แชร์

บทที่ 115

ผู้เขียน: วิ๋นเจิง
เย่เสวียนถิงยิ้มจาง ๆ พลางกล่าวว่า "เขาถูกโบยห้าสิบไม้และถูกกักบริเวณสามเดือน"

ซูชิงอู่พยักหน้า นางคาดเดาเกือบถูกต้องแล้ว

"เขาเป็นโอรสของฮองเฮา ทั้งยังมีตระกูลมู่หรงคอยหนุนหลังอยู่ ถ้ามิใช่เพราะเจียวกุ้ยเฟยสอดเข้ามายุ่ง เขาก็น่าจะมิถูกโบยห้าสิบไม้"

เย่เสวียนถิงหลุบตาลง "ไม่หรอก"

ซูชิงอู่เลิกคิ้ว "ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน?"

เมื่อเย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้น ดวงเนตรสีดำสนิทราวกับสระน้ำเย็นของเขาก็มิอาจมองเห็นประกายแสงใด ๆ

"ข้าจะหักขาของเขาอีกข้าง"

ระหว่างที่กำลังกินขนมอยู่นั้น ซูชิงอู่ก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ

เมื่อเห็นสีหน้าของเย่เสวียนถิงกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว นางก็รู้สึกว่าเมื่อสักครู่ตนคงจะเข้าใจผิด

ในใจของนางแล้ว ท่านอ๋องมีอุปนิสัยเด็ดเดี่ยวและเที่ยงธรรม มิหนำซ้ำยังมีจิตใจเมตตาธรรม เขาจะทำเรื่องต่ำช้าอย่างการลักพาตัวคนกลางดึกได้อย่างไรกันเล่า?

ซูชิงอู่ส่ายหน้าพลางหรี่ตาด้วยท่าทีพึงพอใจพร้อมเพลิดเพลินไปกับขนม

เย่เสวียนถิงรินน้ำชาให้นาง "ค่อย ๆ กิน ระวังสำลักเข้าล่ะ"

ซูชิงอู่เชิดคางเล็กน้อยพลางมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วยิ้มอ่อนโยน นางคิดว่าหากตอนนี้หยุดเวลาลงได้ก็คง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 116

    แคว้นหนานเย่ให้ความสำคัญกับความกตัญญู ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ซูชิงอู่กับอัครเสนาบดีจะร้าวฉานสักเพียงใด แต่นางก็ยังต้องรักษาหน้าตาเอาไว้ เย่เสวียนถิงย่อมเข้าใจความจริงข้อนี้ ฉะนั้นเขาจึงให้หน้าแก่ซูชิงอู่ ซูชิงอู่เดินเคียงเย่เสวียนถิงพลางกุมมือเขาไว้เบา ๆ ทันทีที่อัครเสนาบดีซูเห็นนาง เขาก็อดมิได้ที่จะเส้นโลหิตบนหน้าผากเต้นดังตุบ ๆ ผ่านไปเพียงแค่เดือนกว่านับตั้งแต่เกิดเรื่อง ยามนี้โทสะในใจที่แต่เดิมสลายไปแล้วกลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง "การที่พระชายามาเยี่ยมเยือนโดยมิได้คำนึงถึงความแค้นเมื่อครั้งเก่าก่อน ชวนให้กระหม่อมซาบซึ้งใจยิ่งนัก" อัครเสนาบดีซูช่างเจ้าคารมคมคายยิ่งนัก เขามักจะเตือนให้ซูชิงอู่สำเหนียกตนเองอยู่เสมอ เย่เสวียนถิงจึงเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาว่า "เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ" เขาพาซูชิงอู่กลับเข้าไปในจวนอัครเสนาบดีอีกครั้ง บ่าวรับใช้ทั้งสองข้างทางต่างแสดงคำนับ แม้แต่หลิงซื่อเองก็ยังก้มหน้าด้วยท่าทีนอบน้อมและมิกล้าผลีผลามเอ่ยวาจาใดออกไป ตลอดทางที่เดินมาถึงเรือนที่ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังพักฟื้น ซูชิงอู่ก็เห็นพี่ชายทั้งสามคนมาเช่นกัน พี่ใหญ่ซูหัวจิ่นสีหน้าเคร่งขรึมอย่างเห็

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 117

    เมื่อซูชิงอู่ได้ยินคำว่าโอสถรักษาชีวิต นางก็เข้าใจทันที นางหันหน้าไปมองอัครเสนาบดีซูแล้วพลันเอ่ยถามขึ้นมาทันที "ท่านเล่าเรื่องนี้ให้หลิงซื่อฟังกระนั้นหรือ?" "เจ้าเรียกมารดาตนเองด้วยชื่อนางได้อย่างไรกัน?" ซูชิงอู่หรี่ตา ต่อให้เขาไม่ตอบ ทว่านางก็รู้คำตอบแล้ว นางมองมาที่บรรดาพี่ชายของตนเองอีกครั้ง ในที่สุดนางก็ทอดสายตามองมาที่ซูหัวจิ่น ซูหัวจิ่นมีอุปนิสัยสุขุมรอบคอบและมีอนาคตไกลที่สุดในตระกูลเลยก็ว่าได้ เขาประสบความสำเร็จในเส้นทางขุนนางตั้งแต่อายุยังน้อย และนับได้ว่าเป็นผู้ที่คล้ายกับอัครเสนาบดีซูมากที่สุด เพราะฉะนั้นภายในอุปนิสัยเถรตรงจึงมีความไม่กล้าคิดตัดสินใจอยู่ด้วย "พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าข้าควรจะมอบโอสถนี้ให้ท่านย่าหรือไม่เจ้าคะ?" เห็นได้ชัดว่านางกำลังลองใจอยู่ ซูชิงอู่เชื่อว่าเธอได้พยายามช่วยชีวิตพี่ใหญ่ของนางในลานล่าสัตว์อย่างสุดความสามารถแล้ว ซูหัวจิ่นเม้มปาก ทว่ากลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขึ้นมาว่า "นั่นเป็นสิ่งที่ท่านแม่มอบให้แก่เจ้า หามีผู้ใดสั่งให้เจ้ามอบให้ผู้อื่นได้ไม่" ซูเชียนหมิงเองก็พลันยืนอยู่ตรงหน้าซูชิงอู่ เขาอ้าปากร้องตะโกนใส่อัครเสนาบดีซูขึ้นม

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 118

    "ท่านอัครเสนาบดี!" หลิงซื่อพลันดวงตาเบิกกว้างแล้วมองอัครเสนาบดีซูด้วยความเหลือเชื่อ ความไม่ยินยอมพร้อมใจจวนเจียนจะพรั่งพรูออกมาอยู่รอมร่อ ทว่าอัครเสนาบดีซูกลับกดไหล่นางเอาไว้ "ชีวิตของฮูหยินผู้เฒ่ากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ต่อให้เจ้ายอมก้มหัวลง แต่จะแตกต่างอันใดกระนั้นหรือ?" หลิงซื่อโมโหเสียจนหน้าตาแดงก่ำและทรวงอกกระเพื่อมรุนแรง ทว่าเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าซูชิงอู่เกิดต่อต้านขึ้นมาและมิยอมมอบโอสถให้ หลิงซื่อก็จะได้ชื่อว่าอกตัญญู พาลให้ชื่อเสียงต้องมัวหมองไปทั่วทั้งเมืองหลวง! แต่ซูชิงอู่กลับหาได้เอ่ยเช่นนั้นไม่ แค่ขอร้องให้นางมอบโอสถล้ำค่าออกมาก็ทำมิได้หรือ? นางก็เพียงแต่อยากได้คำขอโทษจากบิดาของนางกับหลิงซื่อ ถ้าหากอัครเสนาบดีซูกับหลิงซื่อมิได้ฉวยโอกาสเช่นนี้ นางก็จะถอยหลังก้าวใหญ่และยินดีมอบโอสถให้พวกเขาอีกต่างหาก ทว่านางเปลี่ยนใจและชักโอสถกลับคืนมา ดูท่าพวกเขาคงต้องเป็นคนอกตัญญูเสียแล้ว ดังนั้นหลิงซื่อจึงได้แต่ทนรับความอัปยศอดสูแล้วคุกเข้าลงกับพื้น "ข้าผิดไปแล้ว ข้ามิควรจะเอาสิ่งใดไปจากฮูหยินผู้ล่วงลับ พระชายา ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย..." ซูชิงอู่มองดูอีกฝ่าย ทว

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 119

    ซูฉางเซิง "..." หลังจากรอคอยอยู่เป็นนาน ซูฉางเซิงก็ได้คำตอบ "เช่นนั้น...ถ้าหากท่านย่ากินเข้าไป..." ซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ "ยังไม่ถึงกับหมดหวังไปเสียทีเดียวหรอก ถ้ากินเข้าไปก็อาจจะเกิดอาการพิษต้านพิษก็ได้" ซูฉางเซิงรู้สึกว่าคำพูดของซูชิงอู่ฟังดูสมเหตุสมผลอย่างน่าประหลาด ทันใดนั้นซูชิงอู่ก็พลันยกยิ้มมุมปาก "ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย ต่อให้พวกเขารู้ ผู้ใดจะกล้าลงไม้ลงมือกับข้าเล่า?" สายตาของซูฉางเซิงทอดมองอ๋องเสวียนที่มีสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็กระตุกมุมปาก เกรงว่าต่อให้ระดมยอดฝีมือจากแคว้นหนานเย่มาที่นี่ พวกเขาก็คงมิอาจต่อกรกับคนผู้นี้ เขาตบไหล่ของซูชิงอู่ "พอเจ้ามีคนคอยหนุนหลังก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว" ซูชิงอู่ยิ้มโดยมิได้กล่าวสิ่งใด ซูเชียนหลิงตามท่านหมอเดินผ่านประตูเข้าไป นางยื่นมือออกมาหาท่านหมอ "มอบโอสถรักษาชีวิตมาให้ข้าเสีย" ท่านหมอรีบยื่นขวดโอสถให้พร้อมรอยยิ้มประจบประแจง "คุณหนูใหญ่ ได้โปรดอย่าลืมดอกผลของข้าน้อยเชียวนะขอรับ" ซูเชียนหลิงกลอกตาใส่เขาแล้วคว้าเอาขวดโอสถไป "ข้าไม่ลืมหรอกน่า เมื่อข้าอภิเษกกับองค์ชายสามก็จะกลายเป็นพระชายารัชทายาทและฮองเ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 120

    ซูชิงอู่สังเกตสีหน้าของอัครเสนาบดีซู นางหาได้มีความรู้สึกให้บิดาผู้นี้แม้แต่น้อย นี่ก็เพื่อจะได้จัดการกับหลิงซื่อและซูเชียนหลิงโดยมิต้องเปลืองแรง อย่างไรเสียนางก็ชอบนั่งชมดูการแสดงจากด้านข้างมากกว่าจะลงมือด้วยตนเอง อัครเสนาบดีซูรู้สึกว่าคำพูดของซูชิงอู่ฟังดูมีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงผ่อนท่าทีลงแล้วถามว่า "อาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดก็เป็นได้ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อฟังเถอะ พ่อย่อมต้องให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าแน่" ซูชิงอู่เลิกคิ้ว "ช่างเถิดเจ้าค่ะ ต่อให้ข้าเล่าให้ท่านพ่อฟัง ท่านก็คงมิเชื่อข้าหรอก พรุ่งนี้ประมาณยามจื่อ ท่านไปดูที่สวนผูเถา[1]ที่ถูกทิ้งร้างอยู่ท้ายจวนเอาเองเถิด" ซูชิงอู่มิได้บอกเขาว่านางอยากให้เขาเห็นสิ่งใด ทั้งยังเจตนาเก็บเป็นความลับอีกต่างหาก ทว่ากลับทำให้อัครเสนาบดีซูสงสัยถึงขีดสุด ซูชิงอู่กับเย่เสวียนถิงมิได้อยู่ที่นี่ต่อ พวกเขากล่าวร่ำลาสามพี่น้องแล้วขึ้นรถม้ากลับตำหนักไป ราตรีนั้นขวดโอสถที่ซูเชียนหลิงได้มาถูกส่งมาที่ตำหนักองค์ชายสามที่อยู่นอกวังหลวง เขาถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนักและมิได้รับอนุญาตให้ออกจากตำหนักมาสามเดือนแล้ว ทั้งยังห้ามมิให้ผู้ใดมาเยี่ยมเขาอีกต่า

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 121

    ซูเชียนหลิงเม้มริมฝีปากด้วยความพึงพอใจ นางเริ่มวาดฝันที่จะได้เป็นพระชายาขององค์ชายตอนนี้นางเป็นบุตรีคนโตที่ถูกต้องตามธรรมเนียมของจวนอัครเสนาบดี ตราบใดที่เย่อวิ๋นถูชอบนาง อนาคตของนางก็จะรุ่งโรจน์อย่างไร้ข้อจำกัดนอกจากนี้ ด้วยอำนาจอิทธิพลของตระกูลเดิมที่อยู่เบื้องหลังฮองเฮา เย่อวิ๋นถูจึงเป็นคนที่มีแนวโน้มจะได้ขึ้นครองบัลลังก์มากที่สุดนางเชื่อในการตัดสินใจของตนเองหลิงซื่ออ้างว่านางต้องการดูแลฮูหยินผู้เฒ่า จึงได้ร้องขอต่ออัครเสนาบดีซูเป็นกรณีพิเศษว่าต้องการไปพักอยู่ที่จวนฮูหยินผู้เฒ่าเป็นเวลาสองวันอัครเสนาบดีซูไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ในตอนแรก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจข่มตาหลับได้สนิท ทำได้เพียงพลิกตัวไปมาอยู่ภายในห้องเพียงลำพังสวนหลังจวนที่ถูกทิ้งร้าง เกิดเป็นป่ารกทึบ…อัครเสนาบดีซูเหลือบมองไปยังบริเวณนั้นในเวลากลางคืน เขาอดไม่ได้ที่จะเกิดความอยากรู้อยากเห็น ถึงแม้ว่าจะหวาดกลัวอันตรายที่อาจเกิดขึ้นก็ตาม เมื่อถึงเวลากลางดึก เขาก็สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่อย่างลวก ๆ และเดินออกจากเรือนนอนไปภายใต้แสงจันทร์และด้วยความคุ้นชินกับจวนหลังนี้ อัครเสนาบดีซูจึงไม่ได้จุดเทียนแต่อย่างใด ทันที

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 122

    เขาหรี่ตาลงอย่างมีเลศนัย มองดูซูชิงอู่อย่างมีความหมายลึกซึ้ง“อาอู่...”ทันทีที่ซูชิงอู่ได้ยินเสียงทุ้มลึกดังก้องอยู่ในหู... นางก็รู้สึกอ่อนระทวยลงเล็กน้อยนางไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นอะไร แต่เขาชอบเรียกชื่อนางเช่นนี้ในเวลาแบบนี้เสมอแก้มของซูชิงอู่แดงระเรื่อ ขณะที่นางละสายตาออกไป จากนั้นจึงถามอวิ๋นจื่อซึ่งเพิ่งมารายงานข่าวอยู่ด้านหน้าว่า “เจ้ารู้ไหมว่าอัครเสนาบดีซูจะจัดการกับหลิงซื่อเช่นไร?”อวิ๋นจื่อตอบว่า “หลิงซื่อถูกทุบตี ไม่เพียงเท่านั้น นางยังถูกจับขังอยู่ในห้องเก็บฟืนอีกด้วย ทั้งวันทั้งคืนไม่ได้ดื่มกระทั่งน้ำ คุณหนูใหญ่ไปร้องขอความเมตตาจากฮูหยินผู้เฒ่าที่เพิ่งหายป่วย ทั้งยังอ้างถึงความโปรดปรานจากองค์ชายสาม เช่นนั้นอัครเสนาบดีจึงยอมไว้ชีวิตนาง”ที่ผ่านมา นางคอยให้คนจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของหลิงซื่ออยู่เสมอจนบังเอิญสังเกตเห็นว่าหลิงซื่อมักจะนัดพบกับบุรุษร่างเตี้ยในชุดดำบ่อยครั้งเพียงแต่คนรับใช้ที่คอยเป็นสายให้นางได้ค้นพบว่าบุรุษผู้นี้มีทักษะศิลปะการต่อสู้และมีกำลังวังชา หากเขาติดตามใกล้ชิดมากเกินควรไปเพียงเล็กน้อย ในไม่ช้าจะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอนทว่าคนผู้นี้กลับไม่ใช

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 123

    “อย่างไรก็เถอะ หลังจากได้เห็นพวกเขาแล้ว ท่านจะรู้เอง”นางจงใจหยอกเย้าเย่เสวียนถิงเย่เสวียนถิงเม้มริมฝีปากบางทันที ดวงตาของเขาดูมืดมน ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า "ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"ขณะที่ซูชิงอู่เฝ้าดูเย่เสวียนถิงกำลังยุ่งวุ่นวายกับการหาใครบางคน ใบหน้าของนางก็ไม่อาจเก็บซ่อนความพึงพอใจไว้ได้เมื่อเย่เสวียนถิงพบกับคนที่มีความสามารถเหล่านี้ เขาจะต้องพอใจในตัวพวกนั้นอย่างแน่นอนและคนเหล่านี้จะกลายเป็นมือขวาของเขาในอนาคต...นางเป็นคนเห็นแก่ตัวเนื่องจากนางได้ก้าวเข้าสู่วังวนแห่งการแย่งอำนาจของราชวงศ์แล้ว เช่นนั้นนางจึงต้องมีอำนาจไว้ในมือด้วยเช่นกันอย่าได้กลายเป็นปลาบนเขียงเพื่อรอให้ใครคนมาเชือดอีก…เย่เสวียนถิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วคืนนั้น เขากลับไปที่จวนอ๋องเพื่อพบกับซูชิงอู่ซูชิงอู่ลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อนางเห็นเขา ก่อนที่จะรีบก้าวเท้าเดินออกจากห้องเพื่อทักทายเขา“ท่านอ๋อง เป็นเช่นไรบ้าง… ท่านได้พบทุกคนแล้วหรือไม่?” เย่เสวียนถิงพยักหน้าเล็กน้อยให้ซูชิงอู่ "ข้าพาพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่แล้ว เจ้าเล่า อยากพบพวกเขาหรือไม่?"ซูชิงอู่เพียงเคยได้ยินชื่อคนเหล่านี้ แต่นางไม่เคยเห็นหน้าของพว

บทล่าสุด

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 930

    คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 929

    หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 928

    ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 927

    เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 926

    เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 925

    เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 924

    ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 923

    หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 922

    “นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status