หลิงอวี๋อยู่ในห้อง นางกินโอสถเสริมพลังวิญญาณไปห้าเม็ดในคราวเดียว หลังจากที่นางประสบกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสไป เข็มเงินในท้องน้อยส่วนล่างสุดก็ถูกบีบออกจากในร่างกายของนางหลิงอวี๋รู้สึกเพียงว่า ทันทีที่เข็มเงินออกจากร่างกายไป ภายในตันเถียนก็มีกระแสลมก็พุ่งขึ้นมา ราวกับเขื่อนที่ระบายน้ำออกมา แล้วแรงดันที่มีพลังมหาศาลก็ไหลเข้าสู่ตันเถียนของนางความเจ็บปวดที่ตามมานั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก แรงจนไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ หลิงอวี๋ที่ถูกโจมตีกะทันหันเช่นนั้นจึงมิสามารถทนรับไหว และหมดสติไป“น้องหญิง… น้องหญิง เจ้าตื่นได้แล้ว!”หลิงอวี๋เองก็มิรู้ว่าตนหมดสติไปนานแค่ไหน เมื่อนางตื่นขึ้นมาก็เห็นแววตาที่ทั้งกังวลและทุกข์ใจของผู้รอบรู้แล้ว“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ผู้รอบรู้เห็นว่าหลิงอวี๋มองตนอย่างสับสน เขาจึงเอ่ยอย่างปวดใจ “รู้สึกแย่มากใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋มองผ่านเขาไปเห็นหน้าต่าง และด้านนอกหน้าต่างนั้นดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว“ท่านพี่ ข้าสลบไปทั้งคืนเลยหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างมิอยากจะเชื่อ“อืม ข้าตกใจแทบแย่ นึกว่าเจ้าจะตายไปเช่นนี้เสียแล้ว! หากมิใช่ว่าข้าเห็นว่าเจ้ามิได้รับบาดเจ็บอะไร ข้าก็คงจะแบกเ
ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะออกไป จู่ ๆ นางก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมา จึงเอ่ยถามออกไป “คุณหนูหลง เจ้าประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นแล้วหรือไม่?”เมื่อหลงอิงได้ยินเช่นนั้น นางก็รู้ทันทีว่าหลิงอวี๋ถามนางว่าฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวชอบนางแล้วหรือไม่ การที่นางเอาชนะจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ในครั้งนี้ ทั้งยังกลายเป็นคนที่ได้รับความนิยมในสำนักด้วย ซึ่งเป็นผลอันเนื่องมาจากความเสียสละของหลิงอวี๋หลงอิงยังมีจุดที่ต้องใช้หลิงอวี๋อยู่ จึงขยับตัวไปกระซิบที่ข้างหูนาง “สำเร็จไปกึ่งหนึ่งแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวชอบข้ามาก แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเจ้าเล่ห์นั่น มิรู้ว่าใช้กลอุบายอะไรเข้าไปอยู่ในตระกูลเฉียว!”“ผู้ที่อยู่ใกล้ก็ย่อมได้ประโยชน์ก่อนผู้อื่น ข้ากังวลว่านางจะใช้คำพูดสวยหรูมาหลอกลวงฮูหยินผู้เฒ่า ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไปเข้าข้างนางอีก!”“เฮ้อ มิรู้ว่าเฉียวไป๋รู้สึกอย่างไรกับข้าด้วย ช่างเฉยเมยนัก!”“จริงสิ มีคุณหนูตระกูลเก๋อคนหนึ่ง นางก็ไปตระกูลเฉียวทุกวันเช่นกัน ว่ากันว่านางเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเฉียวไป๋ไว้!”“เฮ้อ ชีวิตข้าช่างขมขื่นเหลือเกิน เหตุใดจึงมีศัตรูหัวใจมากมายถึงเพียงนี้!”ตระกูลเก๋อหรือ? คุณหนูที่หลงอิงพูดถึงผู้นี้
