ณ.ร้านชาบู
"นั่งเกร็งอะไรขนาดนั้นอ่ะ ทำอย่างกับโดนเราบังคับให้มากินด้วยอย่างไงอย่างงั้น"จินเอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มๆพร้อมกับส่ายศีรษะน้อยๆกับท่าทีของคนตัวสูงที่นั่งนิ่งตัวตรงอยู่ฝั่งตรงข้าม อย่างกับโดนเขาบังคับให้มานั่งกินด้วยซะอย่างงั้น
"อ่าาาเราไม่ได้เกร็งอะไรขนาดนั้นสักหน่อย"ภูมิพูดขึ้นเสียงเบา ก่อนที่จะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งจากนั่งเกร็งหลังตรงให้นั่งในท่าสบาย ซึ่งทุกอย่างก็อยู่ในสายตาของจินที่นั่งจ้องมองเขาอยู่ โดยในมือก็ถือตะเกียบมาจองับปลายตะเกียบไว้ในปาก
"หึ อ่าๆ ไม่เกร็งเลยจริงๆนั่งหลังตรงขนาดนั้น"
"เลิกแซวเราได้แล้ว กินเข้าไปเลย"พูดขึ้นพลางคีบสไบนางที่ต้มสุกแล้วยื่นไปวางใส่ถ้วยของจิน
"ยังจำได้ด้วยว่าเราชอบกิน"เสียงทุ้มใสบ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบาด้วยใบหน้ายิ้มๆ นัยน์ตาสวยจ้องมองของกินในถ้วยตรงหน้าที่เต็มไปด้วยของที่ตัวเองชอบด้วยแววตาเศร้าๆ พลันริมฝีปากบางก็ระบายยิ้มมุมปากน้อยๆ ในหัวก็นึกคิดไปด้วย
ขนาดคนที่เขาคบมากว่า7เป็นยังจำแทบไม่ได้เลยว่าเขาชอบกินอะไรต่างกับคนตรงหน้าเขา ที่สนิทกับเขาเพียงแค่3-4ปีในตอ
ณ.คอนโดของทักษกร"จินนั่งเล่นรอที่โซฟาก่อนนะครับภูมิขอไปเก็บห้องแป๊บหนึ่ง จินทานน้ำอะไรครับภูมิจะไปเอามาให้ก่อน"พอสองเท้าของทักษกรก้าวเข้ามาเหยียบในพื้นห้องคอนโด เสียงทุ้มของภูมิก็ถามขึ้นพร้อมกับเดินไปเปิดไฟและเครื่องปรับอากาศภายในห้อง ก่อนที่จะก้าวเดินตรงไปยังโซนห้องครัวเพื่อจะเอาน้ำและของกินมาให้ณภัทรส่วนณภัทรที่เดินตามหลังของภูมิมาติดๆก็กวาดสายตาสังเกตมองรอบๆห้องอย่างสนอกสนใจ พลางสองขาก็ก้าวเดินไปนั่งลงยังโซฟาโซนหน้าทีวีเครื่องใหญ่ ก่อนที่จะเอ่ยถามชายหนุ่มตัวสูงเจ้าของห้องว่ามีน้ำมึนเมามั้ยเพราะในตอนนี้เขาต้องการเครื่องดื่มที่ทำให้เขาลืมเรื่องในวันนี้มากกว่าน้ำผลไม้หรือน้ำเปล่า"มีเหล้ามั้ยหรือเบียร์ก็ได้ ตอนนี้อยากดื่มต่ออ่ะ"ใช่ทุกคนฟังไม่ผิดหรอกที่เขาบอกว่าเขาอยากดื่มต่อ เพราะหลังจากที่จินไปกินชาบูกับภูมิพวกเขาสองคนก็ไปหาเล่นอะไรคลายเครียด อย่างพวกชูตบาสยิงปืนคีบตุ๊กตา (ที่ไม่ได้สักตัว) แล้วก็ต่อดูหนังแอคชั่นหนึ่งเรื่องก่อนจะจบที่ไปดื่มที่ผับส
"อยากรู้จังว่าเวลาทำกับผู้ชายด้วยกันมันรู้สึกดีมากมั้ย"ณภัทรที่ก้มหน้าอยู่บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบาส่วนจินที่ได้ยินสิ่งที่คนเมาตรงหน้าบ่นก็พลันเบิกตากว้างอย่างตกใจพร้อมกับอุทานชื่อชายหนุ่มตรงหน้าอย่างติดขัด ก่อนที่ดวงตาคมที่เบิกกว้างอย่างตกใจอยู่แล้วจะสะตั้นตกใจมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่ณภัทรเอ่ยถามขึ้น"จะ จิน""เรามาลองทำกันมั้ยภูมิ"เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามด้วยแววตาที่หยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าในตอนนี้ชายหนุ่มตัวสูงตรงหน้าของตัวเองนั้นได้สะตั้นตกใจค้างไปแล้ว"!!!""