เพล้ง! เสียงสิ่งของตกกระทบพื้นแตก ทำให้ต้วนอี้หลางที่หลับลึกอยู่ในห้วงฝัน พลันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะดีดตัวลุกขึ้น พุ่งไปยังหลังฉากกั้น ซึ่งภรรยากำลังอาบน้ำอยู่“คนบ้า! หลับตาเดี๋ยวนี้นะ!”หญิงสาวกอดตัวเองเอาไว้แน่น แม้ว่าบนกายจะสวมเสื้อคลุมเอาไว้แล้วก็ตาม“เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”ต้วนอี้หลางหลับตาลงตามที่ภรรยาบอก ทว่าเขาก็ยังเปิดประสาทสัมผัสทั้งหมด เพื่อตรวจจับสิ่งแปลกปลอม ที่อาจเข้ามาในช่วงเวลาที่เขาหลับลึกไป“มือข้าลื่น เลยทำแจกันตกแตกเท่านั้น เจ้าออกไปก่อน ข้าจะแต่งตัว”หญิงสาวพยักพเยิดไปยังแจกัน ที่แตกกระจายอยู่บนพื้น ไม่ห่างจากนางเท่าใดนัก“เช่นนั้น ข้าจะไปบอกให้คนยกอาหารมาให้”เมื่อเห็นแล้วว่าภรรยา ไม่ได้รับบาดเจ็บ ต้วนอี้หลางจึงรีบหาข้ออ้าง สำหรับออกไปจากตรงนี้ เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวต่อนาง“ไม่ต้องหรอก เรากินกับทุกคนนั่นล่ะ เจ้าออกไปรอข้าข้างนอกเลยนะ”“ได้”หลังเสียงประตูปิดลง หญิงสาวก็ชะเง้อไปมองจากหลังฉากกั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเขามิได้ใช้เล่ห์กลต่อนาง และเมื่อนางมั่นใจแล้ว ว่าสามีมิได้อยู่ภายในห้อง ใบหน้างามพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาหญิงสาวห
“ภรรยา...เจ้าใจเย็นก่อน”ต้วนอี้หลางรวบกอดร่างงาม ที่กำลังดิ้นรนให้พ้นอ้อมแขนของเขา ด้วยท่าทางราวนางเสือ“ใจเย็น! เจ้าจะให้ข้าใช้สามีร่วมกับผู้อื่นหรือ ข้าไม่ต้องการแบ่งเจ้ากับผู้ใด! ได้ยินไหม!”ทุกคำพูดของภรรยา ทำให้ต้วนอี้หลางอดยิ้มวกว้างไม่ได้ ชีวิตเดิมของเขา ไม่เคยมีสตรีใดหวงแหนเขาเช่นนี้มาก่อน นี่ขนาดนางประกาศว่าไม่มีใจ ยังหวงเขาขนาดนี้ ถ้ามีใจให้แก่เขา นางคงสิงร่างเขาเลยกระมัง“พี่สะใภ้โปรดใจเย็นขอรับ”น้ำเสียงปนขำขัน ทำให้สองสามีภรรยา หันไปมองยังหน้าประตู ด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกันยิ่งนัก ไฉอ้ายดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นใบหน้าที่เหมือนกับสามีของนาง เรียกว่าแทบจะทุกจุด เพียงแค่คร้ามแดดกว่าเล็กน้อยส่วนต้วนอี้หลาง กลับมีความวิตกกังวล เข้ามาแทนที่เสียอย่างนั้น น้องชายของเขาเป็นแม่ทัพ การทิ้งกองทัพมาเช่นนี้ ย่อมหมายถึงโทษมหันต์“หยางอี้หลง! เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่”น้ำเสียงกดลึกของพี่ชาย ทำให้แม่ทัพหนุ่มได้แต่ยิ้มๆ เขารู้ถึงความกังวลของคนเป็นพี่ดี แต่เขาก็รู้อีกนั่นล่ะ ว่าเหตุผลของเขาที่มายืนตรงนี้ ก็มีน้ำหนักมากพอ ที่จะทำให้พี่ชายคลายกังวลลงได้แน่นอน แต่ตอนนี้ขอเย้าแหย่ คู่ข้าวใหม่ปลามัน
