หลังจากที่ตระเวนซื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์การเรียนของเด็กๆ และข้าวของเครื่องใช้ภายในครัวอีกหลายอย่าง ทั้งข้าวสาร อาหารทั้งสดและแห้งจนครบหมดแล้ว หญิงสาวก็พบว่าเธอหมดเงินไปเกือบหนึ่งร้อยห้าสิบหยวนเลยทีเดียวซึ่งคนอื่นทำงานเดือนหนึ่งพวกเขามีรายได้อยู่ที่ 40-60 หยวน แต่เธอกลับใช้จ่ายเงินที่คนอื่นต้องใช้เวลาถึงสามเดือนหามา ใช้มันหมดไปภายในเวลาไม่ถึงวันเห็นจำนวนเงินที่เหลืออยู่ในกระเป๋าแล้ว โจวซิ่วหลันก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก เพราะเงินจำนวนที่เหลืออยู่ ยังรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านอีกด้วยแต่ถึงแม้จะคิดเช่นนั้นและรู้สึกเจ็บปวดใจแค่ไหน เธอก็ยังเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าและตรงไปยังแผนกเครื่องสำอางในทันที จะยากดีมีจนอย่างไร เรื่องความสวยความงามย่อมเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ อย่างน้อยได้ครีมบำรุงผิวหน้าและบำรุงผิวกายติดไม้ติดมือกลับไปอย่างละกระปุกก็ยังดี และเธอสัญญาว่าจะหาเงินมาใช้คืนอีกฝ่ายภายหลังอย่างแน่นอนโจวซิ่วหลันเดินเข้าไปในแผนกที่ขายครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอางของสตรี บรรยากาศภายในนั้นเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา มีพรมสีแดงสดปูพื้นทั่ว
"เปิดร้านคงร้านค้าอะไรกันล่ะเสี่ยวยี่ นี่เป็นของบ้านเราทั้งหมดนั่นแหละ ไม่ขายหรอก"โจวซิ่วหลันว่าพลางหันไปส่งค้อนให้เจ้าเด็กตัวเหม็นที่วางท่าแก่แดดราวกับผู้ใหญ่กำลังจะสั่งสอนเด็กเฉินซินยี่มองข้าวของมากมายตรงหน้าอย่างงุนงง"แล้วมันจะไม่มากเกินไปหรือคะพี่สะใภ้""ไม่มากไปหรอก ของมันจำเป็นต้องใช้"โจวซิ่วหลันเอ่ยบอกหนูน้อยขี้สงสัยด้วยรอยยิ้ม"นี่ มาดูนี่ดีกว่า"หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับจูงมือเล็กเดินผ่านหน้าเจ้าเด็กตัวเหม็นที่ใช้สายตามองเธออย่างเอือมระอา แต่ ใครจะสนกันล่ะ หญิงสาวสะบัดหน้าใส่เด็กชาย เมื่อคล้ายจะได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างหนักอกของอีกฝ่ายดังออกมาโจวซิ่วหลันรื้อค้นถุงกระดาษใบใหญ่ก่อนจะหยิบกล่องกระดาษใบหนึ่งออกมา เมื่อเปิดออกดู ดวงตาของเด็กหญิงก็เปล่งประกายระยิบระยับ"นี่ รองเท้าคู่ใหม่ของเสี่ยวยี่ ชอบหรือเปล่า ไหน ลองสวมให้พี่สะใภ้ดูหน่อยซิว่าพอดีไหม"โจวซิ่วหลันหยิบรองเท้าใหม่เอี่ยมสีแดงปักลายกระต่ายออกมาจากกล่อง และมีดอกไม้เล็กๆ ประดับด้านข้างกระจุ๋มกระจิ๋มดูน่ารักเฉิ
