ซึ่งนี่เป็นตำแหน่งเดียวกับที่ฉีเทียนหยวนเพิ่งตบไหล่เขาไปเมื่อครู่นี้มันคลานไปตรงผิวหนังช่วงคอของเย่ชิวหมิงที่เปิดโล่งอยู่ จากนั้นก็แยกเขี้ยวกัดลงไปเย่ชิวหมิงรู้สึกเจ็บจี๊ดเล็กน้อยที่หลังคอ เขาจึงยกมือขึ้นมาตบตรงนั้นไปหนึ่งทีเมื่อดึงมือกลับมาดูก็พบรอยเลือดเล็ก ๆ บนฝ่ามือของตัวเองแมลงสีแดงท้องแตกเละ เลือดสีแดงสดของมันมองเห็นผ่านผิวหนังโปร่งใส มันดูเหมือนยุงตัวใหญ่อย่างมากหากแต่เพียงไม่มีปีกและบินไม่ได้เย่ชิวหมิงขมวดคิ้วจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยความสับสนพลางมองฉีเทียนหยวนที่อยู่ตรงข้ามฉีเทียนหยวนเองก็มองเขาเช่นกันบรรยากาศเงียบไปชั่วขณะ จนกระทั่งเย่ชิวหมิงถามอีกฝ่ายว่า “สภาพอากาศเช่นนี้มียุงตัวใหญ่ขนาดนี้ด้วยหรือ?”ตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูร้อนจึงมักมียุงเป็นธรรมดา แต่ปกติแล้วยุงพวกนี้มักจะออกมากัดคนยามค่ำนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นยุงที่ใจกล้าและดูดเลือดคนจนอวบอ้วนเช่นนี้ฉีเทียนหยวนจ้องเย่ชิวหมิง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตระหนกตกใจเขาลอบกลืนน้ำลาย พลางแอบเอามือไปด้านหลังแล้วดึงชายเสื้อของบ่าวรับใช้“เหตุใดมันถึงไม่ได้ผล?”เห็นกันอยู่ ๆ ชัดว่าเขาถูกกู่เลือดกัด และตอน
ปากของฉีเทียนหยวนกระตุกเล็กน้อย จริง ๆ แล้วเขาไม่อยากบอกเย่ชิวหมิงมากไปกว่านี้แต่หากตอนนี้เขาไม่สามารถหาคำอธิบายที่ฟังขึ้นได้ ก็จะกระตุ้นให้เกิดความสงสัยอย่างแน่นอนเขาหรี่ตาเล็กน้อย “แคว้นอู๋ตะวันตกได้เตรียมกองทัพจำนวนสี่แสนนายอยู่ที่เขตเจิ้นเป่ย แม้อู๋หลางจะไม่ตาย แต่พี่น้องคนอื่น ๆ ของเขาคงจะไม่ยอมให้เขากลับไป…”ดวงตาของเย่ชิวหมิงเป็นประกายเขามองฉีเทียนหยวนด้วยความเหลือเชื่อพลางขมวดคิ้วและพูดว่า “พวกเขาจะกล้าได้อย่างไร? ไม่กลัวว่าแคว้นหนานเย่กับแคว้นฉีตะวันออกจะร่วมมือกันรึ?”แม้แคว้นอู๋ตะวันตกจะมีกองทหารและม้าที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นที่แน่นอนว่าจะได้รับชัยชนะในสนามรบฉีเทียนหยวนหรี่ตาหยีก่อนยกยิ้ม “เอาล่ะ ข้าจะบอกความลับสุดท้ายให้ท่านรู้ นั่นคือท่านพี่ใหญ่ของข้าได้รับปากแคว้นอู๋ตะวันตกไว้ล่วงหน้าว่าหากแคว้นอู๋ตะวันตกจัดการกับแคว้นหนานเย่ เขาจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย!”คราวนี้ม่านตาของเย่ชิวหมิงหดตัวลงทันทีทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนพลางยิ้มเยาะ “เขายังไม่ได้เป็นรัชทายาทด้วยซ้ำ? เหตุใดถึงพูดเช่นนั้นออกมาได้?”ฉีเทียนหยวนถอนหายใจ “นั่นเป็นข่าวสารที่ข้าเองก็เพิ่งได้รับหลังจา
