ในขณะที่พวกเขาทั้งสามคนกำลังช่วยกันเปลี่ยนที่รกร้างด้านหลังบ้านให้กลายมาเป็นแปลงผักผสมผสานกันอย่างแข็งขัน ก็มีเสียงคนเรียกโจวซิ่วหลันดังขึ้นที่หน้าบ้าน นั่นทำให้ทุกคนหยุดมือที่กำลังทำงาน พร้อมกับชะโงกหน้ามองออกไปทางหน้าบ้าน สงสัยว่าเป็นใครกันที่มาเยือนตั้งแต่เช้า ก่อนที่โจวซิ่วหลันจะขานรับเสียงดัง เมื่อจำได้ว่าเป็นเสียงของใคร"อยู่ค่ะ รอสักครู่นะคะ""พวกเธอสองคนล้างไม้ล้างมือแล้วพักดื่มน้ำกันก่อนเถอะ พี่จะไปเปิดประตูให้คุณหมอ สงสัยคุณหมอลู่จะมาดูอาการของคุณแม่"โจวซิ่วหลันหันมาเอ่ยบอกเด็กทั้งสอง ในขณะที่เธอเดินมาล้างคราบสกปรกออกจากมือขาวของตัวเองหลังจากที่ได้พูดคุยกันมากขึ้น หญิงสาวก็คิดว่าควรที่จะแทนตัวเองว่าพี่กับเด็กทั้งสองมากกว่า เพราะมันฟังดูแล้วทำให้สนิทสนมกันมากขึ้น ส่วนสองพี่น้องก็ดูเหมือนจะยินดีที่เป็นเช่นนั้นเฉินสือฮันกับเฉินซินยี่หยุดมืออย่างเชื่อฟัง นำอุปกรณ์ในมือมาวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะพากันมาล้างมือที่เต็มไปด้วยคราบดินโคลนจนสะอาด แล้วจึงได้เดินเข้าไปในบ้านพวกเขาเองก็อยากจะรู้ว่าผู้เป็นแม่มีอาการเป็
โจวซิ่วหลันเห็นท่าทางของเฉินสือฮันที่เป็นเช่นนั้น ก็ได้แต่งุนงงเอ้า คนเขาถามดีๆ ว่าอยากเป็นหมอจริงหรือเปล่า สะบัดบ๊อบใส่เสียอย่างนั้นในขณะที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย เธอก็เห็นว่ามีคนปั่นจักรยานตรงมาทางนี้ จึงได้เอ่ยถามน้องชายของสามีที่ยังคงมีใบหน้าบูดบึ้ง"เอ๊ะ อาฮัน แล้วนั่นใครมาอีก"วันนี้บ้านเฉินช่างคึกคักดีเสียจริง หมอลู่พึ่งจะกลับไปไม่นานก็มีคนมาเยือนอีกแล้ว"ครูจ้าว"เฉินสือฮันเมื่อหันไปมองตามที่พี่สะใภ้บอก ก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างประหลาดใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังมาไม่ถึง แต่เขาก็จำคนผู้นั้นได้เป็นอย่างดีจ้าวเหว่ย เป็นครูของเขาเองและยังเป็นสหายของพี่ใหญ่ของเขาด้วย อีกฝ่ายสอนอยู่ในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในตำบล ซึ่งมันห่างไกลจากหมู่บ้านของเขาพอประมาณ เมื่อตอนที่เขาและน้องสาวยังเรียนหนังสืออยู่ที่นั่น เขาต้องตื่นตั้งแต่เช้าเดินเท้าไปขึ้นรถประจำทางที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านเพื่อไปเรียนหนังสือแต่ว่าตั้งแต่วันเปิดภาคเรียนเขาและน้องสาวก็ไม่ได้ไปเรียนอีก นี่ก็ผ่านมาจะร่วมเดือนแล้ว แล้วครูจ้าวจะมาที่นี่อีกทำไมก
