“หึ ๆ พี่สะใภ้เปลี่ยนไปมาก ข้าไม่คิดว่าจะต้องเป็นผู้ลงมือส่งท่านไปอยู่กับพี่รองด้วยตนเอง” “ทำให้ได้ก่อน ค่อยเอ่ยคำนั้น คนที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่งเช่นข้า จะต้องตายอีกสักครั้ง ก็ไม่เห็นต้องหวาดกลัวมันเลยสักนิด” ฉีอิงไม่ใส่ใจแล้วว่าเวลานี้ นางจะอยู่หรือตาย แต่นางจะไม่ให้คนที่ทรยศต่อพี่น้อง มากำแหงและหยามเหยียดสามีของนางเป็นอันขาด เมื่อมีสามีประเสริฐ ไยนางจะมิคิดรักษาเล่า “เช่นนั้น อย่าหาว่าข้าแล้งน้ำใจ” กระบี่ถูกดึงออกจากฝัก ชี้ตรงมายังฉีอิง ผู้คุ้มกันก้าวเข้ามายืนบังผู้เป็นนายเอาไว้ในทันที ใบหน้าเยือกเย็นไร้ความรู้สึกของชายหนุ่ม ทำให้จ้านซือเถาหายใจติดขัดเล็กน้อย ด้วยไอสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างหนานั่น กดดันจนเขาแน่นไปทั้งอก ไม่คิดว่าครั้งนี้ สกุลหลี่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือฉีอิง ทว่าคนเราจะเยี่ยมยุทธ์ปานใด หากต้องต่อกรกับคนที่แข็งแกร่งมิแพ้กัน ทั้งมีจำนวนมากกว่า ย่อมยากที่จะคว้าชัยจากเขาไปได้ จ้านซือเถาเป่าปาก เป็นสัญญาณบางอย่าง เพียงพริบตาเดียว กลุ่มชายชุดดำได้ปรากฏกายขึ้น
“ข้ามิเคยทำร้ายเจ้าเลยสักครั้งซือเถา ไยเจ้าทำเช่นนี้ หากเจ้าจะสังหารข้า พี่ชายผู้นี้ย่อมยินยอม ทว่าเพียงแค่เจ้าคิดที่จะแตะต้องภรรยาข้า คำว่าอภัยหรือยินยอม จะไม่มีจากคนเช่นข้าอีก เราขาดกันนับแต่บัดนี้” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่ปนไปด้วยโทสะ ยิ่งตอนที่เห็นภรรยาถูกซัด จนกระแทกกับต้นไม้ เขาแทบคุมสติตนเองมิได้ “ฮ่า ๆ ขาดกันเช่นนั้นรึ เจ้าเป็นเพียงลูกไร้มารดา ที่สกุลจ้านรับเลี้ยง อย่าได้บังอาจมาเทียบชั้นกับคนเช่นข้า จ้านซือถง” จ้านซือเถา ตั้งใจจี้ใจดำของอีกฝ่าย โดยการพูดถึงปมด้อย ที่เขามั่นใจว่าจ้านซือถงต้องเจ็บปวดเจียนตาย “เพราะเมตตาที่ทุกคนมีต่อเจ้า ข้าจึงยินยอมให้มีข่าวเช่นนั้นออกไป เพื่อมิให้เจ้ารู้ความจริง” “เจ้าหมายความว่าอย่างไร” จ้านซือเถา ชี้กระบี่ไปยังพี่ชาย ด้วยอาการสั่นระริก “เจ้ามิเคยสังเกตเลยหรืออย่างไร ว่าไยเจ้าถึงไม่เคยได้รับความเอ็นดูจากท่านแม่ เท่าพี่ใหญ่หรือตัวข้า แม้แต่บุตรจากอนุ ยังได้รับเมตตาจากท่านแม่มากกว่าคนเช่นเจ้า ข้าคิดผิดเองที่อยากปกป้อ
“จัดการมันซะ อย่าให้เข้าถึงเมืองหลวงได้” “ขอรับนายท่าน ข้าน้อยจะมิทำให้ท่านผิดหวัง” หลังจากคนสนิทได้ออกไปแล้ว ภาพในอดีตก็ได้ฉายวนเข้ามาอีกครั้ง เพราะความคึกคะนอง ทำให้เขาทำให้ญาติของตนเองตั้งครรภ์ หญิงสาวจึงถูกส่งไปยังต่างเมือง เพื่อให้กำเนิดลูก ซึ่งในเวลานั้นเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะแต่งงาน “ข้ากับพี่สะใภ้ของเจ้า จะรับลูกของชีเหลียนไว้เอง ส่วนเจ้าก็อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับนางอีก” หลังจากชีเหลียงคลอดบุตรชาย