ฉีเทียนหยวนยิ้มเยาะและมีแววเหยียดหยามในดวงตา “เราสองคนตกลงกันแล้วว่านี่คือความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน หวังว่าท่านจะไม่ทำตัวไร้ประโยชน์นัก”“ท่าน…”สตรีผู้นั้นโกรธควันออกหูและแค่นเสียงเย็น “อย่าให้ข้าต้องทดสอบพลังของหนอนกู่กับตัวท่านเลย”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉีเทียนหยวนก็แค่นเสียงใส่คำพูดของนางเขาเดินตรงก้าวฉับ ๆ ออกประตูแล้วออกจากที่นี่ไป“เช่นนั้นก็ทำเลยสิ”คำพูดนั่นทำให้สตรีจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์โกรธมาก แต่นางไม่สามารถลงมือกับฉีเทียนหยวนได้หากเขาตาย นางคงไม่สามารถหาเพชฌฆาตที่น่าพอใจเช่นนี้ได้อีก...……ภายในจวนอ๋องเสวียนซูชิงอู่ที่ควรจะหลับแล้วเดินมาเปิดประตูหินที่ห้อง ๆ หนึ่งด้วยความเคยชินสถานที่แห่งนี้นางหาช่างฝีมือมาสร้างโดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ที่นางอาศัยและสามารถเข้ามาได้โดยเดินผ่านทางเดินยาว ๆก่อนหน้านี้นางตั้งครรภ์ เย่เสวียนถิงจึงห้ามไม่ให้นางมาตรวจดูที่นี่ แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว นางเลยเดินเข้าไปในประตูหินตามลำพังกลางดึกพร้อมโคมไฟด้านในมีกลิ่น ๆ หนึ่งที่ค่อนข้างไม่พึงประสงค์ฝีเท้าของนางส่งเสียงกระทบพื้นเบา ๆ ตะเกียงในมือของซูชิงอู่ทำให้นางมองเห็นได้ชัด
ซูชิงอู่สังเกตอาการของแม่กู่อย่างใกล้ชิด และรู้สึกโล่งใจหลังจากยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนางออกจากห้องลับที่ซ่อนอยู่นี้อีกครั้งและปิดกลไกประตูหินปกติแล้วมีการสั่งห้ามคนรับใช้ในจวนเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าหากมีคนที่ไม่กลัวตายและเสี่ยงชีวิตมาที่นี่ ก็ให้มาเป็นอาหารเลี้ยงหนอนกู่ได้ นางไม่รังเกียจ…หลังจากออกมาไม่ไกลนัก ซูชิงอู่ก็เห็นว่าเย่เสวียนถิงเดินมาหานางไม่ต้องถามเขาก็รู้ว่านางมาทำอะไรที่นี่ และด้วยเพราะเป็นห่วง เขาจึงมาที่นี่เพื่อปกป้องนาง“ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”ซูชิงอู่ส่ายหัว “ข้าจะเป็นอะไรไปได้ล่ะ? ข้าเลี้ยงแมลงพวกนั้นมากับมือ มันไม่แว้งกัดข้าหรอก”เย่เสวียนถิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย หยิบโคมไฟออกจากมือของอีกฝ่ายแล้วจับมือนางเสียงอันอ่อนโยนของเขาที่เปล่งออกมาในยามค่ำคืนทำให้ฟังดูทุ้มลึกและน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น“ลูก ๆ หลับกันหมดแล้ว ข้าเพิ่งมาตรวจดูเมื่อครู่ ไม่ต้องห่วง”ซูชิงอู่พยักหน้าเบา ๆ พลางรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ค่ำคืนอันเงียบงันนั้นช่างแสนสงบ อีกทั้งอากาศยังชวนให้รู้สึกสดชื่น“เสวียนถิง”“หืม?”ซูชิงอู่จับมือของเขาไว้แน่นจนนิ้วของพวกเขาประสานกัน“รีบกล