ชายแดนเหนือ หุบเขาพิษ เจียงอี้หยาง ข่มกลั้นความหวาดกลัว เพื่อที่จะนำผลไม้ที่หามาได้ กลับไปให้พี่สาวกับท่านปู่ฮั่ว และท่านลุงอู๋ เพราะเขาคนเดียวที่ทำให้ทุกคน ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เด็กชายรู้สึกได้ ถึงสายตาที่กำลังจับจ้องเขาอยู่ แม้ว่าเขาจะผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่ถ้าเทียบกับพี่ๆ ทั้งสามแล้ว เขายังห่างชั้นอยู่มากนัก หากพี่สาวไม่เอาร่างกายปกป้องเขา นางคงไม่บาดเจ็บ เมื่อนึกถึงตรงนี้ น้ำตาก็พลันไหลพราก ด้วยความเสียใจ ที่ตัวเขาคือต้นเหตุทั้งหมด กรร!!! เสียงขู่จากรอบทิศ ทำให้เจียงอี้หยาง ถึงกับสั่นเทาไปทั้งกาย สุดท้ายแล้ว...เขาก็ยังเป็นตัวถ่วงของทุกคนอยู่ดี แต่ถ้าเขาต้องรอให้คนเจ็บทั้งสาม ตื่นมาหาของกินก็คงมืดค่ำเสียก่อน เจียงอี้หยาง พยายามมองตรงไปเบื้องหน้า เพื่อมิให้สิ่งที่กำลังข่มขวัญเขาอยู่ จู่โจมเข้ามาในตอนนี้ เขาคือน้องชายของสามแฝด ผู้เก่งกาจแห่งแดนตะวันออก แค่นี้จะผ่านไปไม่ได้เชียวหรือ! แก๊ก! เสียงกิ่งไม้หัก ทำให้เด็กชายยืนตัวแข็งทื่อ ราวกับขาของเขากลายเป็นหินไปเสียอย่างนั้น ดวงตาที่พร่ามัวจากม่านน้ำตา มิอาจปกปิดแววหวาดหวั่นใ
“คุณชายใหญ่ คุณชายรอง” ฉู่เมี่ยวเองก็รู้เรื่องนี้ดี อาการเจ็บปวดของนายทั้งสอง นับว่ารุนแรงกว่าทุกครั้ง ดูได้จากใบหน้าที่เริ่มขาวซีด คุณหนูสามกำลังตกอยู่ในอันตราย... “พวกเจ้าเป็นอะไรไป หมอล่ะ! หมออยู่ในคณะของเรามีมิใช่หรือ!” ไฉอ้ายเอ่ยถามสามี และน้องชายของเขา ด้วยความแตกตื่น ยิ่งเห็นใบหน้าของทั้งสอง เริ่มไร้สีเลือด ความดื้อรั้นที่มีมาตลอด พลันเลือนหายไป กลายเป็นความห่วงใยเข้ามาแทนที่ “ไม่เป็นไร...เจ้าอย่าได้กังวล” มือที่ยังสั่นระริก ด้วยความเจ็บปวด ยกขึ้นวางทาบข้างแก้มของภรรยา เพื่อปลอบโยน ชายหนุ่มพยายามสูดลมหายใจ ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่าทุกการหายใจเข้า มันเสียดแทงไปทั้งอก ราวมีดนับหมื่นเล่มแทงทะลุงไปในจุดเดียว น้องน้อยของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย ครานี้นางต้องพบชะตากรรมที่ร้ายแรงเป็นแน่ มันมิเคยเจ็บเจียนตายเช่นนี้มาก่อนเลย อี้หลิงเจ้าอย่าทำให้พี่กลัว... “ดื่มชาสักหน่อยไหม เผื่อมันจะดีขึ้น” อาการแตกตื่น จนเหมือนควบคุมตนเองไม่ได้ ของหญิงสาวทำให้ต้วนอี้หลาง ปีติในใจยิ่งนัก ทว่าเวลานี้ เขาคงไม่อาจเอื้อนเอ่ยสิ่งใด
