เย่เสวียนถิงติดตามข้างกายซูชิงอู่อย่างใกล้ชิดใบหน้าของเย่เสวียนถิงถูกคลุมด้วยหน้ากาก คนอื่น ๆ ไม่สามารถมองเห็นได้แม้แต่คางของเขาเย่เสวียนถิงเหลือบมองที่ตำแหน่งของทางเข้าพลางคิดว่าต้องไปถึงที่นั่นก่อน จากนั้นจึงกระโดดลงไปโดยไม่ลังเลหลังจากแน่ใจว่ากระโดดลงไปยืนอย่างมั่นคงแล้ว เย่เสวียนถิงก็เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนแม้ทางเข้าจะไม่ลึกมากเกินไป แต่ก็ไม่มีบันไดให้เดินลงไป เหมือนกับหลุมที่ขุดไว้บนเพดานของห้องใต้ดินเย่เสวียนถิงวางคบเพลิงข้าง ๆ เพื่อส่องให้ทางเข้าสว่างขึ้นมา เขายื่นมือขึ้นไปพลางพยักหน้าเบา ๆ ให้ซูชิงอู่ซูชิงอู่กระโดดลงมาอย่างไม่ลังเลแขนแข็งแกร่งคู่หนึ่งกอดนางเอาไว้ซูชิงอู่กระโดดลงมาอย่างปลอดภัย เมื่อนางได้ยินเสียงคนกระโดดลงมา นางก็หันไปเห็นเย่ชิวหมิงยืนอย่างมั่นคงเรียบร้อยแล้ว“ไม่ทรงพาคนส่วนหนึ่งไปคุ้มกันหรือเพคะ?”เย่ชิวหมิงกล่าวว่า “พาไปสิ”ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน มีคนประมาณหกคนกระโดดเข้ามาจากด้านนอก ทุกคนสวมชุดสีดำพลางกายการแต่งกายแบบนี้สะดวกมากในตอนกลางคืน แต่ในเวลากลางวันแสก ๆ การแต่งตัวเช่นนี้จะดูแปลกไปสักหน่อย“คนเหล่านี้คือปรมาจารย์ที่อยู่ข้างกายข้า
เย่ชิวหมิงและคนอื่น ๆ ตามมาอย่างใกล้ชิดไปยังเส้นทางลับที่ค่อนข้างแคบที่อยู่ลึกลงเข้าไปข้างในเย่เสวียนถิงเดินนำหน้าเพื่อเปิดทางให้ซูชิงอู่ภายใต้หน้ากาก ดวงตาของบุรุษผู้นั้นดำขลับราวกับหมึก เขาเห็นว่าบริเวณด้านหน้าที่อยู่ไม่ไกลมีทางแยกสายหนึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทางลับนี้จะมีทางเดินเพียงเส้นเดียวซูชิงอู่เหลือบมองและตัดสินใจเลือกโดยไม่ลังเล “ทางนี้”ส่วนงูตัวนั้นที่ไม่กลับมา นางมั่นใจว่ามันตายไปแล้วเพราะงูนำทางจะกลับมาหลังจากอยู่ห่างจากนางในระยะที่กำหนดไว้ อีกทั้งยังนำเบาะแสเกี่ยวกับทางข้างหน้ากลับมาไม่มากก็น้อยหากทางข้างหน้าปลอดภัยพวกนางก็เดินต่อไปได้ แต่หากมีอันตราย ก็จะเกิดเหตุกับตัวคนไปด้วยซูชิงอู่ตรงไปที่ทางเดินแล้วเดินเข้าไป เย่ชิวหมิงรู้สึกประหม่าอยู่ครู่หนึ่ง เขาถามว่า “พระชายา ทางลับนี้ปลอดภัยหรือไม่?”ซูชิงอู่หยุดชะงัก “ไม่เพคะ หม่อมฉันหมายความว่าเราจะพบศพของคนที่พระองค์เพิ่งส่งไปเพคะ”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นศพของพวกเขา?”เมื่อเห็นความอยากรู้อยากเห็นของเย่ชิวหมิง ซูชิงอู่ก็โยนบางอย่างออกมาเย่ชิวหมิงเห็นอะไรบางอย่างลอยมาหาเขา เขาจึงรีบจับมันไว้จากนั้นก็รู้สึกว่