เรื่องเกี่ยวกับราชวงศ์ในเมืองหลวงแดนเทพและตระกูลใหญ่ทั้งหลายนั้น ผู้รอบรู้บอกหลิงอวี๋ไว้หมดแล้วนับตั้งแต่มหาเทพหลงอี้ก่อตั้งแดนเทพขึ้นมา ตระกูลหลงก็ปกครองมาเป็นเวลาแปดร้อยปีแล้วก่อนหน้านี้มีหลงอี้คอยสนับสนุนตระกูลหลงอยู่ ดังนั้นแม้ว่าจะมีคนมิพอใจ แต่พวกเขาก็ล้วนถูกอำนาจเทพของหลงอี้กดขี่ไว้ ทำให้มิสามารถต่อต้านได้แต่ตอนนี้หลงอี้อาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว บรรดาตระกูลใหญ่ที่ถูกกดขี่ไว้เหล่านี้ ผู้ใดจะยอมทนให้ตระกูลหลงกดหัวทุกคนไว้กันเล่า?จากการพัฒนามาหลายร้อยปี ตระกูลใหญ่เหล่านี้ล้วนร่ำรวยพอที่จะเป็นศัตรูกับแผ่นดินได้แล้ว มีลูกหลานอยู่ตั้งมากมาย หากตระกูลใดได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนั้น ก็หมายถึงการเปลี่ยนอำนาจ มีเกียรติยศรุ่งเรืองไร้ขีดจำกัด และสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ได้เองยามนี้ที่ยังอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข นั่นก็เป็นเพราะตระกูลใหญ่เหล่านี้กำลังรอโอกาสอยู่ก่อนที่พายุจะมาถึง สำนักต่าง ๆ ล้วนรับสมัครคนที่มีความสามารถกันอย่างกระตือรือร้น และการกระทำเช่นนี้ของตระกูลหลงนั้น ก็เพียงเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับอำนาจปกครองของตนเองเท่านั้นหลิงอวี๋มิได้สนใจการต่อสู้ภายในเหล่านี้นัก แต่นางกลับถูกดึงเ
ผลลัพธ์ก็คือ หลังจากทดลองไปหนึ่งคืนหลิงอวี๋ได้กลั่นไปแล้วสามเตา และอัตราความสำเร็จสูงที่สุดในการกลั่นโอสถคือเจ็ดส่วนแต่นางก็พอใจแล้ว เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกในการกลั่นโอสถของตน มีอัตราความสำเร็จสูงถึงเพียงนี้ก็นับว่าดีแล้วเมื่อเห็นว่าฟ้าสางแล้ว หลิงอวี๋ก็รีบอาบน้ำและทำอาหารเช้า กระทั่งผู้รอบรู้ตื่นขึ้นมา นางก็นำโอสถที่กลั่นออกมาได้ให้เขาไปขาย และซื้อเครื่องยาสมุนไพรบางส่วนกลับมาอีกหลิงอวี๋วางแผนจะกลั่นโอสถเสริมพลังวิญญาณในคืนนี้แต่สิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋และผู้รอบรู้คาดมิถึงก็คือ หลังจากที่ทั้งสองคนออกจากบ้านไป ก็มีกลุ่มคนเข้ามา และเตะประตูเปิดออกอย่างโหดร้าย จากนั้นก็ทุบทำลายเรือนที่พวกเขาสองคนซ่อมแซมกันมาอย่างยากลำบากจนพังยับเยินเตากลั่นโอสถก็ถูกทำลายไปเช่นกัน และเครื่องยาสมุนไพรที่เหลือก็ถูกทำลายไปด้วยวันนี้หลิงอวี๋เรียนครึ่งวัน นางพะวงเรื่องการกลั่นโอสถจึงกลับมาก่อน แต่เดินไปได้ครึ่งทางฝนก็โปรยปรายลงมาแล้วหลิงอวี๋จึงรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว แต่ไปถึงแค่ปากตรอก ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ หลิงอวี๋จึงเปียกโชกเป็นลูกหมาตกน้ำไปในชั่วพริบตาจากนั้นนางก็เร่งฝีเท้าไป และขณะที่กำลังวิ่งอ
