คนได้แต่ถอนหายใจกับภาพที่เ
หลินฉางหยูเห็นท่าทีของทาสทั้งหมดแล้วก็หันหน้าไปหาหลินอ้ายด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ เขาพอใจมากที่ได้คนมีความสามารถหลากหลาย พวกเขาไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร แต่เป็นเพียงชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ พวกเขาไม่คิดจะข่มเหงทาสพวกนี้สักนิด ขอเพียงพวกเขาตั้งใจทำงานให้ครอบครัวหลินก็เพียงพอแล้วเด็กชายทั้งสองได้แต่มองทาสทั้งแปดอย่างอยากรู้อยากเห็น ส่วนหลินฉิงอันที่เคยผ่านโลกมาตั้งแต่ภพก่อนไม่ได้รู้สึกอันใดมากนัก นางเพียงรอดูว่าคนเหล่านี้เหมาะที่จะใช้งานหรือไม่เท่านั้น เพราะนางยังมีวิธีการช่วยครอบครัวหาเงินได้อีกมาก ถ้าพวกเขาเชื่อใจได้และซื่อสัตย์จริง ๆ นางก็จะมอบงานที่ดีให้กับพวกเขาในอนาคตเองไม่นานนักผู้ดูแลก็นำสัญญาขายตัวและเงินทอน 15 ตำลึง มามอบให้หลินฉางหยู ระหว่างที่หลินฉางหยูพาทุกคนเดินออกจากโรงค้าทาส เขากระซิบกับภรรยาเสียงเบา“ฮูหยิน เจ้าว่าเราควรซื้อสิ่งใดให้พวกเขาก่อนดี”“ท่านพี่อย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ เราไปหาซื้อที่นอนกับเสื้อผ้าให้พวกเขาเสียก่อน ไหนจะพวกวัตถุดิบทำ
หลังจากที่จัดการเรื่องบ้านและทาสเรียบร้อยแล้ว หลินฉางหยูได้พาหลินอ้ายไปยังตลาดในอำเภอเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเตรียมไว้ให้บ่าวที่ต้องดูแลจวนใหม่ พวกเขาซื้อข้าวสาร ผักสด เนื้อสัตว์ เครื่องปรุงรส และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ในปริมาณที่เพียงพอสำหรับหลายวันหลินอ้ายเลือกซื้อของอย่างพิถีพิถัน โดยเน้นของคุณภาพดีและราคาเหมาะสม นางคิดถึงบ่าวทั้งสี่คนที่ต้องดูแลจวนในอำเภอ และอยากให้พวกเขาได้รับประทานอาหารที่ดีเมื่อซื้อของเสร็จเรียบร้อย หลินอ้ายจึงเรียกเฉินหลงซึ่งเป็นหัวหน้าบ่าวที่จวนใหม่มาพบ นางได้มอบเงินให้เฉินหลงจำนวนห้าตำลึง เพื่อให้เขาใช้จ่ายซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ในระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่“เฉินหลง นี่เป็นเงินจำนวนห้าตำลึง เจ้าเก็บรักษาไว้ให้ดี และใช้จ่ายอย่างประหยัด ซื้ออาหารและสิ่งของที่จำเป็นสำหรับทุกคนในจวน” หลินอ้ายกล่าวพร้อมยื่นถุงเงินให้เฉินหลงเฉินหลงรับถุงเงินมาด้วยความเคารพและกล่าวขอบคุณ“ขอบคุณ