และเมื่อมีกู่ชั้นสูงอยู่ในร่างกายของเย่ชิวหมิงแล้ว กู่ชั้นที่ต่ำกว่าจะถูกกลืนกินเข้าไป และจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดต่อเย่ชิวหมิงเลยแม้แต่น้อยได้ยินมาว่ากู่เลือดนั้นเลี้ยงยากและมีราคาแพงมาก ฉีเทียนหยวนกับคนที่อยู่เบื้องหลังต้องปวดใจจนแทบกระอักเลือดตายเป็นแน่เพราะกู่พวกนี้เป็นสิ่งที่สามารถใช้ควบคุมคนสำคัญได้เย่ชิวหมิงฟังด้วยความตกตะลึง“ที่พระชายาเสวียนหมายถึงคือมีบางอย่างผิดปกติกับฉีเทียนหยวนหรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้าเบา ๆ “ไม่เพียงมีผิดปกติเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาใหญ่อีกด้วย”“เช่นนั้นความลับที่เขาบอกข้าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกรึนี่?”ซูชิงอู่ลุกขึ้นนั่งเล็กน้อยแล้วถามว่า “ความลับอะไรหรือเพคะ?”สายตาของเย่ชิวหมิงจ้องไปที่เย่เสวียนถิง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เขาบอกว่าแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นอู๋ตะวันตกเป็นโอรสนอกสมรสของฮ่องเต้แห่งแคว้นอู๋ตะวันตก และเป็นโอรสที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุด นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่าองค์ชายใหญ่แห่งแคว้นฉีตะวันออกและแคว้นอู๋ตะวันตกทำข้อตกลงว่าเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการโจมตีแคว้นหนานเย่”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เสวียนถิงก็พยักหน้าเบา ๆ “อืม เรื่องแรกข้าเ
เย่เสวียนถิงรับสิ่งของต่าง ๆ ไปใส่กระเป๋าหลังม้าอย่างแน่นหนา จากนั้นเขาก็ลูบหัวของซูชิงอู่แล้วพูดเสียงเบา “ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น”ซูชิงอู่หลุบตาลงเล็กน้อย ร่างกายของนางตึงเครียดและดวงตาแดงรื้นแต่นางไม่ได้หลั่งน้ำตา นางเพียงแค่จ้องมองแผ่นหลังของเย่เสวียนถิงอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเมื่อเขาหันกลับมา นางก็คลี่ยิ้มให้เขานางจะรอเขากลับมาเย่เสวียนถิงขี่ม้านำกองทัพออกจากเมืองไปพวกเขาต้องรีบไปถึงเมืองหลินเฉิงตอนกลางคืนเพื่อพักแรม จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไปพร้อมกับกองทหารและม้าที่ระดมกำลังมาในเช้าวันรุ่งขึ้นซูชิงอู่ยืนตรงประตูและจ้องมองอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งนางไม่เห็นร่างของกองทหารอีกต่อไป นางจึงหันหลังเดินกลับอย่างเงียบ ๆตอนนี้ในใจของนางมีเพียงความรู้สึกว่างเปล่าพี่ใหญ่และพี่รองที่รอนางอยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นว่านางอารมณ์หม่นหมอง ซูเชียนหมิงก็เข้ามาตบไหล่นางทันที“ชิงอู่ ไม่ต้องกังวลหรอก ทุกคนต่างก็รู้ความสามารถของท่านอ๋องเสวียนดี การไปยังเขตเจิ้นเป่ยครั้งนี้ เขาจะได้รับอำนาจกลับคืนมาอย่างแน่นอน และฆ่าไอ้สารเลวที่ชื่อจ้าวหลี่อะไรนั่นได้แน่”คำพูดของซูเชียนหมิงนั้นแม้จะขวานผ่าซากแต่ก็ไม่ไ