การพูดคุยของโจวซิ่วหลันกับจ้าวเหว่ยถึงเรื่องการกลับไปเรียนของเด็กทั้งสองนั้นไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด เพราะจ้าวเหว่ยนั้นตั้งใจมาที่นี่ก็เพื่อที่จะตามเด็กทั้งสองให้กลับไปเรียนอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงจบลงโดยการที่เด็กทั้งสองจะกลับไปเรียนตามปกติในวันเปิดเรียนมะรืนนี้ เพราะวันนี้กับพรุ่งนี้นั้นเป็นวันหยุดของโรงเรียนและถึงแม้ว่าเด็กทั้งสองคนจะหยุดเรียนไปนานเกือบหนึ่งเดือน แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะจ้าวเหว่ยรับปากว่าจะเป็นคนจัดการทุกอย่างให้เอง เพราะพี่ชายของเขาเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนแห่งนั้น"ขอบคุณนะคะครูจ้าว ขอบคุณจริงๆ ที่คุณให้โอกาสเด็กๆ ฉันรู้สึกดีใจมากและฉันก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณลำบากมาถึงที่นี่"โจวซิ่วหลันรู้สึกยินดีมากจริงๆ ที่ทุกอย่างไม่เป็นเช่นในอดีตอีก เด็กทั้งสองจะต้องมีอนาคตที่ดี ซึ่งเธอจะคอยสนับสนุนพวกเขาเอง"ไม่ลำบากเลยครับคุณโจว ผมตั้งใจมาที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้อยู่แล้ว"จ้าวเหว่ยตอบกลับหญิงสาวด้วยรอยยิ้มกว้าง เมื่อเธอมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาวอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับเด็กๆแต่เรื่
หลังจากที่กินมื้อเที่ยงและดูแลแม่สามีเช่นดังปกติ โจวซิ่วหลันก็คิดว่าเธอคงต้องไปซื้อของที่สหกรณ์ร้านค้าของหมู่บ้านมาก่อน เพราะอาหารสำหรับมื้อเย็นนั้นคงจะไม่เพียงพอขณะที่กำลังสำรวจดูในครัวว่าต้องซื้ออะไรมาเพิ่มบ้างก็เอ่ยถามเด็กๆ ที่กำลังช่วยกันล้างจานชาม ว่ามีใครจะไปสหกรณ์ร้านค้ากับเธอบ้างหรือเปล่า"หนูขอไปด้วยคนค่ะพี่สะใภ้"เฉินซินยี่รีบตอบรับทันทีด้วยดวงตาเป็นประกาย เพราะว่านานมากแล้วที่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนเลย ทุกวันเธอกับพี่ชายจะต้องขึ้นเขาไปหาฟืนและหาเก็บผักป่าบนภูเขาด้านหลังหมู่บ้าน กลับมาก็ต้องทำงานที่บ้าน จนไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นกับเด็กคนอื่นเลยส่วนเฉินสือฮันอาสาที่จะอยู่เฝ้าบ้านดูแลมารดา เขาคิดว่าวันมะรืนนี้ เขากับน้องสาวก็ต้องไปโรงเรียนแล้ว ดังนั้นเขาจะมีเวลาว่างแค่หลังเลิกเรียนเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นช่วยงานพี่สะใภ้ จะว่างอีกทีก็ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงอยากจะเร่งมือถากถางหญ้ารอบๆ บ้านให้เสร็จและขุดแปลงผักเอาไว้ให้พี่สะใภ้เสียก่อน อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องทำงานที่หนักเกินไป อีกอย่างเขาก็อยากจะเห็นแปลงผักผสมผสานของพี่สะใภ้เร็วๆ
