ซูชิงอู่พยักหน้าและฟังขณะเดินอวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ในวันที่สามหลังจากที่หลิงซื่อถูกขังอยู่ในป่า บุรุษที่พบนางในคืนนั้นก็ถูกจับได้ ยามนั้นท่านอัครเสนาบดีบังเอิญเห็นหน้าของเขาและยืนยันว่าบุรุษผู้นั้นเป็นขันที... “ ซูชิงอู่เม้มริมฝีปาก “พูดต่อเถอะ…” “หลิงซื่ออธิบายว่า ผู้นั้นมีโอสถชูกำลังที่ทำให้ผู้มีวัยอาวุโสกลับมากระปรี้กระเปร่า... เอิ่ม... แข็งแรงขึ้นได้ นางมิอยากให้ผู้ใดรู้จึงไปพบคนผู้นั้นกลางดึก…” “เฮ้อ…”ซูชิงอู่มองไปที่ใบหน้าที่แดงระเรื่อของสาวน้อยตัวเล็กก็อดหัวเราะไม่ได้ อวิ๋นชิงที่ติดตามมาด้วยก้มหน้าลง เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้นางก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจมาก “อธิบายได้สมเหตุสมผลนัก มิน่าแปลกใจที่นายท่านซูจะเชื่อ” ไม่ช้าทั้งนายบ่าวทั้งสามคนก็มาถึงด้านนอกเรือนของหลิงซื่อ ซูชิงอู่ใจลอยเล็กน้อยเมื่อมองไปยังเรือนซึ่งมารดาของนางเคยอาศัยอยู่ จากนั้นนางก็เดินนำสาวใช้สองคนเข้าไป ในเวลานี้ก็ได้ยินเสียงมารดากับบุตรีดังออกมาจากห้อง “คนข้างนอกพร้อมหรือยัง?” “ท่านแม่อย่าได้กังวล เรามีกำลังคนมากพอแน่นอน…”“ไม่เป็นไร หากภายหลังนางยังกล้ามาท
จู่ๆ จิตใจของหลิงซื่อก็สงบลงและนางก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างเย็นชา “ที่นี่จวนอัครเสนาบดี เจ้าจะทำกระไรเราสองแม่ลูก หึ เจ้ากล้ากระนั้นรึ?” ซูชิงอู่เลิกคิ้วพลางยิ้ม ทันใดนั้นนางก็สะบัดนิ้วไปในทิศทางของซูเชียนหลิง เข็มเงินพุ่งเจาะเข้าไปในร่างกายของนาง ซูเชียนหลิงที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่นั้นหยุดขยับโดยพลัน นางกลอกตาและเปิดปาก แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาแม้แต่คำเดียว ซูชิงอู่ลุกขึ้นเดินไปอยู่ตรงหน้าซูเชียนหลิง และทำท่าทางสั่งให้อวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงถอยออกไปเล็กน้อย จากนั้นจึงแบมือต่อหน้าหลิงซื่อ เผยให้เห็นหนอนตัวเล็ก ๆ อยู่ในมือนั้น หนอนตัวนี้มีขนาดประมาณข้อนิ้ว ลำตัวนุ่มของมันดิ้นไปมา มีขาอยู่ตามข้อตามลำตัว และมีปากกลมที่ดูน่าพิศวงนัก ดวงตาของซูเชียนหลิงและหลิงซื่อเบิกกว้างไปพร้อมกันทันใด หลิงซื่อถึงกับอุทาน “เจ้า... เจ้าจะทำกระไร นี่มันบ้าอะไร!"ซูชิงอู่บีบคางของซูเชียนหลิงด้วยมืออีกข้าง รอยยิ้มที่ชั่วร้ายฉายบนดวงตาของนาง เมื่อมองดูการแสดงออกที่หวาดหวั่นของซูเชียนหลิง ซูชิงอู่ก็นำหนอนกู่มาใกล้ริมฝีปากของนาง “หนอนชนิดนี้ชอบกินอวัยวะภายในของมนุษย์