“อี้หยาง ผงราตรี...” น้ำเสียงแหบโหยเอ่ยอยู่กับอกของน้องชาย ไม่มีคำถามใดๆ จากปากของเจียงอี้หยาง เด็กชายทำเพียง ล้วงเอากล่องไม้ขนาดเท่าฝ่ามือ ออกมาจากอกเสื้อ โดยที่สายตาของเขา มิได้ละไปจากคนทั้งคู่ ที่กำลังยืนหยั่งเชิงกันอยู่เบื้องหน้า เขามีพี่ชายที่เป็นแม่ทัพ แน่นอนว่าต้องเคยผ่านประสบการณ์ที่ตกอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ด้วยเป็นน้องคนเล็ก พี่ชายพี่สาว จึงมักยินยอมให้เขาติดตามไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เช่นในครั้งนี้ ที่เขาติดตามพี่สาวมา “พี่สามอดทนอีกนิดนะขอรับ” อี้หยางเอ่ยปลอบพี่สาว เขามิอาจบอกได้ ว่าครั้งนี้จะพากันรอดไปได้หรือไม่ แต่หากไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไรเล่า เด็กชายเปิดกล่องไม้เทก้อนกลมๆ ในนั้นออกมาจากหมด เขาก้มลงมองพี่สาวอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยนางให้นอนอยู่กับหมาป่าตัวใหญ่ ส่วนตนเองลุกขึ้นยืน แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ไอสังหารที่คนทั้งสอง ปลดปล่อยออกมานั้นมันทำให้เขา แทบจะก้าวเท้าไม่ออกเลยทีเดียว มันรุนแรงเกินกว่าเด็กเช่นเขาจะต้านทาน แต่เพื่อชีวิตรอด เขาจะพ่ายต่อมันมิได้เป็นอันขาด “พี่ชาย” เจียงอี้หยางเร
เจียงอี้หลิง ที่อยู่บนหลังของเสี่ยวไป๋ เริ่มที่จะมีเลือดไหลซึมออกจากมุมปาก นางต้องอดทนอีกนิด...แค่นิดเดียวเท่านั้น ก็ถึงที่หมายแล้ว ด้วยพลังของสวี่เทียน พิษสลายพลัง คงใช้กับเขาได้ไม่เกินสามชั่วยามเท่านั้น เสียงคำรามในลำคอของเสี่ยวไป๋ ทำให้หญิงสาวถึงกับน้ำตาซึม มันกำลังกลัว...กลัวว่านางจะจากมันไปอีกครั้ง กึก! อวี๋มู่หลงหยุดเท้าอย่างกะทันหัน เมื่อเสี่ยวไป๋หยุดอยู่ขอบผาสูงชัน ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ข้างเสี่ยวไป๋ แล้วหันมองคนบนหลังของมัน ด้วยสายตามีคำถาม “พี่สาม” อี้หยางที่เอี้ยวใบหน้ามองพี่สาว ถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ ทว่าเรียวปากที่มีเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ กลับคลี่ออกน้อยๆ เช่นทุกครั้ง ที่ผู้เป็นพี่ต้องการให้เขาคลายกังวล “เจ้าตามข้ามานี่” หญิงสาวไม่ได้พูดกับน้องชาย แต่เอ่ยกับชายหนุ่ม ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบายิ่งนัก มือของนางตบบนตัวเสี่ยวไป๋เบาๆ หมาป่าตัวใหญ่เบนหน้าออกจากผาสูง ก้าวตรงไปยังต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่อยู่ขอบผาอีกด้าน ซึ่งมีหินก้อนเล็กบ้างใหญ่บ้างกองอยู่รอบๆ เสี่ยวไป๋เหมือนรู้ถึงความต้องการของผู้เป็นนาย มันเดินไปหยุดยังหินก้