นางก็สิ้นใจในสองเดือนถัดมา หลังจากที่ซือเถาถูกพากลับสู่เมืองหลวง ในฐานะบุตรชายคนที่สามของ ท่านราชครูและภรรยาเอก ทว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน เหมือนว่าเรื่องนี้จะมีผู้อื่นล่วงรู้ จนทำให้คุณชายสามจ้านซือเถา เกิดความกังขาในชาติกำเนิด ทว่าผ่านไปไม่กี่วันกลับเป็นว่า คุณชายรองจ้านซือถง ที่กลายเป็นคนผู้นั้นแทน จึงทำให้เรื่องนั้นเงียบลง รวมถึงคนที่ปล่อยข่าว หายออกไปจากจวนอย่างลึกลับ ซึ่งเป็นเขาเองที่เป็นผู้ลงมือกำจัด มิเว้นแม้แต่ชีเหลียง มารดาของซือเถา เขามิต้องการให้ผู
ณ ชายหาดโรงแรมหรูริมทะเล ผู้กองหลี่อี้ชิงอดีตครูฝึกทหาร ที่เพิ่งยื่นใบลาออก เพื่อมาเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัว เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะมีวันที่เธอต้องก้าวออกจากเครื่องแบบ มาเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่ง ที่กำลังจะแต่งงานในอีกสามวันข้างหน้า“ชิงชิง เธอต้องมีความสุขมากแน่ ๆ เลย ต่อไปเราจะได้ไปช้อปปิ้งด้วยกันบ่อย ๆ แล้วนะ”“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องนั้น แต่ทุกอย่างเรียนรู้กันได้ ฮ่า ๆ”หญิงสาวเราะร่าอย่างมีความสุขกับครอบครัว และเพื่อน ๆ ที่มาร่วมปาร์ตี้สละโสดของเธอ ก่อนที่เธอจะยกแก้วไวน์ในมือขึ้นดื่ม อย่างมีความสุข “หนูยินดีกับพี่ด้วยนะคะ” หลี่หลิวน้องสาวเพียงคนเดียวของหลี่อี้ชิง ลุกขึ้นสวมกอดพี่สาว ด้วยความรัก สองพี่น้องโอบเอวกัน พร้อมโยกตัวตามเสียงเพลง หญิงสาวทุกคนที่มาร่วมงาน ต่างพากันร้องเพลงและเต้นกันอย่างสนุกสนาน “ขอบคุณทุกคนมากนะ ฉันไม่นึกเหมือนกันว่าจะมีวันนี้” หญิงสาวได้กล่าวขอบคุณทุกคนในงานอีกครั้ง พร้อมยกแก้วไวน์ในมือขึ้นสูง เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณให้แก่ทุกคนอีกครั้ง เธอไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าจะมีวันนี้ เหมือนกับหญิงสาวคนอื่น ๆ ซึ่งมั
เช้าวันถัดมาหลิวเพ่ยเพ่ยถูกมารดาเรียกไปพบที่เรือน ใบหน้างามดูซูบซีดจากการอดนอน ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้มาตลอดทั้งคืน “เจ้ามาแล้วรึ!” “ท่านแม่ มีสิ่งใดจะใช้ข้าหรือเจ้าคะ” “เอาเป็นว่าข้าไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกันนะ เจ้าต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเสวียนเฟยหลง แทนเชียนเชียน และข้าก็ไม่ต้องการคำปฏิเสธใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะนี้คือคำสั่ง” “เจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงเบาหวิว นางไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดได้ในสภาพเช่นนี้ ร่างกายและจิตใจของนางมัวหมองยิ่งนัก