อันเจ๋อเอ่ยทันที “พระชายามีความคิดที่ดีมาก ท่านอ๋องเฉิงริเริ่มบริจาคก่อนจะต้องดึงดูดความสนใจขององค์จักรพรรดิอย่างแน่นอน! ถึงเวลานั้นพวกผู้มีอำนาจเหล่านั้นก็จะบริจาคตามด้วยเพื่อเอาใจองค์จักรพรรดิ!”“จริงสิ ข้าให้แม่ข้าเอาโจ๊กไปให้ผู้ลี้ภัยได้ด้วย!”“ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกท่านแม่แล้ว หากนางมีเงินบริจาคธูปเทียนให้วัด สู้เอาไปทำเรื่องจริงจังดีกว่า! ท่านแม่ของข้าจะต้องยอมแน่!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็พยักหน้า พลางเอ่ยอย่างเห็นด้วย“ท่านรัฐทายาทอัน ท่านสามารถขอให้พระชายาผิงหนานระดมทุนในหมู่สตรีผู้สูงศักดิ์ได้อีก หากครอบครัวใดมีเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องนอนเก่าที่ไม่จำเป็น ก็สามารถเอามาช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเหล่านี้ได้!”“ข้าเห็นว่าพวกเขาใส่แต่พวกผ้าขาดวิ่นกันหมด ช่วยได้สักหน่อยก็จะดี!”เซียวหลินเทียนเห็นทั้งสามคนกำลังคุยกันอย่างยุ่งวุ่นวาย เขาย่อมนั่งดูต่อไปไม่ได้อยู่แล้ว“หลิงอวี๋เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า สอนคนตกปลาดีกว่ามอบปลาให้เขา... โครงการฟื้นฟูร้านค้าของข้าในตอนนี้ยังต้องการกำลังคน ข้ามอบโอกาสให้ผู้ที่มีกำลังแรงงานได้!”“ใช่แล้ว ผู้ที่ครอบครองพื้นที่ร้านค้าที่ถูกไฟไหม้ครั้งที่แล้วบางคนก็หาบ้านได้
เดิมทีจ้าวเจินเจินพยายามจะชดเชยให้ และตั้งใจให้พ่อบ้านเตรียมของกำนัลปลอบใจไปที่ตำหนักองค์ชายเว่ยเพื่อแสดงความเสียใจต่อจ่างหนิงที่ได้รับบาดเจ็บแต่ของกำนัลเหล่านั้นถูกตำหนักองค์ชายเว่ยโยนออกไปอย่างไร้ความปรานี พ่อบ้านของตำหนักองค์ชายเว่ยก็ดุพวกเขาต่อหน้าทุกคนอย่างไม่ไว้หน้าด้วย“พระชายาเว่ยบอกแล้วว่าต่อหน้าทำเป็นรักใคร่ห่วงใยแต่ใจจริงมีเจตนาไม่ดี… พระชายาคังกล้าส่งดอกไม้มีพิษไปให้พระชายาเย่ ใครจะรู้ว่าอาจซ่อนสิ่งที่เป็นอันตรายอยู่ในของกำนัลเหล่านี้ก็เป็นได้!”“ท่านหญิงจ่างหนิงไม่สามารถรับน้ำใจจากพระชายาคังได้… พระชายาคังนำสิ่งเหล่านี้กลับไปใช้เองเถิดขอรับ!”เมื่อจ้าวเจินเจินได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านบอก ก็โกรธจนตัวสั่น แต่ตอนนี้ทำอะไรพระชายาเว่ยไม่ได้เลย!พระชายาเว่ยไม่เหมือนหลิงอวี๋ นางหาเหตุผลให้กับตนเองได้นางได้รับการสนับสนุนจากฮองเฮาเว่ย หากนางดุร้ายขึ้นมา วิธีน่ากลัวอะไรนางก็สามารถเอามาใช้ได้ทั้งนั้นดังนั้น ในช่วงสองวันนี้จ้าวเจินเจินจึงอยู่แต่ในตำหนักก็คิดว่าจะกอบกู้ชื่อเสียงของตนเองอย่างไรขอเพียงตนกอบกู้ชื่อเสียงก่อนหน้านี้คืนมาได้ ข่าวลือเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ หายไปเองหากทำไ