“ตกลง!” เมื่อทบทวนตามคำพูดของสหาย เจ้าของร้านจึงรับคำอย่างเสียไม่ได้ ในเมื่อก้าวเท้าลงเรือลำเดียวกันแล้ว จะถอยหรือก็ยากอยู่ ทั้งคู่จึงวางแผนให้รัดกุมขึ้น ด้วยเป้าหมายท่าทางมิใช่คนไร้ฝีมือ “คุณชายนี่คือซุบไก่ ข้าน้อยเพิ่มให้ไม่คิดเงินขอรับ เอ่อ...อย่าได้คิดเป็นอื่นนะขอรับ พอดีข้าน้อยเห็นอาหารของคุณชายมีแต่ผัดขอรับ” ม่อเหลียว เหลือบตาขึ้นมองเจ้าของร้าน ที่ยกถ้วยน้ำแกง มาวางอยู่ต่อหน้าเขา ด้วยท่าทางของคนมีน้ำใจ และไม่ลืมที่จะชี้แจงกับชายหนุ่ม ถึงสาเหตุของน้ำใจในครั้งนี้ ชายหนุ่มยกถ้วยน้ำแกงขึ้นดื่ม โดยไม่ได้แสดงอาการแคลงใจใดๆ เขาเองก็ไม่อยากเสียเวลามากนัก แต่ถ้ายืดเยื้อมากไปการเดินทางก็ย่อมต้องล่าช้า แค่ยาพิษทั่วๆ ไป มันมิคณามือเขาสักนิด ชายหนุ่มดื่มน้ำแกงจนหมดถ้วย ก่อนจะกินอาหารอย่างอื่นต่อด้วยอาการปกติ จนผักชิ้นสุดท้ายถูกกลืนลงท้อง เขาจึงกวักมือเรียกให้เสี่ยวเอ้อมาคิดเงิน ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาเจ้าของร้าน และอีกคนที่เฝ้ามองอยู่ไม่ไกล หลังจากจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อย ร่างสูงลุกขึ้นเดินออกจากร้านไป เพื่อเดินทางต่อ สิ่งแรกที่เขา
เจ้าของร้านทำได้เพียง กลืนเหล้าลงคอ แม้ไม่เต็มใจแต่เขาก็ยากจะหลีกเลี่ยง มันคือการฆ่าที่อมหิตเหลือเกิน สู้สังหารเขาในคราเดียวยังจะดีกว่า สุราทำให้เลือดไหลเร็วขึ้น บาดแผลของเขาย่อมยากจะหยุดยั้ง มิให้เลือดชะลอตัวได้อีกต่อไป ใบหน้าที่แดงก่ำจากการสำลักสุรา มิได้ทำให้ชายหนุ่มหยุดมือแม้แต่น้อย มือหนาที่แข็งราวเหล็กกล้า ยังคงบีบกรามของเขาเอาไว้แน่น “ข้าปราณีเจ้ามากแล้ว” ตุบ! ร่างเจ้าของร้าน ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ด้วยอาการมึนงง จากการดื่มสุรา ม่อเหลียวไม่เอ่ยสิ่งใดอีก ชายหนุ่มหมุนกายเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้โจรในคราบพ่อค้า จมอยู่กับกองเลือดเพียงลำพัง เพราะอย่างไรเสีย มิช้าคนผู้นี้ก็ตามสหายไป ชายหนุ่มเดินไปที่ม้าคู่ใจ ก่อนจะปลดสายจูงที่ผูกกับเสาออก แล้วเหวี่ยงกายขึ้นไปนั่งอย่างสง่า โดยไม่ลืมที่จะป้อนขนมให้แก่มันอีกหลายชิ้น “เราจะไปหาคุณหนูกัน ยามห่างตาข้าเจ้าต้องระวังตัวให้มากรู้หรือไม่อาหู” ฮี่! ฮี่! เป็นการตอบรับอย่างรู้ใจกัน ชายหนุ่มตบลงบนแผงคอของอาหูเบาๆ เท่านั้นเองอาชาแสนรู้ ก็พานายของมันก้าวออกจากจุดพักม้า ที่เป็นฉากหนึ่งของรังโจร
ชายหนุ่มใช้นิ้วเรียวยาว แยกกลีบบางออก เพื่อให้เขาได้สัมผัสเม็ดสวาท ได้ถนัดมากขึ้น ชายหนุ่มก้มลงดูดเม้มเกสรอ่อนนุ่ม สลับลากปลายลิ้นขึ้นลงตามร่องสวาท ที่ฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำหวาน ซึ่งไหลออกมามิขาดสาย หญิงสาวยกก้นกลมกลึง ขึ้นสวนรับปลายลิ้น ของชายหนุ่มอย่างกระสันเสียว ร่างงามบิดเร้าประหนึ่งงูเลื้อย โดยที่ปากของนางยังคงดูดดึงท่อนเอ็นอุ่นร้อน ของชายหนุ่มอีกคน