ว่ายังไงภูมิ เราลองมามีอะไรกันดูมั้ย"จินถามขึ้นอีกครั้งพร้อมกับยื่นใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ใบหน้าของภูมิอย่างใกล้ชิน จนลมหายใจร้อนเป่ารดใบหน้าของทักษกรส่วนภูมิที่ยังคงตกใจไม่หายก็ต้องมาได้สติเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือร้อนของจินวางลงที่ต้นขาของตัวเอง ก่อนที่จะรีบตะครุบคว้ามือของจินไว้ไม่ให้เลื่อนไปไหนและรีบเอ่ยพูดขึ้นอย่างรีบร้อนและน้ำเสียง ตะกุกตะกัก"จะ จิน ภูมิว่าจินเมาแล้วนะ จ
"ภูมิว่าไปที่เตียงดีกว่าครับ จินจะได้สบายตัว"ว่าจบทักษกรก็ดันตัวออกจากการคร่อมคนใต้ร่างมายืนเต็มความสูงอยู่ด้านข้าง ก่อนที่จะโน้มตัวลงไปช้อนอุ้มณภัทรที่นอนราบอยู่บนโซฟามาไว้ในอ้อมแขนแกร่งของตัวเอง ส่วนณภัทรที่อยู่ๆก็โดนคนตัวสูงช้อนอุ้มลอยขึ้นกะทันหันแบบนี้ก็พลันตกใจเบิกตาโพลงพร้อมกับรีบคว้ากอดลำคอของคนตัวสูงแน่น ก่อนที่จะร้องถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ"เห้ยยยยภูมิทำอะไรเนี่ยเดี๋ยวก็พากันล้มเจ็บตัวหรอก!"แล้วจะไม่ให้เขาตกใจได้ยังไงกัน เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุอานามปามา32ปีเขายังไม่เคยโดนใครอุ้มแบบนี้เลย!ชีวิตเขาทั้งชีวิตก็มีแต่อุ้มคนอื่นเขา ก็ไม่แปลกหรอกที่จะได้อุ้มคนอื่น ก็ดูตัวเขาสิไม่ใช่ผู้ชายร่างเล็กร่างน้อยบอบบางนะ ตัวเขานั่นสูงตั้ง180เชียวนะ! แล้วดูตอนนี้สิมาโดนอุ้มลอยอย่างกับเป็นหญิงสาวร่างบางซะอย่างไงอย่างงั้น ไม่ตกใจเขาก็แปลกคนแล้ว!"หึหึ ภูมิไม่พาจินล้มให้เจ็บตัวหรอกครับ ถ้าจินจะเจ็บตัวก็คงจะเจ็บตอนอยู่บนเตียงเท่านั้นแหละ"ทักษกรก้ม
เช้าวันต่อมาเวลา09:12นาทีแสงดวงอาทิตย์ในช่วงสายของวันสาดส่องผ่านรอยแย้มของผ้าม่านมากระทบเข้ากับเปลือกตาสีมุกของณภัทรที่หลับใหลในห้วงนิทราอยู่นั้นขยับตัวตื่นขึ้น แต่ทว่าร่างโปร่งที่ขยับตัวเพียงเล็กน้อยเป็นต้องหยุดชะงักนิ่ง เมื่อโดนลำแขนแกร่งของคนตัวสูงที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังกระชับกอดแน่นขึ้น"ภะ ภูมิปล่อยก่อน เราจะไปเข้าห้องน้ำ"น้ำเสียงทุ้มแหบแห้งเอ่ยขึ้นเสียงเบาหวิวพลางฝ่ามือขาวก็วางแตะลงที่แขนแกร่งของภูมิเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าให้คนตัวสูงจอมขี้เซาปล่อยแขนออกจากเอวของเขาก่อน เพราะจินนั้นจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการอาบน้ำชำระล้างร่างกาย"นอนต่ออีกหน่อยเถอะครับ เมื่อคืนกว่าจะได้นอน"ทักษกรเอ่ยพึมพำขึ้นด้วยน้ำเสียงงัวเงียพร้อมกับกอดรัดเอวของจินแน่นขึ้นแล้วออกแรงดึงจินให้ล้มลงเข้าสู่อ้อมกอดของตัวเองอีกครั้ง"ภูมิ...ปล่อยเราก่อน เรารู้สึกเหนอะหนะไม่ค่อยสบายตัว"ณภัทรเอ่ยพูดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะพูดความจริงเพราะว่าเขานั้นรู้สึกไม่สบาย
ณภัทรนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ปลายเตียงภายในหัวก็ยังคงนึกคิดว่าเพลงพิณแฟนสาวของเขานั้นซ่อนพวกเอกสารยักยอกเงินบริษัทไว้ตรงไหน แต่ทว่านึกเท่าไหร่ณภัทรก็นึกไม่ออก จนทำให้เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิด"เอาไปซ่อนไว้ตรงไหนวะ"เสียงทุ้มของจินสบถออกมาอย่างหัวเสียงพลางหัวคิ้วคมก็ขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นปมในหัวก็คิดย้อนภาพเหตุการณ์ตอนที่ตัวเองเป็นวิญญาณและพยายามนึกว่าตอนนั้นเพลงพิณพูดอะไรกับพิภพบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็จำได้แค่ว่าเพลงพิณบอกว่าซ่อนเอกสารไว้ที่นี้เท่านั้นเธอไม่ได้พูดออกมาว่าซ่อนไว้ตรงไหนของห้องส่วนทักษกรที่ยืนอยู่เงียบๆก็พลันกวาดสายตาสังเกตมองรอบๆห้อง เพื่อหาว่าที่ตรงไหนบ้างที่คนเขาจะเอาไว้ซ่อนสิ่งสำคัญ จนนัยน์ตาคมไปหยุดมองที่เตียงนอนหลังใหญ่ ก่อนที่นิ้วยาวจะชี้ไปยังเตียงที่จินนั่งอยู่แล้วเอ่ยพูดขึ้น"จินครับ ภูมิว่าอาจจะซ่อนไว้ใต้เตียงนอนก็ได้นะ""จริงด้วย!"จินเบิกตากว้างพลางอุทานออกมาเสียงดัง เมื่อนึกตามในสิ่งที่ภูมิพูดเมื่อกี้แล้วอาจจะเป็นไปได้ นึกได้ดังนั้นจินก็รีบดีดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่จะก้มลงเพื่อเอาที่นอนนุ่มหลังใหญ่ออกจาก
2วันต่อมาวันที่ 7/07/2***"จินจะจัดการสองคนนั้นวันนี้จริงๆหรอครับ"ภูมิที่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องทำงานของจินเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าเป็นกังวลเพราะทักษกรพึ่งรู้จากปากของจินผ่านทางโทรศัพท์มือถือเมื่อตอนเช้านี้เอง ว่าจินจะจัดการสะสางเพลงพิณกับพิภพชู้ของเธอในวันนี้ ทักษกรจึงรีบตรงมาหาจินที่บริษัทตั้งแต่เช้าแล้วก็มานั่งทำหน้าหงอยในห้องทำงานของจินอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ"อืมใช่แล้วล่ะ แล้วทำไมถึงได้ทำหน้าเครียดขนาดนั้น คิดมากเรื่องอะไรอยู่หรอบอกจินหน่อย"ณภัทรเอ่ยตอบพลางถามภูมิกลับไปก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานแล้วเดินมานั่งลงยังที่ข้างๆ ก่อนที่จะเอื้อมไปจับมือของภูมิแล้วบีบเบาๆพลันนัยน์ตาสีน้ำตาลก็จ้องมองนัยน์ตาคมด้วยแววตาเป็นห่วงจะไม่ให้จินมองอย่างเป็นห่วงได้ยังไง ก็ภูมิในตอนนี้แสดงสีหน้าและแววตาเหมือนกลัวและหวาดระแวงอะไรสักอย่าง จนตัวของเขาในตอนนี้สั่นอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้หรืออาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่เขาโดนรถชนจนเสียชีวิตต
"หึ หรอ ฉันนึกว่าที่เล่าให้กันฟังเพราะว่าภูมิรู้เรื่องที่เธอหักหลังฉันไปเล่นชู้กับมันซะอีก""!!!"เพลงพิณที่ได้ยินประโยคคำพูดของจินก็พลันสะตั้นเบิกตาโพลงขึ้นอย่างตกใจอึ้งส่วนพิภพที่ได้ยินก็ตกใจไม่ต่างกับเพลงพิณ แต่ทว่าเจ้าตัวก็เรียกสติกลับมาได้ก่อนหญิงสาว ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้ายิ้มแหยๆ"ฮะๆ พี่จินก็พูดหยอกเล่นแรงจริงๆนะครับ เอาซะผมตกใจไปด้วยเลย"พิภพเอ่ยพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ทว่าเมื่อได้ยินประโยคคำพูดต่อมาของจินก็พลันหุบรอยยิ้มลงทันที"ตั้งแต่รู้จักกันมา นายคิดว่าฉันเป็นคนชอบพูดเล่นอย่างงั้นหรอ"ยืนกอดอกเอียงใบหน้าเอ่ยถามชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตรงหน้าด้วยแววตานิ่งๆส่วนเพลงพิณที่รู้ว่าแฟนหนุ่มของตัวเองจับได้แล้วว่าตัวเธอเล่นชู้กับคนในบริษัท ก็พลันหันหน้ามองชายชู้ตรงหน้าสลับกับแฟนหนุ่มที่ยืนข้างกายกันไปมาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนที่จะรีบเอ่ยแก้ตัวด้วยน้ำเสียงร้อนรน"มะ ไม่ ไม่ใช่นะคะพี่จิน พี่จินอย่าเชื่อมันนะคะมันใส่ร้ายพิมพ์กับคุณพิภพพี่จินอย่าเชื่อคนอย่างมันนะคะ!"เพลงพิณรีบแก้ตัวอย่างร้อนรนพลางสองมือบางก็
โครม!เกิดอะไรขึ้น!ณภัทรที่ได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงเอะอะโวยวายพร้อมกับเสียงดังสนั่นเหมือนกับเสียงรถผสานงากันอยู่ไม่ไกลจากหน้าบริษัทของเขาก็พลันยืนเบิกตาค้างตกใจ เมื่ออยู่ๆในหัวของเขาก็มีภาพเหตุการณ์ในวันที่เขาโดนรถชนจนเสียชีวิตผลุดขึ้นมามิหนำซ้ำประโยคคำพูดต่างๆมากมายในวันนั้นก่อนที่เขาจะโดนรถชนก็เด้งสลับกับคำพูดในวันนี้ของเขากับสองคนนั้นก็เข้ามาด้วยเช่นกัน"เป็นไปไม่ได้....บ้าไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ บ้าไปแล้ว....คำพูดของเรากับสองคนนั้นแทบจะตรงกับวันนั้นทุกประโยคเลย"ณภัทรยืนก้มหน้าบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างคนเหม่อลอยในความคิดอยู่คนเดียว พลางมือข้างที่ถือนาฬิกาล็อกเกตที่หน้าปัดแตกละเอียดก็กำแน่นจนเศษกระจกบางส่วนบาดมือทำให้ของเหลวสีแดงไหลลงย้อมเรือนนาฬิกาสีทองแต่ทว่าณภัทรที่สติหลุดลอยอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่สักพัก ก็ต้องหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเองเมื่ออยู่ๆนาฬิกาที่เขากำไว้ในมือแน่นก็มีแสงสีทองสว่างจ้าขึ้นเล็กน้อย
เนื้อหาในตอนนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านณภัทรหลังจากที่ทักษกรกายภาพบำบัดจนร่างกายหายดีกลับมาเดินเหินได้เป็นปกติ ในวันนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดีที่คนตัวสูงออกจากโรงพยาบาลมาและตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ภูมิก็ปฏิบัติต่อจินอย่างกับจินนั้นเป็นคนพิการอย่างไงอย่างงั้น ไม่ว่าจินจะเดินเหินไปไหน จะไปหยิบจับอะไรภูมิก็จะเป็นคนอาสาทำแทนทุกอย่าง ขนาดจินไปทำงานที่บริษัทคนตัวสูงนี่ก็ตามไปประคบประหงมเขาถึงที่บริษัท"คุณทักษกรครับ คุณไม่มีงานที่ต้องทำหรือยังไง ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาผมยังไม่เห็นคุณเข้าบริษัทของคุณเลยนะครับ เอาแต่มาเฝ้าผมที่บริษัทป่านนี้งานคุณไม่ท่วมโต๊ะแล้วหรือไง"ณภัทรที่อยู่ในชุดเสื้อสูทเต็มยศหมุนเก้าอี้หนังราคาแพงหันมาถามคนตัวสูงที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแลคนั่งปอกผลไม้อยู่ที่โซฟารับรองแขกในห้องทำงานของเขา"ภูมิยังอยู่ในช่วงวันลาป่วยอยู่ครับ อีกประมาณ5วัน วันลาป่วยข
บทส่งท้ายวันที่19/09/2***ณ เวลา19:19นาทีเจ้าของความสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรนอนหลับใหลไร้สติมานานนับ2เดือนในวันนี้เปลือกตาสีมุกที่เคยปิดสนิทกลับค่อยๆเปิดขึ้น แต่ทว่าเมื่อนัยน์ตาคมโดนแสงสว่างภายในห้องเปลือกตาบางเป็นต้องกะพริบถี่เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างทักษกรที่ฟื้นลืมตาตื่นขึ้นหลังจากหลับใหลไปเป็นเดือนๆกวาดสายตามองรอบๆห้องเพื่อมองหาใครบางคน แต่ไม่ว่าทักษกรจะกวาดสายตาจนทั่วห้องแล้วเขาก็ไม่เห็นใครสักคนทักษกรที่ลืมตาตื่นและไม่เห็นใครสักคนจึงพยายามที่จะดันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ทว่าด้วยความที่ร่างกายของเขาไม่ได้ขยับมานานนับเดือน จึงทำให้แขนขาของเขาอ่อนแรง"อ่าานี้เราหลับไปนานแค่ไหนกันนะ"น้ำเสียงแหบแห้งพึมพำกับตัวเองออกมาเสียงเบาและเมื่อตัวเขาทำอะไรไม่ได้ ภูมิจึงได้แต่นอนมองเพดานห้องอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงแล้วหลับไปอีกด้านณภัทรที่หายดีปกติหลังจากที่คุณหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้เขาก็กลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม คือตอนเช้ามา
ณภัทรณภัทรที่อยู่ในชุดลำลองของทางโรงพยาบาลนั่งก้มหน้าจิกเล็บมือลงหลังมือข้างขวาที่มีสายน้ำเกลือของตัวเองแน่นอย่างเคยตัว พลันริมฝีปากได้รูปก็กัดเม้มเข้าหากันพลางก้อนเนื้อด้านซ้ายก็เต้นระส่ำอย่างตื่นกลัวในใจก็พร่ำร้องขอภาวนา ว่าให้คนตัวสูงภายในห้องที่ตอนนี้คุณหมอกำลังปั๊มหัวใจช่วยอยู่นั้นกลับมาทีเถอะอย่าจากเขาไปไหนเลย"หนูจิน...