ว่าที่พระชายาเช่นนางต้องกลายเป็นเจ้าสาวตัวแทนไปเสียแล้ว “ดี! อีกสามวันเจ้าต้องขึ้นเกี้ยวไปแทนน้องสาว อย่าได้ทำให้สกุลหลิวต้องขายหน้า อีกอย่างข้าหวังว่าเจ้าจะไม่พูดให้เชียนเชียนเสียหาย และจำไว้ให้ดีว่าต่อให้เสวียนเฟยหลงฆ่าจะเจ้า ทุกอย่างก็อย่าได้หลุดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ มิเช่นนั้นเป็นข้า! ที่จะสังหารเจ้าด้วยมือตนเอง” “ไยท่านแม่คิดกับข้าเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ” “เจ้าไม่มีสิทธิ์สงสัยในความคิดหรือคำพูดของข้า กลับไปได้แล้ว” “เจ้าค่ะ” หลิวเพ่ยเพ่ยเดินออกจากเรือนของมาร
นางไม่อาจบอกถึงความจริงแก่ใครได้เลย อีกทั้งมารดาได้กลับขาวให้เป็นดำ จนนางถูกทุกคนในสกุลหลิวตราหน้าว่าต่ำช้า ทั้งยังกล่าวหานางไปต่าง ๆ นานา สิ่งที่นางทำได้มีเพียงจำยอม แม้ว่าจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน ก็ไม่อาจทำร้ายมารดาและชื่อเสียงสกุลหลิวได้ เพราะคำว่ากตัญญู นางจึงทำได้เพียงนิ่งเฉยเท่านั้น “ดี! ข้าก็หวังอย่างยิ่งว่าเจ้าจะไม่ได้แต่งเข้าจวนข้า เพียงเพราะถูกบีบบังคับ” “ไม่มีเจ้าค่ะ”“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้าแต่งเข้าจวนเสวียนอย่างถูกต้อง คืนนี้เจ้าก็คือหลานสะใภ้ของข้าแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่ ในฐานะเมียเพียงหนึ่งเดียวของเฟยหลง ใครกล้าหมิ่นเกียรติเจ้าข้าจะลงโทษให้หลาบจำ ไม่เว้นแม้แต่สามีของเจ้าด้วย” “แต่ท่านแม่ทัพ…” “ตามข้ามา” ชายชราเดินตรงไปยังห้องหอ ทำให้ร่างบางจำต้องเดินตามไปอย่างเสียมิได้ แม้ว่าในใจของนางจะหวาดกลัว ว่าสามีจะกล่าวหานางว่าเสแสร้งให้ท่านปู่ของเขาคล้อยตาม “เฟยหลง” ชายชราเรียกหลานชายอยู่หน้าประตูห้อง ก่อนที่ประตูจะเปิดกว้าง พร้อมกับร่างสูงของคนด้านในก้าวออกมา “ท่านปู่มีสิ่งใดหรือข
“คุณรักฉันบ้างไหม”หลี่อี้ชิงเลือกที่จะตั้งคำถามอย่างคนสิ้นคิด เพราะคำตอบที่จะได้รับเธอรู้มันดีอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ได้ถามมันออกไป ก่อนที่เธอจะไม่มีโอกาสได้ถามเขาอีกตลอดกาลความเงียบจากคนที่กอดเธออยู่ มันช่างบาดลึกหัวใจเธอเหลือเกิน อย่างน้อยเขาน่าจะโกหกเธอสักครั้ง เพื่อเป็นการส่งท้ายลมหายใจของเธอ แต่ไม่เลยสักนิดที่เขาคิดจะทำมันเพื่อเธอบ้างเพราะนอกจากเขาจะไม่พูดอะไรออกมา อาการปวดจนเกินจะทนบนบาดแผลที่ถูกยิง มันทำให้เธอรู้ว่าเขาได้ใช้ยาบางอย่าง กับบาดแผลของเธอ เพื่อเร่งเวลาที่เหลืออยู่ของลมหายใจให้สั้นลง‘ขอโทษนะที่รัก ผมเลือกหน้าที่มากกว่าจะเลือกคุณ’ หยวนชางรู้ดีว่าคำพูดนี้ คนในอ้อมแขนของเขาไม่มีวันจะได้ยินมัน และถึงเธอจะได้ยินคำโกหกจากปากของเขา มันก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขาคือสายลับ ที่มาเพื่อล้วงความลับจากเธอเท่านั้นแต่เมื่อหลี่อี้ชิงเลือกที่จะลาออก เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ เพื่อจะได้ล้วงความลับของกองทัพ รายงานแก่องค์กรของเขา ซึ่งคำสั่งจากเบื้องบนให้กำจัดเธอซะ! แล้วเข้าหาคนใหม่ในกองทัพเพื่อสานต่องานที่ยังไม่ลุล่วงให้สำเร็จ เขาจึงจำเป็นต้องลงมือกับเธอ เพื่อสะดวก
หญิงสาวใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะถึงที่หมาย มือบางรีบหงายถ้วยชาขึ้น แล้วค่อย ๆ รินชาเย็นชืดในกาลงในถ้วย เธอไม่สนแล้วว่าในชานี้จะมียาพิษอะไรพวกนั้นไหม เพราะตอนนี้คอของเธอต้องการความชุ่มฉ่ำเหนือกว่าเรื่องอื่นใด หลังจากเธอได้ดื่มน้ำสมใจอยากแล้ว หญิงสาวได้ลุกเดินแบบอ่อนแรง เพื่อไปจุดเทียนเล่มใหม่ แทนเล่มเก่าที่กำลังจะมอดดับลงแล้ว หลี่อี้ชิงทำทุกอย่างด้วยความรู้สึกหงุดหงิด กับร่างกายที่ปวกเปียกนี้เป็นที่สุด หญิงสาวสาบานกับตนเองว่าสิ่งแรกที่เธอจะทำ คือต้องคืนความแข็งแรงให้แก่ร่างกายที่เธออาศัยอยู่หลังจากทำให้ทั้งห้องสว่างจนมองทุกอย่างได้ชัดเจน หญิงสาวได้เดินสำรวจทั้งห้องอย่างเชื่องช้า แม้ใจของเธอจะอยากไปตรงจุดนั้นจุดนี้ของห้องให้เสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาทีก็ตามหญิงสาวใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ การสำรวจห้องจึงได้เสร็จสิ้นลง ก่อนที่เธอกัดฟันทนความหนาว อาบน้ำในอ่างอันเย็นเยียบ เพื่อให้ร่างกายของเธอสดชื่นที่สุด เพราะดูเหมือนเวลานี้ใกล้จะเช้าแล้ว สักประเดี๋ยวคงต้องมีคนมาชมผลงาน เกี่ยวกับการตายของเจ้าของร่างอย่างแน่นอนหลี่อี้ชิงเอนศีรษะพิงขอบอ่าง ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ เพื่อซึมซับความเย
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ฮ่องเต้ได้สั่งห้องเครื่องทำอาหารออกมาแจกจ่ายให้แก่ประชาชน พร้อมทั้งทรงอยู่ร่วมพูดคุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง“ท่านแม่ทัพเยี่ย”“พระชายาทรงมีสิ่งใดกับกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ของสิ่งนี้ข้าขอส่งคืนสกุลเยี่ย”เยว่หมิงหลันยื่นส่งดาบไห่ซินให้แก่เยี่ยไค่หลาง มือหนาสั่นเทาเมื่อเห็นว่ามันคือดาบคู่กายของน้องสาว แม้ว่าดาบตรงหน้าอาจมิใช่อันเดิม แต่ทุกลวดลายนั้นคือตัวตนของน้องสาวเขาทั้งสิ้น“พานางกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวเถิด หากวันหน้าครอบครัวเราปรองดองกันในรุ่นลูกหลาน ข้าก็มิขัดข้อง”“พ่ะย่ะค่ะ...พระชายา!”เยี่ยไค่หลางกำลังจะผวาเข้ารับร่างหญิงสาว ทว่ายังช้ากว่ากั๋วหยวนเค่อ ที่จับตามองภรรยาแทบทุกฝีก้าวอยู่ก่อนแล้ว“ตามหมอหลวงเร็วเข้า”ท่านแม่ทัพเยี่ยรีบสั่งการ ก่อนที่ตัวเขาจะรีบเปิดทางให้ท่านอ๋องเก้าพาพระชายาเข้าไปยังเหลาหยวนหลัน โดยมีฮ่องเต้กับเชื้อพระวงศ์และขุนนางอีกหลายคนติดตามเข้าไปด้วยเวลานี้ฮ่องเต้กับหยวนปิงเดินสวนกันไปมา เพื่อรอฟังผลการตรวจถึงอาการป่วยกะทันหันของเยว่หมิงหลัน ทั้งคู่รู้ดีว่าเยว่หมิงหลันเคี่ยวเข็ญตนเองอย่างหนัก กว่าจะสามารถยืนทัดเทียมศัตรูได้ แ
“ชูเจี่ยนอ๋องยังเสมอต้นเสมอปลาย เลือดเย็นต่อคนข้างกายเช่นไรก็ยังคงเดิม”“อย่าสู่รู้!”“หึ ๆ ระหว่างเจ้ากับข้าแตกต่างกันตรงไหนรู้ไหมชูเจี่ยน ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า แต่เจ้ามิรู้สิ่งใดเลยกับข้า”“แค่นี้รึ! ที่เจ้าคิดจะกำราบข้าได้”เคร้ง! ร่างงามตวัดดาบในมือต้านการจู่โจม ไม่มีคำว่าออมมือสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ ชูเจี่ยนเก็บความแตกตื่นเอาไว้ภายในใจ เมื่อหลายกระบวนท่าของเยว่หมิงหลัน เหมือนกับใครอีกคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี “ข้าไม่จำต้องเสียเวลากับคนเยี่ยงเจ้า แต่มันจะสนุกอะไรหากไม่ได้ยินคำร้องขอความตายจากเจ้า” ชูเจี่ยนผงะถอยหลังเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว กลิ่นอายบางอย่างของเยว่หมิงหลัน ทำให้ภาพต่าง ๆ ในอดีตผุดขึ้นราวดอกเห็ดต้องสายฝน แววตาที่เขาเคยได้รับก่อนที่มันจะเลือนหายไปตลอดกาล ทำให้สมาธิของเขาเลือนหายไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว ฉึก! ยังไม่ทันที่จะดึงสติออกจากภวังค์ได้ดีนัก กลางอีกของเขากลับมีปลายอาวุธแหลมคมอาบเลือดโผล่พ้นให้เห็น “คนต่ำช้าเยี่ยงเจ้าไม่สมควรอยู่ให้หนักแผ่นดิน เจ้าพรากทุกอย่างไปจากข้า แล้วยังจะพาข้าลงสู่นรกเพราะความเ
กว่าที่เขากับผู้เป็นอาจะก้าวมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ต้องแสร้งเป็นคนหูหนวกตาบอด เพื่อรอเวลาชำระความ และไม่คิดว่าวันนี้มาถึง เขาจะมีใครอีกคนมาเคียงข้างให้ปกป้องเขายอมเป็นปีศาจในสายตาของคนทั้งแผ่น ส่วนฮ่องเต้เป็นเพียงตาแก่ปวกเปียกในสายตาของคนคิดคด การนิ่งเงียบเพียงเพื่อรอให้อสรพิษร้ายตัวจริงโผล่หางเท่านั้นดวงตาของเขาที่เสียไปเพื่อปกป้องร่างไร้ลมหายใจของนาง อาจดูโง่เขลาแต่ในยามที่คนเราใกล้ตาย แล้วมีมือหนึ่งยืนเข้ามาประคอง มันย่อมมีค่ากว่าสิ่งใดมือหนาเลื่อนไปยังแผ่นอกกว้าง ก่อนจะกดลงเบา ๆ เพื่อสัมผัสกับสิ่งที่อยู่ภายใน มันยังคงอยู่ดีบนกายของเขา หยกชิ้นนั้นสลักชื่อของนางเอาไว้ วันนี้เขาจะทวงทุกอย่าง เพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่นางและครอบครัว ‘ไห่ซิน’ สักวันเราจะได้พบกันพี่สาวรุ่งสาง ณ จวนชูอ๋อง หมับ! ข้อมือบางถูกคว้าจับเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ปิ่นแหลมในมือจะปักลงบนลำคอของชูอ๋อง “ท่านกล้าทำลายใจข้า!” พระชายาเอกเอ่ยด้วยน้ำเสียงรวดร้าว ข้อมือบางเจ็บร้าวยิ่งนัก เมื่อสามีมิได้ออมแรงในการตอบโต้นาง แค่เสี้ยวใจของเขาในตอนนี้ มันไม่มีนางหลงเหลืออยู่เลยเช่นนั้นรึ!