ที่ยังขยับเข้าออกตามมือบางที่รูดขึ้นลง ตามจังหวะขับเคลื่อน ชายหนุ่มทั้งสองครางเสียงต่ำ เมื่อความเสียวซ่านกระจายไปทั่วทุกอณูขุมขน ร่างสูงผละใบหน้าออกจากเนินเนื้ออวบอูม เปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่า อยู่ตรงหว่างขาเรียวงามแทน มือหยาบจับต้นขาหญิงสาวแยกออกกว้าง ก่อนที่เขาจะขยับให้ท่อนเอ็นอันใหญ่โต แนบชิดกับเนินเนื้อ ชายหนุ่มขยับโยกกายเล็กน้อย ให้ท่อนอุ่นร้อนเสียดสีกับเนินสวาทของนาง “อื้อ!!!”หญิงสาวครางในลำคอ ด้วยปากของนางยังคงไม่ได้รับอิสระ มือหยาบจับที่ท่อนเอ็นของตนเอง แล้วเอามันถูกขึ้นลงตามร่องสวาท เขามิได้เร่งร้อนที่จะสอดมันเข้าไปข้างในเพราะยิ่งเจ้าของร่างงามเสียวซ่านมากเพียงใด น้ำหวานหล่อลื่นจะออกมามากเท่านั้น
ใบหน้างามของสองพี่น้อง เริ่มที่จะคลอเคลียกัน มือที่นุ่มเลื่อนไปตามเรือนร่างเย้ายวนของกันละกัน ทว่าก่อนที่ทั้งคู่จะถลำลึก เสพสมกันเอง พลันมีมือหยาบกร้านที่สากเนื้อผิว พลันมาสัมผัสที่เอวคอดของหญิงสาวทั้งสอง จากด้านหลัง แสงคบไฟที่ตกกระทบเพียงรำไร ทำให้ไม่อาจบอกได้ ว่าชายที่มาคลอเคลียนางสองพี่น้องเป็นใคร แต่ในเวลานี้ความร้อนรุ่มภายในกาย จำต้องได้รับการปลดปล่อย เมื่อได้รับสัมผัสจากบุรุษเพศ หญิงสาวทั้งสอง เปลี่ยนไปคลอเคลียร่างใหญ่นั้นทันที ทว่าชายหนุ่มที่พวกนางถวิลหา เพื่อปลดปล่อยกำหนัดจากฤทธิ์ของธูปหอม หาได้มีเพียงหนึ่งหรือสองคนอย่างที่คิด แต่ในเวลานี้จะกี่คนพวกนางก็หาได้ใส่ใจ ขอแค่สามารถทำให้ความร้อนรุ่มของพวกนาง หายไปได้เท่านั้นก็พอ มือสากเลื่อนขึ้นกอบกุมสองเต้าเต่งตึง ก่อนจะออกแรงบีบคลึงหนักๆ สองพี่น้องถูกแยกออกจากกัน โดยมีชายรูปร่างกำยาประกบหน้าหลัง ดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มจากความต้องการ หลับพริ้มลงเมื่อปลายถันของนาง ถูกครอบครองด้วยปากอุ่นร้อน แผ่นอกที่แนบหลังของนาง มันช่างร้อนฉ่าจนทำให้ร่างของนาง เรียกร้องหาการเติมเต็ม ชายหนุ่มที่โอบกอดหญิงสาวจากด้
หลังจากอาหารค่ำสิ้นสุดลง สองพี่น้องได้ส่งภรรยาและคู่หมั้น เข้าไปในกระโจมพัก รอพวกเขาไปอาบน้ำที่ลำธารก่อน ส่วนหญิงสาวทั้งสอง กลับมิได้สนใจพวกเขามากนัก เพราะกำลังง่วนอยู่กับการทำหินร้อน เพื่อใช้ในค่ำคืนนี้อยู่ น้ำในลำธารเย็นเยียบยิ่งนัก ทว่าสำหรับสองพี่น้อง กลับไม่ได้รู้สึกสะท้านไหว ต่อความเย็นของน้ำแม้แต่น้อย ด้วยมารดาที่มีความรู้ในหลายแขนงซึ่งนางชื่นชอบการใช้ธรรมชาติ ในการบำบัดร่างกาย ความเย็นของน้ำนี่ก็เช่นกัน เพราะการที่พวกเขา นั่งบนหลังม้านานๆ ย่อมมีระบมอยู่แล้ว ความเย็นของน้ำจะช่วยให้มันบรรเทา และไม่ระบมจนเกินไป “นอกจากผู้หญิงในบ้าน