แม้แต่รูม่านตาของนางก็หดตัวเล็กน้อยเนื่องจากมีแมงมุมตัวเล็ก ๆ กระจายอยู่ด้านบน หากไม่ใช่เพราะนางมีสายที่ดีมากก็จะไม่มีทางแยกพวกมันออกจากสีของกำแพงได้พวกมันซ่อนอยู่ใต้แสงและเงาของกำแพงหิน โดยร่างสีเทาดำนั้นซ่อนอยู่ภายในอย่างสมบูรณ์แบบเย่ชิวหมิงและคนอื่น ๆ ก็มองข้ามไปเช่นกัน พลางรู้สึกหวาดกลัวทันทีถึงขนาดถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างอดไม่ได้มีคนถามขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า “สิ่งเหล่านี้คืออะไรรึ?”อีกคนตอบว่า “อาจเป็นเพราะที่แห่งนี้ไม่ได้เจอกับแสงสว่างตลอดทั้งปี ทั้งยังอยู่ใต้ดินและชื้นมาก ซึ่งเหมาะให้กู่สามง่ามบางตัวอาศัยอยู่…”“หรือว่าคนเหล่านั้นจะเสียชีวิตเพราะแมลงเหล่านี้?”การคาดเดานี้ทำให้องครักษ์ลับทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นรู้สึกหวาดกลัวท่าทางของเย่ชิวหมิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาถอยออกไปทันที “พระชายา ทางลับนี้อันตรายมาก อย่าไปลึกมากกว่านี้เลย”ซูชิงอู่รู้สึกประหลาดใจแต่สิ่งที่น่าประหลาดใจมากกว่าคือนางรู้จักแมลงมีพิษที่หน้าตาคล้ายแมงมุมพวกนี้ดีไม่แปลกใจที่คนเหล่านั้นเสียชีวิตในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้หนอนกู่ชนิดนี้หายากมาก ครั้งนี้นางได้พบสมบัติเข้าให้แล้วขณะที่ซูชิงอู่จ้อ
เย่ชิวหมิงที่อยู่ไม่ไกล จู่ ๆ ม่านตาของเขาก็หดตัวอย่างกะทันหันเมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวของบุรุษสวมหน้ากากองครักษ์ลับที่อยู่ข้างกายนั้นเขาเป็นคนคัดเลือกมา ซึ่งเป็นยอดคนในหมู่คนที่โดดเด่นในฐานะฮ่องเต้ ตอนนี้เขาสามารถควบคุมกองกำลังทั้งหมดที่ฮ่องเต้เฒ่าทิ้งไว้ได้เมื่อเขาขึ้นครองราชบัลลังก์ เขาก็ได้รู้ว่าเบื้องหลังของฮ่องเต้มีหน่วยสอดแนมที่ทำการสืบหาข้อมูลให้กับเขาโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับองค์กรลับที่ฝึกฝนองครักษ์ลับอย่างระมัดระวังบัดนี้คนเหล่านั้นได้ยอมรับเขาเป็นนายและคอยรับใช้เขาแต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่สามารถหาปรมาจารย์มีฝีมือเฉกเช่นบุรุษสวมหน้ากากในหมู่พวกเขาได้ขณะที่จิตใจกำลังสั่นไหว เย่ชิวหมิงก็คาดเดาได้หนึ่งสิ่งดวงตาของเย่ชิวหมิงจับจ้องไปที่หน้ากากบนใบหน้าของบุรุษผู้นั้น ราวกับต้องการจะมองทะลุเข้าไปในตอนแรก เขาคิดว่าเย่เสวียนถิงยังอยู่ที่ชายแดน เขาจึงยังไม่คาดเดามาในทางนี้แม้กระทั่งตอนแรกที่เห็นซูชิงอู่มีความใกล้ชิดกับบุรุษอื่น เขาก็สงสัยว่าพระชายาเสวียนได้มองหาบุรุษอื่นมาแทนกระมัง...ทว่าตอนนี้เมื่อเขาคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ตระหนักได้ในทันทีเมื่อพิจารณาจากรายละเอียดขอ