แม่ว่าเรากลับไปรอที่ห้องพักเถอะทางนี้ อึก ให้พ่อกับแม่จัดการเองนะลูก"คุณหญิงวราศิริเดินมาทรุดตัวนั่งลงเก้าอี้ด้านข้างจินพร้อมกับเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นเล็กน้อยตามอายุมาแตะลงที่มือของจิน ก่อนจะเอ่ยพูดกับจินด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและติดขัด พลันนัยน์ตาแดงก่ำทั้งสองก็ไม่กล้าที่จะเงยขึ้นมาสบตากับจินโดยตรงเธอทำได้เพียงแค่เบี่ยงสายตาหลบไปอีกทางเพื่อไม่ให้จินเห็นว่าตอนนี้เธอนั้นกำลังอ่อนแอและเศร้าเสียใจมากแค่ไหน เธอไม่อยากให้จินเศร้าเสียใจไปมากกว่านี้เพราะการที่เครียดมากๆมันไม่ส่งผลดีต่อลูกในท้องและอาจเกิดสภาวะตกเลือดได้"คุณแม่...ให้ผมอยู่ต่อเถอะนะครับ ถ ถ้าเกิดภูมิเข้าไม่ไหวแล้วจริงๆ อึก ผะ ผมจะได้อ
'เกิดไอ้เด็กตัวน้อยนั้นเป็นอะไรไปเอ็งจะรับผิดชอบไหวหรือไง'หญิงชราที่อยู่ในชุดเสื้อม่อฮ่อมนุ่งผ้าถุงหันมาเอ่ยพูดกับชายชราที่ยืนถือไม้ตะพดอยู่ข้างกายจิน ด้านจินที่ไม่รู้ว่าชายชรากลับมายืนอยู่ข้างตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ล่ะสายตาจากภูมิแล้วหันมามองด้านข้างด้วยความตกใจทันที แต่ทว่าพอหันกลับไปมองที่เดิมก็ไม่เห็นภูมิแล้ว"ไม่ต้องมองหาหรอก ภาพเหตุการณ์ที่เอ็งเห็นเมื่อกี้มันเป็นเพียงภาพที่เคยเกิดขึ้นที่นี้เมื่อ2-3เดือนก่อน ในตอนนี้ร่างของไอ้หนุ่มตัวสูงนั้นก็นอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาลเหมือนเดิมนั่นแหละ"ชายชราเอ่ยพูดขึ้นพลางจ้องมองสบนัยน์ตาของจินนิ่งๆด้านจินที่ยืนฟังก็ได้แต่ยืนเม้มปากกำมือแน่น เพราะเขาไม่รู้จะต้องทำยังไงให้ภูมิได้กลับมามันไม่ควรเป็นแบบนี้ ภูมิไม่ควรที่จะต้องมาตายแทนเขาแบบนี้ ในตอนนี้ต้องเป็นตัวเขาไม่ใช่หรอที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงใช่!มันต้องเป็นตัวเขา"เจ้าคิดจะเอาตัวเองมาแลกเหมือนกับไอ้หนุ่มแว่นนั้
"ก็ไอ้หนุ่มนั้นมันเอาชีวิตของตัวเองมาแลกกับการให้เอ็งย้อนเวลากลับมาแก้ไขโชคชะตายังไงล่ะ"จบประโยคของชายชราที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าอาภรณ์เก่าๆ ร่างจิตวิญญาณของจินก็ถูกดึงกระชากออกจากห้องสี่เหลี่ยมที่ล้อมรอบเต็มไปด้วยควันสีขาวแล้วมาโผล่ที่ข้างถนนเส้นหนึ่งที่เป็นทางรุกลังแต่ทว่าจินกับดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก"ที่นี้ที่ไหนทำไมถนนเส้นนี้ดูคุ้นตาจัง"ณภัทรสบถกับตัวเองเสียเบาพลางนัยน์ตาสีน้ำตาลก็กวาดมองรอบๆเพื่อสังเกตสิ่งรอบข้าง ก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่ศาลไม้หลังหนึ่งที่ข้างในมีรูปปั้นตายายอยู่ แถมข้างหน้าศาลยังมีของไหว้เต็มไปหมดทั้งดอกไม้ธูปเทียนของกิน จนแทบจะไม่มีที่ให้ว่างณภัทรยืนมองได้ไม่นานก็ต้องล่ะสายตาออกจากศาลไม้แล้วหันไปมองยังเส้นถนน