ข้าไม่คิดว่าต้องแก้ผ้าให้สตรีอื่นเชยชมสักครั้ง” หยางอี้หลง เอ่ยกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เมื่อพวกเขากำลังเปลือยท่อนบน และท่อนล่างก็สวมเพียงกางเกงเนื้อบาง ชนิดว่าถ้ายืนเหนือน้ำเมื่อไหร่ ย่อมเห็นความใหญ่โตของส่วนล่างได้อย่างเด่นชัด “ก็ได้แค่มอง เจ้าจะหวงไปทำไม หืม!” ต้วนอี้หลางเย้าน้องชาย ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แสงจากคบไฟ ที่ส่องสะท้อนกางเกงสีขาวแนบเนื้อ ทำให้คนที่แอบมอง ถึงกับกลืนน้ำลายลงค
“ที่นี่มิได้มีคนนอก และนี่เป็นการเดินทางเพื่อท่องเที่ยว เราทุกคนควรที่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุขไปด้วยกัน มิใช่มามัวแต่แบ่งแยกในเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ เพราะทุกคนในคณะ ล้วนรู้ถึงหน้าที่ของตนเองดีอยู่แล้ว เวลาพักก็ควรเท่าเทียมมิใช่หรือ” ต้วนอี้หลาง ยังคงชี้แจงให้หญิงสาวทั้งสองกระจ่าง แม้ว่ามันหาได้จำเป็นสักนิด ที่เขาจะต้องมานั่งสาธยายเรื่องเหล่านี้ แต่เพื่อไม่ให้เกิดคำถามสิ้นคิดขึ้นมาอีกเขาจึงต้องรีบบอกดักทางเอาไว้เสียก่อน หาไม่แล้วตัวเขาคงช้ำจากกำปั้นภรรยา ที่เดี๋ยวทุบเดี๋ยวตี ในทุกครั้งที่หญิงสาวแปลกหน้า คอยวนเวียนถามในสิ่งที่ไม่น่าถามและเขาก็ไม่ได้ถือสาภรรยา แต่กลับภูมิใจเสียอีก ที่นางหวงเขาราวแม่เสือหวงลูก เพราะ...ใช่แล้ว! ชีวิตเดิมของเขา ภรรยาในอดีต ไม่เคยแม้แต่จะชายตามองเขา อย่างคนที่เรียกว่ารักสักครั้ง “ตักอาหารเถอะ”ไฉอ้ายเอ่ยแทรกขึ้น เมื่อหญิงงาม หาหนทางสนทนากับสามีของนาง แสร้งโง่ไปอย่างนั้น เชอะ! แผนเด็กๆ นางโตมาในวังหลัง เล่ห์สตรีภายนอก หรือจะสู้ดอกไม้งามในวังได้ หมับ! ทว่าก่อนที่ฉู่เมี่ยวจะลุกขึ้น เพื่อไปจัดการกับอาหาร ไฉอ้ายรีบกดไหล่น้องสะใภ้ให้นั่งลง โ
“แต่กุ้งอบหม้อดินของบ่าว...”ฉู่เมี่ยว ที่เดินกลับมารวมตัวกับทุกคน ได้นำเสนออาหารของตนเองบ้าง “อะแฮ่ม!”แม่ทัพหนุ่มรีบกระแอมไอ เพื่อให้หญิงสาวเปลี่ยนคำแทนตัว ในเมื่อนางกับเขา หมั้นหมายกันมามิใช่ปีสองปี แต่มันตั้งแต่เขารู้ใจตัวเอง ก็ผ่านมากว่าเจ็ดปีแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ก็เพราะรอคู่ของพี่ชายก่อน “ของเมี่ยวเอ๋อร์ ก็อร่อยมิแพ้กันนะเจ้าคะ ข้าใส่ขิงป่าลงไปด้วย รสชาติจะเผ็ดร้อนแต่ดีต่อร่างกาย ในยามค่ำคืนยิ่งนักเจ้าค่ะ” แม้ปากจะสาธยายถึงประโยชน์ ทว่าใบหน้าของนาง กลับแดงยิ่งกว่ากุ้งต้มเสียอีก ก็ในเมื่อสายตาหยาดเยิ้มของแม่ทัพหนุ่ม มองทุกการขยับของเรียวปากอิ่ม ซึ่งมันเชื้อเชิญให้ลิ้มลองยิ่งนัก “ขิงป่ารึ! เจ้าไปเก็บมาตอนไหนกัน” เมื่อเห็นอาการของน้องสามี ที่แทบจะกลืนกินฉู่เมี่ยว ต่อหน้านางกับสามี ไฉอ้ายรีบผุดลุกขึ้น เดินอ้อมไปคว้าจับมือของฉู่เมี่ยว พร้อมท่าทางลิงโลดอย่างคนอยากรู้ “เมี่ยวเอ๋อร์ได้มาตอนเดินตลาดในหมู่บ้านเจ้าค่ะ ตอนนั้นเห็นองค์...เอ่อ พี่สะใภ้กำลังเลือกขนมอยู่ เลยมิได้ชวนไปดูด้วยกันเจ้าค่ะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรียกขานพี
“เหอะ! คุณหนูถึงสองคน ราวกับตั้งใจจับมาวางต่อหน้าทีเดียว”สองพี่น้องหันสบตากันทันที เมื่อพวกเขากำลังจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัย ที่อยู่ๆ มีสตรีโผล่มาระหว่างทาง อย่างเหมาะเจาะเช่นนี้“สตรีใดเล่า จะเทียบเท่าภรรยาข้าได้ อย่าได้ห่วงไปเลย”เมื่อเห็นอาการแง่งอนของภรรยา ใจที่มันด้านชามาช้านานพลันชุ่มชื่นราวต้นไม้ต้องสายฝนเลยทีเดียว เขาไม่สนว่านี่จะเป็นเพียงการแสดง หรือสิ่งที่ออกมาจากใจของนางจริงๆ “ขุนนาง พ่อค้า ไว้ใจได้หรือ...เรื่องสตรี” “ใครบอกเจ้ากัน หืม!” “ข้ามิได้ตาบอดนะ เห็นๆ อยู่ว่าทุกครอบครัว เกิดปัญหาก็เพราะความเจ้าชู้ของผู้ชายทั้งนั้น” ไฉอ้ายยกตัวอย่างแบบเหมารวม เพราะหนึ่งในนั้นก็คือบิดาของนาง แต่ก็ตำหนิบิดาทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะสนมมากมายนั้น ล้วนเป็นประกันสำหรับการมั่นคงของบัลลังก์ “ข้าเป็นพ่อค้า พบปะคนมากมายก็จริง แต่ข้าไม่เคยทำผิดต่อคู่หมั้นเยี่ยงเจ้าสักครั้ง” เพี๊ยะ! ท่อนแขนของชายหนุ่มรู้สึกแสบร้อน เมื่อฝ่ามือของภรรยา ตีลงมาเต็มแรง “เจ้ากำลังหาว่าเป็นตัวข้า ที่ทำผิดต่อคู่หมั้น โดยการไปไล่ล่าความรัก จากลู่เยี่ยถิงสินะ! ปล่อ
อีกด้านของขณะเดินทาง ที่เป็นส่วนของผู้คุ้มกันเสบียง สำหรับใช้ในการเดินทาง ได้มีคนงานจำนวนหนึ่ง คอยชำเลืองมองไปที่แม่ทัพหนุ่ม กับคู่หมั้นอยู่เป็นระยะตลอดการเดินทางหลายวันมานี้ คนที่เหมาะแก่การลงมือ เพื่อสร้างความระส่ำระสายในขณะเดินทาง เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงตัว ขององค์หญิงไฉอ้าย ดูเหมือนพวกเขาจะเห็นแล้วทว่ายังไม่ทันที่จะได้หารือสิ่งใด ก็มีขบวนรถม้า ที่มีคนคุ้มกันจำนวนหนึ่ง ได่มาหยุดอยู่บนถนน ไม่ห่างจากคณะของราชบุตรเขย ทำให้คนทั้งกลุ่มหันสบตากันยิ้มๆดูเหมือนนายท่าน จะส่งคนมาช่วยได้อย่างทันการณ์นัก ที่นี่ห่างจากเมืองหลวงพอสมควร การปรากฏตัวของผู้ร่วมเส้นทาง ย่อมมีบ้างและไม่เป็นที่น่าสงสัย“คนของนายท่าน มาเร็วกว่าที่คิด”หนึ่งในคนร่วมขบวนการ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง งานของพวกเขามันตึงมือมาตลอด นับตั้งแต่หาหนทาง เข้ามาอยู่ในคณะเดินทาง จนถึงตอนนี้ ยังไร้โอกาสได้เข้าใกล้สตรี ของบุรุษบ้านเจียง มิว่าจะเป็นองค์หญิง หรือคู่หมั้นของแม่ทัพหยาง“เรียนท่านแม่ทัพ คนจากคณะเดินทางสกุลลั่ว ขอเข้าพบขอรับ”แม่ทัพหนุ่มขยับออกห่างคู่หมั้นเล็กน้อย เมื่อทหารคนสนิทได้ก้าวเข้ามารายงาน เขาเห็นแล้วว่ามีรถม