บริเวณที่นั่งรอรถประจำทางในเช้าวันนี้ผู้คนไม่มากนัก มีคู่สามีภรรยาที่กำลังช่วยกันจับบุตรชายวัยกำลังซนที่วิ่งไปวิ่งมาระหว่างที่นั่งรอรถ หญิงวัยกลางคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่สองคนบนศาลาที่มีไว้ให้ผู้โดยสารนั่งรอ และกลุ่มหญิงสาวสามคนที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนานบนม้านั่งยาวใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ กับศาลาอากาศในยามเช้ามีสายลมอ่อนๆ พัดโชยมาเป็นระยะ หญิงสาวทั้งสามแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีสันสดใสที่พลิ้วไหวไปตามสายลม เสียงหัวเราะและพูดคุยของพวกเธอดังเจื้อยแจ้วไปทั่วบริเวณ"เอ๋ นั่นคุณหมอลู่ไม่ใช่หรือ มากับใครน่ะ" หญิงสาวคนหนึ่งที่มีใบหน้าธรรมดากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น นั่นทำให้สหายทั้งสองคนของเธอต้องหันไปมองตาม เธอมีชื่อว่า หลีฮุย พ่อของเธอเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านอู้หยวนแห่งนี้"ใช่จริงๆ ด้วย แล้วผู้หญิงคนนั้นหล่อนเป็นใครกัน"หญิงสาวร่างอวบอิ่มอีกคนพูดขึ้น เธอคือ หวงจื่อถิง บุตรสาวของพ่อค้าขายเนื้อหมูในหมู่บ้าน ขณะที่พูดก็เพ่งสายตามองหญิงสาวที่นั่งซ้อนจักรยานของหมอลู่เฉิง คุณหมอหนุ่มรูปหล่อ อัธยาศัยดี ผู้เป็นชายในฝันของพ
วันรุ่งขึ้นโจวซิ่วหลันตื่นขึ้นมาเข้าครัวตั้งแต่เช้ามืด จุดตะเกียงน้ำมันจนสว่างไสวไปทั่วห้องครัว นำถั่วเหลืองที่แช่น้ำเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานและถั่วลิสงที่ซื้อมาเพิ่ม ซึ่งตอนนี้เมล็ดถั่วนั้นนิ่มกำลังพอดี มาล้างด้วยน้ำสะอาดเอาสิ่งสกปรกและเมล็ดเน่าเสียออกมื้อเช้าของวันนี้เธอจะทำน้ำเต้าหู้ให้ทุกคนดื่ม กินคู่กับหมั่นโถวนึ่งและหมั่นโถวทอดจิ้มด้วยสังขยาไข่เนื้อเนียนหอมหวานหลังจากล้างถั่วสะอาดดีแล้ว ก็นำถั่วทั้งสองชนิดไปโม่ด้วยเครื่องโม่แป้งที่วางอยู่ในลานซักล้างเพราะง่ายต่อการทำความสะอาด เครื่องโม่หินที่เธอพึ่งจะเคยใช้จริงเป็นครั้งแรก ซึ่งมันก็ไม่ได้ใช้งานยากเลยหลังจากโม่ถั่วทั้งหมดจนกลายเป็นเนื้อละเอียดจึงนำมากรองด้วยผ้าขาวบางคั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำสะอาดลงในกากถั่วอีกเล็กน้อย ก่อนจะคั่นอีกครั้งแล้วกรองเอาน้ำอีกรอบ จากนั้นจึงนำน้ำเต้าหู้ที่กรองได้มาตั้งไฟต้มจนมีฟอง หมั่นคนเรื่อยๆ เติมเกลือนิดหน่อยและน้ำตาลเพิ่มความหวาน เพียงเท่านี้ก็ได้น้ำเต้าหู้รสชาติหอมหวานและได้ความมันกลมกล่อมจากถั่วลิสงเมื่อได้น้ำเต้าหู้หมอใหญ่แล้ว ก็หันมาทำหมั่นโถว ซึ่งมีทั้งแบ
ยังไม่ทันที่หมอลู่เฉิงจะทันได้ทำสิ่งใด คนที่แสร้งเป็นลมก็รู้สึกตัวขึ้น ท่าทางของอีกฝ่ายดูบอบบางอ่อนแอได้อย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด จนโจวซิ่วหลันเผลอแบะปากกลอกตามองบนโดยไม่รักษากิริยาหม่าอันอิ๋งเหลือบสายตาขึ้นมองเธอ มุมปากของหล่อนกระตุกขึ้นมาจังหวะหนึ่ง ราวกับต้องการที่จะเย้ยหยันกัน ก่อนจะทิ้งร่างกายอ่อนแรงและดูอิดโรยเอนซบไปบนแผ่นอกของหมอลู่ ที่ช้อนร่างที่คล้ายกำลังจะตายแหล่มิตายแหล่ของอีกฝ่ายไปบนศาลา โดยมีเหล่าสหายผู้โง่เขลาของหล่อนติดตามไม่ห่างแต่เธอก็ไม่ต้องทนมองท่าทางเสแสร้งเหล่านั้นนานนัก