“นี่มันเรื่องอะไรกันอีก มีสิ่งใดที่ข้ายังต้องรู้อีกไหม!”ไทฮูหยินที่ก้าวเข้ามาภายในห้องของบุตรชาย เอ่ยถามเสียงดังดวงตาของหญิงชราแดงก่ำ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดกับครอบครัว นางเพียรดูแลปกป้องสกุลเยว่มาทั้งชีวิต แต่แล้วตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังพังลงมิเป็นท่า“ไม่มีสิ่งเลยไทฮูหยิน ข้าเพียงแค่บอกว่าใครคือสายเลือดแท้จริงและจอมปลอมของสกุลเยว่”“พวกเจ้าสองคนบอกข้าสิ! ว่าที่ท่านอ๋องพูดมันมิใช่เรื่องจริง”แค่เรื่องทีถูกบุกคุมตัวกลางดึก ก็ทำให้นางแทบสิ้นสติคาที่ แล้วยังจะมีเรื่องที่เจ็บปวดกว่านั้นอีกหรืออย่างไร“ท่านอ๋องเก้าคิดที่จะป้ายสีสิ่งใดให้สกุลเยว่อีกเล่า แค่ที่ทำอยู่มันไม่มากพอหรืออย่างไร”เยว่ฮูหยินถามชายหนุ่มด้วยความคับแค้นใจ ดวงตาที่แดงก่ำบ่งบอกว่านางไม่ยอมรับข้อกล่าวหานี้“มารดาของท่านเคยทำเยี่ยงไร ตัวท่านก็ยังดำเนินรอยตามอยู่อีกหรือ ตัวท่านหาใช่บุตรสาวของท่านเจ้ากรมจาง แต่เป็นลูกของชู้รักที่มารดาของท่านไม่อาจครองคู่หลังแต่งงานแล้วคลอดบุตรสาวคนแรกจางเยี่ยหลาน ซึ่งก็คือท่านแม่ยายของข้า มารดาของท่านกับคนรักเก่าได้ลักลอบพบและมีสัมพันธ์ จนมีท่านที่เป็นดังโซ่ทองคล้องใจของทั้งคู่ ท่านไม่แปลกใจเล
นับตั้งแต่คืนเข้าหอ ผ่านมากว่าครึ่งเดือน พระชายาเอกฉีทำได้เพียงกรีดร้องด้วยความคับแค้นอยู่เพียงลำพังในเรือน สามีอันเป็นที่รักเวลานี้คลุกอยู่เพียงกับชายารอง ไม่แม้แต่จะมาเยี่ยมเยียน หรือให้นางเข้าพบในยามไปหา “อ้าวพี่หญิง! ไยมาหาข้าที่เรือนด้วยตนเองเล่าเจ้าคะ มิให้สาวใช้มาเรียกข้าจะไปพบพี่หญิงเอง” เยว่หลิวหลีในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนยิ่งนัก ใบหน้างามที่เคยแต่งแต้มด้วยที่อ่อนหวาน บัดนี้กลับฉูดฉาดรับกับดวงตาหยิ่งผยองของนางยิ่งนัก “ไม่จำเป็น!” ฉีหยุนเหลียนพยายามที่จะข่มกลั้นความชิงชังเอาไว้ให้ลึกที่สุด เพราะรู้ดีว่าเวลานี้ สามีอยู่ภายในเรือนของเยว่หลิวหลี หากนางบุ่มบ่ามล่วงเกินอีกฝ่ายไป สถานะของนางคงไม่มั่นคงอย่างแน่นอน “ข้ามพบท่านพี่” “ท่านอ๋องหลับอยู่เจ้าค่ะ คงไม่สะดวกนักที่จะปล่อยให้พี่หญิงเข้าไปโดยพลการ” “เจ้าควรรู้จุดยืนของตนเองบ้างนะ เยว่หลิวหลี!” “คำพูดนี้ข้าคิดว่า...พี่หญิงควรเก็บเอาไว้เตือนตนเองจะดีกว่านะเจ้าคะ หาไม่แล้วอาจล้มโดยมิทันตั้งตัวเอาได้” “เยว่หลิวหลี!”