“แล้วทำไมท่านไม่บอกข้า! หรือท่านพี่คิดว่าข้ามิน่าไว้วางใจ” ใบหน้าที่ยังแสดงความสงสัยเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นงอง้ำอีกครั้ง เมื่อนึกถึงความไม่วางใจในตัวนาง ทว่าคนถูกตำหนิกลับยิ้มระรื่น เพราะคำเรียกแทนตัวเขา ที่ภรรยาใช้มันเปลี่ยนไปแล้ว “ภรรยา...ข้ายังไม่สบโอกาสที่จะบอกเจ้า หรือเจ้าคิดว่าตลอดการเดินทาง เราไม่มีหนอนติดตามหรือ” ชายหนุ่มคว้ามือบาง มากุมไว้พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และไม่คิดถือสา ต่ออาการกระฟัดกระเฟียดของนาง “เรามิใช่ไปตามหาน้องๆ ท่านหรอกหรือ” “นั่นก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนคืองานของอี้หลง” “ท่านพ่อไยใจร้ายต่อข้านัก ใช้งานพวกท่าน ทั้งที่ข้ายังมิทัน...เอ่อ เข้าพิธีอย่างสมเกียรติ” หญิงสาวแก้ตัวไปอย่างนั้น ทว่าใบหน้ากลับแดงก่ำ เมื่อนึกถึงคำที่นางเว้นไว้เมื่อครู่ นางเป็นสตรีจะร่ำร้องหาการเข้าหอได้อย่างไรกัน “ท่านพ่อตาเริ่มชรามากแล้ว ย่อมต้องสร้างรากฐานที่มั่นคง ให้แก่ทายาทคนต่อไป รวมถึงตัวเจ้าด้วยภรรยา ท่านพ่อตาห่วงใยเจ้ายิ่งนัก” “ท่านพี่คิดเช่นนั้นหรือ!” หญิงสาวเอ่ยถามสามี ด้วยแววตาหม่นแสงลงเล็ก
เส้นทางสู่แดนเหนือ ณ คณะของต้วนอี้หลาง บ่ายคล้อยแล้ว ต้วนอี้หลางจึงให้คนจัดตั้งที่พัก คืนนี้เป็นอีกคืนที่พวกเขา ต้องพักกันในป่ามิได้พักตามโรงเตี๊ยม ด้วยเร่งรีบติดตามม่อเหลียว ที่คงล่วงหน้าไปไกลมากแล้ว อีกเพียงไม่ถึงสามวัน พวกเขาก็จะเข้าสู่เขตแดนเหนือของแคว้น และนับว่าโชคดีนัก ที่การเดินทางในช่วงนี้ไม่มีหิมะตก อากาศจะไม่รุนแรงเท่าใดนัก สำหรับเขาที่ทำทั้งการค้า และสำนักคุ้มกันสินค้า ย่อมคุ้นชินต่อทุกสภาพอากาศ ด้วยเดินทางทั้งใน และนอกแคว้นอยู่เป็นนิจ ต่างกับภรรยาและฉู่เมี่ยว ซึ่งอากาศหนาวจนติดลบ คงไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัยเท่าใดนักสำหรับพวกนาง “เหนื่อยหรือไม่” หลังจากเดินสำรวจจุดพักเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มได้เดินกลับมาหาภรรยา ที่ยืนอยู่กับสาวใช้ของนาง ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือองครักษ์ของนางนั่นเอง “ไม่เลย...แต่เจ้าเล่า หายหรือยัง” หญิงสาวถามสามี อย่างไร้จริตของสตรี ที่เติบโตมากับการช่วงชิงอำนาจ หรือเพราะเขาไร้อำนาจให้ต้องช่วงชิง นางเลยถามเขาอย่างไม่ต้องแต่งเติมเสริมคำ “ดีขึ้นมากแล้ว น้องสามอาจเจ็บหนักจริง แต่นางยังมีชีวิตคง