เมื่อรถประจำทางเดินทางมาถึงพอดี หญิงสาวจึงไม่ได้ให้ความสนใจคนเหล่านั้นอีก ไม่สนใจแม้กระทั่งเสียงเรียกของหมอลู่ด้วยซ้ำรถมาแล้วเขาไม่เห็นหรืออย่างไร จะเรียกทำไมนักหนา เธอไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องไร้สาระหรอกนะโจวซิ่วหลันเดินไปขึ้นรถประจำทางโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองว่าพวกเขาจะทำเช่นไรกันต่อ แต่รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายไม่น้อยที่คนพวกนั้นไม่ได้ขึ้นรถมาด้วยในเที่ยวนี้ ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัดและเสียบรรยากาศน่าดูไม่รู้ว่าหากเฉินห่าวซวนกลับมาแล้วรู้ว่าอด
หลังจากที่ตระเวนซื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์การเรียนของเด็กๆ และข้าวของเครื่องใช้ภายในครัวอีกหลายอย่าง ทั้งข้าวสาร อาหารทั้งสดและแห้งจนครบหมดแล้ว หญิงสาวก็พบว่าเธอหมดเงินไปเกือบหนึ่งร้อยห้าสิบหยวนเลยทีเดียวซึ่งคนอื่นทำงานเดือนหนึ่งพวกเขามีรายได้อยู่ที่ 40-60 หยวน แต่เธอกลับใช้จ่ายเงินที่คนอื่นต้องใช้เวลาถึงสามเดือนหามา ใช้มันหมดไปภายในเวลาไม่ถึงวันเห็นจำนวนเงินที่เหลืออยู่ในกระเป๋าแล้ว โจวซิ่วหลันก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก เพราะเงินจำนวนที่เหลืออยู่ ยังรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านอีกด้วยแต่ถึงแม้จะคิดเช่นนั้นและรู้สึกเจ็บปวดใจแค่ไหน เธอก็ยังเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าและตรงไปยังแผนกเครื่องสำอางในทันที จะยากดีมีจนอย่างไร เรื่องความสวยความงามย่อมเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ อย่างน้อยได้ครีมบำรุงผิวหน้าและบำรุงผิวกายติดไม้ติดมือกลับไปอย่างละกระปุกก็ยังดี และเธอสัญญาว่าจะหาเงินมาใช้คืนอีกฝ่ายภายหลังอย่างแน่นอนโจวซิ่วหลันเดินเข้าไปในแผนกที่ขายครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอางของสตรี บรรยากาศภายในนั้นเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา มีพรมสีแดงสดปูพื้นทั่ว
เผลอแป๊บๆ ตอนนี้อายุครรภ์ของโจวซิ่วหลันก็ย่างเข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว หน้าท้องของเธอยื่นออกมาราวกับลูกแตงโมลูกใหญ่และยังคงเป็นแม่เฉิน แม่สามีผู้แสนดีที่เป็นคนคอยดูแลเธออย่างใกล้ชิด ในตอนที่สามีของเธอออกไปทำงานหญิงสาวไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปทำงานอีกตั้งแต่ที่ตั้งครรภ์ แต่สามีก็หาคนที่ไว้ใจได้เข้ามาดูแลทุกอย่างให้เธอ ในทุกวันหยุดเขาก็จะเป็นคนพาเธอเข้าไปตรวจความเรียบร้อยด้วยตัวเอง"เสี่ยวหลันกินรังนกตุ๋นก่อนเร็วเข้า กำลังอุ่นได้ที่เลย"โจวซิ่วหลันวางมือจากการถักถุงเท้าคู่เล็กๆ สำหรับลูกที่กำลังจะเกิด