เพราะไม่มีใครไม่รู้ ว่าโซ่คือหลานชายท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งนี้ การเขี่ยพวกเธอออกเป็นเรื่องง่ายนิดเดียวสำหรับเขา“อ้าว ไอ้โซ่” รุ่นพี่ปีสี่ที่อบรมเขาในตอนรับตำแหน่งเฮดว้ากหันมามองด้วยความแปลกใจแต่พอเห็นเสื้อช็อปที่อยู่บนตัวเจ้าแก้มและท่าทางทะนุถนอมของโซ่ที่คอยพยุงเจ้าแก้มอยู่ ก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง“มากันครบแล้วนะ” จินเป็นฝ่ายพูดก่อนโซ่จึงพาเจ้าแก้มไปนั่ง ส่วนเขาก็ถอยหลังยืนกอดอกพิงผนังอยู่ด้านหลังของเธอเขาปรายตามองไปรอบ ๆ แล้วไปหยุดที่กลุ่มของแพทที่นั่งตัวสั่นอยู่ทำให้เขาพอจะเดาได้ว่าคนพวกนี้แหละที่ทำให้เจ้าแก้มเจ็บตัวสายตาของเขาเปลี่ยนเป็นมองคนกลุ่มนั้นด้วยสายตาเยือกเย็น“มันเกิดอะไรขึ้น?” เป็นกลุ่มรุ่นพี่ที่ประชุมเรื่องงบประมาณกันอยู่แล้วโดนเรียกตัวมา เพราะเกิดเรื่องขึ้นในกิจกรรมรับน้อง ซึ่งกระทบต่อพวกเขาเต็ม ๆจินจึงเป็นฝ่ายเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ฟัง ซึ่งเขาก็พูดแบบกลาง ๆ ไม่ได้เข้าข้างใคร และไม่ได้เล่ารายละเอียดเรื่องอื่น เล่าแค่เหตุการณ์ที่อยู่ในห้องเชียร์เท่าที่รู้มาจากบาสก็เท่านั้นส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าแก้มคงต้องให้เจ้าตัวเป็นคนเล่าเองเพียงแต่ก็มีคนร้อนตั
เจ้าแก้มสะดุ้งตกใจและหันไปมองโซ่อย่างเกร็ง ๆ โซ่จึงเอามือข้างหนึ่งมาลูบหลังเธออย่างอ่อนโยน แต่สายตาของเขายังคงจ้องเขม็งไปที่แพทอยู่ เหมือนสายตาและการกระทำของเขา จะอ่อนโยนเพียงแค่กับเจ้าแก้มเพียงเท่านั้นสัมผัสที่อบอุ่นของเขาทำให้เจ้าแก้มวางใจ กลับมาสงบอีกครั้ง“เธอพูดว่าไงนะ?” โซ่ถามขึ้นเสียงนิ่ง“เอ่อ” นั่นทำให้แพทมีท่าทีอึกอักขึ้นมา“ว่าไง” แต่โซ่ก็ยังคงถามและมองด้วยสายตากดดันจนแพทและเพื่อนอยากจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ“ไอ้โซ่ เรื่องนี้กูจัดการเอง”จินห้ามปรามโซ่เอาไว้ เพราะมันคงจะไม่ดีนัก ถ้าให้โซ่มายุ่งเรื่องราวในคณะของเขา อีกทั้งเจ้าแก้มเองก็มีความสัมพันธ์กับโซ่ จะทำให้คนอื่นเอาไปพูดไม่ดีได้ เรื่องนี้เขาจึงต้องจัดการเองดีกว่า“อื้ม” โซ่จึงยอมอ่อนลง เพราะยังไงเขาก็มีวิธีจัดการอีกฝ่ายอยู่แล้ว อีกอย่างยังไงเรื่องนี้ก็ต้องให้จินตัดสินใจอยู่ดี“แพท ถ้าแพทไม่ได้ทำ แล้วตอนนั้นแพทไปอยู่ไหน?” จินจึงหันไปถามแพทที่นั่งตัวสั่นอยู่“แพท แพทอยู่กับเพื่อนที่ห้องประชุมค่ะ” แพทกรอกตาเลิ่กลั่ก แล้วพูดขึ้น“แต่ที่พี่เห็นไม่ใช่แบบนั้นนะ” จินจึงยื่นโทรศัพท์ที่มีภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้องน้ำแพทรับไ
