เย่เสวียนถิงติดตามข้างกายซูชิงอู่อย่างใกล้ชิดใบหน้าของเย่เสวียนถิงถูกคลุมด้วยหน้ากาก คนอื่น ๆ ไม่สามารถมองเห็นได้แม้แต่คางของเขาเย่เสวียนถิงเหลือบมองที่ตำแหน่งของทางเข้าพลางคิดว่าต้องไปถึงที่นั่นก่อน จากนั้นจึงกระโดดลงไปโดยไม่ลังเลหลังจากแน่ใจว่ากระโดดลงไปยืนอย่างมั่นคงแล้ว เย่เสวียนถิงก็เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนแม้ทางเข้าจะไม่ลึกมากเกินไป แต่ก็ไม่มีบันไดให้เดินลงไป เหมือนกับหลุมที่ขุดไว้บนเพดานของห้องใต้ดินเย่เสวียนถิงวางคบเพลิงข้าง ๆ เพื่อส่องให้ทางเข้าสว่างขึ้นมา เขายื่นมือขึ้นไปพลางพยักหน้าเบา ๆ ให้ซูชิงอู่ซูชิงอู่กระโดดลงมาอย่างไม่ลังเลแขนแข็งแกร่งคู่หนึ่งกอดนางเอาไว้ซูชิงอู่กระโดดลงมาอย่างปลอดภัย เมื่อนางได้ยินเสียงคนกระโดดลงมา นางก็หันไปเห็นเย่ชิวหมิงยืนอย่างมั่นคงเรียบร้อยแล้ว“ไม่ทรงพาคนส่วนหนึ่งไปคุ้มกันหรือเพคะ?”เย่ชิวหมิงกล่าวว่า “พาไปสิ”ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน มีคนประมาณหกคนกระโดดเข้ามาจากด้านนอก ทุกคนสวมชุดสีดำพลางกายการแต่งกายแบบนี้สะดวกมากในตอนกลางคืน แต่ในเวลากลางวันแสก ๆ การแต่งตัวเช่นนี้จะดูแปลกไปสักหน่อย“คนเหล่านี้คือปรมาจารย์ที่อยู่ข้างกายข้า
เย่ชิวหมิงและคนอื่น ๆ ตามมาอย่างใกล้ชิดไปยังเส้นทางลับที่ค่อนข้างแคบที่อยู่ลึกลงเข้าไปข้างในเย่เสวียนถิงเดินนำหน้าเพื่อเปิดทางให้ซูชิงอู่ภายใต้หน้ากาก ดวงตาของบุรุษผู้นั้นดำขลับราวกับหมึก เขาเห็นว่าบริเวณด้านหน้าที่อยู่ไม่ไกลมีทางแยกสายหนึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทางลับนี้จะมีทางเดินเพียงเส้นเดียวซูชิงอู่เหลือบมองและตัดสินใจเลือกโดยไม่ลังเล “ทางนี้”ส่วนงูตัวนั้นที่ไม่กลับมา นางมั่นใจว่ามันตายไปแล้วเพราะงูนำทางจะกลับมาหลังจากอยู่ห่างจากนางในระยะที่กำหนดไว้ อีกทั้งยังนำเบาะแสเกี่ยวกับทางข้างหน้ากลับมาไม่มากก็น้อยหากทางข้างหน้าปลอดภัยพวกนางก็เดินต่อไปได้ แต่หากมีอันตราย ก็จะเกิดเหตุกับตัวคนไปด้วยซูชิงอู่ตรงไปที่ทางเดินแล้วเดินเข้าไป เย่ชิวหมิงรู้สึกประหม่าอยู่ครู่หนึ่ง เขาถามว่า “พระชายา ทางลับนี้ปลอดภัยหรือไม่?”ซูชิงอู่หยุดชะงัก “ไม่เพคะ หม่อมฉันหมายความว่าเราจะพบศพของคนที่พระองค์เพิ่งส่งไปเพคะ”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นศพของพวกเขา?”เมื่อเห็นความอยากรู้อยากเห็นของเย่ชิวหมิง ซูชิงอู่ก็โยนบางอย่างออกมาเย่ชิวหมิงเห็นอะไรบางอย่างลอยมาหาเขา เขาจึงรีบจับมันไว้จากนั้นก็รู้สึกว่
แม้แต่รูม่านตาของนางก็หดตัวเล็กน้อยเนื่องจากมีแมงมุมตัวเล็ก ๆ กระจายอยู่ด้านบน หากไม่ใช่เพราะนางมีสายที่ดีมากก็จะไม่มีทางแยกพวกมันออกจากสีของกำแพงได้พวกมันซ่อนอยู่ใต้แสงและเงาของกำแพงหิน โดยร่างสีเทาดำนั้นซ่อนอยู่ภายในอย่างสมบูรณ์แบบเย่ชิวหมิงและคนอื่น ๆ ก็มองข้ามไปเช่นกัน พลางรู้สึกหวาดกลัวทันทีถึงขนาดถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างอดไม่ได้มีคนถามขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า “สิ่งเหล่านี้คืออะไรรึ?”อีกคนตอบว่า “อาจเป็นเพราะที่แห่งนี้ไม่ได้เจอกับแสงสว่างตลอดทั้งปี ทั้งยังอยู่ใต้ดินและชื้นมาก ซึ่งเหมาะให้กู่สามง่ามบางตัวอาศัยอยู่…”“หรือว่าคนเหล่านั้นจะเสียชีวิตเพราะแมลงเหล่านี้?”การคาดเดานี้ทำให้องครักษ์ลับทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นรู้สึกหวาดกลัวท่าทางของเย่ชิวหมิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาถอยออกไปทันที “พระชายา ทางลับนี้อันตรายมาก อย่าไปลึกมากกว่านี้เลย”ซูชิงอู่รู้สึกประหลาดใจแต่สิ่งที่น่าประหลาดใจมากกว่าคือนางรู้จักแมลงมีพิษที่หน้าตาคล้ายแมงมุมพวกนี้ดีไม่แปลกใจที่คนเหล่านั้นเสียชีวิตในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้หนอนกู่ชนิดนี้หายากมาก ครั้งนี้นางได้พบสมบัติเข้าให้แล้วขณะที่ซูชิงอู่จ้อ
เย่ชิวหมิงที่อยู่ไม่ไกล จู่ ๆ ม่านตาของเขาก็หดตัวอย่างกะทันหันเมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวของบุรุษสวมหน้ากากองครักษ์ลับที่อยู่ข้างกายนั้นเขาเป็นคนคัดเลือกมา ซึ่งเป็นยอดคนในหมู่คนที่โดดเด่นในฐานะฮ่องเต้ ตอนนี้เขาสามารถควบคุมกองกำลังทั้งหมดที่ฮ่องเต้เฒ่าทิ้งไว้ได้เมื่อเขาขึ้นครองราชบัลลังก์ เขาก็ได้รู้ว่าเบื้องหลังของฮ่องเต้มีหน่วยสอดแนมที่ทำการสืบหาข้อมูลให้กับเขาโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับองค์กรลับที่ฝึกฝนองครักษ์ลับอย่างระมัดระวังบัดนี้คนเหล่านั้นได้ยอมรับเขาเป็นนายและคอยรับใช้เขาแต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่สามารถหาปรมาจารย์มีฝีมือเฉกเช่นบุรุษสวมหน้ากากในหมู่พวกเขาได้ขณะที่จิตใจกำลังสั่นไหว เย่ชิวหมิงก็คาดเดาได้หนึ่งสิ่งดวงตาของเย่ชิวหมิงจับจ้องไปที่หน้ากากบนใบหน้าของบุรุษผู้นั้น ราวกับต้องการจะมองทะลุเข้าไปในตอนแรก เขาคิดว่าเย่เสวียนถิงยังอยู่ที่ชายแดน เขาจึงยังไม่คาดเดามาในทางนี้แม้กระทั่งตอนแรกที่เห็นซูชิงอู่มีความใกล้ชิดกับบุรุษอื่น เขาก็สงสัยว่าพระชายาเสวียนได้มองหาบุรุษอื่นมาแทนกระมัง...ทว่าตอนนี้เมื่อเขาคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ตระหนักได้ในทันทีเมื่อพิจารณาจากรายละเอียดขอ
เย่เสวียนถิงถือขวดขนาดเท่าฝ่ามือแล้วเงยหน้าขึ้น “เจ้าพูดมา”“ท่านเห็นแมลงพวกนั้นที่อยู่ข้างบนหรือไม่ ข้าจะไปจับทางนี้ ส่วนท่านก็ไปจับทางนั้น…”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เสวียนถิงก็พยักหน้าเบา ๆ และครู่ต่อมาเขาก็แย่งขวดอีกสองใบจากมือของซูชิงอู่ที่นางเพิ่งหยิบออกมา“เจ้าอย่าขยับ”ซูชิงอู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็เห็นเย่เสวียนถิงหยิบดาบขึ้นมาจากพื้นแล้วสอดมันเข้าไปในช่องว่างของกำแพง จากนั้นกระโดดขึ้นไปเหยียบมัน และยกมือขึ้นเพื่อช่วยนางจับแมงมุมทีละตัวเขารวดเร็วมากและไม่กลัวว่าจะถูกแมลงกัดแม้แต่น้อย ไม่นานก็จับมาจนเต็มขวดแมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านั้นมีจำนวนไม่มากนักอีกทั้งพวกมันอยู่กันค่อนข้างกระจัดกระจายซึ่งเป็นเหตุให้หาตัวไม่ได้ง่าย ๆในไม่ช้า เย่เสวียนถิงที่จับแมงมุมม่ายสวรรค์เสร็จแล้วก็กระโดดลงมาแล้วยื่นขวดให้ซูชิงอู่ “เสร็จแล้ว”ซูชิงอู่เก็บขวดใบนั้น เงยหน้าพลางคลี่ยิ้ม จากนั้นก็เดินเข้าไปและถอดหน้ากากออกจากใบหน้าของเขาแล้วหอมแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาราวกับแมลงปอที่แตะผิวน้ำอย่างหยอกล้อ “รางวัล”เย่เสวียนถิงลูบแก้มของตัวเอง สีหน้าของเขาแสดงถึงความอ่อนโยนตาเหยี่ยวสีเข้มของเขามองร่างของ
เสียงนั้นไม่สูงมากนัก แต่สามารถได้ยินอย่างชัดเจนจากข้างในทางลับอันว่างเปล่าเจ้าของเสียงเป็นสตรี“กุ้ยเฟย ที่นี่อันตรายมากเช่นนี้คงไม่มีใครไล่ตามมา ท่านพักสักหน่อยเถิดเพคะ”เสียงของเจียวกุ้ยเฟยแปลกไป ราวกับนางกำลังทนต่อความเจ็บปวด และเวลาพูดก็เหมือนหอบหายใจ“รถม้านอกเมืองพร้อมหรือยัง? พี่สามมารับข้าจริง ๆ หรือ?”“กุ้ยเฟยวางพระทัยได้เพคะ ใต้เท้าเจียวได้ติดต่อกับคนขับรถม้าให้ท่านแล้ว ขอเพียงออกมาจากเส้นทางลับได้ ท่านก็จะปลอดภัยเพคะ”“ข้าก็ทำตามที่จดหมายลึกลับสั่งไปแล้ว เหตุใดถึงยังเปิดเผยเรื่องนี้กัน!”ในตอนที่พูดออกมา น้ำเสียงของนางก็สั่นเครือด้วยเพราะอยากร้องไห้และโกรธเกรี้ยวเหลือจะทน“ยี่สิบกว่าปี... ข้าเลี้ยงดูเขามายี่สิบกว่าปี แต่สุดท้ายกลับลงเอยเช่นนี้ แผนการก่อนหน้านี้ทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์ ซูชิงอู่ เย่เสวียนถิง ซูเฟย...รอให้ข้าได้อำนาจมาก่อนเถอะ พวกมันทุกคนข้าจะไม่ปล่อยใครไปแม้แต่คนเดียว…”ซูชิงอู่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้นเจียวกุ้ยเฟยผู้นี้ช่างทะเยอทะยานเสียจริงเป็นเรื่องยากที่นางจะพบทางลับเช่นนี้ หากนางไม่ได้มาที่นี่ นอกจากจะเสียกำลังคนไป เย่ชิวหมิงก็อาจหาเจียวกุ้
ก่อนที่สาวใช้จะตอบ ก็มีเสียงของสตรีดังมาจากถ้ำที่ว่างเปล่าซูชิงอู่ทนไม่ไหวอีกต่อไป “เช่นนั้นให้เจ้าบอกข้าแทนจะว่าอย่างไร?”เมื่อได้ยินเสียงอันน่าตะลึงราวกับฝันร้าย เสียงของเจียวกุ้ยเฟยก็หยุดชะงักไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจซูชิงอู่ไม่ได้จุดคบเพลิง แต่เดินออกไปทางฝั่งเจียวกุ้ยเฟยที่มีแสงไฟส่องสว่างราวกับโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าอันมืดมิดเจียวกุ้ยเฟยตกใจจนตาค้าง ริมฝีปากของนางแยกออก พลันรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา“จะ...เจ้าเป็นคนรึผี!”นางรู้ดีว่าทางลับนี้อันตรายเพียงใดตระกูลเจียวไม่รู้ว่าพวกเขาต้องสังเวยคนไปกี่ชีวิตกว่าจะพบวิธีที่จะผ่านที่นี่ไปได้อย่างปลอดภัยแม้แต่ตอนนี้ตามตัวของนางก็ยังเต็มไปด้วยผงยา นางเดินในเส้นทางลับนี้อย่างระมัดระวังด้วยเพราะกลัวว่าจะถูกแมลงพิษกัดเพราะถึงแม้โรยผงยาไว้ทั่วร่างกายก็อาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงแมลงมีพิษได้อย่างสมบูรณ์และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นมุมที่ค่อนข้างปลอดภัยหลังจากการทำการค้นหามายาวนาน ดังนั้นพวกนางจึงเลือกที่จะพักผ่อนที่นี่แต่สุดท้ายซูชิงอู่ก็มายืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟแสงสลัวส่องลงบนแก้มของนาง ทำให้นางดูน่าขนลุกยิ่งขึ้นในมุมมองของเจียวกุ้ย
ซูชิงอู่เองก็ตกใจกับการกระทำของเจียวกุ้ยเฟยเช่นกันเมื่อครู่นางคิดว่าอีกฝ่ายบอกว่าจะฆ่านางเสียอีกหากเรื่องนี้เป็นจริง วิธีการของเจียวกุ้ยเฟยก็น่าขยะแขยงสิ้นดีเพื่อที่จะยึดอำนาจมา พวกเขาจะใช้ทุกวิธีที่เป็นไปได้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ฮองเฮายังไม่ได้ไร้ยางอายเท่านาง“บอกข้ามา สตรีมีครรภ์นางนั้นอยู่ที่ไหน? หากพูดมาข้าก็จะพิจารณาปล่อยเจ้าไป”เจียวกุ้ยเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก นิ้วของนางที่จับดาบสั้นสั่นเล็กน้อย“รอให้ข้าไปก่อนแล้วข้าจะบอกเจ้า…”ซูชิงอู่หรี่ตามองไปยังท่าทางที่หวาดกลัวจนแทบตายของเจียวกุ้ยเฟย พลางพยักหน้าเบา ๆ“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เจ้าหนีไปก่อน”“เจ้าห้ามผิดคำพูดเด็ดขาด!”ซูชิงอู่ยิ้มและมองนางโดยไม่พูดอะไรเจียวกุ้ยเฟยฝืนลุกขึ้นและวิ่งออกไปโดยมีสาวใช้ตัวน้อยคอยประคองอยู่ข้าง ๆนางสะดุดล้ม และบนหน้าผากก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นที่ไหลพรูออกมาสาวใช้ที่พยุงนางจากมาอดไม่ได้ที่จะถาม “กุ้ยเฟย พวกเรามีกันสองคนและอีกฝ่ายก็มีเพียงคนเดียว จำเป็นต้องกลัวนางถึงเพียงนี้เลยหรือเพคะ?”“เจ้าจะไปรู้อะไร?”เจียวกุ้ยเฟยกัดฟันและหันกลับไปมองในขณะที่วิ่งราวกับซูชิงอู่เป็นสัตว์ประ
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้