อีกสองสัปดาห์จะเข้าหน้าหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว หลินฉิงอันนึกถึงอากาศที่หนาวเย็นในปีที่แล้วขึ้นมา นางจึงคิดที่จะสร้างเกือกม้าและอานม้า รวมทั้งชุดม้า ลา สำหรับให้พวกมันใส่เพื่อป้องกันความหนาวเย็นด้วยหลินฉิงอันใช้เวลาว่างถึงสามวันวาดแบบออกมาเท่าที่นางจำได้ จากนั้นจึงนำแบบไปปรึกษากับเฉียนซื่อและเฉินกังก่อนให้พวกเขานำเงินไปสั่งทำที่ร้านตีเหล็กในเมือง นางไม่รู้ว่าราคาจะแพงมากหรือไม่จึงให้เงินพวกเขาไป 100 ตำลึงเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนหนังสัตว์ที่นางต้องการนำมาให้ท่านแม่กับพี่สาวหลิงฟางเย็บให้นั้นก็สั่งให้พวกเขาซื้อมาด้วยจำนวนมาก นางให้เงินพวกเขาไปอีก 100 ตำลึงเช่นกันจะได้ไม่เสียเวลากลับมานำเงินไปซื้อของหลายครั้งหลินอ้ายไม่ได้ทักท้วงอะไรที่เห็นหลินฉิงอันใช้เงินจำนวนมากในครั้งนี้ นางรู้ดีว่าบุตรสาวทำสิ่งใดก็ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของคนในบ้านทั้งนั้น เรื่องชุดในบ้านที่นางเองจะมอบให้บ่าวรับใช้ก็เสร็จครบทั้งหมดแล้ว หลินอ้ายนึกถึงเสื้อคลุมกันหนาวขึ้นมาได้ นางจึงคิดจะส่งโจวซานไปสอบถามราคาที่ร้านค้าดูก่อน หากราคาแพงเกินไป นางค
สองวันต่อมา หลินฉิงอันเข้าเมืองกับชุนจินเพื่อไปรับหยกพกที่นางสั่งทำไว้ก่อนหน้านี้ หลินฉิงอันจ่ายเงินที่เหลือก่อนจะรับหยกพกมาตรวจสอบดู รูปแบบหยกที่สลักออกมาทำได้อย่างสวยงามตามที่นางวาดภาพเอาไว้ให้ช่างแกะสลัก ซึ่งหลินฉิงอันให้ช่างแกะสลักเป็นรูปผลไม้ต่าง ๆ รอบตัวหยก ตรงกลางมีคำว่า “林” สลักเอาไว้อย่างสวยงาม หยกพกของบ่าวทั้งหมดเหมือนกัน ส่วนหยกพกอีกห้าอันสำหรับคนในครอบครัวนั้น หลินฉิงอันใช้รูปเมฆมงคลและศาลากลางน้ำหลังเล็กโดยตรงกลางสลักคำว่า “หลิน” เช่นกัน เพิ่มเติมเพียงด้านหลังจะมีชื่อเจ้าของหยกแต่ละอันสลักเอาไว้ สีของหยกยังเป็นหยกมันแพะสีขาวนวล แตกต่างจากสีหยกของบ่าวในเรือนที่เป็นหยกสีเขียวธรรมดาหลังจากรับของมาทั้งหมดแล้ว หลินฉิงอันนำถุงหยกทั้งสองถุงเก็บเอาไว้ในรถม้าอย่างดี ก่อนที่นางจะไปยังร้านขายของชำเพื่อซื้อเครื่องปรุงรสเพิ่มเติม รวมทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง ถั่วเขียว ถั่วเหลืองเพิ่มด้วย ถึงแม้เมื่อวานทางร้านจะนำไปส่งที่บ้านนางจำนวนมาก แต่หลินฉิงอันก็ยังคงเผื่อเหลือเอาไว้อีกนิดหน่อย นางรู้ดีว่าการเ