ฉึก! ด้วยความที่จิตใจหว้าวุ่น ทำให้ชายชุดดำถูกดาบคมเสือกแทงเข้ายังสีข้าง ก่อนจะดึงออกคล้ายจงใจที่จะให้เขาเพียงบาดเจ็บเท่านั้น สายตาของชายชุดดำกวาดมองไปยังถนน ซึ่งเมื่อครู่ยังมีการต่อสู้ แต่ในตอนนี้มีเพียงร่างของกลุ่มชายชุดดำทั้งสิ้น ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดินเมื่อรู้แล้วว่าทั้งหมดคือกลลวง ชายชุดดำรีบถอยรนกลับเข้าไปริมทาง ก่อนเร่งใช้วิชาตัวเบาจากไปในทันที ส่วนคนบนถนนทำเพียงยืนมองอย่างสงบ ให้คนเยี่ยงชูเจี่ยนตายในตอนนี้ มันสบายเกินไปควรเติมความกลมกล่อมลงไปอีกสักหน่อย จึงจะสาสมกับสิ่งที่บุรุษผู้นี้กระทำต่อผู้อื่นค่ำคืนในวันถัดมา ณ จวนชูอ๋อง ภายในเรือนหลิวหลี ร่างงามเดินวนไปมาด้วยความร้อนใจ เมื่อคนที่นางให้ไปจัดการเรื่องสำคัญ เงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอย คืนนี้นางกลัวนักที่ต้องเข้าหอกับชูอ๋อง “คุณหนู” “ว่าอย่างไรได้ความหรือไม่” เยว่หลิวหลีเอ่ยถามสาวใช้ด้วยความร้อนใจ หากคืนนี้นางต้องตกเป็นของชูอ๋อง นางต้องทำให้ตนเองอยู่เหนือทุกคน แต่สิ่งที่นางจะชโลมใจของนางได้ในตอนนี้ คือการไม่มีอยู่ของเยว่หมิงหลัน สาวใช้ทำเพียงส่ายหน้าน้อย ก่อนจะรีบขย
“ทะ...”ก่อนที่คนสนิทจะทันได้เรียกผู้เป็นนาย หัวหน้าพ่อบ้านได้ใช้มือปิดปากของชายหนุ่มเอาไว้ พร้อมดึงร่างนั้นให้พ้นจากผู้เป็นนายทั้งสอง เขารอมานานปีที่จะได้อุ้มท่านชายท่านหญิงน้อย เขาจะไม่ยอมให้องครักษ์เซ่อซ่าทำพังเป็นอันขาด“มิรู้ดูตาม้าตาเรือ ข้าควรตัดลิ้นเจ้าเสียเลยดีไหม”หัวหน้าพ่อบ้านทำสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะร่ายยาวถึงสิ่งที่เขาเฝ้ารอ และลงท้ายด้วยการตำหนิองครักษ์หนุ่ม ที่มิรู้ความวิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไป ในเวลาส่วนตัวของผู้เป็นนาย“ก็ข้าไม่รู้นี่ขอรับ”“ชู่ว์!” หัวหน้าพ่อบ้านมองไปยงความมืดด้านหลัง“เจ้าไปนอนได้แล้ว ประเดี๋ยวข้าตรวจตราที่เรือนเล็กแล้วจะเขานอนเช่นกัน”หัวหน้าพ่อบ้านก้าวตรงไปยังทิศทางของสายตาเมื่อครู่ แม้จะรู้ว่าตอนนี้สิ่งผิดปกติได้หายไปแล้วเช่นกัน องครักษ์หนุ่มได้เดินไปยังที่พักของตน โดยไม่คิดที่จะกลับไปหาผู้เป็นนายทั้งสอง “มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่คิดบุกรุกจวนท่านอ๋องเก้า”ชายชุดดำรู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อ ดูเหมือนว่ามันจะช้าไปสักหน่อย“ข้าไม่คิดมาก่อนว่าแค่พ่อบ้านแก่ ๆ คนหนึ่ง จะมีฝีมือขนาดนี้”ชายชุดดำเอ่ยขึ้น เมื่อสัมผัสได้ถ