เงยหน้าขึ้นมองแม่สามีที่ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความเมตตา ความรัก และความห่วงใย กำลังเดินถือถ้วยรังนกตุ๋นมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเธออีกฝ่ายมักจะหายาสมุนไพรบำรุงครรภ์และอาหารบำรุงดีๆ มาให้เธอเสมอ"ขอบคุณค่ะคุณแม่"โจวซิ่วหลันเอ่ยบอกด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะตักรังนกตุ๋นเข้าปากอย่างว่าง่าย"ลูกกำลังตั้งครรภ์ ต้องกินของดีๆ บำรุงร่างกายให้เยอะๆ นะรู้ไหม"แม่เฉินเอ่ยบอกอย่างเช่นทุกครั้ง พลางยกฝ่ามืออุ่นขึ้นลู
หลังจากที่โจวซิ่วหลันบอกเรื่องการตั้งครรภ์ของเธอกับทุกคน เธอก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากทุกคนในบ้าน ประคบประหงมราวกับไข่ในหิน ซึ่งเธอไม่ได้รู้สึกไม่ดีหรือรำคาญเลย แต่กลับรู้สึกดีมากๆ ที่ทุกคนคอยดูแลและอยู่เคียงข้างเฉิยซินยี่ถูกส่งตัวมาคอยดูแลเธออย่างใกล้ชิดอีกครั้งในเวลากลางคืน พูดง่ายๆ ก็คือ เด็กหญิงถูกแม่สามีส่งตัวมาคอยจับตาดูผู้เป็นพี่ชาย "อาซวนลูกอย่าแม้แต่จะคิดที่จะรังแกเสี่ยวหลันเชียว"แม่เฉินขึงตาดุเอ่ยกับบุตรชาย เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้จักยับยั้งช่างใจเผลอรังแกภรรยาที่ยังท้องอ่อนๆลูกชายของนางไว้ใจได้เสียที่ไหน พออยู่ใกล้ภรรยาทีไร ไอ้ท่าทางสุขุมนุ่มลึก ไม่รู้ว่าอันตรธานหายไปไหนหมด"ผมรู้ครับแม่"เฉินห่าวซวนเอ่ยบอกมารดาเสียงอ่อย ใบหน้าเหงาหงอยเซื่องซึม การได้เป็นพ่อคนก็ดีใจอยู่หรอก แต่การห้ามไม่ให้เขาใกล้ชิดภรรยามันก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดใจมากเหมือนกันโจวซิ่วหลันอดที่จะหัวเราะท่าทางราวกับกล้ำกลืนฝืนทนของสามีที่มองเธอตาปรอยไม่ได้ พอเธอตั้งครรภ์สามีของเธอก็ถูกกันออกจากเธออีกครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่มีข้ออ้างใดๆ
วันเวลาในช่วงนี้ของโจวซิ่วหลันนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้วกับการเริ่มธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ทางด้านความงามของเธอ และนับว่าธุรกิจของเธอดำเนินไปได้ด้วยดี ตอนนี้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและเป็นระบบระเบียบมากขึ้นตอนนี้เธอส่งสินค้าให้กับร้านของเจ๊หงส์และอีกหลายร้านค้าที่ติดต่อเข้ามา รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าที่มีสินค้าของเธอจัดจำหน่าย ยอดสั่งซื้ออีกนับหมื่นๆ ชิ้นหลั่งไหลเข้ามาและผลิตส่งกันอย่างไม่หวาดไม่ไหว จากที่มีพนักงานหญิงเพียงสองคนตอนนี้เธอมีพนักงานอยู่ในความดูแลนับยี่สิบชีวิต และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น เพราะยอดการสั่งซื้อยังเพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจ เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้ในจำนวนที่มากขึ้นและเพียงพอต่อความต้องการของตลาดอาคารที่ใช้ผลิตสินค้าจากอาคารสามชั้นสองคูหา ตอนนี้ก็ขยับขยายจนกลายเป็นโรงงานขนาดเล็ก มีเครื่องจักรเข้ามาช่วยในการผลิตธุรกิจของเธอนับได้ว่าเติบโตอย่างรวดเร็วส่วนหน้าที่การงานของเฉินห่าวซวนก็ดูจะลงตัว สามีของเธอเองก็ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของเขาอะไรๆ ก็ดูเหมือนจะดีไปหมดและมีแนวโน้มว
ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนในอ้อมแขนที่หลับสนิทไปแล้ว ทำให้คนที่ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ระบายลมหายใจออกมาแผ่วเบาเฉินห่าวซวนกดปลายจมูกโด่งลงบนกลุ่มผมนุ่มหอมละมุนของภรรยาอย่างรู้สึกเหนื่อยอ่อน หวังให้กลิ่นหอมๆ นี้ขับกล่อมให้เขาหลับลงเสียที แต่เขาทำเช่นนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วกลับไม่สามารถที่จะข่มตาให้หลับลงได้ และมันกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกทรมานมากขึ้นชายหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ รู้สึกราวกับว่ามีอาหารอันโอชะที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายวางอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่อาจที่จะกลืนกินได้ เขารู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวจนแทบจะหายใจไม่ออก ภรรยาแสนสวยนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนแท้ๆ แต่กลับไม่อาจทำอะไรได้ดั่งใจนี่มันเป็นการฆ่าเขาทางอ้อมชัดๆ ส่วนเจ้าลูกชายของเขาก็เอะอะแข็ง จูบก็แข็ง กอดก็แข็ง ขอแค่ได้อยู่ใกล้ แค่ได้กลิ่นภรรยาก็แข็งแล้วเฉินห่าวซวนพึ่งจะรู้ตัวว่าเขาทั้งหื่นและมีความต้องการที่มากมายก็ตอนนี้ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นกลับเกิดขึ้นกับภรรยาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เขาไม่เคยคิดที่จะอยากแตะต้องหรืออยากจะใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนเลยจริงๆเขาคงถูกภรรยาร่ายมนตร
เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นเข้าจอดในบริเวณบ้าน เฉินห่าวซวนก็แทบจะกระโดดลงจากรถทันทีโดยไม่รอให้คนร่วมทางอย่างน้องๆ ทั้งสองคนลงมาก่อน ความคิดถึงที่ทับถมอยู่ในหัวใจของเขามาตลอดทั้งวันได้ระเบิดออกมาจนกลายเป็นแรงผลักดันให้เขาต้องรีบกลับบ้าน กลับไปหาภรรยาสุดที่รักให้เร็วที่สุดเขาคิดถึงภรรยาใจจะขาดอยู่แล้ว"กลับมาแล้วครับ"เฉินห่าวซวนเอ่ยทักทายมารดาที่เดินออกกำลังโดยการดูแลแปลงดอกไม้อยู่หน้าบ้าน ก่อนจะก้าวเท้าฉับๆ เข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว จนผู้เป็นแม่มองตามแทบไม่ทันแม่เฉินบ่นตามหลังลูกชายอุบอิบกับความเร่งรีบของอีกฝ่าย ละสายตาจากลูกชายคนโตก็หันไปมองลูกๆ อีกสองคนของนางที่กำลังมองตามพี่ชายด้วยใบหน้าเหลือเชื่อเช่นกัน นางได้แต่หัวเราะออกมา ก่อนจะหันมาดูแลดอกไม้ของนางต่อ ปล่อยให้หนุ่มๆ สาวๆ ได้ใช้เวลาด้วยกันสองพี่น้องที่เดินตามกันลงมาจากรถ ต่างก็หันมามองหน้ากันกับท่าทีของพี่ชายตัวเองที่กลายเป็นชายหนุ่มผู้คลั่งรัก ไม่สนใจน้องนุ่งไปเสียแล้วเฉินสือฮันกระตุกรอยยิ้มร้าย มองตามแผ่นหลังกว้างของพี่ชายที่เดินหายเข้าไปในบ้านดูท่าพี่ชายของเ
เฉินห่าวซวนกดปลายจมูกหอมแก้มนวลของภรรยาที่ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นด้วยความเอ็นดู หลังจากที่เขากลืนกินภรรยาอีกครั้งจนอิ่มหนำสำราญ เขาก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้อีก ได้แต่นอนมองใบหน้างามของภรรยาอยู่อย่างนั้นจะโทษเขาได้อย่างไรในเมื่อภรรยาของเขาน่ารักน่าปรารถนาถึงขนาดนี้ เป็นใครก็ไม่อาจที่จะอดใจได้ไหว และก่อนที่เขาจะกลายเป็นคนสารเลว ใจดำอำมหิต เพราะลงมือลักหลับภรรยา ชายหนุ่มจึงตัดใจลุกจากที่นอนเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้ภรรยาได้พักผ่อน วันนี้เห็นทีเขาคงต้องเป็นคนเข้าครัวด้วยตัวเอง เพราะแม่ครัวคนเก่งถูกเขาเคี่ยวกรำจนสลบไสลไปแล้วเสียงดังโครมคราม ควันไฟที่ลอยโขมง และกลิ่นเหม็นไหม้ฉุนกึกที่ตลบอบอวลอยู่ในห้องครัว ทำให้เฉินสือฮันที่ตื่นขึ้นมาดูแลแปลงผักเหมือนเช่นทุกวัน รีบสับฝีเท้าเข้าไปในครัว เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับพี่สะใภ้แต่คนที่ยืนอยู่หน้าเตาไฟกลับไม่ใช่คนที่เขาคิด"ทำอะไรครับพี่ใหญ่"เฉินสือฮันเอ่ยถามพี่ชายของตัวเองในทันทีด้วยความไม่แน่ใจ แม้ดูจากสภาพภายในครัวและสภาพน่าอนาถของพี่ชายแล้วก็พอจะเดาได้
วันนี้ดูเหมือนโจวซิ่วหลันจะใช้เวลาในการอาบน้ำนานมากกว่าปกติ และหากเป็นไปได้เธออยากจะนอนในห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ เพราะรู้ดีว่าตอนนี้มีหมาป่าหิวโซกำลังรอที่จะเขมือบเธอลงท้องอยู่ในห้อง"อาซวนยับยั้งช่างใจบ้าง รู้จักหรือเปล่ารักหยกถนอมบุปผาน่ะ""คร้าบแม่"แม้ว่าคำพูดของแม่สามีที่แว่วมาเข้าหูเมื่อครู่นี้จะทำให้เธอพอจะใจชื้นขึ้นมาบ้างก็ตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่น รสนิยมทางเพศของเฉินห่าวซวนเธอสัมผัสมาแล้วว่ามันร้อนแรงมากขนาดไหน เขามีความต้องการที่มากมาย แม้ว่าเธอจะรู้สึกดีแต่เธอก็กลัวว่าจะไม่สามารถรับได้ไหวมันมีทั้งความรู้สึกกล้าและรู้สึกกลัว ทั้งรู้สึกปรารถนาและหวั่นเกรง เธอยังไม่สันทัดในเรื่องพวกนี้ ยังไม่คุ้นชินกับตัวตนของเขา ได้แต่หวังว่าเขาจะไว้ไมตรีให้แก่เธอบ้างหลังจากที่พอจะทำใจได้บ้างแล้วจึงสวมเสื้อผ้าอย่างอ้อยอิ่ง เดินกลับห้องไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆและก็เป็นดังที่เธอคิดโจวซิ่วหลันเม้มปากแน่น ใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อเห็นคนที่นอนรอเธออยู่บนเตียงเตา เขาสวมเพียงกางเกงผ้า เปิดเปลือยร่างกา