เมื่อได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวเซ็งแซ่พูดคุยของชาวบ้านทว่าเมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลของจินหันไปมองยังต้นตอของเสียงคิ้วคมของจินเป็นต้องขมวดเข้าหากันแทบจะเป็นปม เพราะเหล่าผู้คนที่กำลังเดินมานั้นต่างพากันแต่งกายคล้ายคนสมัยเก่าๆเมื่อ50-60ปีก่อน พลางภายในมือของเหล่าคนที่ทยอยเดินมาต่างก็พากันถือน้ำกับของกินและดอกไม้ธูปเทียนเพื่อเต
2เดือนต่อมาณ.โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเวลา17:12นาทีแกร๊ก"อ่าวหนูจินเลิกงานแล้วลูกหรอกินอะไรมาหรือยังจ๊ะ"คุณหญิงวราศิริที่กำลังนั่งปอกผลไม้ด้วยสีหน้าและแววตาเศร้าสร้อยอยู่ เมื่อได้ยินเสียงว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาก็หันไปมองยังประตูห้องก็พบว่าเป็นชายหนุ่มตัวสูงที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีเพราะตลอดสองเดือนที่ผ่านมานี้ชายหนุ่มคนที่ลูกชายของเธอแอบรักและมักเล่าถึงให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ มักจะมาเฝ้าลูกชายของเธอที่นอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ตลอด"คุณน้าคุณอาสวัสดีครับ"ณภัทรที่เปิดประตูเข้ามาก็หันมาสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอน แต่ทว่าพอจินเงยหน้ามาสังเกตมองคุณหญิงวราศิริและคุณณัฐพงษ์ผู้เป็นสามีของเธอ คิ้วคมของจินเป็นต้องขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัยเพราะสีหน้าของคนทั้งสองนั้นดูเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด จนจินที่สังเกตเห็นเป็นต้องใจกระตุกวูบ"คุณน้าอะไรล่ะจ้ะ บอกให้เรียกคุณแม่ไง"คุณหญิงวราศิริเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ
โครม!เกิดอะไรขึ้น!ณภัทรที่ได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงเอะอะโวยวายพร้อมกับเสียงดังสนั่นเหมือนกับเสียงรถผสานงากันอยู่ไม่ไกลจากหน้าบริษัทของเขาก็พลันยืนเบิกตาค้างตกใจ เมื่ออยู่ๆในหัวของเขาก็มีภาพเหตุการณ์ในวันที่เขาโดนรถชนจนเสียชีวิตผลุดขึ้นมามิหนำซ้ำประโยคคำพูดต่างๆมากมายในวันนั้นก่อนที่เขาจะโดนรถชนก็เด้งสลับกับคำพูดในวันนี้ของเขากับสองคนนั้นก็เข้ามาด้วยเช่นกัน"เป็นไปไม่ได้....บ้าไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ บ้าไปแล้ว....คำพูดของเรากับสองคนนั้นแทบจะตรงกับวันนั้นทุกประโยคเลย"ณภัทรยืนก้มหน้าบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างคนเหม่อลอยในความคิดอยู่คนเดียว พลางมือข้างที่ถือนาฬิกาล็อกเกตที่หน้าปัดแตกละเอียดก็กำแน่นจนเศษกระจกบางส่วนบาดมือทำให้ของเหลวสีแดงไหลลงย้อมเรือนนาฬิกาสีทองแต่ทว่าณภัทรที่สติหลุดลอยอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่สักพัก ก็ต้องหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเองเมื่ออยู่ๆนาฬิกาที่เขากำไว้ในมือแน่นก็มีแสงสีทองสว่างจ้าขึ้นเล็กน้อย