ซึ่งจากนั้นสายตาของทุกคนก็ไปหยุดที่โซ่ เพราะการที่โซ่เงียบแบบนี้ น่ากลัวมากกว่าตอนที่เขาอาละวาดเสียอีก โซ่ไม่ค่อยพอใจในคำตัดสินนี้นัก แต่เขาก็ยอมปล่อยไปก่อนแล้วค่อยจัดการทีหลัง เพราะตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญมากกว่าต้องทำ“มีอะไรอีกหรือเปล่า?” เมื่อทุกอย่างเคลียร์กันจบแล้ว โซ่ก็หันไปถามจินเสียงนิ่ง“ไม่มีแล้ว” จินยกมือขึ้นมานวดขมับแล้วพูดขึ้น เรื่องวันนี้ทำให้เขาปวดหัวมากจริง ๆ นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะโดนอาจารย์ที่รับผิดชอบเรียกไปต่อว่าตอนไหน“ป่ะ” โซ่เข้าไปพยุงให้เจ้าแก้มลุกขึ้น ซึ่งเจ้าแก้มก็ยังคงงง ๆ อยู่ ดวงตากลมโตจ้องมองเขาตาแป๋ว“นี่มึงจะพาน้องไปไหน?” เป็นฟีนที่ถามขึ้น เพราะเธอว่าจะพาเจ้าแก้มไปที่คณะแพทย์ ให้หมอตรวจอาการให้“ไปโรงพยาบาล” โซ่ตอบแล้วหยิบกระเป๋าเจ้าแก้มมาสะพายเองด้วยการกระทำของเขาอยู่ในสายตาของทุกคน ซึ่งคนรู้จักโซ่ก็ตะลึงกันไม่น้อย ที่เห็นเขาใส่ใจเจ้าแก้มขนาดนี้“อื้ม ฝากด้วยนะ เดี๋ยวพี่โทรหานะเจ้าแก้ม” ฟีนพยักหน้ารับแล้วหันไปพูดกับน้องรหัสตัวเองส่วนเจ้าแก้มก็ยิ้มรับแล้วมองไปยังเพื่อนสนิททั้งสอง“แกไปโรงพยาบาลเถอะ”“อื้ม เดี๋ยวโทรหานะ” เจ้าแก้มบอกกับชิงชิงแล้วหันไปย
“นี่มันอะไรกันน่ะ? หยุดนะ!!!”คุณหมอกัลย์สุดาตั้งใจจะมาหาลูกชาย พอเปิดประตูคลินิกเข้ามา กลับเจอหมอกราฟกำลังจะทำร้ายคนเสียอย่างนั้น“คุณแม่!!” “เจ้าแก้ม?” แต่พอหันไปเห็นลูกสาวก็อยู่ด้วย และคนที่กำลังโดนลูกชายเธอกระชากคออยู่คือโซ่ คุณหมอกัลย์สุดาก็เดินเข้าไปหาทันที“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หมอกัลย์สุดารีบเดินเข้ามาหาทั้งสามคนทันที จากนั้นก็ถามขึ้น“ตากราฟ ปล่อย” พร้อมกับปรายตามองบุตรชายที่ยังคงไม่ปล่อย โซ่ให้เป็นอิสระ เธอสั่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดให้หมอกราฟปล่อยโซ่“แต่แม่ครับ!!” หมอกราฟทำท่าไม่ยอม และจ้องหน้าโซ่อย่างเอาเป็นเอาตาย“กราฟ” หมอกัลย์สุดาจึงมองลูกชายด้วยสายตาดุดัน“ครับ” จนกราฟต้องยอมปล่อยทันทีที่โซ่เป็นอิสระ เจ้าแก้มก็พุ่งตัวไปดูเขาทันทีด้วยความเป็นห่วงเป็นใย“สวัสดีครับ” โซ่ส่ายหน้าให้เจ้าแก้มเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่เป็นอะไรจากนั้นก็หันไปยกมือไหว้หมอกัลย์สุดา“จ้ะ นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมมาอยู่นี่ล่ะเจ้าแก้ม?” หมอกัลย์สุดาถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ทำไมถึงมามีเรื่องกันได้ ไหนจะเจ้าแก้มและโซ่ที่มาอยู่ที่คลินิกของหมอกราฟอีก“เอ่อ” เจ้าแก้มมีท่าทีอึกอักไม่รู้จะ
“แบบนี้นี่เอง” หมอกัลย์สุดาพยักหน้าเข้าใจแล้วหันไปมองค้อนลูกชายที่ใจร้อนเกินเหตุ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ฟังอะไรเลยแท้ ๆหมอกราฟตัวลีบลงไปทันที เพราะไม่คิดว่าส่วนหนึ่งที่น้องสาวโดนหาเรื่องจะมาจากตัวเองด้วย“เป็นยังไงล่ะ? ไม่ยอมฟังอะไรเลย” หมอกัลย์สุดามองลูกชายด้วยสายตาดุดันพร้อมกับต่อว่าเขา“แต่สาเหตุก็เกิดจากมันอยู่ดีนะครับแม่” เพียงแต่หมอกราฟไม่ยอมรับยังคงโยนความผิดไปให้โซ่อยู่ดี“เราก็ด้วย” หมอกัลย์สุดาจึงรีบย้ำว่าเรื่องนี้ก็เกิดจากกราฟเช่นกันเธอไม่ได้โทษโซ่หรือโทษลูกชายที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด“ปกติไอ้กลูมไปเฝ้าก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่หว่า”หมอกราฟจึงบ่นขึ้นเสียงเบา เพราะปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้ไปเฝ้าน้องสาวมากนัก มีแต่หมอกลูมที่ไปบ่อย เขาก็นึกว่าคนที่คณะของน้องสาวจะรู้จักเขาเสียอีก“ก็กลูมเขาเพิ่งเรียนจบ รุ่นน้องจะรู้จักก็คงไม่แปลก กราฟนั่นแหละ น้องโตขนาดนี้แล้วยังไปตามเฝ้าอีก”หมอกัลย์สุดาจึงหันไปมองลูกชายเล็กน้อยแล้วกล่าวขึ้น เนื่องจากหมอกราฟจบจากมหาลัยมาหลายปีแล้ว อาจจะทำให้รุ่นน้องไม่รู้จักบ้าง แต่หมอกลูมที่เพิ่งจบมา ไม่มีทางที่คนอื่นจะไม่รู้ว่าเป็นพี่ชายของเจ้าแก้ม“นี่ขนาดผมเฝ้าแล้วนะค
เมื่อเจ้าแก้มกลับมาถึงบ้าน ก็เจอผู้เป็นพ่อและหมอกลูมซักฟอกอีกรอบ พอได้ฟังแล้วสีหน้าแต่ล่ะคนก็ดูไม่ได้เช่นเดิม“พรุ่งนี้ผมจะส่งน้องเองครับ”หมอกลูมอาสาไปส่งน้องสาวในวันพรุ่งนี้ด้วยตัวเอง และจะถือโอกาสไปถามเรื่องนี้กับรุ่นน้องตัวเองด้วย“อื้ม” หมอเกรียงไกรพยักหน้าอนุญาต และสอบถามอาการของลูกสาวสักพักตลอดมื้ออาหาร ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดเจ้าแก้มขึ้นมาบนห้องด้วยสีหน้ารู้สึกผิด เธอรู้ว่าที่พ่อแม่และพี่ชายทำหน้าเครียดเพราะเป็นห่วงเธออย่างแน่นอน เธอไม่ชอบเลยเวลาที่คนอื่นต้องมาห่วงแบบนี้เช้าวันต่อมาเจ้าแก้มมาเรียนโดยมีหมอกลูมมาส่ง และเขาก็เดินตามเจ้าแก้มเข้ามาที่คณะด้วย ซึ่งพอเข้ามาก็เจอกับกลุ่มพี่ว้ากที่นั่งกันอยู่เต็มด้านหน้าคณะ“เจ้าแก้ม!”ฟีนทักขึ้นแล้วโบกมือให้น้องรหัสตัวเอง แต่พอเห็นว่าใครตามหลังเจ้าแก้มก็หดมือลงทันที“พี่ ๆ สวัสดีค่ะ”เจ้าแก้มที่ยังคงเดินกะเผลกอยู่ ค่อย ๆ เดินไปยกมือไหว้รุ่นพี่ทุกคน เป็นจินที่รับไหว้แล้วก็หันไปสวัสดีหมอกลูม“ครับ พี่กลูม สวัสดีครับ”“อื้ม” หมอกลูมพยักหน้ารับนิ่ง ๆ จากนั้นก็พยุงเจ้าแก้มไปนั่ง พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ น้องสาวเขาปรายตามองรุ่นพี่ของน้
ซึ่งภาพที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เป็นเพจของมหาวิทยาลัย ที่รวบรวมผู้เสียหายที่โดนแพทกลั่นแกล้งมารวมตัวกัน ยื่นเรื่องให้สอบสวนแพทและเพื่อนของเธอ“หื้ม? ไม่ได้มีแค่เราเหรอที่โดนแกล้ง”เจ้าแก้มเงยหน้าขึ้นมองบาสด้วยความแปลกใจ และถามขึ้นด้วยความใสซื่อ เธอนึกว่ามีแต่เธอเสียอีกที่โดนแพทแกล้ง แต่นี่มีผู้เสียหายมากมาย ไม่คิดเลย ว่าแพทจะร้ายขนาดนี้“ใช่”“แล้วนี่ยังไงต่อ?” หนูดียื่นโทรศัพท์คืนให้บาสแล้วถามถึงสถานการณ์ในตอนนี้ เพราะบาสเป็นประธานรุ่น น่าจะรู้อะไรมาบ้างไม่มากก็น้อย“โดนเรียกผู้ปกครองน่ะ” บาสจึงตอบกลับมาเสียงนิ่ง“ร้ายแรงมากเลยนะ!!”เจ้าแก้มเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะถ้าถึงขั้นเรียกผู้ปกครอง มีสิทธิ์ถึงขนาดไล่ออกกันเลยทีเดียว“ใช่”เมื่อได้รับคำตอบยืนยันจากบาส เจ้าแก้มก็มีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย เธอรู้สึกสงสารแพทถ้าถึงขั้นต้องโดนไล่ออกจริง ๆ“ก็สมควรแล้วล่ะ โดนซะบ้าง จะได้ไม่ไประรานใครได้อีก”แต่หนูดีกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้สมควรแล้ว ถ้าเกิดแพทโดนไล่ออกก็จะเป็นบทเรียนให้อีกฝ่าย แต่ถ้าไม่โดนไล่ออก ก็คงไม่กล้าไปแกล้งใครอีกแล้ว“แต่ถ้าแพทโดนไล่ออกคือเสียอนาคตเลยนะ”เจ้าแก้มจึงพูดขึ้น แล้วทำต
ช่วงบ่ายของวัน ก็มีข่าวลือออกมาว่าแพทและเพื่อนอีกสองคนถูกไล่ออก เนื่องจากทำเกินเหตุ ทำให้กลุ่มของแพทที่จากเดิมมีกันห้าคน ตอนนี้จึงเหลือแค่สองคนเท่านั้น“คิก คิก” ซึ่งพอได้ยินข่าวแล้วคนอารมณ์ดีมากที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นชิงชิงนั่นเองที่นั่งหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว โดยมีสายตาของหนูดีและเจ้าแก้มมองไปที่เพื่อนสนิทอย่างเอือมระอา“ชิงชิง เกินไปแล้วนะ!!” เจ้าแก้มถลึงตามองชิงชิงแล้วพูดขึ้นเสียงดุ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าหัวเราะเลยสักนิด“อะไรเจ้าแก้ม?” แต่ชิงชิงทำเป็นไม่รู้เรื่อง ถามเจ้าแก้มอย่างใสซื่อ“อย่าไปหัวเราะเพื่อนสิ” เจ้าแก้มจึงพูดขึ้นแล้วส่ายหน้าให้เพื่อนสนิท“ก็มันสะใจนี่นา สมน้ำหน้า” เพียงแต่ชิงชิงไม่ยอมทำตาม เธอเบ้ปากเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นอย่างสะใจ“คนล้มอย่าข้าม”หนูดีเองก็พูดขึ้นเช่นกัน พยายามปรามชิงชิงช่วยเจ้าแก้ม แม้จะโกรธแพทและเพื่อนมากแค่ไหนที่มาทำร้ายเจ้าแก้ม แต่การที่อีกฝ่ายถึงขั้นโดนไล่ออก ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกันเพียงแต่ทุกอย่างนั้นเกิดจากการกระทำของแพทและเพื่อนทั้งนั้น จะโทษใครไม่ได้ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง“จ้าแม่คนดี ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” ชิงชิงที่โดนเพื่อนทั้งสอ
“คะ?” เจ้าแก้มชะงักไปทันที แล้วหันมามองโซ่อย่างตั้งคำถามอีกครั้ง“...” เพียงแต่โซ่ไม่ตอบอะไร เขามองเธอนิ่ง “เจ้าแก้มไม่ได้โกรธค่ะ” เจ้าแก้มส่ายหน้าเบา ๆ และขบคิดด้วยความสับสน“แล้วเป็นอะไร?” โซ่จึงจี้ถาม แม้จะมั่นใจแล้วก็ตามว่าเธอเป็นอะไร“เจ้าแก้มก็ไม่รู้” เจ้าแก้มส่ายหน้าตอบกลับมา เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองเป็นอะไร มันอธิบายความรู้สึกไม่ได้ในตอนนี้“เห็นรูปนั้นใช่ไหม?” “ค่ะ” เมื่อถูกถามอย่างนั้น เจ้าแก้มยอมรับไปตรง ๆ แล้วก้มหน้าลงทันที“พี่ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่รู้จัก ไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ” โซ่อธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น เขาไม่รู้จักรุ่นน้องคนนั้นมาก่อน และไม่มีความคิดที่จะนอกใจเจ้าแก้มเลยสักครั้ง“อีกอย่างรูปนั้นพี่สั่งให้ไอ้ลีนไปลบให้แล้ว” แล้วก็บอกเล่าว่าเขาสั่งให้เพื่อนไปลบรูปนั้นแล้ว“พี่ดีใจนะ”“ดีใจอะไรเหรอคะ?” เจ้าแก้มเงยหน้าขึ้นแล้วมองโซ่อย่างแปลกใจ ที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่าดีใจ“ก็ดีใจที่เจ้าแก้มหึงพี่” โซ่กล่าวแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาอย่างอารมณ์ดี“บ้า ใครหึงกัน ไม่มีนะ” ทำให้เจ้าแก้มหน้าร้อนขึ้นมาแล้วรีบปฏิเสธทันที เธอไม่ได้หึงเขาเสียหน่อย แค่ไม่พอใจที่เห็นเขากับคนอื่นก็เ
เจ้าแก้มมึนตึงกับโซ่เป็นอย่างมาก จนกลายเป็นความอึดอัดใจ“วันนี้พี่ไปส่งนะ” เขาอาสาไปส่งเธอที่บ้านด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้คุยกัน“พี่กราฟจะมารับค่ะ” แต่เจ้าแก้มกลับปฏิเสธมาเสียอย่างนั้น“เดี๋ยวพี่จะโทรบอกพี่กราฟเอง” โซ่จึงอาสาโทรหากราฟเอง เพราะอย่างไรวันนี้ต้องได้คุยกันก่อนทำให้เจ้าแก้มไม่สามารถปฏิเสธได้“พี่ไปนะ” โซ่จำใจต้องลาเจ้าแก้ม เพื่อไปเรียน แต่ก็ยังคงมีความกังวลอยู่ไม่น้อย“แกตึงใส่เขาเกินไปหรือเปล่า?” เมื่อโซ่เดินออกไปแล้ว ชิงชิงก็หันมาถามเจ้าแก้มทันที“นั่นสิ” หนูดีเองก็เห็นด้วย ว่าเจ้าแก้มเฉยชากับแฟนหนุ่มของเธอมากไปจริง ๆ“เจ้าแก้มไม่รู้” คำพูดของเพื่อนทั้งสองทำให้เจ้าแก้มรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีในตอนนี้“ถ้าแกไม่รู้ แกควรจะถาม หรือพูดคุยกับเขาไปนะเจ้าแก้ม ไม่ควรทำแบบนี้” ชิงชิงจึงค่อย ๆ พูดให้เจ้าแก้มคิด และเข้าใจ“เจ้าแก้มงี่เง่าไปเหรอ?” เข้าแก้มจึงถามกลับมา เธอไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย เพียงแต่จัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้จริง ๆ“ไม่ใช่หรอก แต่แกก็รู้ว่าพี่โซ่เขารักแกแค่ไหน”“ใช่ ตึงใส่เขาไปแบบนั้นจะเรียนรู้เรื่องไหมน่ะ” คำพูดของหนูดีทำให้เจ้าแก้มชะงัก แล
“พี่ไลอ้อน” เจ้าแก้มหยุดชะงักแล้วยกมือไหว้เพื่อนสนิทของแฟนหนุ่ม“ไม่เห็นไอ้โซ่บอกเลยว่าเราจะมา?” ไลอ้อนรับไหว้แล้วพึมพำขึ้น เพราะก่อนหน้านี้โซ่ไม่เห็นจะบอกพวกเขาเลยว่าเจ้าแก้มจะมากินข้าวที่โรงอาหารของพวกเขา“เจ้าแก้มไม่ได้บอกพี่โซ่น่ะค่ะ” เจ้าแก้มบอกกับเขาไปเสียงนิ่ง“อ้าว” นั่นทำให้ไลอ้อนขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ และไหนจะอาการมึนตึงของเจ้าแก้มอีก เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ขอตัวไปสั่งข้าวก่อนนะคะ” เจ้าแก้มตัดบทแล้วขอตัวไปสั่งข้าวทันทีไลอ้อนมองตามหลังของเธอไปด้วยความงงงัน“น้องชิงชิง?” จากนั้นก็หันมามองชิงชิงอย่างตั้งคำถาม“ขอตัวนะคะ” แต่ชิงชิงไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นกัน จึงค้อมหัวให้รุ่นพี่เล็กน้อย จากนั้นก็วิ่งตามหลังเจ้าแก้มไปติด ๆทิ้งให้ไลอ้อนได้แต่เกาหัวแกรก ๆ มองตามหลังไปทางด้านของโซ่ ในตอนนี้เขากำลังรอเจ้าแก้มตอบกลับข้อความ หลังจากที่เขาส่งไปหาเธอตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว“มึงเห็นนี่ยัง?” แล้วจู่ ๆ พายัพก็ยื่นโทรศัพท์ของเขาไปให้กับโซ่ซึ่งโซ่ก็มองด้วยความแปลกใจ และรับไปดูก็เห็นว่าเป็นรูปตอนที่เขาไปทำบุญเมื่อเช้านี้ และมีรุ่นน้องคนหนึ่ง มาอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเขาไม่ได้รู้จัก หร
เช้าวันต่อมา ในวันนี้เจ้าแก้มมาเรียนโดยมีพี่ชายมาส่ง เพราะโซ่มีนัดกับรุ่นน้องแต่เช้า เพื่อมาทำบุญคณะกัน เจ้าแก้มจึงไม่ได้รบกวนเขาในขณะที่นั่งรอเรียนอยู่นั้น ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นเป็นระยะ และเจ้าแก้มเองก็รู้สึกว่ามีสายตาของหลายคนมองมาที่เธอแปลก ๆเจ้าแก้มจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความงงงัน จนหันมาเห็นสายตาของเพื่อนสนิททั้งสองนี่แหละ“มีอะไรเหรอ?” เจ้าแก้มถามขึ้นด้วยความสงสัย“ดูนี่สิ”“หือ?” เจ้าแก้มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จากนั้นก็รับโทรศัพท์จากมือของหนูดีมาดูซึ่งบนหน้าจอกำลังโชว์ภาพของโซ่และผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทำบุญอยู่ข้างกัน พร้อมกับแคปชันหวานซึ้งเจ้าแก้มเลื่อนอ่านเม้นก็มีแต่คนพูดว่าเหมาะสมกัน และถามถึงเธอด้วย“โอเคนะ?” ชิงชิงถามขึ้นแล้วมองเจ้าแก้มด้วยสายตาเป็นกังวลเพราะสีหน้าเจ้าแก้มมีความเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังกำโทรศัพท์ในมือแน่นเจ้าแก้มได้สติเงยหน้าขึ้นมาเพื่อนสนิททั้งสองแล้วถามขึ้น“ใครเหรอ?”“เห็นบอกว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งน่ะ” หนูดีเป็นฝ่ายตอบ เพราะเธอได้ถามมาแล้วก่อนที่จะเอารูปให้เจ้าแก้มดู คนรู้จักของเธอบอกว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่ง“อื้ม” เจ้าแก้มพยักหน้ารับรู้แล้วทำเป็น
โซ่เองก็ให้เจ้าแก้มมานั่งข้าง ๆ เขาเช่นกัน แล้วหยิบน้ำมาเปิดฝาให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เจ้าแก้มรับน้ำมาแล้วเอ่ยขอบคุณโซ่“หิวไหม?” โซ่จึงถามอย่างใส่ใจ เพราะทุกครั้งเวลานี้เจ้าแก้มจะต้องได้กินของว่าง แต่เขาติดธุระ ไม่มีเวลาไปรับเธอเลย คิดแล้วก็มีสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมาทันที“ไม่ค่อยหิวค่ะ” เจ้าแก้มรู้สึกหิวเล็กน้อย เพราะความเคยชินที่ได้กินอาหารเวลานี้ แต่ก็ไม่อยากรบกวนโซ่ จึงตอบกลับไป“แสดงว่าหิว?” แต่คำว่า ไม่ค่อย ของเธอนั้นทำให้โซ่ขมวดคิ้วแล้วหรี่ตามองเธอ“แฮ่ ๆ” เจ้าแก้มไม่อยากโกหกว่าไม่หิวจึงยิ้มแหยให้เขาไป“รอก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกิน” โซ่จึงพูดขึ้นแล้วหันไปมองตามรับน้องของคณะตัวเองด้วยความหงุดหงิด ใจเขาอยากจะเข้าไปปล่อยรุ่นน้องและพาเจ้าแก้มกลับตอนนี้เลย แต่ไม่สามารถทำได้อย่างที่คิด“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ากินตอนนี้ กลับบ้านไปคงกินข้าวไม่ได้” เจ้าแก้มเห็นสีหน้าโซ่จึงรีบบอกกับเขาไป เพราะเวลานี้เธอคงกินอะไรไม่ได้แล้ว เพราะว่าต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านต่อด้วย“อื้ม” โซ่เองก็พึ่งนึกขึ้นได้จึงพยักหน้าเข้าใจรอไม่นานกลุ่มพี่ว้ากก็มีการปล่อยรุ่นน้องให้กลับบ้านทำให้โซ่เองก็พาเจ้าแก้มกลับได้เช่นก
เวลาผ่านไป หลังจากวันนั้นที่โซ่ง้อเจ้าแก้มได้สำเร็จ ทั้งสองก็ตัวติดกันตลอด ไม่ห่างไปไหนช่วงปิดเทอมบ้านของเจ้าแก้มก็มีโซ่ไปเป็นแขกประจำ จนคุ้นเคยกับทุกคนในบ้านพี่ชายทั้งสองของเจ้าแก้ม เห็นโซ่ดูแลน้องสาวของพวกเขาเป็นอย่างดีก็อ่อนให้โซ่แล้ว ไม่มีจิกกัดเหมือนแต่ก่อนจวบจนเปิดเทอม เจ้าแก้มขึ้นปี 3 ส่วนโซ่ก็เป็นรุ่นพี่ปี 4 แล้วในวันนี้เจ้าแก้มมาที่มหาวิทยาลัยโดยมีโซ่มาส่ง ส่วนตัวเขานั้นยังไม่ได้มีการเรียนอะไร มีเพียงคอยดูแลเรื่องการรับน้องในคณะก็เท่านั้นซึ่งโซ่ได้รับเลือกเป็นประธานสภาของมหาวิทยาลัย เขาจึงวุ่นวายเป็นอย่างมากส่วนเจ้าแก้มนั้นขึ้นปีสาม เป็นปีของพี่ว้าก ที่ไม่ต้องไปวุ่นวายการรับมากนัก แต่วันนี้เธอถูกเพื่อนสนิทลากมาดูพี่ว๊าก ซึ่งก็คือเพื่อนปีเดียวกันกับเธอลงว้ากเป็นครั้งแรก“เงียบ!!”เสียงว๊ากที่ดังขึ้นทำให้น้อง ๆ ที่กำลังฮือฮากันอยู่เงียบเสียงลงทันทีบรรยากาศโดยรอบกำลังเกิดเดดแอร์ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าแก้มที่เผลอเกร็งไปกับน้อง ๆ ด้วย“ดุชะมัด” ชิงชิงหันไปกระซิบกับหนูดีเพราะพี่ว้ากปีของพวกเธอ มาจากกลุ่มผู้ชายที่ดูจะนุ่มนวลที่สุดแล้ว ทุกคนจึงไม่เชื่อนักว่าพวกเขาจะว้ากได้จริง จึ
พรึบเขาดึงแขนเธอเข้าไปประชิดตัวเองไว้ จากนั้นก็ดันหลังเธอชนกับกำแพงห้องแล้วฉกจูบลงมา“อื้อออออ” เจ้าแก้มเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วก็เอามือดันไหล่เขาไว้“พะ พี่โซ่” เธอพยายามห้ามเขาที่กำลังซุกไซ้ซอกคอของเธออยู่ในตอนนี้“พี่ขอโทษ” เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าแก้มด้วยสายตาอ้อนวอน ขอให้เธอหายโกรธเขาซึ่งในตอนนี้เจ้าแก้มไม่ได้โกรธเขามากขนาดนั้นแล้วจึงใจอ่อน“นะครับ” โซ่ทำเสียงออดอ้อน จากนั้นก็มองเธออย่างอ้อนวอน“เจ้าแก้มหายโกรธก็ได้ แต่พี่โซ่อย่าทำแบบนั้นอีกนะคะ”เจ้าแก้มจึงยอมใจอ่อน หายโกรธเขา แต่ก็ยังกำชับไม่ให้เขาพูดแบบนั้นอีก เพราะเธอไม่ชอบจริง ๆ“ครับ” โซ่ตอบรับแล้วยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจโซ่ทำการช้อนตัวเจ้าแก้มขึ้นอุ้มโดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว“พี่โซ่!!” เจ้าแก้มหวีดร้องด้วยความตกใจแล้วยกมือขึ้นโอบรอบคอโซ่ไว้กันไม่ให้ตัวเองตกโซ่พาเธอเข้ามาในห้องนอนแล้ววางเธอลงบนเตียงอย่างทะนุถนอมหลายวันที่ผ่าน ไม่ได้คุยกับเจ้าแก้มแล้วเขารู้สึกจะคลั่งตาย โซ่สบตามองเจ้าแก้มอย่างลึกซึ้งจนเจ้าแก้มรู้สึกเขินอายฟอดดดด“ขอนะครับ” โซ่โน้มหน้ามาหอมแก้มเธอแล้วกระซิบข้างหูเสียงแหบพร่าเขาค่อย ๆ ทำการโน้มน้าวโลม
และนี่ก็สามวันแล้วที่เจ้าแก้มโกรธโซ่ ไม่ยอมพูดคุยด้วย อีกทั้งยังเมิน หลบหน้าเขาอีกด้วย จนโซ่ต้องมานั่งซึมแบบนี้ผับ F “ท่าทางจะอาการหนักว่ะ” ไลอ้อนหันไปพูดกับพายัพติดตลกแล้วมองไปที่โซ่“เออ กูก็ว่างั้น” ซึ่งพายัพเองก็เห็นด้วยเป็นอย่างมากเพราะในตอนนี้โซ่กำลังนั่งเหม่อถือแก้วเหล้ากระดกเป็นน้ำเปล่า ไม่ยอมพูดจากับใครทั้งสิ้น“มันเป็นอะไร?” คำพูดของทั้งสองทำให้คนบนโต๊ะหันไปมองโซ่เป็นตาเดียว และก็มีคนถามขึ้น“เจ้าแก้มงอนมันน่ะสิ” เรย์จึงเป็นฝ่ายตอบแล้วหยิบขวดเหล้ามารินให้กับตัวเอง“หือ?” นั่นทำให้ทุกคนที่ได้ยินขมวดคิ้วสงสัย เนื่องจากเจ้าแก้มอ่อนหวานและเรียบง่ายแบบนั้น โซ่ไปทำอะไรให้อีกฝ่ายโกรธมากันจากนั้นก็มีคนหนึ่งที่ทำการสอดส่องสาว ๆ อยู่เขาสะดุดอยู่ที่โต๊ะหนึ่งแล้วหรี่ตามอง“อะไร?” จนเพื่อน ๆ เห็นท่าทางนั้นแล้วรู้สึกสงสัย จึงถามขึ้น“มึงช่วยกูดูหน่อย ว่านั่นใคร?” คนนั้นจึงชี้ไปที่โต๊ะหนึ่งทันทีทำให้สายตาของทุกคนยกเว้นโซ่หันไปมองตาม“กะ กูไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหมว่ะ?” ไลอ้อนพูดขึ้นแล้วขยี้ตาเพราะที่พวกเขาเห็นคือเจ้าแก้มและกลุ่มเพื่อนของเธอนั่นเอง“ไอ้โซ่” ลีออนจึงหันไปเรียกโซ่ที่นั่งนิ่ง
“สวัสดีครับ”“คะ?” เจ้าแก้มหันไปมองหนุ่มหล่อหน้าตาดีในชุดมหาวิทยาลัยอื่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาแปลกใจ“ผมเซนนะครับ” อีกฝ่ายจึงรีบแนะนำตัวทันที“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เจ้าแก้มพยักหน้ารับรู้แล้วถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ“เอ่อ ผมจะมาขอไลน์คุณน่ะครับ” เซนยื่นโทรศัพท์ในมือมาให้เจ้าแก้ม เพื่อขอช่องทางการติดต่อของเธอตามที่พูด“เอ่อ” นั่นทำให้เจ้าแก้มมีท่าทีอึกอัก ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที“ไม่ทราบว่าคุณชื่อ?” เซนทำเป็นไม่เห็นท่าทางลำบากใจของเธอ และทำเป็นถามชื่อ ในตอนแรกที่เขาเห็นเธอก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก และมองจนเพื่อนของเขารู้ พร้อมกับเชียร์ให้เขาเข้าหาเธอ“เจ้าแก้ม” เจ้าแก้มยังไม่ทันได้ตอบอะไรไป ก็มีเสียงเรียกเธอดังขึ้นเสียก่อน“พี่โซ่!” เจ้าแก้มหันมองก็เห็นว่าเป็นโซ่นั่นเองที่ยืนหน้านิ่งอยู่ในชุดนักกีฬา“มีอะไรหรือเปล่า?” โซ่เดินเข้ามาแล้วถามขึ้น พร้อมกับปรายตามองไปที่ผู้ชายคนนั้นเล็กน้อยเขากำลังจะมาหาเจ้าแก้ม แต่กลับเห็นเธอยืนคุยกับผู้ชายคนอื่นอยู่ จึงเกิดความไม่พอใจ“คือว่า” เจ้าแก้มกำลังจะอธิบายให้แฟนหนุ่มของเธอฟัง“ผมมาขอไลน์คุณเจ้าแก้มน่ะครับ” แต่เซนกลับพูดขึ้นเสียก่อน ทำให้เธอช