เมื่อเสียงออดสุดท้ายดังขึ้น บรรยากาศหน้าโรงเรียนก็พลุกพล่านไปด้วยความวุ่นวายและเสียงหัวเราะ นักเรียนจำนวนมากหลั่งไหลออกมาจากประตูโรงเรียน หอบหิ้วกระเป๋าด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม พวกเขารีบวิ่งไปที่รถที่จอดรออยู่ บ้างก็เดินไปนั่งรอรถประจำทาง บางคนเดินกลับบ้านกับเพื่อนๆ พูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับวันของพวกเขา บางคนมีผู้ปกครองปั่นจักรยานมารับผู้ปกครองรออยู่ที่ริมถนน บางคนนั่งอยู่ในรถ บางคนยืนอยู่ข้างทาง พวกเขามองหาลูกๆ ของตนเองในฝูงชน เมื่อพบกันแล้ว พวกเขาก็จะโบกมือและยิ้มให้กัน เด็กๆ วิ่งเข้าไปกอดพ่อแม่หรือผู้ปกครองอย่างมีความสุขบรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปด้วยความอบอุ่นและความรัก ขณะที่นักเรียนและผู้ปกครองเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งการพบปะหลังจากวันที่ยาวนานในโรงเรียนเช่นเดียวกับเด็กชายหญิงทั้งสองคน พวกเขาจับจูงมือกันเดินออกมาจากประตูโรงเรียน พากันเดินไปยังจุดรอรถประจำทาง พวกเขานั่งรอรถด้วยใจจดจ่อ อยากจะกลับบ้านเต็มที"วันนี้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เข้าเมืองคงจะมีขนมอร่อยๆ มาฝากแน่ๆ เลย พี่รองว่าไหม"เฉินซินยี่เอ่ยบอกพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน
ในที่สุดโจวซิ่วหลันก็เดินทางมาถึงโรงงานเสียที ถึงแม้ว่าระหว่างทางจะเกิดเหตุการณ์ชวนให้ใจวาบหวิวจนเกือบจะขาดใจก็ตามครั้งนี้นอกจากมารับสินค้าที่สั่งเอาไว้แล้ว เธอยังสั่งผลิตบรรจุภัณฑ์เพิ่มอีกล็อตใหญ่ ซึ่งครั้งนี้เธอสั่งเป็นจำนวนมากถึงห้าพันชิ้นและยังมีแนวโน้มว่ายอดสั่งผลิตจะมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย"ยินดีด้วยนะหลันหลัน พี่จะเร่งให้เป็นพิเศษเลยนะ แล้วพี่จะทยอยส่งให้เธอ"หยางตงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดี เขาชื่นชมในความสามารถของโจวซิ่วหลันที่ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในการจับธุรกิจตั้งแต่ครั้งแรก และอดที่จะชื่นชมชายหนุ่มผู้เป็นสามีของเธอไม่ได้ เขารู้สึกยินดีที่เห็นว่าอีกฝ่ายใส่ใจและรักใคร่ในตัวหญิงสาว และพร้อมที่จะสนับสนุนเธอ เพียงเท่านี้เขาก็รู้สึกวางใจแล้ว"ขอบคุณมากนะคะพี่ ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ"โจวซิ่วหลันกล่าวขอบคุณพร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างจริงใจ"โชคดีนะหลันหลัน"ในขณะที่หยางตงเทียนเฝ้ามองโจวซิ่วหลันเดินออกไปพร้อมกับสามีของเธอด้วยแววตาสั่นไหว หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรักและควา