ในค่ำคืนอันเงียบสงัด รอบข้างล้อมรอบด้วยนายทหารที่ขวางประตูบ้านตระกูลเจียวแม้วันนี้ซูชิงอู่จะจับกุมหัวหน้าตระกูลเจียวและคนอื่น ๆ ได้ แต่ใช่ว่าสมาชิกทุกคนในตระกูลเจียวจะอยู่ที่นี่ ยังมีอีกหลายคนที่กระจัดกระจายไปตามที่ต่าง ๆนางหลุบตาลงและคลี่ยิ้มออกมา นางป่าวประกาศออกมาด้วยรอยยิ้มสดใสว่า “ข้านี่แหละคือกฎหมาย!”หัวหน้าตระกูลเจียวตกตะลึง ไม่อยากเชื่อเลยว่าซูชิงอู่จะกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าธารกำนัล!“พระชายาเสวียน ท่านกำลังดูหมิ่นอำนาจของฮ่องเต้และไม่เห็นฝ่าบาทอยู่สายตา!”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว นางเคยเห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตาตอนไหนกัน?ฮ่องเต้เฒ่าเป็นเพียงหุ่นเชิดให้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่อาณาจักรของตัวเองก็ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้“ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยนะ แม้วันนี้ข้าจะทำลายจวนตระกูลเจียวของพวกเจ้า แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรข้าได้!”หัวหน้าตระกูลเจียวย่อมไม่เชื่อ เขายิ้มเยาะและพูดว่า “องค์รัชทายาทใกล้จะเสด็จมาถึงแล้ว มาดูกันซิว่าท่านจะยังหยิ่งผยองอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้หรือไม่ นอกจากนี้ราชองครักษ์ของเมืองหลวงก็จะสังหารเหล่าโจรกบฏของพวกท่านจนสิ้น!”“โจรกบฏรึ?”ซูชิงอู่เลิกคิ้วและพูดเสียงเย็น “เจียวกุ้ยเฟ
“หยุดเดี๋ยวนี้ ใครอนุญาตให้พวกเจ้าทำเช่นนี้ พวกเจ้าไม่รู้รึว่าที่นี่คือที่ใด?”หลิ่วจ้งอิ๋นเอ่ยอย่างคนปากเสีย “รู้สิ หน้าประตูก็มีป้ายเขียนไว้ไม่ใช่รึ? จวนตระกูลเจียวใช่หรือไม่ ข้านี่อ่านตัวอักษรเก่งใช้ได้นะเนี่ย”คำพูดเหล่าดังกล่าวทำให้เจียวกุ้ยเฟยหน้าเปลี่ยนสีด้วยความโกรธนางไม่รู้จักหลิ่วจ้งอิ๋น ดังนั้นนางจึงพูดกับซูชิงอู่ “พระชายาเสวียน เจ้ารู้ว่าที่นี่คือเขตแดนของตระกูลเจียว แต่ก็ยังไม่บอกให้คนของเจ้าหยุด หรือว่าเจ้าคิดจะก่อกบฏ?”ซูชิงอู่มองเจียวกุ้ยเฟยด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมส่งรอยยิ้มแปลก ๆ มาให้เจียวกุ้ยเฟยขนลุกไปทั้งตัวเมื่อนางเห็นรอยยิ้มนั้นนางรู้ดีว่าซูชิงอู่แข็งแกร่งเพียงใด ดังนั้นนางจึงกล้าสร้างปัญหาเฉพาะตอนที่อีกฝ่ายไม่อยู่ นางคิดว่าซูชิงอู่จะไม่กลับมา แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้พบอีกฝ่ายเร็วเช่นนี้!นางกระเดือกน้ำลายสองอึกใหญ่ ความกลัวทำให้นางไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ชั่วขณะซูชิงอู่ค่อย ๆ เอ่ยปาก “ปากของกุ้ยเฟยก็เอาแต่พูดว่ากบฏอย่างนั้นกบฏอย่างนี้ เป็นผู้กระทำที่รู้จักชิงกล่าวบิดเบือนความจริงก่อนเสียจริง!”เจียวกุ้ยเฟยกัดฟัน “ซูชิงอู่ หากเจ้าเห็นแก่ความเป็นพันธมิตรที่เรา
ทันใดนั้น เย่เสวียนถิงก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ และสะบัดมือส่งจดหมายให้พุ่งไปหาเขาเย่ชิวหมิงรับจดหมายมาพลางมองไปที่ซูชิงอู่ด้วยความประหลาดใจ ด้วยไม่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไรซูชิงอู่กล่าวว่า “ท่านจะได้รู้หลังจากเปิดจดหมายอ่านเพคะ”ไม่รู้เหตุใดเจียวกุ้ยเฟยถึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีที่เห็นจดหมายทันใดนั้นนางก็วิ่งไปคิดจะแย่งจดหมายมา “ชิวหมิง ของพวกนี้มันจะไปมีความน่าเชื่อถือได้อย่างไร? อย่าอ่านเลยจะดีกว่า อีกฝ่ายต้องเขียนเรื่องอะไรมาโกหกเจ้าแน่นอน!”ทว่านางก็คว้าได้เพียงความว่างเปล่า เย่ชิวหมิงฉีกซองจดหมายและหยิบกระดาษจดหมายข้างในออกมาในจดหมายมีเนื้อความว่า [ หลังจากการสืบสวน เป็นที่แน่นอนแล้วว่าองค์ชายใหญ่เย่ชิวหมิงไม่ใช่บุตรแท้ ๆ ของกุ้ยเฟย แต่เกิดมาจากนางกำนัลข้างกายของนางในเวลานั้น ส่วนการพิสูจน์เชื้อสายของฮ่องเต้ ได้มีการรวบรวมพยานและหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีรายการดังต่อไปนี้...ตั้งแต่ที่ได้อ่านประโยคแรก เย่ชิวหมิงรู้สึกเหมือนมีเสียงวิ้งดังขึ้นในหัวสีเลือดบนใบหน้าของเขาจางลง และเขาก็พลิกไปอ่านหน้าต่อไปสองหน้าที่อยู่ต่อกันคือคำสารภาพทั้งหมดของพยาน ตั้งแต่การก
เจียวกุ้ยเฟยตัวแข็งทื่อ กลัวที่จะมองเข้าไปในดวงตาของเย่ชิวหมิง“ชิวหมิง เจ้าฟังที่แม่พูด…”“หุบปาก!”จู่ ๆ เย่ชิวหมิงก็กล่าววาจาดุดันน้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่มีความสั่นเครือเล็กน้อย“เจ้าไม่ใช่มารดาของข้า!”เจียวกุ้ยเฟยอ้าปาก แต่เป็นเวลาชั่วขณะที่ไม่มีเสียงเปล่งออกมาเมื่อเห็นสายตาของเย่ชิวหมิงค่อย ๆ เปลี่ยนไป นางก็รีบพูดขึ้น “มะ...แม่เป็นคนเลี้ยงดูเจ้านะ ถึงจะไม่ได้มีบุญคุณที่ให้กำเนิด แต่ยังมีบุญคุณที่เลี้ยงดูมา เจ้าจำได้หรือไม่ ตอนเจ้ายังเด็กแม่อยู่ฉลองวันเกิดกับเจ้าทุกปี ไปเที่ยวเทศกาลโคมไฟกับเจ้า…แม่รักเจ้าเหมือนลูกแท้ ๆ มาตลอดหลายปี ถึงอย่างไรหัวใจคนเราก็ย่อมมีความรู้สึก เจ้าลืมไปหมดแล้วรึ!”นางพูดไปร้องไห้ไป ทันใดนั้นน้ำตาของนางก็อาบทั่วใบหน้าซูชิงอู่โน้มตัวไปข้าง ๆ เย่เสวียนถิงและพูดเสียงเบา “ท่านอ๋อง ละครเรื่องนี้สนุกหรือไม่?”เย่เสวียนถิงสวมหน้ากากอยู่ ซูชิงอู่จึงไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของเขาได้ แต่ดวงตาที่มองนางผ่านรูหน้ากากนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเขาแอบจับมือของซูชิงอู่และยืนเคียงคู่อยู่ด้วยกันเนื่องจากสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เจีย
หัวหน้าตระกูลเจียวก็หน้าซีดไม่แพ้กัน เขาไม่อาจปกปิดความหวาดกลัวในดวงตาของตัวเองได้เดิมทีนี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลเจียว แต่ตอนนี้มันถูกเปิดเผยต่อสาธารณะแล้วเย่ชิวหมิงหลุบตาพูดกับกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลัง “จับพวกเขาทั้งหมดและนำตัวไปขังไว้ในคุกหลวงเพื่อรอการลงโทษ!”ตอนนี้ฮ่องเต้เฒ่ากลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงและไม่สามารถจัดการกับเรื่องเหล่านี้ได้อีกต่อไป อำนาจทั้งหมดในการปกครองราชสำนักจึงตกมาอยู่ในมือของเย่ชิวหมิงทันทีที่เขาออกคำสั่ง เหล่าทหารองครักษ์ก็เข้ามาจับกุมทุกคนที่ซูชิงอู่จับตัวไว้ซูซิงอู่พยักหน้าเบา ๆ พลางมองเย่ชิวหมิงที่มีสีหน้าไม่สู้ดีอย่างยิ่ง และโบกมือให้คนของนางล่าถอยชั่วคราวนางเพียงแค่เผาบ้านตระกูลเจียวเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะฆ่าล้างบางคนในตระกูลประการแรกคือนางไม่อยากหาเรื่องเดือดร้อน โดยถูกคนนินทาลับหลังว่านางเป็นคนโหดร้ายทารุณ และอีกประการก็คือ...นางสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างมีเหตุผลสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางไม่อยากทำให้การสังหารคนตระกูลเจียวก่อให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งนางก็ไม่ใช่โจรและไม่ได้สนใจชีวิตของคนชรา สตรีและเด็กเหล่านั้น“องค์รัชทายาท หม่อมฉ
“ใครน่ะหรือ?”ซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ พลางหันไปมองเย่เสวียนถิงด้วยสายตาหยอกล้อถึงอย่างไรเย่เสวียนถิงก็เป็นคนทำให้เรื่องแดงขึ้นมา ใครใช้ให้เขาไม่ยอมเก็บอารมณ์เลยเล่าเขาเหมือนคนที่อดอยากมานานแรมปี วัน ๆ เอาแต่จับนู่นแตะนี่จนทำให้คนจำนวนมากเข้าใจผิดกันหมดนางจงใจพูด “หม่อมฉันไม่จำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้ต่อองค์รัชทายาทหรอกกระมังเพคะ?”เย่ชิวหมิงสะอึกเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปชี้นิ้วสั่งการและยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของซูชิงอู่ได้จริง ๆ และเย่เสวียนถิงที่ตอนนี้ยังอยู่ที่ชายแดนก็คงไม่รู้เรื่องนี้...เย่ชิวหมิงไม่เคยคิดว่าเย่เสวียนถิงจะมาที่เมืองหลวง และเขาก็ได้รับข้อมูลจากสายข่าวว่าแม้เย่เสวียนถิงพูดว่าจะไปตามหาพระชายา แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ออกจากชายแดนเขายังคงอยู่คอยเฝ้าจับตาหากลุ่มคนที่เป็นต้นตอของอันตรายอยู่ที่ชายแดนเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่ชิวหมิงก็ถอนหายใจเบา ๆดู ๆ แล้วเย่เสวียนถิงคงไม่ได้สนใจซูชิงอู่มากนักดังนั้นหากซูชิงอู่จะไปหาบุรุษอื่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้...เย่ชิวหมิงแก้ตัวให้กับซูชิงอู่ในใจโดยไม่รู้ตัวเขามองไปรอบ ๆ แ