เย่เสวียนถิงถือขวดขนาดเท่าฝ่ามือแล้วเงยหน้าขึ้น “เจ้าพูดมา”“ท่านเห็นแมลงพวกนั้นที่อยู่ข้างบนหรือไม่ ข้าจะไปจับทางนี้ ส่วนท่านก็ไปจับทางนั้น…”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เสวียนถิงก็พยักหน้าเบา ๆ และครู่ต่อมาเขาก็แย่งขวดอีกสองใบจากมือของซูชิงอู่ที่นางเพิ่งหยิบออกมา“เจ้าอย่าขยับ”ซูชิงอู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็เห็นเย่เสวียนถิงหยิบดาบขึ้นมาจากพื้นแล้วสอดมันเข้าไปในช่องว่างของกำแพง จากนั้นกระโดดขึ้นไปเหยียบมัน และยกมือขึ้นเพื่อช่วยนางจับแมงมุมทีละตัวเขารวดเร็วมากและไม่กลัวว่าจะถูกแมลงกัดแม้แต่น้อย ไม่นานก็จับมาจนเต็มขวดแมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านั้นมีจำนวนไม่มากนักอีกทั้งพวกมันอยู่กันค่อนข้างกระจัดกระจายซึ่งเป็นเหตุให้หาตัวไม่ได้ง่าย ๆในไม่ช้า เย่เสวียนถิงที่จับแมงมุมม่ายสวรรค์เสร็จแล้วก็กระโดดลงมาแล้วยื่นขวดให้ซูชิงอู่ “เสร็จแล้ว”ซูชิงอู่เก็บขวดใบนั้น เงยหน้าพลางคลี่ยิ้ม จากนั้นก็เดินเข้าไปและถอดหน้ากากออกจากใบหน้าของเขาแล้วหอมแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาราวกับแมลงปอที่แตะผิวน้ำอย่างหยอกล้อ “รางวัล”เย่เสวียนถิงลูบแก้มของตัวเอง สีหน้าของเขาแสดงถึงความอ่อนโยนตาเหยี่ยวสีเข้มของเขามองร่างของ
เสียงนั้นไม่สูงมากนัก แต่สามารถได้ยินอย่างชัดเจนจากข้างในทางลับอันว่างเปล่าเจ้าของเสียงเป็นสตรี“กุ้ยเฟย ที่นี่อันตรายมากเช่นนี้คงไม่มีใครไล่ตามมา ท่านพักสักหน่อยเถิดเพคะ”เสียงของเจียวกุ้ยเฟยแปลกไป ราวกับนางกำลังทนต่อความเจ็บปวด และเวลาพูดก็เหมือนหอบหายใจ“รถม้านอกเมืองพร้อมหรือยัง? พี่สามมารับข้าจริง ๆ หรือ?”“กุ้ยเฟยวางพระทัยได้เพคะ ใต้เท้าเจียวได้ติดต่อกับคนขับรถม้าให้ท่านแล้ว ขอเพียงออกมาจากเส้นทางลับได้ ท่านก็จะปลอดภัยเพคะ”“ข้าก็ทำตามที่จดหมายลึกลับสั่งไปแล้ว เหตุใดถึงยังเปิดเผยเรื่องนี้กัน!”ในตอนที่พูดออกมา น้ำเสียงของนางก็สั่นเครือด้วยเพราะอยากร้องไห้และโกรธเกรี้ยวเหลือจะทน“ยี่สิบกว่าปี... ข้าเลี้ยงดูเขามายี่สิบกว่าปี แต่สุดท้ายกลับลงเอยเช่นนี้ แผนการก่อนหน้านี้ทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์ ซูชิงอู่ เย่เสวียนถิง ซูเฟย...รอให้ข้าได้อำนาจมาก่อนเถอะ พวกมันทุกคนข้าจะไม่ปล่อยใครไปแม้แต่คนเดียว…”ซูชิงอู่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้นเจียวกุ้ยเฟยผู้นี้ช่างทะเยอทะยานเสียจริงเป็นเรื่องยากที่นางจะพบทางลับเช่นนี้ หากนางไม่ได้มาที่นี่ นอกจากจะเสียกำลังคนไป เย่ชิวหมิงก็อาจหาเจียวกุ้