ตอนนี้โจวซิ่วหลันดูจะอารมณ์ดีอย่างที่สุด ขณะที่กำลังทำมื้อเย็นก็ฮัมเพลงไปด้วยจนบรรยากาศยามเย็นของวันนี้ดูจะสดใสมากกว่าทุกวันเฉินสือฮันที่กำลังนำเมล็ดพันธุ์ผักหลากหลายชนิดที่พี่สะใภ้ซื้อมาเพาะลงในแปลงเพาะถึงกับยกยิ้มตาม แม้ทำนองเพลงนั้นจะฟังดูผิดจังหวะไปสักหน่อยก็เถอะส่วนเฉินซินยี่นั้น ก็ยังคงสวมรองเท้าคู่ใหม่ ขยับปลายเท้าตามจังหวะเพลงของพี่สะใภ้ ในขณะที่มือนั้นก็ช่วยแยกก้านผักกวางตุ้งออกเป็นก้านๆ บางจังหวะก็ชูมือขึ้นกวัดแกว่งผักกวางตุ้งในมือไปมาเป็นจังหวะ เริงระบำเป็นหนูน้อยผักกวางตุ้งโจวซิ่วหลันหัวเราะออกมาเสียงใส กับท่าทางของสาวน้อยที่เห่อรองเท้าใหม่จนไม่ยอมถอด ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระชอนตาถี่ที่แขวนอยู่ตรงผนังห้องครัว เมื่อเห็นว่ามันหมูที่เคี่ยวในกระทะแห้งกรอบดีแล้ววันนี้เธอซื้อมันหมูกลับมาด้วย เพื่อนำมาเจียวเอาน้ำมันเก็บเอาไว้ทำอาหาร น้ำมันที่ได้จากมันหมูจะมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง จึงควรกินให้เหมาะสมกับพลังงานที่ร่างกายต้องการ แต่ข้อดีของน้ำมันหมูคือ น้ำมันที่ได้มาจากการเจียวมันหมูโดยตรง ไม่ต้องใช้สารเคมีหรือการปรุงแต่งกลิ่นและสี และมีกลิ
ในที่สุดโจวซิ่วหลันและเด็กๆ ก็มาถึงโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในตำบล เช้าวันแรกของการมาโรงเรียนของเด็กๆ ช่างเป็นเช้าที่สดใส แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วบริเวณโรงเรียนแห่งนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว้างขวาง รายล้อมด้วยกำแพงอิฐสีเทาและประตูเหล็ก โจวซิ่วหลันมองดูเด็กทั้งสองที่ดูจะตื่นเต้นและมีความสุขอย่างที่สุดด้วยรอยยิ้ม"ถึงแล้วค่ะพี่สะใภ้ โรงเรียนของหนู"เฉินซินยี่รีบเข้ามาจูงมือพี่สะใภ้ของเธอ มืออีกข้างเอื้อมไปจับมือของพี่ชาย"เรารีบเข้าไปกันเถอะค่ะ"เด็กน้อยร้องบอกเสียงใส ดวงตากลมโตกวาดมองเหล่าเด็กๆ ที่เริ่มทยอยกันมาโรงเรียน เผื่อว่าจะพบเพื่อนๆ ของเธอสักคน เธอคิดถึงทุกคนมากๆ"จ๊ะๆ"โจวซิ่วหลันตอบรับเด็กหญิงเสียงกลั้วหัวเราะ เมื่อถูกเจ้าของมือเล็กๆ ทั้งดึงทั้งลาก เข้าไปในประตูเหล็กที่เปิดอ้าออกกว้าง ก่อนจะหันไปมองเด็กชายที่ดูเหมือนจะนิ่งเงียบมาสักพักแล้ว จึงเห็นว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน"ขอบคุณมากนะครับพี่สะใภ้"เด็กชายเอ่ยบอกเธอเสียงแผ่ว พร้อมกับแววตาที่มองมาด้วยความซาบซึ้งใจอย่างที่สุด
03.00 นาฬิกาภายในห้องประชุมที่เงียบสงบของกองบัญชาการทหารในเมืองหนานจิง ทหารกลุ่มหนึ่งกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจพิเศษที่รออยู่ข้างหน้าแสงไฟนีออนสลัวๆ ส่องสว่างบนใบหน้าที่เคร่งขรึมของทหารแต่ละนาย อาวุธที่ทันสมัยถูกวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะตรงหน้าพวกเขา ปืนไรเฟิลจู่โจม AK-47 ปืนพก และระเบิดมือผู้นำหน่วย พันเอกฉิน เป็นชายร่างสูง ผอม และสง่างาม เขาสวมเครื่องแบบสีเขียวมะกอกที่ประดับด้วยเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญกล้าหาญมากมาย ดวงตาของเขาฉายแววเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น"ทหาร"เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น"ภารกิจของเราคือแทรกซึมเข้าไปในฐานที่มั่นของข้าศึกและกู้คืนข้อมูลลับที่สำคัญ"เหล่าทหารพยักหน้าอย่างเข้าใจ พวกเขารู้ว่าภารกิจนี้มีความเสี่ยงสูง แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายใดๆ ก็ตาม เพื่อปกป้องประเทศของตน"เราจะออกเดินทางในอีกสามชั่วโมง"พันเอกฉินกล่าวต่อ"ตรวจสอบอุปกรณ์ของคุณให้แน่ใจว่าพร้อมใช้งานและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้"เหล่าทหารลุกขึ้นยืนและเริ่มตรวจสอบอ
"กลับมาแล้วค่ะ"โจวซิ่วหลันเดินเข้าบ้านมาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า ตรงเข้าไปหาแม่สามีที่ตอนนี้คงจะอยู่ในห้องครัว เพราะเธอได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูกตั้งแต่ถึงประตูรั้วแล้ว และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แม่เฉินกำลังผัดบางอย่างอยู่หน้าเตาไฟเสียงดังฉู่ฉ่า อีกทั้งยังส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั้งห้องครัว จนท้องของเธอร้องประท้วงดังโครกคราก"กลับมาแล้วหรือเสี่ยวหลัน หิวแล้วหรือยัง แม่ผัดเห็ดป่าใกล้จะเสร็จแล้วรออีกครู่เดียว ไปล้างมือก่อนแล้วมากินข้าวกัน"แม่เฉินหันกลับมาบอกกับลูกสะใภ้คนงามที่นับวันจะยิ่งงามขึ้น เรียกได้ว่าสวยวันสวยคืนโจวซิ่วหลันเดินไปล้างมือด้วยรอยยิ้มกับคำถาม คำบอก และคำสั่งของแม่สามี ที่ตอนนี้พูดเก่งขึ้นมาก ก่อนจะเดินกลับมาช่วยแม่สามีตักข้าว ตอนนี้แม่สามีของเธอหายดีแล้ว สามารถเดินเหินได้ปกติ และยังมีสุขภาพที่ดีขึ้นมาก เผลอแป๊บเดียวเวลาก็ผ่านไปร่วมสองเดือนแล้ว นับตั้งแต่วันที่เธอย้อนเวลามาที่นี่ ตอนนี้ชีวิตของเธอดูเหมือนจะลงตัวไปเสียทุกอย่าง เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเฉิน เป็นลูกสะใภ้ที่แม่สามีรักและเอ็นดู เป็นพี่สะใภ้ที่เด็กๆ ให้ควา
ในห้วงเวลาที่แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องผ่านหน้าต่างของห้องพัก เฉินห่าวซวน ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ กำลังจัดเก็บข้าวของลงกระเป๋าสัมภาระอย่างตั้งใจ"เหล่าเฉิน นี่คุณจะไม่ลองคิดดูใหม่อีกครั้งจริงๆ หรือ"ซ่งเหวิน เอ่ยถามคนที่ใช้มือเพียงข้างเดียวเก็บข้าวของใส่กระเป๋าสัมภาระ เพราะมืออีกข้างนั้น แขนถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเฝือกอ่อนมาจนถึงข้อศอกและยังถูกพยุงด้วยผ้า คล้องแขนที่ได้รับบาดเจ็บไว้กับคอ เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหว บนต้นแขนยังมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ เนื่องจากบาดแผลจากการถูกยิง แต่อีกฝ่ายก็ยังมีความพยายามที่จะเก็บสัมภาระลงกระเป๋าเฉินห่าวซวนส่ายหน้าให้กับคำถามของสหาย ก่อนจะเอ่ยออกมาน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ"นี่คุณถามผมเป็นรอบที่สามแล้วนะเหล่าซ่ง""ผมถามก็เพราะเผื่อคุณจะเปลี่ยนใจยังไงล่ะ หน่วยนี้เงินดีที่สุดและทำให้เราก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้เร็วที่สุดแล้วนะเหล่าเฉิน"ซ่งเหวินพยายามโน้มน้าวเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายสหายร่วมรบของตนให้เปลี่ยนใจ เพราะหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่พวกเขาทั้งสองสังกัดอยู่นั้น มีชื่อเสียงในเรื่องของสว
โจวซิ่วหลันมองแผ่นหลังของคนที่ปั่นจักรยานออกไป ทั้งนึกขัน ทั้งสงสาร ทั้งเห็นใจ ที่อีกฝ่ายต้องมาพบเจอของขลังของแรงที่ระยะหลังมานี้ มักจะตามติดตัวเธออยู่เสมอและยังคอยปัดเป่าสิ่งรังควานที่มากวนใจให้อีกด้วย"ศักดิ์สิทธิ์ ทรงอิทธิฤทธิ์จริงๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยขอคารวะ"กล่าวแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา เมื่อเหลือบไปเห็นใบหน้าของเจ้าเด็กร้ายกาจ ที่ขลังมากจนคุณหมอลู่ผู้แสนสุภาพและอ่อนโยนคงคิดอยากจะดึงเข็มฉีดยาออกมาฉีดปากอีกฝ่ายเป็นแน่"พี่สะใภ้ ผมพูดความจริงนะครับ พี่สะใภ้ก็เห็นไม่ใช่หรือไง"เฉินสือฮันรีบเอ่ยย้ำขึ้นมาอีกครั้งด้วยใบหน้าจริงจังและเคร่งขรึมและมันก็เป็นอย่างที่เฉินสือฮันพูดจริงๆ หลังจากที่เจ้าหล่อนแสร้งเป็นลม หม่าอันอิ๋งก็มักจะมายืนรอหมอลู่เฉิงอยู่ริมถนนหน้าบ้านของหล่อนในทุกๆ เช้า เพื่อที่จะขอติดรถของอีกฝ่ายไปขึ้นรถประจำทาง ทั้งๆ ที่บ้านของหล่อนห่างจากจุดรอรถเพียงแค่ 500 เมตรเท่านั้น และความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองก็ใช่ว่าจะดูไม่ออก ผู้หญิงอยากจะประกาศตัวเสียขนาดนั้น"ใช่ พี่เห็น แล้วยังไงล่ะ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่เสียหน่อย น
เผลอแป๊บๆ ตอนนี้อายุครรภ์ของโจวซิ่วหลันก็ย่างเข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว หน้าท้องของเธอยื่นออกมาราวกับลูกแตงโมลูกใหญ่และยังคงเป็นแม่เฉิน แม่สามีผู้แสนดีที่เป็นคนคอยดูแลเธออย่างใกล้ชิด ในตอนที่สามีของเธอออกไปทำงานหญิงสาวไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปทำงานอีกตั้งแต่ที่ตั้งครรภ์ แต่สามีก็หาคนที่ไว้ใจได้เข้ามาดูแลทุกอย่างให้เธอ ในทุกวันหยุดเขาก็จะเป็นคนพาเธอเข้าไปตรวจความเรียบร้อยด้วยตัวเอง"เสี่ยวหลันกินรังนกตุ๋นก่อนเร็วเข้า กำลังอุ่นได้ที่เลย"โจวซิ่วหลันวางมือจากการถักถุงเท้าคู่เล็กๆ สำหรับลูกที่กำลังจะเกิด เงยหน้าขึ้นมองแม่สามีที่ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความเมตตา ความรัก และความห่วงใย กำลังเดินถือถ้วยรังนกตุ๋นมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเธออีกฝ่ายมักจะหายาสมุนไพรบำรุงครรภ์และอาหารบำรุงดีๆ มาให้เธอเสมอ"ขอบคุณค่ะคุณแม่"โจวซิ่วหลันเอ่ยบอกด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะตักรังนกตุ๋นเข้าปากอย่างว่าง่าย"ลูกกำลังตั้งครรภ์ ต้องกินของดีๆ บำรุงร่างกายให้เยอะๆ นะรู้ไหม"แม่เฉินเอ่ยบอกอย่างเช่นทุกครั้ง พลางยกฝ่ามืออุ่นขึ้นลู
หลังจากที่โจวซิ่วหลันบอกเรื่องการตั้งครรภ์ของเธอกับทุกคน เธอก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากทุกคนในบ้าน ประคบประหงมราวกับไข่ในหิน ซึ่งเธอไม่ได้รู้สึกไม่ดีหรือรำคาญเลย แต่กลับรู้สึกดีมากๆ ที่ทุกคนคอยดูแลและอยู่เคียงข้างเฉิยซินยี่ถูกส่งตัวมาคอยดูแลเธออย่างใกล้ชิดอีกครั้งในเวลากลางคืน พูดง่ายๆ ก็คือ เด็กหญิงถูกแม่สามีส่งตัวมาคอยจับตาดูผู้เป็นพี่ชาย "อาซวนลูกอย่าแม้แต่จะคิดที่จะรังแกเสี่ยวหลันเชียว"แม่เฉินขึงตาดุเอ่ยกับบุตรชาย เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้จักยับยั้งช่างใจเผลอรังแกภรรยาที่ยังท้องอ่อนๆลูกชายของนางไว้ใจได้เสียที่ไหน พออยู่ใกล้ภรรยาทีไร ไอ้ท่าทางสุขุมนุ่มลึก ไม่รู้ว่าอันตรธานหายไปไหนหมด"ผมรู้ครับแม่"เฉินห่าวซวนเอ่ยบอกมารดาเสียงอ่อย ใบหน้าเหงาหงอยเซื่องซึม การได้เป็นพ่อคนก็ดีใจอยู่หรอก แต่การห้ามไม่ให้เขาใกล้ชิดภรรยามันก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดใจมากเหมือนกันโจวซิ่วหลันอดที่จะหัวเราะท่าทางราวกับกล้ำกลืนฝืนทนของสามีที่มองเธอตาปรอยไม่ได้ พอเธอตั้งครรภ์สามีของเธอก็ถูกกันออกจากเธออีกครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่มีข้ออ้างใดๆ
วันเวลาในช่วงนี้ของโจวซิ่วหลันนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้วกับการเริ่มธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ทางด้านความงามของเธอ และนับว่าธุรกิจของเธอดำเนินไปได้ด้วยดี ตอนนี้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและเป็นระบบระเบียบมากขึ้นตอนนี้เธอส่งสินค้าให้กับร้านของเจ๊หงส์และอีกหลายร้านค้าที่ติดต่อเข้ามา รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าที่มีสินค้าของเธอจัดจำหน่าย ยอดสั่งซื้ออีกนับหมื่นๆ ชิ้นหลั่งไหลเข้ามาและผลิตส่งกันอย่างไม่หวาดไม่ไหว จากที่มีพนักงานหญิงเพียงสองคนตอนนี้เธอมีพนักงานอยู่ในความดูแลนับยี่สิบชีวิต และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น เพราะยอดการสั่งซื้อยังเพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจ เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้ในจำนวนที่มากขึ้นและเพียงพอต่อความต้องการของตลาดอาคารที่ใช้ผลิตสินค้าจากอาคารสามชั้นสองคูหา ตอนนี้ก็ขยับขยายจนกลายเป็นโรงงานขนาดเล็ก มีเครื่องจักรเข้ามาช่วยในการผลิตธุรกิจของเธอนับได้ว่าเติบโตอย่างรวดเร็วส่วนหน้าที่การงานของเฉินห่าวซวนก็ดูจะลงตัว สามีของเธอเองก็ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของเขาอะไรๆ ก็ดูเหมือนจะดีไปหมดและมีแนวโน้มว
ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนในอ้อมแขนที่หลับสนิทไปแล้ว ทำให้คนที่ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ระบายลมหายใจออกมาแผ่วเบาเฉินห่าวซวนกดปลายจมูกโด่งลงบนกลุ่มผมนุ่มหอมละมุนของภรรยาอย่างรู้สึกเหนื่อยอ่อน หวังให้กลิ่นหอมๆ นี้ขับกล่อมให้เขาหลับลงเสียที แต่เขาทำเช่นนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วกลับไม่สามารถที่จะข่มตาให้หลับลงได้ และมันกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกทรมานมากขึ้นชายหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ รู้สึกราวกับว่ามีอาหารอันโอชะที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายวางอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่อาจที่จะกลืนกินได้ เขารู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวจนแทบจะหายใจไม่ออก ภรรยาแสนสวยนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนแท้ๆ แต่กลับไม่อาจทำอะไรได้ดั่งใจนี่มันเป็นการฆ่าเขาทางอ้อมชัดๆ ส่วนเจ้าลูกชายของเขาก็เอะอะแข็ง จูบก็แข็ง กอดก็แข็ง ขอแค่ได้อยู่ใกล้ แค่ได้กลิ่นภรรยาก็แข็งแล้วเฉินห่าวซวนพึ่งจะรู้ตัวว่าเขาทั้งหื่นและมีความต้องการที่มากมายก็ตอนนี้ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นกลับเกิดขึ้นกับภรรยาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เขาไม่เคยคิดที่จะอยากแตะต้องหรืออยากจะใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนเลยจริงๆเขาคงถูกภรรยาร่ายมนตร
เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นเข้าจอดในบริเวณบ้าน เฉินห่าวซวนก็แทบจะกระโดดลงจากรถทันทีโดยไม่รอให้คนร่วมทางอย่างน้องๆ ทั้งสองคนลงมาก่อน ความคิดถึงที่ทับถมอยู่ในหัวใจของเขามาตลอดทั้งวันได้ระเบิดออกมาจนกลายเป็นแรงผลักดันให้เขาต้องรีบกลับบ้าน กลับไปหาภรรยาสุดที่รักให้เร็วที่สุดเขาคิดถึงภรรยาใจจะขาดอยู่แล้ว"กลับมาแล้วครับ"เฉินห่าวซวนเอ่ยทักทายมารดาที่เดินออกกำลังโดยการดูแลแปลงดอกไม้อยู่หน้าบ้าน ก่อนจะก้าวเท้าฉับๆ เข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว จนผู้เป็นแม่มองตามแทบไม่ทันแม่เฉินบ่นตามหลังลูกชายอุบอิบกับความเร่งรีบของอีกฝ่าย ละสายตาจากลูกชายคนโตก็หันไปมองลูกๆ อีกสองคนของนางที่กำลังมองตามพี่ชายด้วยใบหน้าเหลือเชื่อเช่นกัน นางได้แต่หัวเราะออกมา ก่อนจะหันมาดูแลดอกไม้ของนางต่อ ปล่อยให้หนุ่มๆ สาวๆ ได้ใช้เวลาด้วยกันสองพี่น้องที่เดินตามกันลงมาจากรถ ต่างก็หันมามองหน้ากันกับท่าทีของพี่ชายตัวเองที่กลายเป็นชายหนุ่มผู้คลั่งรัก ไม่สนใจน้องนุ่งไปเสียแล้วเฉินสือฮันกระตุกรอยยิ้มร้าย มองตามแผ่นหลังกว้างของพี่ชายที่เดินหายเข้าไปในบ้านดูท่าพี่ชายของเ
เฉินห่าวซวนกดปลายจมูกหอมแก้มนวลของภรรยาที่ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นด้วยความเอ็นดู หลังจากที่เขากลืนกินภรรยาอีกครั้งจนอิ่มหนำสำราญ เขาก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้อีก ได้แต่นอนมองใบหน้างามของภรรยาอยู่อย่างนั้นจะโทษเขาได้อย่างไรในเมื่อภรรยาของเขาน่ารักน่าปรารถนาถึงขนาดนี้ เป็นใครก็ไม่อาจที่จะอดใจได้ไหว และก่อนที่เขาจะกลายเป็นคนสารเลว ใจดำอำมหิต เพราะลงมือลักหลับภรรยา ชายหนุ่มจึงตัดใจลุกจากที่นอนเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้ภรรยาได้พักผ่อน วันนี้เห็นทีเขาคงต้องเป็นคนเข้าครัวด้วยตัวเอง เพราะแม่ครัวคนเก่งถูกเขาเคี่ยวกรำจนสลบไสลไปแล้วเสียงดังโครมคราม ควันไฟที่ลอยโขมง และกลิ่นเหม็นไหม้ฉุนกึกที่ตลบอบอวลอยู่ในห้องครัว ทำให้เฉินสือฮันที่ตื่นขึ้นมาดูแลแปลงผักเหมือนเช่นทุกวัน รีบสับฝีเท้าเข้าไปในครัว เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับพี่สะใภ้แต่คนที่ยืนอยู่หน้าเตาไฟกลับไม่ใช่คนที่เขาคิด"ทำอะไรครับพี่ใหญ่"เฉินสือฮันเอ่ยถามพี่ชายของตัวเองในทันทีด้วยความไม่แน่ใจ แม้ดูจากสภาพภายในครัวและสภาพน่าอนาถของพี่ชายแล้วก็พอจะเดาได้
วันนี้ดูเหมือนโจวซิ่วหลันจะใช้เวลาในการอาบน้ำนานมากกว่าปกติ และหากเป็นไปได้เธออยากจะนอนในห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ เพราะรู้ดีว่าตอนนี้มีหมาป่าหิวโซกำลังรอที่จะเขมือบเธอลงท้องอยู่ในห้อง"อาซวนยับยั้งช่างใจบ้าง รู้จักหรือเปล่ารักหยกถนอมบุปผาน่ะ""คร้าบแม่"แม้ว่าคำพูดของแม่สามีที่แว่วมาเข้าหูเมื่อครู่นี้จะทำให้เธอพอจะใจชื้นขึ้นมาบ้างก็ตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่น รสนิยมทางเพศของเฉินห่าวซวนเธอสัมผัสมาแล้วว่ามันร้อนแรงมากขนาดไหน เขามีความต้องการที่มากมาย แม้ว่าเธอจะรู้สึกดีแต่เธอก็กลัวว่าจะไม่สามารถรับได้ไหวมันมีทั้งความรู้สึกกล้าและรู้สึกกลัว ทั้งรู้สึกปรารถนาและหวั่นเกรง เธอยังไม่สันทัดในเรื่องพวกนี้ ยังไม่คุ้นชินกับตัวตนของเขา ได้แต่หวังว่าเขาจะไว้ไมตรีให้แก่เธอบ้างหลังจากที่พอจะทำใจได้บ้างแล้วจึงสวมเสื้อผ้าอย่างอ้อยอิ่ง เดินกลับห้องไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆและก็เป็นดังที่เธอคิดโจวซิ่วหลันเม้มปากแน่น ใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อเห็นคนที่นอนรอเธออยู่บนเตียงเตา เขาสวมเพียงกางเกงผ้า เปิดเปลือยร่างกา
เมื่อเสียงออดสุดท้ายดังขึ้น บรรยากาศหน้าโรงเรียนก็พลุกพล่านไปด้วยความวุ่นวายและเสียงหัวเราะ นักเรียนจำนวนมากหลั่งไหลออกมาจากประตูโรงเรียน หอบหิ้วกระเป๋าด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม พวกเขารีบวิ่งไปที่รถที่จอดรออยู่ บ้างก็เดินไปนั่งรอรถประจำทาง บางคนเดินกลับบ้านกับเพื่อนๆ พูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับวันของพวกเขา บางคนมีผู้ปกครองปั่นจักรยานมารับผู้ปกครองรออยู่ที่ริมถนน บางคนนั่งอยู่ในรถ บางคนยืนอยู่ข้างทาง พวกเขามองหาลูกๆ ของตนเองในฝูงชน เมื่อพบกันแล้ว พวกเขาก็จะโบกมือและยิ้มให้กัน เด็กๆ วิ่งเข้าไปกอดพ่อแม่หรือผู้ปกครองอย่างมีความสุขบรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปด้วยความอบอุ่นและความรัก ขณะที่นักเรียนและผู้ปกครองเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งการพบปะหลังจากวันที่ยาวนานในโรงเรียนเช่นเดียวกับเด็กชายหญิงทั้งสองคน พวกเขาจับจูงมือกันเดินออกมาจากประตูโรงเรียน พากันเดินไปยังจุดรอรถประจำทาง พวกเขานั่งรอรถด้วยใจจดจ่อ อยากจะกลับบ้านเต็มที"วันนี้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เข้าเมืองคงจะมีขนมอร่อยๆ มาฝากแน่ๆ เลย พี่รองว่าไหม"เฉินซินยี่เอ่ยบอกพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน
ในที่สุดโจวซิ่วหลันก็เดินทางมาถึงโรงงานเสียที ถึงแม้ว่าระหว่างทางจะเกิดเหตุการณ์ชวนให้ใจวาบหวิวจนเกือบจะขาดใจก็ตามครั้งนี้นอกจากมารับสินค้าที่สั่งเอาไว้แล้ว เธอยังสั่งผลิตบรรจุภัณฑ์เพิ่มอีกล็อตใหญ่ ซึ่งครั้งนี้เธอสั่งเป็นจำนวนมากถึงห้าพันชิ้นและยังมีแนวโน้มว่ายอดสั่งผลิตจะมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย"ยินดีด้วยนะหลันหลัน พี่จะเร่งให้เป็นพิเศษเลยนะ แล้วพี่จะทยอยส่งให้เธอ"หยางตงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดี เขาชื่นชมในความสามารถของโจวซิ่วหลันที่ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในการจับธุรกิจตั้งแต่ครั้งแรก และอดที่จะชื่นชมชายหนุ่มผู้เป็นสามีของเธอไม่ได้ เขารู้สึกยินดีที่เห็นว่าอีกฝ่ายใส่ใจและรักใคร่ในตัวหญิงสาว และพร้อมที่จะสนับสนุนเธอ เพียงเท่านี้เขาก็รู้สึกวางใจแล้ว"ขอบคุณมากนะคะพี่ ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ"โจวซิ่วหลันกล่าวขอบคุณพร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างจริงใจ"โชคดีนะหลันหลัน"ในขณะที่หยางตงเทียนเฝ้ามองโจวซิ่วหลันเดินออกไปพร้อมกับสามีของเธอด้วยแววตาสั่นไหว หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรักและควา