39เตรียมการสมรสที่ดี นางเพียงฝากคำพูดบางอย่างไปบอกแก่ซื่อจื่อเท่านั้นจึงได้เรียกรั้งบ่าวของเขาไว้ บอกกล่าวกันไม่กี่ประโยคก็กลับไป จวนแห่งนี้ดูสงบขึ้นไม่น้อยหลังจากที่ส่งถีเยว่สือไปศาลบรรพชนได้สามนายบ่าวนั่งอยู่ที่ม้าหินใกล้ต้นบ๊วยปรึกษาเรื่องบางอย่างด้วยกันอยู่สักครู่จึงได้ความ“เช่นนี้เรื่องนี้ให้เสี่ยวไป๋ไปทำ”“เจ้าค่ะคุณหนูเสี่ยวไป๋จะรีบไปรีบกลับ” เด็กสาวเกล้ามวยผมขึ้นสองข้างรับคำ จากนั้นจึงออกจากจวนไปเหลือเพียงซ่านซ่านและเหลียงฟางหรู สิ่งเดียวที่นางมักทำเมื่อเว้นว่างคือการปักผ้ายังมีที่นางรับปากเขาไว้ว่าจะเย็บชุดคลุมให้เขาด้วย ยามนี้จึงนั่งวาดภาพหาลวดลายที่ตั้งใจจะปักเสื้อคลุมให้เพ่ยเลี่ยงหลินอยู่บ่าวไพร่ที่เคยไม่เหลียวแลนาง ผ่านเหตุการณ์เพียงเล็กน้อยก็พากันประจบประแจงนางกันหมด แม้จะเข้าใจว่าผู้คนเหล่านี้ถูกบังคับจากถีเยว่สือหากไม่ทำคงมีภัยแก่ตัว แต่นางก็ยังรู้สึกว่าตนเองถูกกลั่นแกล้งมามากนัก เกินกว่านางจะอภัยผู้ใ
40ข้าอยู่ข้างเจ้า ตรอกฟูหลิงทิศบูรพายังคงคึกคักเช่นเดิม เสี่ยวไป๋พานางเดินไปที่ประตูข้างของโรงเตี้ยม ขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งเป็นห้องส่วนตัวไม่มีผู้อื่นอยู่เลย มู่หรงยืนเฝ้าหน้าประตูเห็นเหลียงฟางหรูเดินมาก็ค้อมตัวทัก“คุณชายกำลังรอท่านอยู่ด้านใน” มู่หรงกล่าวพลางผลักเปิดประตูเชื้อเชิญนางเข้าไปด้านใน บ่าวทั้งหมดรออยู่ด้านนอก ไม่นานประตูก็ปิดลง“คารวะซื่อจื่อ” หญิงสาวยอบกายให้บุรุษที่นั่งจิบชาอยู่กลางห้อง ใบหน้าที่แสนคิดถึงอยู่ตรงหน้าแต่นางไม่สามารถกล่าวสิ่งอื่นได้ ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะถอนสายตาจากเสี้ยวหน้างดงาม มองเก้าอี้ข้างกายตนคล้ายกับกำลังบอกให้นางนั่งลง“เป็นไปอย่างที่เจ้าต้องการหรือไม่ แม่หนูน้อย” ร่างบอบบางนั่งบนม้าหินข้างกายราวกับห้องนี้มีไว้เพื่อเขาเท่านั้น ทุกสิ่งที่ตกแต่งล้วนเป็นของที่เขาชื่นชอบทั้งสิ้นหญิงสาวคลี่ยิ้มบางพยักหน้าแผ่วเบา “เพราะได้ท่านช่วย ไม่เช่นนั้นคงไม่เป็นเช่นนี้” นางกล่าวพลางยื่นมือไปรินชาให้เขาเป็นการตอบแทน
41โทษทัณฑ์ “คุณหนูเหตุใดจึงสีหน้าไม่ดีเช่นนี้” เสี่ยวไป๋ที่นั่งอยู่ด้านข้าง ถามขึ้นเมื่อเห็นคิ้วเรียวขมวดแน่นตั้งแต่ขึ้นรถม้าจาก คุณชายของนางนี่ก็ช่างทำจริง ๆ ทั้งที่เป็นห่วงคุณหนูเหลียงมากจนสั่งให้หมาจื่อคอยเฝ้าอยู่ใกล้จวนเหลียง กลับไม่ยอมพูดคุยกับนางให้ดี“ไม่มีอะไร แค่คิดมากไปเท่านั้น” นางตอบพร้อมส่งรอยยิ้มให้สาวใช้สองคนของตน เสี่ยวไป๋ยิ้มกว้างก่อนจะเริ่มพูดเรื่อยเปื่อยตามนิสัยซุกซน“ก่อนนี้เสี่ยวไป๋คุยกับพี่หมาจื่อเรื่องที่ท่านถูกลอบทำร้าย คุณชายต้องโกรธมากแน่ ๆ เขาถึงได้ถูกลงโทษโหดเหี้ยมเช่นนี้” เสี่ยวไป๋กล่าวด้วยท่าทางภูมิอกภูมิใจ เล่าไปก็ยิ้มไปตามประสาเด็กไม่คิดสิ่งใด“อย่างไรหรือ”“พี่หมาจื่อกล่าวว่าคุณชายไปกดดันแม่ทัพเพ่ยที่ค่าย เสี่ยวไป๋ก็ไม่รู้ว่ากดดันอย่างไร สุดท้ายนายกองนั่นถูกลงโทษประหาร แต่คุณชายอยากให้เขาตายอย่างทรมาน จึงเสนอให้ลงทัณฑ์ตัดนิ้วทีละข้อจนกว่าเขาจะขาดใจตาย” เสี่ยวไป๋กล่าวจบก็ยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเอง แม้แต่ซ่านซ่า
42ระลึกถึง อยู่ ๆ ก็มีลมหอบใหญ่พัดพาใบจากต้นบ๊วยปลิวละล่องลอยตามลมมาตกลงบนไหล่บอบบางของหญิงสาว ซึ่งสวมอาภรณ์สีเหลืองอ่อนยืนอยู่ห่างจากต้นไม้ไม่มาก“หรูเอ๋อร์ เจ้ากำลังทำสิ่งใดหรือ” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามน้ำเสียงอ่อนโยน เหลียงจินฮ่าวเพิ่งกลับมาจากประชุมเช้าบังเอิญได้เจอบุตรสาวที่ไม่ค่อยจะได้พบกัน ยามนางอยู่ในจวนเขาก็ไม่เคยพูดคุยด้วยเพราะยังรู้สึกไม่สนิทใจเท่าใดนัก“ลูกกำลังจะกลับเรือนเจ้าค่ะ ที่นี่แสงส่องสว่างจึงมานั่งปักเสื้อคลุมให้ซื่อจื่อ” นางตอบไปตามความจริง นางคาดเดาได้ว่าบิดาจะพูดสิ่งใดหากนางตอบออกไปเช่นนี้ผู้ป็นบิดาพยักหน้ารับคำก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกพลางคิดในใจว่าสิ่งที่บุตรสาวทำเพื่อเอาใจเพ่ยเลี่ยงหลินล้วนเป็นสิ่งดี ยิ่งเขาชื่นชอบนางมากเท่าใดอำนาจในมือตนก็มากขึ้นตามจากนี้ผู้ใดจะเห็นหัวฮุ่ยฉีเลี่ยเล่า เขาเองก็จะไม่ต้องลอบสังเกตสีหน้าผู้ใดเพื่อเอาตัวรอดอีก“ดี เจ้าเป็นผู้มีฝีมือซื่อจื่อต้องชื่นชอบเป็นแน่ หากต้องการสิ่งใ
43อยากเป็นหม้ายหรือ “คารวะท่านแม่” ถีเยว่สือพยักหน้ารับสีหน้ามิได้บึ้งตึงเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ยังแสดงห็เห็นว่าไม่ชอบใจบุตรสาวคนโตเท่าใดนัก แต่ยามนี้เหลียงฟางหรูกำลังจะสมรสกับเพ่ยซื่อจื่อ นางถือเป็นว่าที่ชายา นางแสดงท่าทีเช่นเดิมคงไม่เหมาะนัก“พี่ฟางหรู” เหลียงฟางหรงเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มดังเคย ทั้งที่เกลียดนางมากแท้ ๆ แต่น้องสาวต่างมารดาผู้นี้กลับยิ้มแสร้งมีไมตรีที่ดีต่อนางได้ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก“ท่านแม่สบายดีหรือไม่ เดินทางมานานคงเหนื่อยล้าแล้ว ฟางหรูให้บ่าวเตรียมชาและอาหารรอท่านเอาไว้ เชิญท่านแม่เจ้าค่ะ ฟางหรงก็มาเถิดไปลำบากที่ศาลบรรพชนตั้งหลายวัน” เมื่อกล่าวถึงศาลบรรพชนผู้คนจึงพากันเงียบเสียง ถีเยว่สือเองก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด ผู้คนในจวนย่อมรู้กันดีว่าที่นางถูกส่งไปศาลบรรพชนเพราะทำผิด ไม่เช่นนั้นฮูหยินเหลียงซ่างซูจะถูกส่งไปที่ศาลบรรพชนตั้งครึ่งเดือนได้อย่างไรกันไฟโทสะในใจราวกับถูกพัดให้ติดขึ้น เหลียงฟางหรูยังมีใบหน้าใสซื่อตอนพูดถึงศาลบรรพชน คล้ายมิได้ตั้งใจกล่าวอ
44อย่าให้ข้าได้ยินอีก “ข้ามาหาว่าที่ฮูหยินตน แปลกหรือ” ชายหนุ่มไม่ตอบสิ่งใด แต่จับจูงมือหญิงสาวเดินผ่านความมืดไปนั่งที่เก้าอี้กลางห้องนอน คล้ายกับดวงตาเฟิ่งหวงคู่นั้นมองเห็นได้ดีในความมืดมิด จึงพานางเดินไปนั่งอย่างง่ายดายวาจาของเขาหากไม่กล่าวว่าแปลกก็นับว่าประหลาด เขามาพบว่าที่ฮูหยินตนเองนั้นไม่แปลกแต่มาพบด้วยวิธีการเช่นนี้สำหรับนางถือว่าประหลาดยิ่ง ไม่มีบุรุษใดกระทำเช่นเขาแน่ แต่นางจะกล้าหาญถึงขั้นกล่าวโทษเขาได้อย่างไร“ไม่แปลกเจ้าค่ะ ซื่อจื่อทำสิ่งใดผู้ใดจะกล้ากล่าวโทษท่าน” แม้จะว่าไม่โทษแต่น้ำเสียงของนางกลับไม่ได้หมายความเช่นที่พูด เพ่ยเลี่ยงหลินหัวเราะเบา ๆ พลางยกมือขึ้นมาเท้าคางตนมองหญิงสาวตรงหน้า“แต่ท่าทางเจ้าไม่เหมือนที่กล่าวแม้แต่น้อย”“ซื่อจื่อมาที่นี่ ในยามนี้ต้องการสิ่งใดกันแน่หรือเจ้าคะ จะเรียกข้าไปหายามสว่างก็ยังได้แต่เหตุใดจึงทำตัวลึกลับเช่นนี้”“ข้ามาดูให้เห็นกับตาว่าสิ่งที่หมาจื่อรายงานนั้นจริงเท็จอย่าง
45ช่วยข้าเหมือนที่ท่านเคยช่วย “หรงเอ๋อร์พี่ขอโทษด้วย ชุดของเจ้า”“ไม่เป็นไร นี่ไม่ได้เลอะมากนักหากพี่ง่วงก็พักเถิด” เพราะมีแผนในใจเหลียงฟางหรงจึงไม่ถือโทษสิ่งเล็กน้อยเช่นนี้“เช่นนั้นหรงเอ๋อร์เจ้ารอที่ห้องจิบชาเถิด พี่จะให้เสี่ยวไป๋นำอาภรณ์ใหม่ไปให้ พี่ขอพักเสียหน่อย” เหลียงฟางหรูยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ นางย่อมต้องอยู่รอเป็นสักขีพยานความเลวร้ายในชีวิตผู้เป็นพี่สาวแน่นัยน์ตาดอกท้อปิดลงเมื่อกล่าวจบ ผู้เป็นน้องสาวจึงประคองนางไปนอนบนเตียงยิ้มร้ายกาจแล้วเดินออกจากห้องหอของเหลียงฟางหรู นางเดินเชื่องช้าไปยังห้องจิบชาที่ห่างออกไปไม่ไกล เพื่อรอให้คนอีกผู้หนึ่งปรากฎกาย “ฟูเหรินเจ้าคะ” หลังสมรสนางจีงต้องเปลี่ยนคำเรียกขานเดิม เสี่ยวไป๋เรียกเสียงเบาพลางใช้มือแตะแขนผู้ที่นอนหลับอยู่บนเตียง ไม่คิดว่าอยู่ ๆ ร่างบอบบางก็ลุกนั่งอย่างง่ายดายราวกับเมื่อครู่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น การง่วงซึมก่อนนี้เป็นเพียงงิ้วฉากหนึ่งที่นางเล่นเท่านั้น
46ท่านก็เช่นกันหรือ ราวครึ่งชั่วยามยาปลุกกำหนัดในร่างกายทั้งสองก็หมดฤทธิ์ลง หญิงสาวสองคนที่ถูกยานี้จึงสลบไสลไม่ยอมฟื้นตื่น เพ่ยเลี่ยงหลินหยัดกายขึ้นนั่งพิงผนังเตียงคิ้วสองข้างขมวดเล็กน้อย ก่อนนี้นึกข้องใจเพียงแต่ไม่มีเวลาให้คิดมากจึงทำได้เพียงรอให้นางคลายอาการจากยาปลุกกำหนัดเสียก่อนเพ่ยเลี่ยงหลินสวมชุดสีขาวสะอาดไม่ได้ผูกสายรัดเดินไปรินน้ำสะอาดใส่ผ้าผืนเล็ก นำมันกลับมาเช็ดใบหน้าขาวใสที่หลับสนิทอยู่บนเตียง“อือ...” เหลียงฟางหรูส่งเสียงเมื่อถูกผ้าเปียกเช็ดใบหน้า เปลือกตาเปิดขึ้นหรี่มองผู้ที่รบกวนการนอนตนเอง เห็นชัดเจนจึงพยายามลุกนั่งมองหน้าเขา ใบหน้าขาวเริ่มมีสีแดงระเรื่อบนพวงแก้มสองข้าง“ซื่อจื่อ”“ยังจะเรียกว่าซื่อจื่ออยู่อีกหรือ” ชายหนุ่มถามพลางเลื่อนสายตาจากใบหน้าไปตามร่างกายเปล่าเปลือยของภรรยา ผู้ถูกมองพลันใบหน้าร้อนรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงต้นคอ“ทะ...ท่านพี่”“ข้ามีบางสิ่งอย่างถามจากเจ้า” ใบหน้าหล
56ข้าเองก็เช่นกัน ขุนนางกังฉินทั้งหมดถูกโบยคนละหนึ่งร้อยไม้ ผู้ที่รอดจากการโบยก็ถูกเนรเทศจากแคว้นพร้อมครอบครัว ทรัพย์สินถูกยึด มีเพียงเหลียงจินฮ่าวและฮุ่ยฉีเลี่ยที่ถูกโบย ถูกวาดอักษรกังฉินไว้บนหน้า ขับไล่ไปเป็นทาสที่แถบชายแดนซึ่งกำลังสร้างกำแพงเมืองอยู่เหลียงจินฮ่าวถูกพาไปเป็นทาสใช้แรงงานพร้อมถีเยว่สือที่ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอลงมาก เพราะก่อนหน้านี้ถูกคุมขังในคุกนาน ถูกลงโทษได้แผลมาไม่น้อยหากไม่ใช่เพราะเหลียงฟางหรูตั้งครรภ์จึงไม่เอยากเอาชีวิตผู้ใด คนเหล่านี้คงถูกประหารไปจนสิ้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดได้รับโทษน้อยเลยโทษตายเว้นได้แต่โทษเป็นนั้นยากหลีกหนี เหลียงจินฮ่าวและถีเยว่สือต้องใช้แรงงานของตนเพื่อแลกอาหารกิน เหลียงฟางหรูไม่แม้แต่จะเอ่ยปากกับผู้เป็นบิดาตอนถูกขับไล่ นางเพียงปลายตามองแวบเดียวก็กลับไป แต่เพราะเหลียงฟางหรงเป็นคนสกุลเฉิงไปแล้วจึงมิได้ถูกเนรเทศขับไล่ไปเป็นทาสด้วย“เจ้าพอใจหรือไม่” ผู้เป็นสามีเอ่ยถามขณะกอดประคองนางอยู่บนกำแพงเ
55ข่าวดีหลังข่าวร้าย การไต่สวนเหล่าขุนนางมากมายเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ละคนล้วนให้การกล่าวโทษผู้อื่นเพียงเพื่อให้ตนเองมีโทษน้อยที่สุด เพ่ยเลี่ยงหลิงที่ไม่ได้มีความอดทนดังผู้เป็นพี่ชายจึงใช้วิธีทรมานเพื่อให้ได้รับคำสารภาพเดิมการทรมานเพื่อให้รับผิดไม่ควรถูกใช้ แต่ยามนี้เป็นยามที่ราชสำนักต้องกำจัดสิ่งไร้ประโยชน์จิ้งอ๋องจึงยอมหลับตาข้างหนึ่ง ท่านชายรองยิ่งชอบใจที่ทำแล้วไม่ถูกผู้เป็นบิดาดุด่าไม่เกินสามวันจึงได้คำตอบที่น่าพึงพอใจให้แก่ชาวประชาทั่วแคว้น สามวันก่อนเพ่ยซื่อจื่อรีบเร่งกลับตำหนักเพื่อไปดูเหลียงฟางหรูที่อยู่ ๆ ก็หมดสติ เขาคงไม่กังวลมากนักหากมิใช่เพราะนางอ่อนแอกว่าคนทั่วไป ภายในใจร้อนดังถูกเปลวไฟแผดเผา ขณะที่ยืนรอฟังหมอหลวงอยู่หลังฉากกั้นก็เดินวนไปวนมา หลังฉากกั้นมีเสี่ยวไป๋และซ่านซ่านคอยดูนางอยู่เกือบสองเค่อจึงเดินออกมาจากหลังฉากกั้น หมอหลวงทำท่าจะคุกเข่ารายงาน แต่เพ่ยซื่อจื่อร้อนใจจนไม่อาจทน
54ทั่วทั้งแคว้นมีเพียงท่านชายรอง “กล่าวว่าก่อกบฎก็ไม่ถูกนัก อย่างไรเสียท่านชายรองก็เป็นบุตรชายของพระชายาเอก มีสิทธิ์สืบทอดบรรดาศักดิ์ต่อจิ้งอ๋องได้อย่างชอบธรรม” เพ่ยเลี่ยงหลิงยืนนิ่งปล่อยให้ฮุ่ยฉีเลี่ยเป็นผู้ออกหน้าเอ่ยวาจาทั้งหมดเอง ฮุ่ยฉีเลี่ยเดิมทีกังวลว่าจะถูกประหารเพราะจิ้งอ๋องคงตรวจพบความผิดเขาจากบันทึกของเหลียงจินฮ่าว แต่เมื่อเพ่ยเลี่ยงหลิงปรากฎตัวความกลัวก็มลายหายไป เปลี่ยนเป็นขวัญกล้ากล่าวทุกสิ่งออกมา“ท่านชายใหญ่แม้จะเป็นบุตรพระชายาแต่ก็ไม่มีความชอบมากเท่าท่านชายรอง แคว้นนี้ยังคงต้องการท่านอ๋องที่ปรีชาสามารถ ออกรบไม่เกรงกลัว ควบคุมทหารได้ดุจเทพเซียน เช่นนี้ทั่วทั้งแคว้นก็มีเพียงท่านชายรองเท่านั้น แต่ท่านอ๋องไม่ทรงทอดพระเนตรใช้เพียงความชอบของพระองค์แต่งตั้งซื่อจื่อโดยไม่ดูความเหมาะสม อย่าได้กล่าวโทษข้าเลย”“เช่นนั้นผู้ที่วางยาซื่อจื่อก็เป็นเจ้าเองใช่หรือไม่ฮุ่ยฉีเลี่ย หลิงเอ๋อร์เจ้าเองก็ร่วมมือกับฮุ่ยฉีเลี่ยลอบทำร้ายพี่ชายตนเองหรือ” จิ้งอ๋องถามขึ้นอย่างปวดใจ น้ำเสียงแ
53อย่าทรงมีโทสะ บุรุษใกล้วัยชราภาพเต็มทีเดินเข้ามาด้วยท่าทางนอบน้อม มาถึงได้ก็ถวายบังคมจิ้งอ๋องพลางกล่าวเชยชมก่อนยื่นฎีการายงานความผิดของเหลียงซ่างซู“ถวายบังคมท่านอ๋อง ยามนี้ซื่อจื่อถูกพิษจ็บป่วยไม่รู้ชะตา เรื่องนี้สืบไปสืบมาก็มิพ้นตระกูลเหลียง ข้าน้อยในฐานะขุนนางของพระองค์จึงได้เร่งตรวจสอบการทำงานของเหลียงจินฮ่าว พบว่าเหลียงจินฮ่าวผู้นี้ทุจริตเงินและรับสินบนจำนวนมากตลอดการเป็นขุนนางจึงนำรายงานมาถวายให้ท่านอ๋อง” จิ้งอ๋องได้ฟังจนจบก็พยักหน้าให้กงกงรับฎีกาและบันทึกรับสินบนจากอำมาตย์ฮุ่ยมาดู อ่านฎีกาและบันทึกรับสินบนอยู่ครู่หนึ่งก็ขมวดคิ้ว ใบหน้าเครียดเกร็ง วางกระแทกสิ่งของในมือลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างแรง“ต่ำช้านัก แม้แต่เสบียงบรรเทาภัยพิบัติก็ไม่เว้น ข้าเลี้ยงขุนนางสวะเช่นนี้ไว้มีประโยชน์อันใดต่อประชา” จิ้งอ๋องผรุสวาทออกมาเสียงดังลั่นห้องทรงอักษร น้ำเสียงมีเพียงเกรี้ยวกราด ฮุ่ยฉีเลี่ยเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มย่องในใจ ใส่ใจอีกเพียงเล็กน้อยไม่แคล้วเหลียงจินฮ่าวถูกสั่งประหาร
52เกลียดนางถึงพียงนี้เลยหรือ เพ่ยเลี่ยงหลิงสั่งการเสร็จจึงหันมามองสองสามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า เพื่อสอบสวนต่อเหลียงจินฮ่าวและถีเยว่สือสบนัยน์ตากันครู่หนึ่ง เพียงเท่านั้นก็ราวกับเข้าใจกันลึกถึงก้นบึ้ง“เหตุใดพี่ชายข้าจึงถูกพิษ”“ต้องเป็นเพราะเหลียงฟางหรูเป็นแน่ นางไม่เต็มใจสมรสจึงต้องการลอบวางยาซื่อจื่อ” ถีเยว่สือร้องขึ้นเสียงแหลม เพ่ยเลี่ยงหลิงสะบัดฝ่ามือหนึ่งครั้งแส้เส้นใหญ่ก็ถูกฟาดลงกลางหลังอีกครา“ข้าไม่ได้ถามเจ้า ผู้ใดอนุญาตให้สอดปาก” ชายหนุ่มกล่าวสียงทุ้มปนแข็งกร้าว เขารู้ดีว่านางจงใจโยนความผิดเหล่านี้ให้บุตรสาวที่ไม่รู้เป็นตายอย่างไรแต่หากนางยืนยันเพียงลำพังข้อกล่าวหานี้ก็เป็นอันจบ ผู้ใดจะเชื่อถือย่อมต้องให้สามีกล่าวเช่นเดียวกันเท่านั้นนางกล่าวขึ้นมาก่อนก็เพื่อให้ผู้เป็นสามีเข้าใจเจตนา และเป็นทางรอดเดียวในยามนี้“ใช่แล้ว เป็นเพราะเหลียงฟางหรูไม่เต็มใจสมรสกับซื่อจื่อ จึงจงใจทำเช่นนี้เพื่อให้พวกข้า
51จะตายก็ได้ แขนขาทั้งสองถูกผูกติดกับขาเก้าอี้กลางห้องเพื่อไม่ให้ผู้ถูกสอบสวนขัดขืนสิ่งใดได้ ดวงตาสองข้างของนางพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำบาง ๆ ตื่นกลัวอย่างที่สุด ไม่รู้เลยว่าตนเองจะถูกทรมานมากเพียงใดจากน้ำมือชายหนุ่มรุ่นลูกตรงหน้า“ข้าถาม เจ้าตอบ หากดื้อดึงไม่ตอบดังสตรีคนเมื่อครู่ก็อย่าหาว่าใจร้ายไม่เห็นแก่หน้าซื่อจื่อเลย”“ตอบเจ้าค่ะ ข้าจะตอบทั้งหมด” นางกระวีกระวาดตอบอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอย่างไรขอเพียงตนเองรอดเหลียงฟางหรูนั่นจะเป็นเช่นไรนางไม่สนใจ“ดี เช่นนั้นตอบข้ามาว่ารู้เรื่องที่ซื่อจื่อถูกพิษหรือไม่” เพ่ยเลี่ยงหลิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่รอบกายกลับมีไอเย็นแผ่ออกมาพร้อมรังสีอำมหิต ราวกับกำลังนั่งจ้องหน้ากับพญายมราชอย่างไรอย่างนั้น“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่รู้เลยท่านชายรองโปรดเชื่อ ทุกสิ่งเป็นเพราะนางเหลียงฟางหรูผู้เท่านั้น เดิมทีสามีข้ากับท่านอำมาตย์ฮุ่ยก็อยู่ฝั่งเดียวกัน หากไม่ใช่เพราะนางสามีข้าจะทรยศต่อท่านอำมาตย์ได้อ
50ไม่รู้เป็นตาย เสียงอึกทึกก่อนนี้เงียบลงทันทีเมื่อเพ่ยเลี่ยงหลิงกล่าวจบ จิ้งอ๋องผินมองหน้าบุตรชายคนรองสีหน้าเปลี่ยนไปครู่หนึ่งก็กลับมาราบเรียบเช่นเดิม“ไต่สวนให้ดี” ผู้ครองแคว้นกล่าวจบก็เดินออกไป เพ่ยเลี่ยงหลิงยิ้มรับพลางค้อมตัวน้อมส่งบิดา ฮุ่ยฉีเลี่ยเงยหน้ามองเพ่ยเลี่ยงหลิงหลังเหลือเพียงบรรดาขุนนางและแม่ทัพเพ่ย“ที่เหลือฝากท่านอำมาตย์แล้ว ข้าต้องรีบไปสอบสวนเรื่องราวเสียหน่อยว่าผู้ใดกันที่วางยาพิษท่านพี่ของข้า”“ข้าเข้าใจแล้ว เรื่องนี้ท่านชายโปรดวางใจ” นัยน์ตาเจ้าเล่ห์จ้องมองบุรุษที่อยู่ตรงหน้า เขาสวมอาภรณ์สีม่วงเข้มปักลวดลายวิจิตรงดงามท่าทางน่าเกรงขามไม่น้อยเลย เรียกได้ว่าเป็นผู้คู่ควรกับอำนาจยิ่ง กระทั่งเพ่ยเลี่ยงหลิงเดินลับสายตาไปเหล่าขุนนางในท้องพระโรงถกเถียงพูดคุยกันอีกไม่นานก็แยกย้ายกันกลับ ยามนี้มีเรื่องที่พวกเขาควรไตร่ตรองให้แน่ชัด บางคนคิดว่านี่คงถึงเวลาเปลี่ยนแปลงตำแหน่งซื่อจื่อที่มั่นคงมานานเสียทีบางตระกูลย
49โกลาหล งานสมรสวุ่นวายขึ้นทันตา ผู้คนพากันแตกตื่นเมื่อเรื่องเช่นนี้ เพ่ยเลี่ยงหลิงสั่งทหารคุมตัวเเหลียงฟางหรูที่เป็นผู้รินสุรา เหลียงซ่างซู ถีซื่อกลับไปที่วังเพื่อทำการไต่สวน มีเพียงเหลียงฟางหรงที่ไม่ได้ถูกคุมตัวเพราะถือเป็นคนสกุลเฉิงไปแล้ว“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” เหลียงฟางหรงกล่าวกับเฉิงเซี่ยวเหวย นางเพิ่งทำใจที่ต้องแต่งกับชายไร้อำนาจแห่งตระกูลเฉิงได้ไม่นานก็เป็นเช่นนี้เสียแล้ว นางทั้งคับอกคับใจยากจะระบาย ยามนี้ไม่มีมารดาให้ระบายด้วยมีเพียงผู้เป็นสามีที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทีเคร่งขรึม ไม่พูดสิ่งใดออกมาเลย“ทำไมท่านยังเงียบอยู่อีก ท่านแม่ข้าจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้”“หุบปากเสียที นั่นแม่เจ้าไม่ใช่แม่ข้า แค่นี้บ้านข้าก็วุ่นวายมากอยู่แล้วยังจะมีแก่ใจมาห่วงพะวงผู้ใดได้อีก ไม่รู้ว่าหากซื่อจื่อเป็นอันใดมากตระกูลเฉิงของข้าคงมิต้องโทษไปกับตระกูลเหลียงของเจ้ากระมัง” เหลียงฟางหรงโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ ทั้งที่นางเพิ่งยอมรับได้ว่าต้องแต่งกับตระกูลเฉิง แต่เพียงไม่นานก็ได
48ซื่อจื่อถูกปองร้าย ผ่านงานสมรสของซื่อจื่อมาครึ่งเดือน ราชสำนักราวกับน้ำเชี่ยว ขุนนางคนละฝ่ายต่างยื่นฎีกาต่อท่านอ๋องเพื่อกล่าวโทษกันละเลยหน้าที่ปฏิบัติ ยังมีเรื่องลักลอบซ่องสุมกำลังทหาร ทุจริตเสบียงอาหารมากมาย นับว่าเป็นเรื่องราวใหญ่ที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งสถาปนาแคว้นจิ้งเลยเหลียงฟางหรูได้ฟังเรื่องราวมากมายหมาจื่อมาบ้างจึงได้รู้ว่ายามนี้บิดาตนและอำมาตย์ฮุ่ยขัดแย้งกันอย่างหนัก ต่างฝ่ายต่างหาหลักฐานล้มล้างอีกฝ่าย อำมาตย์ฮุ่ยหวังใช้แม่ทัพเพ่ยผู้เป็นน้องชายต่างมารดาของซื่อจื่อเพื่อเปลี่ยนแปลงอำนาจซื่อจื่อเพ่ยเลี่ยงหลิงเป็นแม่ทัพ มีความสามารถรบทัพจับศึกทั้งยังคุมกองทหารมากมาย หากเกิดเหตุวุ่นวายไม่ต้องนึกถึงผลลัพธ์เลย นางไม่รู้ว่าผู้เป็นสามีเตรียมแผนการใดไว้กันแน่จึงมีท่าทีสบายใจเช่นนี้“ท่านพี่เหตุใด จึงสบายใจช่นนี้”“แล้วจะร้อนรนไปเพื่ออันใดเล่า ทุกอย่างล้วนถูกวางแผนไว้แล้ว ต่อให้พวกเขามีสิบแม่ทัพเพ่ยก็ไม่เพียงพอให้เป็นใหญ่ได้อีก” ชายหนุ่มกล่าว