ก่อนที่สาวใช้จะตอบ ก็มีเสียงของสตรีดังมาจากถ้ำที่ว่างเปล่าซูชิงอู่ทนไม่ไหวอีกต่อไป “เช่นนั้นให้เจ้าบอกข้าแทนจะว่าอย่างไร?”เมื่อได้ยินเสียงอันน่าตะลึงราวกับฝันร้าย เสียงของเจียวกุ้ยเฟยก็หยุดชะงักไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจซูชิงอู่ไม่ได้จุดคบเพลิง แต่เดินออกไปทางฝั่งเจียวกุ้ยเฟยที่มีแสงไฟส่องสว่างราวกับโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าอันมืดมิดเจียวกุ้ยเฟยตกใจจนตาค้าง ริมฝีปากของนางแยกออก พลันรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา“จะ...เจ้าเป็นคนรึผี!”นางรู้ดีว่าทางลับนี้อันตรายเพียงใดตระกูลเจียวไม่รู้ว่าพวกเขาต้องสังเวยคนไปกี่ชีวิตกว่าจะพบวิธีที่จะผ่านที่นี่ไปได้อย่างปลอดภัยแม้แต่ตอนนี้ตามตัวของนางก็ยังเต็มไปด้วยผงยา นางเดินในเส้นทางลับนี้อย่างระมัดระวังด้วยเพราะกลัวว่าจะถูกแมลงพิษกัดเพราะถึงแม้โรยผงยาไว้ทั่วร่างกายก็อาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงแมลงมีพิษได้อย่างสมบูรณ์และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นมุมที่ค่อนข้างปลอดภัยหลังจากการทำการค้นหามายาวนาน ดังนั้นพวกนางจึงเลือกที่จะพักผ่อนที่นี่แต่สุดท้ายซูชิงอู่ก็มายืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟแสงสลัวส่องลงบนแก้มของนาง ทำให้นางดูน่าขนลุกยิ่งขึ้นในมุมมองของเจียวกุ้ย
ซูชิงอู่เองก็ตกใจกับการกระทำของเจียวกุ้ยเฟยเช่นกันเมื่อครู่นางคิดว่าอีกฝ่ายบอกว่าจะฆ่านางเสียอีกหากเรื่องนี้เป็นจริง วิธีการของเจียวกุ้ยเฟยก็น่าขยะแขยงสิ้นดีเพื่อที่จะยึดอำนาจมา พวกเขาจะใช้ทุกวิธีที่เป็นไปได้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ฮองเฮายังไม่ได้ไร้ยางอายเท่านาง“บอกข้ามา สตรีมีครรภ์นางนั้นอยู่ที่ไหน? หากพูดมาข้าก็จะพิจารณาปล่อยเจ้าไป”เจียวกุ้ยเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก นิ้วของนางที่จับดาบสั้นสั่นเล็กน้อย“รอให้ข้าไปก่อนแล้วข้าจะบอกเจ้า…”ซูชิงอู่หรี่ตามองไปยังท่าทางที่หวาดกลัวจนแทบตายของเจียวกุ้ยเฟย พลางพยักหน้าเบา ๆ“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เจ้าหนีไปก่อน”“เจ้าห้ามผิดคำพูดเด็ดขาด!”ซูชิงอู่ยิ้มและมองนางโดยไม่พูดอะไรเจียวกุ้ยเฟยฝืนลุกขึ้นและวิ่งออกไปโดยมีสาวใช้ตัวน้อยคอยประคองอยู่ข้าง ๆนางสะดุดล้ม และบนหน้าผากก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นที่ไหลพรูออกมาสาวใช้ที่พยุงนางจากมาอดไม่ได้ที่จะถาม “กุ้ยเฟย พวกเรามีกันสองคนและอีกฝ่ายก็มีเพียงคนเดียว จำเป็นต้องกลัวนางถึงเพียงนี้เลยหรือเพคะ?”“เจ้าจะไปรู้อะไร?”เจียวกุ้ยเฟยกัดฟันและหันกลับไปมองในขณะที่วิ่งราวกับซูชิงอู่เป็นสัตว์ประ