คืนนั้นหลินฉิงอันใช้เวลาครึ่งค่อนคืนเพื่อเขียนรายการสิ่งของจำเป็น เสบียงอาหารที่จะต้องซื้อในปีนี้ให้พอเพียงกับคนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นในครอบครัว นางคิดด้วยว่าปีที่แล้วนางชวนครอบครัวกินหม้อไฟไปแล้ว ปีนี้นางอยากให้พวกเขาได้ลองกินหมูกระทะดูบ้าง หลินฉิงอันจึงร่างแบบหม้อสำหรับทำหมูกระทะตามความทรงจำในภพก่อนออกมา ด้วยคนจำนวนมากในบ้าน หลินฉิงอันคิดจะสั่งทำหม้อสัก 50 ใบเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนเตานั้นนางก็จะต้องซื้อเพิ่มมาด้วยเพื่อให้พอเพียงสำหรับวางหม้อหมูกระทะที่นางต้องการหลังอาหารเช้าวันต่อมา หลินฉิงอันอ่านรายการสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ พร้อมกับเสบียงอาหารจำนวนมากให้หลินอ้ายและหลินฉางหยูฟังเป็นเวลานาน หลินอ้ายและหลินฉางหยูยังบอกรายการสิ่งของเพิ่มเติมสำหรับการนำมาเป็นเสบียงอาหารในปีนี้ด้วย พวกเขาคิดว่าคนจำนวนมากจะต้องได้กินอิ่มนอนหลับในขณะที่อยู่ร่วมกันกับพวกเขาที่หมู่บ้านหลินฉิงอันไม่ได้ปฏิเสธรายการต่าง ๆ ที่พ่อและแม่นางเสนอ หลินฉิงอันทำเพียงแค่เพิ่มรายการต่าง ๆ เข้าไปในกระดาษเท่านั้น“ลูกค
หลินฉิงอันเดินทางไปขายเก๋ากี้ทั้งหมดที่ร้านขายยาก่อน วันนี้นางได้รับเงินมากถึง 20 ตำลึง จากจำนวนเก๋ากี้ที่ทุกคนช่วยกันเก็บได้เมื่อวานนี้ นางยังบอกเถ้าแก่ด้วยว่าช่วงหน้าหนาวนางคงไม่ได้มาส่งอีก ก่อนที่หลินฉิงอันจะให้ชุนจินพาไปยังร้านขายผลไม้แช่อิ่มเพื่อนำผลไม้แช่อิ่มทั้ง 30 กระสอบไปส่งเมื่อไปถึงหน้าร้านนางก็เห็นมีลูกค้าบ้างประปราย หลินฉิงอันจึงให้ชุนจินขับเกวียนเข้าไปด้านข้างร้านเพื่อลงของแทน หลี่หมิงที่ตาไวเห็นคุณหนูของเขามาถึงจึงบอกกับหวังไห่ทันที หวังไห่จึงปล่อยให้คนอื่น ๆ เฝ้าร้านแทนและนำสมุดบัญชีไปส่งให้หลินฉิงอันตรวจสอบระหว่างที่จ้าวหลงกับชุนจินช่วยกันยกกระสอบผลไม้แช่อิ่มเข้าไปเก็บไว้ในคลังของร้าน หลินฉิงอันก็นั่งตรวจดูบัญชีย้อนหลัง นางพบว่าการค้าถึงแม้จะไม่เฟื่องฟูเท่ากับช่วงแรก ๆ แต่ก็นับว่าได้กำไรไม่น้อยเช่นเคย“พี่ชายหวัง ข้าตรวจสอบเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ท่านอย่าลืมลงจำนวนผลไม้แช่อิ่มที่นำมาครั้งนี้อีก 30 กระสอบด้วยนะเจ้าคะ”“ขอรับ
สิบวันต่อมา เสนาบดีเซี่ยกับขุนนางทั้งสี่ที่เตรียมฎีกาต่าง ๆ เพื่อถวายให้กับฮ่องเต้เกี่ยวกับความรู้ทั้งหมดที่พวกเขาได้รับจากหลินฉิงอันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ไปบอกลาเหิงอันโหวก่อนจะเดินทางกลับในเวลาต่อมาก่อนที่พวกเขาจะกลับไป หลินฉิงอันยังมอบผลไม้แช่อิ่มให้พวกเขานำกลับไปด้วยถึงสิบกระสอบเพื่อกินระหว่างทางและนำไปฝากครอบครัวด้วย ชาวบ้านในหมู่บ้านเองก็นำเกาลัดคั่วที่พวกเขาทำมอบให้ไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน เสนาบดีหลี่รู้ว่าพวกชาวบ้านนำสิ่งของเหล่านี้ไปขายในเมืองกันนานแล้ว