ซูชิงอู่ได้สติกลับมาในทันทีและเดินตามอวิ๋นจื่อไปที่ห้องเลี้ยงเด็กที่เด็กทั้งสามอยู่อย่างรวดเร็ว มีแม่นมผลัดกันช่วยดูและเจ้าตัวน้อยทั้งสาม และเป็นเพราะตอนนี้เจ้าหนูคนรองกำลังร้องไห้ ทั้งห้องจึงก้องไปด้วยเสียงร้องของเด็กน้อยซูชิงอู่เดินตรงเข้าไปหาเย่เฟิง นางอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนแล้วตรวจชีพจรของทารกน้อยหลังจากแน่ใจว่าลูกน้อยในอ้อมแขนของนางไม่เป็นอะไร นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางพูดปลอบคนรอบข้าง “ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงหรอก แค่ท้องอืดนิดหน่อย ไม่ต้องตามหมอหลวงมาหรอก เดี๋ยวข้านวดท้องให้ก็หายแล้ว”การดูแลเด็กเล็กต้องใช้ความละเอียดอ่อนและความอดทนอย่างมากเด็กน้อยสามคนที่อายุครบหนึ่งร้อยวันแล้วกำลังเริ่มที่จะเรียนรู้โลกภายนอกรอบ ๆ กายขณะที่นิ้วของซูชิงอู่กดท้องของเจ้าหนูคนรองเบา ๆ ทุกคนก็เห็นว่าคุณชายน้อยที่ตอนแรกไม่สามารถกล่อมได้กลับหยุดร้องไห้ เขากรอกดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ไปมาสุดท้ายก็คว้านิ้วของซูชิงอู่ไว้ อาจเป็นเพราะรู้สึกจั๊กจี๊เพราะนิ้วที่นวดให้เขาจึงเริ่มหัวเราะคิกคักบรรยากาศที่ตึงเครียดในห้องสลายไปทันที อวิ๋นจื่อมองซูชิงอู่ด้วยความชื่นชม “พระชายาช่างน่าทึ่งเหลือเกิน หาสาเหตุ
หรงหย่าเดินตามซูชิงอู่เข้าไปในห้องนอนใหญ่ด้วยสีหน้าสับสนหลังจากที่ซูชิงอู่ปิดประตู แสงในห้องก็สลัวลงทันที เพราะตอนนี้ยังไม่ได้จุดเทียนจึงมีเพียงแสงจันทร์จาง ๆ จากข้างนอกเท่านั้นที่สาดเข้ามาจู่ ๆ ซูชิงอู่ก็ยิ้มให้นางหรงหย่าใจสั่น ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเสียใจที่ตามเข้ามา สตรีตรงหน้างดงามมากก็จริง และรอยยิ้มของนางเหมือนกับปีศาจที่ปลอมตัวมาล่อลวงมนุษย์ ทำเอาหรงหย่ารู้สึกเหมือนจะถูกกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกเมื่อซูชิงอู่ดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมา นางก็ปิดม่าน ปิดประตูและหน้าต่าง ก่อนดันหรงหย่าไปที่หน้ากระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นก็เริ่มลงมือ“อย่าขยับ อย่าตกใจ รออยู่เฉย ๆ” นางสั่งหรงหย่าไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็ทำเพียงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับตามคำสั่งของซูชิงอู่ไม่นานหลังจากนั้น หรงหย่าก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจในกระจกที่สะท้อนเงาออกมานั้น ใบหน้าของนางได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง...นางกลายเป็น...ซูชิงอู่!……การเดินทางของอ๋องเสวียนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปกปิดได้ เนื่องจากมีกองทหารจำนวนมากเร่งรีบไปยังเขตเจิ้นเป่ย ข่าวเรื่องนี้จึงแพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