"หึ หรอ ฉันนึกว่าที่เล่าให้กันฟังเพราะว่าภูมิรู้เรื่องที่เธอหักหลังฉันไปเล่นชู้กับมันซะอีก""!!!"เพลงพิณที่ได้ยินประโยคคำพูดของจินก็พลันสะตั้นเบิกตาโพลงขึ้นอย่างตกใจอึ้งส่วนพิภพที่ได้ยินก็ตกใจไม่ต่างกับเพลงพิณ แต่ทว่าเจ้าตัวก็เรียกสติกลับมาได้ก่อนหญิงสาว ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้ายิ้มแหยๆ"ฮะๆ พี่จินก็พูดหยอกเล่นแรงจริงๆนะครับ เอาซะผมตกใจไปด้วยเลย"พิภพเอ่ยพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ทว่าเมื่อได้ยินประโยคคำพูดต่อมาของจินก็พลันหุบรอยยิ้มลงทันที"ตั้งแต่รู้จักกันมา นายคิดว่าฉันเป็นคนชอบพูดเล่นอย่างงั้นหรอ"ยืนกอดอกเอียงใบหน้าเอ่ยถามชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตรงหน้าด้วยแววตานิ่งๆส่วนเพลงพิณที่รู้ว่าแฟนหนุ่มของตัวเองจับได้แล้วว่าตัวเธอเล่นชู้กับคนในบริษัท ก็พลันหันหน้ามองชายชู้ตรงหน้าสลับกับแฟนหนุ่มที่ยืนข้างกายกันไปมาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนที่จะรีบเอ่ยแก้ตัวด้วยน้ำเสียงร้อนรน"มะ ไม่ ไม่ใช่นะคะพี่จิน พี่จินอย่าเชื่อมันนะคะมันใส่ร้ายพิมพ์กับคุณพิภพพี่จินอย่าเชื่อคนอย่างมันนะคะ!"เพลงพิณรีบแก้ตัวอย่างร้อนรนพลางสองมือบางก็
2วันต่อมาวันที่ 7/07/2***"จินจะจัดการสองคนนั้นวันนี้จริงๆหรอครับ"ภูมิที่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องทำงานของจินเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าเป็นกังวลเพราะทักษกรพึ่งรู้จากปากของจินผ่านทางโทรศัพท์มือถือเมื่อตอนเช้านี้เอง ว่าจินจะจัดการสะสางเพลงพิณกับพิภพชู้ของเธอในวันนี้ ทักษกรจึงรีบตรงมาหาจินที่บริษัทตั้งแต่เช้าแล้วก็มานั่งทำหน้าหงอยในห้องทำงานของจินอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ"อืมใช่แล้วล่ะ แล้วทำไมถึงได้ทำหน้าเครียดขนาดนั้น คิดมากเรื่องอะไรอยู่หรอบอกจินหน่อย"ณภัทรเอ่ยตอบพลางถามภูมิกลับไปก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานแล้วเดินมานั่งลงยังที่ข้างๆ ก่อนที่จะเอื้อมไปจับมือของภูมิแล้วบีบเบาๆพลันนัยน์ตาสีน้ำตาลก็จ้องมองนัยน์ตาคมด้วยแววตาเป็นห่วงจะไม่ให้จินมองอย่างเป็นห่วงได้ยังไง ก็ภูมิในตอนนี้แสดงสีหน้าและแววตาเหมือนกลัวและหวาดระแวงอะไรสักอย่าง จนตัวของเขาในตอนนี้สั่นอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้หรืออาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่เขาโดนรถชนจนเสียชีวิตต