ในขณะที่กำลังยุ่ง อันซินก็วิ่งเข้ามาในชุดกระโปรงเรียบง่าย นางทักทายกับหลิงหว่านพลางเอ่ยกับหลิงอวี๋“ท่านพี่หลิงหลิง วันนี้ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้แล้ว ท่านแม่ของข้ามาแจกโจ๊ก ข้าต้องอยู่ช่วยนางที่ศาลาโจ๊ก!”หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “เจ้าดูแลท่านแม่ของเจ้าให้ดีเถิด! โจ๊กที่ต้นเดือดจะร้อนมาก พวกเจ้าจะต้องระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย!”นางหยิบยาทาแผลสองหลอดยื่นให้อันซิน “หากเจ้าโดนลวกโดยไม่ระวังก็ทาลงไป มันได้ผลดีมาก!”“ขอบคุณท่านพี่หลิงหลิง!”อันซินรับยาทาแผลมาอย่างมีความสุข พลางเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของหลิงหว่านแล้ววิ่งกลับไปหลิงหว่านหน้าแดงเล็กน้อย หลิงอวี๋เห็นแล้วก็ค่อนข้างประหลาดใจ อันซินพูดอะไรกับนางถึงทำให้สตรีผู้นี้หน้าแดงได้กัน!พอนึกถึงงานเลี้ยงชมบุปผาครั้งที่แล้ว เดิมทีจะให้หลิงหว่านได้ใกล้ชิดเขา แต่ผลกลับมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย หลิงอวี๋เองก็ไม่มีเวลาไปทำความเข้าใจพฤติกรรมของพวกคุณชายเหล่านั้นเมื่อมองแผ่นหลังของอันซิน จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็ใจเต้นรัว พระชายาผิงหนานดูเป็นคนตรงไปตรงมาแล้วก็ชอบหลิงหว่าน นางรู้จักผู้คนมากมายในแวดวงนี้และมีโอกาสมากมายที่จะได้ใกล้ชิดกับพวกคุณชายบาง
หลิงหว่าน เจียงอวี้ และคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้านินทาเช่นกัน จึงแยกกันไปช่วยหลี่ชุงจัดเครื่องยาสมุนไพรและยกชากับน้ำไปให้บรรดาแพทย์หลิงอวี๋นั่งยุ่งอยู่กับการดูแลคนไข้ ตรวจคนไข้ติดกันไปหลายสิบคน ปากก็เลยแห้ง และยังปวดปัสสาวะด้วยนางจึงให้คนไข้รอสักครู่แล้วตนลุกขึ้นวิ่งไปเข้าห้องน้ำชั่วคราวด้านหลังหลิงหว่านตามนางไปห้องน้ำ พอนางออกมาก็เอ่ยกับหลิงอวี๋“ท่านพี่หลิงหลิง พี่เคยเห็นนางผู้นั้นหรือไม่? ฟางเจียอี๋ นางเป็นลูกพี่ลูกน้องของจ้าวเจินเจิน ดูสิ นางตามท่านอ๋องอี้ตลอดเลย!”“ข้าสังเกตนางมานานแล้ว ตั้งแต่ที่นางมาก็เกาะติดท่านอ๋องอี้ตลอด นางชอบท่านอ๋องอี้หรือ?”หลิงอวี๋มองไปทันทีที่นางพูดเช่นนั้นเห็นหน้าศาลารับสมัครคนงานของกรมโยธาธิการ มีหญิงงามคนหนึ่งกำลังยกน้ำชามาให้เซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พอจะจำผู้หญิงคนนี้ได้ นางคือฟางเจียอี๋เป็นลูกพี่ลูกน้องของจ้าวเจินเจินจริง ๆครั้งที่แล้วนางปรากฏตัวอย่างสง่างามในงานเลี้ยงชมบุปผาแต่ออกไปก่อนที่จะแข่งดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพ เหมือนว่านางจะมีเรื่องด่วนต้องไปทำสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋ประหลาดใจก็คือ ตั้งแต่ขาของเซียวหลินเทียนพิการ ในตำหนักนอ
เมื่อทั้งสองเดินกลับไปก็เห็นคนยืนต่อแถวยาวรอโจ๊กอยู่ฝั่งตรงข้ามแต่จ้าวเจินเจินก็ยังไม่ปรากฏตัว!“ท่านพี่ ท่านคิดว่ามันแปลกหรือไม่? จ้าวเจินเจินไม่อยากพึ่งการแจกโจ๊กมาสร้างชื่อเสียงที่ดีหรอกหรือ? นี่มันนานแค่ไหนแล้ว? ไฉนยังมิเห็นนางอีกเล่า!”หลิงอวี๋มองไป โจ๊กทางนั้นน่าจะต้มพร้อมแล้ว แต่ยังไม่ได้แจกจ่าย “นางจะต้องมาแน่! อีกอย่างข้ากล้ารับรองกับเจ้าเลยว่านางจะหาทางอื่นสร้างชื่อเสียง!”คำพูดของหลิงอวี๋ไม่ได้เกิดจากการคาดเดา ในเมื่อจ้าวเจินเจินมาโดยมีจุดประสงค์ที่จะชะล้างเรื่องของนาง เช่นนั้นตอนนี้ก็มีผู้แจกโจ๊กที่ศาลหลักเมืองอยู่แล้ว หากนางมาก็เป็นเพียงผู้แจกโจ๊กธรรมดา ๆหากต้องการดึงความสนใจของผู้ลี้ภัยไปที่นาง มีเพียงต้องหาทางอื่นเท่านั้นในขณะที่พูดอยู่นั้น ก็มีคนตะโกนขึ้นมา "พระชายาคังมาแล้ว… พระชายาคังบอกว่ากินแค่โจ๊กคงจะไม่อิ่ม วันนี้นางจึงเตรียมหมั่นโถวขาวมาให้ทุกคนด้วย!"“โอ้โห…”เมื่อได้ยินผู้ลี้ภัยเหล่านั้นต่างก็ยินดีพวกเขาหลายคนไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว ตอนนี้ได้ยินว่าไม่ได้มีแค่โจ๊กเท่านั้นแต่ยังมีหมั่นโถวแป้งขาวด้วย ใครเล่าจะไม่ตื่นเต้น?ทันใดนั้น ผู้คนก็กรูกันไปต่
ภาพนี้ทำเอาหลิงอวี๋ตะลึงไปเลยกิ่งทองใบหยกเสียจริง คู่รักนักการเมืองที่เก่งเรื่องสร้างกระแส!นางกล้าเดิมพันเลยว่าคนที่เป็นผู้นำในการตะโกนนั้นล้วนเป็นหน้าม้าที่จ้าวเจินเจินเตรียมมา!ผู้ลี้ภัยที่แท้จริงจะมีคารมคมคายเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกันเล่า!หากคำพูดเหล่านี้ไปถึงหูของจักรพรรดิอู่อัน จักรพรรดิอู่อันจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอนแม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่พอใจองค์ชายคังกับพระชายาของเขา ก็คงจะหายไปในทันที!ทางด้านเผยอวี้ เซียวหลินเทียนและอันเจ๋อก็เห็นภาพนี้เช่นกันเผยอวี้ก็ตกใจกับความไร้ยางอายขององค์ชายคังกับพระชายาของเขาเช่นกัน เขายิ้มอย่างขมขื่นให้เซียวหลินเทียนพลางเอ่ย “นี่เราตีงูให้กากินรึ?”แนวคิดในการแจกโจ๊กเพื่อบรรเทาภัยพิบัตินี้ดำเนินการไปทีละขั้นตอนภายใต้การนำของเซียวหลินเทียนไหนเลยจะคิดว่าองค์ชายคังกับพระชายาของเขาจะมาชุบมือเปิบ ฉกฉวยความดีความชอบทั้งหมดด้วยคำพูดที่สวยหรูไม่กี่คำกับหมั่นโถวแป้งขาวไม่กี่ตะกร้า!อันเจ๋อรู้สึกว่าถูกยั่วโมโหมากจนพูดไม่ออก เขารู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง!ความดีความชอบนี้ต้องเป็นของเซียวหลินเทียนสิ เขาถึงจะยินยอมอย่างเต็มใจ!แต่เหตุใดคนที่ทำงานหนักเช่
โจ๊กร้อนมากจนจ้าวเจินเจินกรีดร้องขึ้นมาในทันทีองค์ชายคังตะโกนด้วยความโกรธ “ใครก็ได้ จัดการไอ้อันธพาลนี่ซะ!”องครักษ์หลายคนรีบวิ่งเข้าไปจัดการชายร่างกำยำอย่างดุเดือดชายร่างกำยำหลบอย่างว่องไว พลางเอื้อมมือออกไปคว่ำตะกร้าหลายใบที่บรรจุหมั่นโถวไว้แล้วตะโกน“องค์ชายน่ารังเกียจนี่… ตนเองมีอาหารมีที่อยู่แล้วไม่สนใจความเป็นความตายของคนยากจนเยี่ยงพวกเรา! เขาเอาหมั่นโถวบูดมาแจกพวกเรา…”“ทุกคนมาร่วมมือกัน… หากพวกเขาไม่ให้ทางรอดให้เรา เราก็แสดงให้พวกเขาเห็นไปเลยว่าเราไม่ยอมถูกรังแกง่าย ๆ...”เมื่อเห็นว่าทหารองครักษ์ขององค์ชายคังกำลังจะจับชายร่างกำยำไว้ ชายร่างกำยำจึงหลบไปที่อีกฟากหนึ่งของเตา แล้วยกหม้อโจ๊กขึ้นมาโยนใส่พวกเขาในหม้อนั้นยังคงมีโจ๊กร้อน ๆ อยู่เต็มหม้อ หากถูกลวกไป ผิวหนังจะไม่ลอกออกหรือ?เหล่าองครักษ์ตื่นตระหนกกลัวว่าจะถูกโจ๊กลวกจึงจับผู้ลี้ภัยที่อยู่ข้าง ๆ มากั้นไว้ข้างหน้าตนผู้ลี้ภัยเหล่านั้นมีหรือจะสู้องครักษ์ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีได้ พวกเขาไม่สามารถหลบหลีกได้เลย ได้แต่มองโจ๊กร้อน ๆ สาดเข้าหน้าพวกเขาอย่างหวาดกลัวผู้ลี้ภัยที่อยู่ด้านหลังไม่รู้สถานการณ์ เมื่อเห็นหมั่
ยังไม่ทันที่นางจะตอบสนองอะไร ไป๋ผิงก็ลากนางออกไปหลายก้าวแล้วโครม...ตอนนี้ศาลาโจ๊กได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ฝุ่นที่คละคลุ้งตกลงมาบนตัวทั้งสอง จนหน้าเปรอะเปื้อนทันที...จ้าวเจินเจินตกใจมากจนนิ่งค้างไป ได้ยินเพียงเสียงใครบางคนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “รีบมาช่วยคนเร็วเข้า… ยังมีคนอยู่ติดข้างใต้อีกมาก...”“ท่านพ่อ… ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ท่านอยู่ที่ใดกัน!”“ลูก… รีบช่วยลูกชายข้าที… เขาติดอยู่ข้างใน!”“พระชายา ไป๋ฮุ่ยยังอยู่ข้างในเจ้าค่ะ…”เสียงกรีดร้องโหยหวนดังเข้ามาในหูของจ้าวเจินเจินในหัวนางมีเพียงสองคำเท่านั้น… แย่แล้ว!เหตุใดศาลาโจ๊กดี ๆ ถึงกลายเป็นหายนะเช่นนี้ไปได้เล่า?จ้าวเจินเจินสั่นไปทั้งตัว สมองก็ว่างเปล่าไปหมด...“รีบไปช่วยคนเร็วเข้า…”“อันเจ๋อ… พาองครักษ์มาสองสามคน ไปหาของมาค้ำด้านนี้ไว้ก่อน!”เซียวหลินเทียนกังวลมากแล้วสั่งให้องครักษ์ช่วยคนทันใดนั้น หลิงอวี๋ก็เห็นฟางที่พังลงมาตกลงบนเตาโจ๊ก จากนั้นควันก็ลอยขึ้นมาจากตรงกลาง...“เซียวหลินเทียน เร่งพวกเขาให้เร็วขึ้นหน่อย ไฟไหม้แล้ว!”หลิงอวี๋เตือนเซียวหลินเทียนอย่างร้อนใจเซียวหลินเทียนเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็เห็นว่า