หัวใจของเย่ชิวหมิงสั่นไหว“การสกัดกั้นโจมตีและลอบสังหารกองกำลังคุ้มกันเสบียงที่จะส่งไปยังชายแดนนั้นถูกสงสัยว่าเป็นการก่อกบฏ ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรงต้องโทษประหารล้างตระกูล หากดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ข้าเกรงว่าทุกคนในตระกูลเจียวจะ…”ซูชิงอู่คลี่ยิ้ม “นั่นไม่จำเป็น หม่อมฉันเพียงแค่อยากให้หัวหน้าตระกูลเจียวรับผิดชอบเพคะ”เย่ซิ่วหมิงรู้สึกโล่งใจอย่างอธิบายไม่ถูกการไม่ต้องตัดหัวทุกคนในตระกูลแลกกับการสังเวยเพียงชีวิตเดียว จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่า...“ในอีกสองวัน ข้าจะลงโทษหัวหน้าตระกูลเจียวต่อหน้าขุนนางทุกคน และข้าจะให้คำตอบเจ้าโดยเร็วที่สุด”ซูชิงอู่ไม่ได้พูดอะไรอีก นางหันหลังและเดินมาที่อีกฝั่ง จูงม้ามาและขึ้นไปนั่งบนหลังม้าจู่ ๆ เย่เสวียนถิงก็ขยับขึ้นมานั่งข้างหลังนาง จากนั้นก็กอดเอวของนางรอยยิ้มมุมปากของซูชิงอู่แข็งค้างนางเห็นสายตาทิ่มแทงมาจากรอบตัวทุกทิศทางนางดึงแขนของเย่เสวียนถิงที่รัดนางไว้แน่นแต่ก็ดึงไม่ออกซูชิงอู่จึงค่อย ๆ หันไปกระซิบ “หากท่านยังทำเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคนทั้งใต้หล้าจะพากันคิดว่าข้านอกใจท่าน!”เย่เสวียนถิงหลุบตาลงและพูดเสียงต่ำที่ข้างหูข
เมื่อนางมาถึงประตูเรือน ดวงตาของซูชิงอู่ก็มีน้ำรื้นออกมา และแก้มของนางก็แดงเล็กน้อยโชคดีที่ตอนนี้เป็นตอนกลางคืนจึงไม่มีใครมองเห็นได้ชัดเมื่ออวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงได้ยินว่าพระชายากลับมาแล้ว พวกนางก็รีบออกมาพร้อมกับอุ้มทารกน้อยคนหนึ่งมาด้วยซูชิงอู่หายตัวไปเป็นเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งนั่นทำให้คนในครอบครัวเป็นกังวลอย่างมาก“พระชายา พระชายากลับมาแล้ว!”แสงไฟในจวนอ๋องสว่างไสว ทุกคนที่อยู่ข้างในก็เดินตามอวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงออกมา และทารกน้อยในอ้อมแขนของนางก็คือท่านหญิงน้อยลั่วลั่วซูชิงอู่สบตากับผู้คนที่คุ้นเคยเหล่านี้ แต่เดิมที่นางกำลังรู้สึกร้อนใจอยู่ก็พลันโล่งใจในทันที นางรีบเดินไปหาเสี่ยวลั่วลั่วและบีบแก้มป่อง ๆ ของเด็กน้อย“ช่วงที่แม่ไม่อยู่ เสี่ยวลั่วลั่วอ้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ…”หรงหย่ายิ้มและพูดว่า “เป็นเพราะซูเฟยดูแลเป็นอย่างดีเพคะ”“ซูเฟย?”ซูชิงอู่รู้สึกประหลาดใจเมื่อนางเงยหน้าก็เห็นซูเฟยเดินออกมาจากข้างในพร้อมกับสีหน้าประหลาดใจ“ชิงอู่ เจ้ากลับมาแล้วจริง ๆ หรือ?”นางรีบเดินไปหาซูชิงอู่และกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ซูชิงอู่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย นางคิดไม่ถึงว่าซูเฟยจะกระตือร