“เหตุใดเจ้าจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้? เมื่อก่อนเจ้าไม่ใช่คนแบบนี้เลย…”เมื่อมาถึงจุดนี้ หลิงซื่อก็พูดไม่ปะติดปะต่อกันอีกต่อไปซูชิงอู่ร้องอุทานด้วยความตื่นเต้น "นั่นก็เพราะว่า... ข้ารู้ความลับของเจ้าหมดแล้ว..."น้ำเสียงของนางลุ่มลึก ดวงตาเฉียบคมของนางจ้องมองหลิงซื่ออย่างทะลุปรุโปร่งทันใดนั้นหัวใจของหลิงซื่อก็เต้นแรง นางมองไปยังซูชิงอู่ด้วยดวงตาเบิกกว้าง "ไม่...เป็นไปไม่ได้ เจ้าโกหก!” ซูชิงอู่เคาะนิ้วของนางบนโต๊ะ จากนั้นก็พูดเน้นเสียงห้าคำออกมา "แคว้นอู๋ตะวันตก" ด้วยห้าคำนี้ก็ทำให้ใบหน้าของหลิงซื่อซีดเผือด ราวกับว่านางสูญเสียเลือดไปจนหมดแม้ว่านางจะไม่ตอบ แต่ซูชิงอู่ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว ทั้งหลิงซื่อและซูเชียนหลิงล้วนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแคว้นอู๋ตะวันตกท้ายที่สุดแล้วอัครเสนาบดีซูก็เป็นขุนนางชั้นสูงและขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ข้างกายเขาจะรายล้อมไปด้วยสายลับของแคว้นศัครูสิ่งที่น่าหัวเราะก็คืออัครเสนาบดีซูปรนเปรอแม่ลูกที่ไร้ยางอายทั้งสองนี้ราวกับว่าพวกนางเป็นสิ่งมีค่า แม้กระทั่งมอบสถานะบุตรสาวที่ชอบด้วยกฎหมายให้ซูเชียนหลิงด้วย!ช่างน่าขันเสียจริง!“เจ้าพู
ทันใดนั้นดวงตาของอัครเสนาบดีซูก็มืดครึ้มลง เขามองไปที่เย่เสวียนถิงแล้วพูดว่า "ท่านอ๋อง โจรผู้นี้คงพูดเรื่องไร้สาระ เป็นไปได้เช่นไร?..."ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่เสวียนถิงก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างเย็นชา“เจ้าสิบเจ็ด พาคนผู้นั้นมาเผชิญหน้าเขา”"พ่ะย่ะค่ะ"ที่ด้านนอกประตูมีสตรีนางหนึ่งถูกผลักเข้ามาในประตู ใบหน้าของนางซีดขาวด้วยความหวาดกลัวนางคุกเข่าลงต่อหน้าเสนาบดีด้วยความตื่นตระหนก "ได้โปรดช่วยข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ!"อัครเสนาบดีซูเฝ้าดูฉากนี้อย่างเงียบ ๆโจรชี้ไปยังซุ่ยเสวี่ยแล้วพูดว่า “สาวใช้ที่ให้เงินข้าน้อยคือนาง นางบอกนางต้องการให้พวกข้าน้อยทำลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรอง ด้วยวิธีนี้ก็จะทำให้องค์ชายสามยุติการหมั้นหมายกับนางและให้คุณหนูรองแต่งงานกับชาวบ้านในชนบท!”ซุ่ยเสวี่ยรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า "ท่านอ๋องเสวียน หม่อมฉันเพียงทำตามคำสั่งของฮูหยินเท่านั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหม่อมฉันเพคะ โปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเพคะ!"ก่อนที่อัครเสนาบดีซูจะถามคำถามใด ๆ องครักษ์เงาสิบเจ็ดก็หยิบถุงเงินออกมาหนึ่งถุง“หากท่านอัครเสนาบดีซูยังไม่เชื่อ ท่านก็ลองตรวจดูถุงเงินนั้นให้ละเอียดเถิด ถุงเงินใบ
หลิงซื่อหายใจไม่ออกเนื่องจากถูกเหยียบ สีหน้าของนางก็ทั้งหวาดกลัวและบิดเบี้ยวในขณะเดียวกันซูเชียนหลิงซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ถูกพิษแมลงที่อยู่ในร่างกายทรมานทั่วทั้งร่าง นางหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่กล้าแม้แต่จะช่วยมารดาของตนด้วยซ้ำร่างของนางสั่นเทิ้มอยู่ที่มุมห้องซูชิงอู่มองไปยังหลิงซื่อจากตำแหน่งที่ตนยืนเหนือร่างอีกฝ่าย“หากยังกล้าพูดคำนี้อีก ข้าจะถลกหนังเจ้า!”นางไม่ได้พูดเล่นหลิงซื่อรู้สึกหนาวสั่นในหัวใจ หนังศีรษะของนางชาหนึบ และความกลัวก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างนางควบคุมสีหน้าไม่พอใจของตนทันที ก่อนจะลอบมองไปข้างนอกโดยหวังว่าจะมีคนสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างปกติที่นี่และเข้ามาช่วยนาง…“แค่ก…ทุกสิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง ในตอนแรกอัครเสนาบดีซูเพียงสงสัยว่าแม่ของเจ้าลอบคบชู้ เขาจึงไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อปลอบประโลมความเศร้าโศกภายในใจ เช่นนั้นเขาจึงได้พบกับข้า ข้าพูดปลอบโยนเขาในบางเวลา จนทั้งข้าและเขาต่างตกอยู่ในความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง เขามีความรับผิดชอบมาก หลายปีมานี้ในตระกูลมีเพียงแม่ของเจ้าเท่านั้น ทั้งที่เขาอายุยังน้อยและกล้าหาญ เขาก็เป็นขุนนางตำแหน่งสูงได้แล้ว ข้ามักจะคิดบางอย่าง…."นางหา
ซูชิงอู่นั้นเหลือบมองอวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิง จากนั้นทั้งสองก็เคลื่อนตัวออกไปให้พ้นทาง ปล่อยให้หลิงซื่อซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดวิ่งออกจากห้องไปหลิงซื่อวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจว่าตนจะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใด เมื่อเห็นอัครเสนาบดีซูจากมุมทางเดิน นางก็รีบกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของเขาทันที“ท่านอัครเสนาบดี โปรดช่วยข้าด้วย ซูชิงอู่กำลังจะฆ่าข้า ท่านดูใบหน้าข้าสิ!”อัครเสนาบดีซูตกใจ เมื่อจู่ ๆ สตรีนางหนึ่งก็วิ่งเข้ามาโดยที่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเลือดเขาผลักหลิงซื่อลงไปที่พื้นโดยไม่รู้ตัว หลิงซื่อกุมใบหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ แต่กลับเห็นสายตาที่จ้องมองอย่างรังเกียจจากอัครเสนาบดีซูแทนนางตกตะลึงในทันที เดิมที่นางคิดว่าหากนางวิ่งออกจากห้องมาได้แล้ว อัครเสนาบดีซูจะต้องขอให้ใครสักคนช่วยนางจัดการกับซูชิงอู่อย่างแน่นอน แต่ทว่าสถานการณ์กลับตาลปัตรเกินความคาดหมายของนางเล็กน้อยเสียงของหลิงซื่อสั่นเทาและนางก็เอ่ยขึ้นว่า "ท่านอัครเสนาบดีซู..."อัครเสนาบดีซูมองหลิงซื่อด้วยสีหน้าไม่พอใจนักเย่เสวียนถิงพร้อมกับคนของเขาเดินเข้าไปที่ลานจวน เขาจ้องมองไปยังใบหน้าของหลิงซื่อด้วย
ใบหูของเย่เสวียนถิงเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ไม่ ข้าไม่มีเจตนาแอบแฝงในเรื่องของเจ้า"แม้ว่าสายตาของเขาจะจับจ้องไปที่นางตั้งแต่แปดขวบ แต่เย่เสวียนถิงเพียงต้องการให้นางมีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น ความคุ้มครองทั้งหมดที่เขามอบให้นางนั้นล้วนแล้วเป็นความเต็มใจ รวมทั้งไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนนี่คือสิ่งที่เขาเป็นหนี้นาง…ซูชิงอู่กระชับนิ้วของนาง และฝ่ามือของเขาก็รู้สึกเย็นเล็กน้อย“ข้าล้อเล่นนะ ข้ารู้หรอกว่าท่านเป็นคนเช่นไร”พูดได้คำเดียวว่าสรรพสิ่งไม่เที่ยงและทุกสิ่งล้วนมีลิขิตชะตาของตนเอง ตอนนั้นนางตาบอดและโง่เขลามาก! อัครเสนาบดีซูรู้สึกเหนื่อยมากแล้วเขาจึงพูดว่า "ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่าทีของชิงอู่ที่มีต่อท่านเปลี่ยนไปมาก กระหม่อมคิดว่าสิ่งนี่เป็นความเข้าใจผิดมาก่อน แต่ไม่ได้คาดหวังว่าท่าน ... ท่านจริง ๆ ... "หลิงซื่อปิดบาดแผลบนใบหน้าของนาง นางรู้ว่าคราวนี้นางไม่อาจหนีพ้นได้อีกต่อไปแล้วนางหยุดเสแสร้ง จากนั้นก็มองดูอัครเสนาบดีซูอย่างสังเวช“ท่านอัครเสนาบดีซู ข้ากำลังทำสิ่งนี้เพื่อท่าน!”อัครเสนาบดีซูถึงกับสำลัก "เพื่อข้าหรือ?"หลิงซื่อพยักหน้า นางจ้องมองซูชิงอู่
เมื่ออัครเสนาบดีซูได้ยินว่าแม้แต่อ๋องเสวียนยังต้องการเช่นนั้น เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ "ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทำตามความประสงค์ของท่านอ๋อง"เขาเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากแล้วมองไปยังหลิงซื่อซึ่งยังคงนั่งอยู่บนพื้นองครักษ์เงาสิบเจ็ดก้าวไปข้างหน้าและควบคุมตัวหลิงซื่อทันที ด้วยการนำราชองครักษ์หลายคนมาเฝ้านางโดยเฉพาะดวงตาวิงวอนของหลิงซื่อถูกอัครเสนาบดีซูเมิน และคนรับใช้ในจวนก็เร่งดำเนินการทันทีเพื่อเรียกเหล่าบ่าวสูงอายุที่อยู่ในจวนมาเป็นเวลานานมาแม้แต่คนที่ออกจากจวนไปแล้วก็ถูกเรียกกลับมาทั้งหมดในเวลาใกล้ค่ำผู้คนเกือบทั้งหมดก็อยู่ที่นี่แล้วหญิงรับใช้ในวัยชราประมาณสิบคนกำลังคุกเข่าอยู่ในห้องโถงใหญ่ พวกนางโค้งคำนับเย่เสวียนถิงและอัครเสนาบดีซูซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้หลักอัครเสนาบดีซูโบกมือแล้วกล่าวว่า “ตอนนั้นเจ้ารับใช้อดีตฮูหยิน อดีตฮูหยินเคยมีการพบปะอย่างลับ ๆ กับใครบ้างหรือไม่?”หญิงชรารับใช้ต่างมองหน้ากันด้วยความสับสนแต่พวกนางกลับส่ายหน้าเแล้วพูดว่า "ท่านอัครเสนาบดีซู ข้าไม่เคยเห็นฮูหยินของข้าพบปะกับใครอย่างลับ ๆ เลย ... "“บ่าวเฒ่าไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน...”“บ่าวผู้นี้รับใช้ฮ