ท่านจึงมอบเงินให้กับผู้ใหญ่บ้านหลี่นำไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านเป็นการตอบแทนเจ้าเมืองเติ้งที่ทราบข่าวว่าเสนาบดีเซี่ยกำลังจะเดินทางกลับก็มาส่งพวกเขาออกจากหมู่บ้านต้าไห่เช่นเดียวกัน เสนาบดีเซี่ยยังกล่าวอีกว่าหากมีเรื่องใดที่ต้องการคำแนะนำจากหลินฉิงอัน เขาจะส่งม้าเร็วมาส่งข่าวให้ถึงหมู่บ้านต้าไห่หลินฉิงอันที่วันนี้แต่งตัวด้วยชุดขุนนางเต็มยศรับปากว่านางจะรอและยังส่งมอบเอกสารเรื่องการปรับปรุงน้ำเพื่อให้เข้าถึงพื้นที่เ
สายวันต่อมา หลินฉิงอันนำเอกสารทั้งหมดที่เขียนเอาไว้เมื่อคืนไปให้กับเสนาบดีเซี่ยตรวจสอบดู เนื้อหาภายในอธิบายถึงวิธีการปรับปรุงดินแบบต่าง ๆ ตามลักษณะดินที่เสนาบดีเซี่ยบอกหลินฉิงอันเอาไว้เมื่อวานนี้ โดยนางได้แบ่งเนื้อหาให้แยกออกเป็นส่วน ๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ดินเหนียวนั้นนางให้ข้อแนะนำในการปรับปรุงโดยให้เติมทราย ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือเศษใบไม้เพื่อทำให้ดินมีการระบายน้ำได้ดีขึ้น อีกวิธีหนึ่งคือการปลูกพืชหมุนเวียนเช่นพืชตระกูลถั่วสลับกับพืชหลักเพื่อปรับปรุง ซึ่งอาจใช้เวลานานกว่าวิธีการแรกที่นางแนะนำดินทราย หลินฉิงอันแนะนำให้ปรับปรุงดินโดยการเติมดินเหนียว ปุ๋ยหรือเศษใบไม้เพื่อให้ดินมีความหนาแน่นมากขึ้นและอุ้มน้ำได้ รวมถึงการปลูกพืชคลุมดินเพื่อเพิ่มความหนาแน่นของดินทรายได้อีกด้วยดินกรด ให้ปรับปรุงดินโดยการเติมปูนขาวหรือปุ๋ยเพื่อให้ดินมีธาตุอาหารสำหรับพืชผักได้ ซึ่งปูนขาวจะช่วยปรับค่าความเป็นกรดในดินให้ลดลงดินเค็ม ให้ปรับปรุงดินโดยการล้างดินให้สะอา
ช่วงบ่าย หลินฉิงอันปล่อยให้เสนาบดีเซี่ยกับขุนนางทั้งสี่อยู่ในโรงงานผลิตตามที่พวกเขาต้องการ ส่วนนางแยกตัวออกมาและไปยังเรือนพักเพื่อคิดเรื่องที่จะทำอย่างไรให้การเกษตรในแคว้นพัฒนาไปมากกว่านี้หลินฉิงอันนำกระดาษและพู่กันมานั่งเขียนแผนผังการพัฒนาที่ดินในรูปแบบต่างๆ โดยคำนึงถึงลักษณะของดินเป็นหลัก นางอยากให้ชาวบ้านรู้จักใช้ที่ดินให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ เพราะส่วนใหญ่พวกเขายังมีความคิดล้าหลังและไม่คิดที่จะพัฒนาที่ดินรกร้างเพื่อทำการเกษตรเลยแม้แต่นิดเดียวช่วงสายของวันต่อมา หลินฉิงอันพาเสนาบดีเซี่ยและพวกขึ้นเขาไปดูว่าเตาเผาถ่านที่ปล่อยเอาไว้เป็นอย่างไรบ้าง ครั้งนี้ยังคงเป็นหัวหน้าองครักษ์เหลียงกับจ้าวหลงที่เดินทางตามไปด้วย เมื่อพวกเขาไปถึงเตาเผาถ่านก็เห็นว่าควันที่เคยมีมากมายตอนเริ่มเผานั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงไอร้อนที่ยังคงแผ่ออกมาตามช่องทางที่ทำเอาไว้สำหรับระบายควันเท่านั้น“ข้าคิดว่าเตาเผาน่าจะได้ที่แล้วเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวให้จ้าวหลงเป็นคนเปิดหน้าเตาเพื่อความปลอดภัยก็แล้วกันนะเจ้าคะ