ทางด้านจวนสกุลเยว่เยว่หลิวหลีถึงกับล้มป่วยกะทันหัน เมื่อได้รับข่าวร้ายจากบิดา นางต้องแต่งเป็นรองมิพอ สามียังอายุน้อยกว่าบิดาเพียงไม่กี่ปี ชีวิตที่งดงามของนางมันพังลงนับตั้งแต่เยว่หมิงหลันกลับมาเมืองหลวง นี่ขนาดไม่กี่วันเท่านั้น ชีวิตของนางยังอยู่เยี่ยงตกนรก เห็นทีนางกับเยว่หมิงหลันคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว‘มีข้าต้องไม่มีเจ้าเยว่หมิงหลัน’“คุณหนูข้าน้อยน้ำแกงโสมมาให้ขอรับ”“กำจัดนางซะ! มีข้าต้องไม่มีมัน!”“คุณหนูโปรดวางใจ สิ่งใดที่คุณหนูต้องการข้าน้อยจะจัดการให้ขอรับ ดื่มน้ำแกงแล้วพักผ่อนก่อนนะขอรับ”พ่อบ้านที่เดินคล้ายคนไร้เรี่ยวแรงในทุกวัน พอก้าวพ้นเขตเรือนร่างสูงยืนตรง ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น ก่อนที่เขาจะหายไปอย่างรวดเร็วเพื่อทำตามปะสงค์ของหญิงสาวเหลาหยวนหลัน เยว่หมิงหลันป้อนอาหารให้มารดาอย่างใจเย็น เพียงไม่กี่วันที่มารดาได้รับการบำรุงและรักษาอาการ จากท่านหมอประจำสำนักคุ้มภัย ใบหน้าที่เคยไร้สีเลือดบัดนี้ดูสดยิ่งนัก คราแรกนางตั้งใจเข้าเมืองหลวง เพื่อใช้การค้าของน้องชายเป็นสิ่งต่อรองทวงศักดิ์ศรีของผู้เป็นแม่คืน ทว่ายังไม่ทันลงมือก็มีเรื่องการแต่งงานเข
“พวกท่านมิรู้ให้เกียรติราชวงศ์เลยเช่นนั้นรึ! นี่เป็นงานแต่งของข้า กลับพากันมาทำเรื่องบัดสี มิพอยังทำให้ผู้คนวุ่นวายจนคืนเข้าหอของข้าถูกรบกวน” กั๋วหยวนเค่อเอ่ยเสียงกร้าวด้วยความไม่พอใจ โดยที่มือหนายังคงดันใบหน้าพระชายามิให้มองไปยังด้านในห้อง แม้ว่าตอนนี้ชูอ๋องจะปิดบังส่วนนั้นเอาไว้แล้วก็ตามที “เรื่องนี้ย่อมมีเบื้องหลัง ท่านอ๋องเก้าคงไม่ตัดสินสิ่งใดเพียงแค่ตาเห็นหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ” ชูเจี่ยนรีบเอ่ยขึ้น เมื่อตอนนี้อาการมึนงงของเขาได้หายไปแล้ว เหลือเพียงอารมณ์ที่พร้อมปะทุ เมื่อนึกได้แล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับบุตรสาวคนรองของท่านเสนาบดีเยว่มีความผิดปกติ “เรื่องนั้นอาจเป็นอย่างที่ท่านพูด แต่ความเสื่อมเสียที่เกิดขึ้นกับคุณหนูเยว่หลิวหลี ชูอ๋องมิอาจปล่อยเลยไปได้ ข้าหวังยิ่งนักว่าชูอ๋องจะแสดงความรับผิดชอบ มิให้เกิดความแตกแยกในแผ่นดิน” คำพูดของท่านอ๋องเก้าชัดเจนยิ่งนัก พระชายาฉีแทบจะครองสติเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อสิ่งที่นางกลัวมาตลอดหลายปีเกิดขึ้นจนได้ นางยินยอมให้สามีเสพสมสตรีอื่น โดยไม่ผูกมัดหรือนำเข้ามายกย่องเป็นอนุ แต่เยว่หลิวหลีห