กว่าที่คนทั้งหมดจะลงจากเขา ก็เป็นเวลาก่อนอาหารเย็นเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว หลินฉิงอันขอตัวไปเข้าครัวตามที่นางตั้งใจ โดยมีจ้าวหลงสะพายตะกร้าปลาที่จับมาได้จนเต็มตามหลังไปติด ๆ ส่วนเสนาบดีเซี่ยกับคนอื่น ๆ แยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุดที่เลอะเทอะออกก่อนจะมานั่งสนทนากับเหิงอันโหวที่ลานหน้าบ้านรอทานอาหารเย็นที่หลินฉิงอันกับบ่าวกำลังทำกันอยู่“พวกเจ้าขึ้นเขาไปเป็นอย่างไรบ้างเล่า”“เรียนท่านโหว วันนี้พวกเราได้ทดลองทำเตาเผาถ่านด้วยตัวเองขอรับ นับว่าการมาครั้งนี้พวกเราได้รับความรู้เพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว”“นั่นก็ดีแล้ว แม่หนูฉิงอันของข้ามีความสามารถมากใช่ไหมเล่า พวกเข้าก็เรียนรู้จากนางให้มาก ๆ ต่อไปจะได้นำไปพัฒนาบ้านเมืองช่วยฝ่าบาท”“ขอรับ ท่านโหว” ทั้งห้าตอบรับเสียงดังจนเหิงอันโหวได้แต่ทำตาเขียวใส่“พวกเจ้าจะเสียงดังให้คนอื่นได้ยินหรืออย่างไร ฮึ่ย!”&ldqu
เย็นวันนั้นหลินฉิงอันร่วมโต๊ะกับเสนาบดีเซี่ยและขุนนางทั้งสี่พร้อมกับคนในครอบครัวเช่นเคย ส่วนทหารทั้งหมดที่กำลังสร้างที่พักอยู่ก็ได้รับการดูแลจากบ่าวในเรือนพักฝั่งตรงข้าม ตอนนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วจนสามารถสร้างเรือนพักไปได้ถึงห้าหลังแล้ว เหลือเรือนพักอีกหนึ่งหลังก็สามารถให้ทุกคนที่มาพักผ่อนกันได้โดยไม่แออัด เพราะเรือนพักหลังหนึ่งสามารถเข้าพักได้ถึงยี่สิบคน ห้องน้ำต่าง ๆ ก็ถูกสร้างขึ้นมาประจำเรือนพักทั้งห้าหลังด้วยเช่นกัน นางต้องขอบคุณการควบคุมการก่อสร้างของนายช่างหวังจึงทำให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งทหารที่มายังมีวรยุทธ์สูงส่ง การทำงานที่ชาวบ้านธรรมดาต้องใช้เวลานานจึงแตกต่างจากทหารเหล่านี้ที่สามารถลดเวลาการทำงานได้มากกว่าครึ่งหลังอาหารเย็นสองชั่วยาม เสนาบดีเซี่ยกับขุนนางทั้งสี่ที่ยังคุยกันอยู่ที่ห้องโถงรับแขกเรือนหลักก็ขอตัวลาไปพักผ่อนยังเรือนพักของที่ดินอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเครื่องนอนต่าง ๆ ทหารที่มาจำนวนหนึ่งนำเกวียนลาของบ้านหลินไปซื้อมาจากในเมืองไห่ตงก่อนเวลาอาหารเย็นแล้ว อีกทั้งทางร้านยังจัดส่งตามมาให้จนครบจำนวน