กระทั่งผู้รอบรู้ฝ่าฝนกลับเข้ามา เขาก็เห็นหลิงอวี๋กำลังนั่งอยู่บนธรณีประตูที่ถูกทำลาย พร้อมทั้งมีห่อสัมภาระเล็ก ๆ สองห่อวางอยู่ข้างกาย“น้องหญิง… มันเกิดอะไรขึ้น? ใครเป็นคนทำ?”เมื่อผู้รอบรู้เห็นประตูใหญ่ถูกทำลายไป เขาก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ“ท่านพี่ เราอยู่ที่นี่มิได้แล้ว! คืนนี้พวกเราไปอยู่ที่โรงเตี๊ยมกันก่อน แล้ววันพรุ่งค่อยคิดหาทางกันเถิด!”หลิงอวี๋ยืนขึ้นอย่างสงบ แล้วยื่นสัมภาระห่อหนึ่งให้กับผู้รอบรู้เมื่อผู้รอบรู้เห็นความยุ่งเหยิงและเรือนที่ถูกฝนซัดสาด อีกทั้งหลังคาที่พังทลาย เขาก็เข้าใจทุกอย่างในทันที“เหมียวหยางทำหรือ?”“อืม! ไม่มีทางเป็นผู้อื่นนอกจากเขา!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกไป “ท่านพี่ พวกเราไปกันเถิด! ภายในสิบวัน ข้าจะทำให้เหมียวหยางควักเงินออกมาสร้างบ้านของเราใหม่ให้จงได้!”ผู้รอบรู้ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วมองไปทางหลิงอวี๋แล้วเขาก็เห็นใบหน้าของนางที่ถูกชะล้างด้วยฝนนั้น เต็มไปด้วยความเย็นชาและความมุ่งมั่น“เจ้าจะทำกระไร?”ผู้รอบรู้มิได้คลางแคลงใจว่าหลิงอวี๋กำลังโอ้อวดหรือไม่ เขามองออกอยู่แล้วว่าที่หลิงอวี๋มั่นใจเช่นนี้นางจะต้องคิดวิธีดี ๆ ออกแล้วแน่นอน“
เย่ซื่อฝานทำการสอนหลิงอวี๋เป็นเวลาครึ่งวันแล้วก็กังวลว่า นางจะมิสามารถดูดซับความรู้ไปได้ทั้งหมด ในเวลาที่เหลือจึงปล่อยให้หลิงอวี๋ทำความคุ้นเคยกับเครื่องยาสมุนไพรด้วยตนเองหลิงอวี๋จึงขออนุญาตจากเย่ซื่อฝาน เรียนรู้อยู่ในห้องปรุงโอสถของเย่ซื่อฝานไปในตอนอาหารเที่ยง เย่ซื่อฝานก็ชวนหลิงอวี๋ไปกินข้าวด้วยกัน แต่หลิงอวี๋ปฏิเสธ บอกว่าตนมีอาหารแห้งมาแล้วเย่ซื่อฝานหมดคำพูดไปเลย เขาคำนึงถึงหลิงอวี๋ว่าเป็นเพราะความภาคภูมิใจในตนเองอาจทำให้เกิดปัญหา จึงมิอยากกินอาหารร่วมกับคนตระกูลเย่ เขาจึงให้คนรับใช้นำอาหารกลางวันไปให้หลิงอวี๋เพียงลำพังหลิงอวี๋ยืมใช้เตากลั่นโอสถของเย่ซื่อฝาน แล้วทำการกลั่นโอสถเสริมพลังวิญญาณไปสองเตา แต่มีอัตราความสำเร็จเพียงสี่ส่วนเท่านั้นนี่เป็นเพราะว่าพลังของหลิงอวี๋ในตอนนี้มิเพียงพอ จึงทำให้หลิงอวี๋ยิ่งมุ่งมั่นที่จะดึงเข็มเงินออกมากขึ้นหลิงอวี๋นำโอสถไปเพียงขวดเดียว ส่วนที่เหลือก็ถือเป็นการชดเชยการใช้เครื่องยาสมุนไพรของเย่ซื่อฝานไปเสียนอกจากนี้ หลิงอวี๋ยังใช้เครื่องยาสมุนไพรของเย่ซื่อฝานทำสองสิ่งด้วย นั่นก็คือจัดเตรียมเป็นยาพิษหนึ่ง และยาแก้พิษอีกหนึ่งนางพูดไปแล้วว่
ก็มิรู้ว่าเพราะเหตุใดเช่นกัน!เป็นเพราะได้ยินหยางหงหนิงบอกว่าเย่หรงชอบหลิงอวี๋หรือ?หรือเป็นเพราะเมื่อครู่ได้ยินเย่หรงพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเขาไร้ประโยชน์ และไม่มีอะไรดี?หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเคยได้ยินผู้รอบรู้เล่าเรื่องภูมิหลังของเย่หรง เมื่อหลิงอวี๋เห็นเย่หรงจึงไม่มีความระแวดระวังดังเช่นก่อนหน้านี้นี่คือคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง!หลิงอวี๋มองใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างประหม่า “คุณชายเย่ ข้ามิได้ตั้งใจจะแอบฟัง ข้าแค่ผ่านมา… แค่ผ่านมาเท่านั้นเอง!”เย่หรงจ้องมองนางอย่างดุร้าย และเมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของศิษย์น้อยของเย่ซื่อฝาน ดูมิคล้ายกับพูดโกหกอยู่ เขาก็เอ่ยถามอย่างมิคาดคิด “เจ้าดื่มสุราเป็นหรือไม่?”เอ๊ะ นี่คือคำถามอะไรกัน?“มินับว่าดื่มเป็นเจ้าค่ะ!” หลิงอวี๋เอ่ยด้วยความเขินอายนางมิรู้ด้วยซ้ำว่าตนสามารถดื่มได้มากแค่ไหน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าดื่มเป็นหรือไม่“ไป ข้าจะเลี้ยงสุราเจ้าเอง!”เย่หรงมิพูดพร่ำทำเพลง แล้วเดินเข้ามาคว้าแขนของหลิงอวี๋เดินไป“คุณชายเย่ ข้าไปดื่มกับท่านมิได้เจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ตกใจ แล้วก็ดิ้นรนพลางเอ่ยออกมาแม้แต่คนตาบอดก็ยังมองเห็นชัดเจนว่
แหกคุกหรือ?เหมือนว่าจะไม่มีใครเคยพูดเช่นนี้กับเย่หรงมาก่อนเลย เย่หรงเองก็ถูกการศึกษาที่แสนยาวนานยับยั้งเอาไว้ คิดมิถึงเลยว่าจะมีวิธีเช่นนี้ที่สามารถใช้ได้ด้วย!เขาประหลาดใจขึ้นมาในทันที แล้วก็มองหลิงอวี๋อย่างเหลือเชื่อเช่นนี้ก็ได้เช่นกันนี่?เพราะว่าเย่หรงเองก็เป็นคนที่มิทำตามกฎอยู่แล้ว หลังจากที่ตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เขาก็คิดออกแล้วคำโน้มนำที่หลิงอวี๋ขว้างมาตรงหน้าตนนั้นเป็นราวกับต้นกล้าเล็ก ๆ ที่ทะลุผ่านดินขึ้นมาในชั่วพริบตา และเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ!ใครบอกว่ามิได้เล่า?ความผิดที่มารดาของเขาทำนั้นมิใช่ความผิดร้ายแรง ตระกูลหลงและตระกูลเย่ก็มิแม้แต่จะผ่านการพิจารณาคดีด้วยซ้ำ พวกเขาแค่ขังนางไว้ในคุกน้ำอันมืดมิดมาเป็นเวลานานสิบกว่าปีแล้วพวกเขาสามารถเพิกเฉยกฎเกณฑ์ได้ และทำตามอำเภอใจกันได้ เช่นนั้นเหตุใดตนจึงต้องปฏิบัติตามกฎของพวกเขาด้วยเล่า?มิรู้ว่าท่านแม่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนั้นจะถูกทรมานอย่างไรบ้าง เขาในฐานะลูกชายจะสามารถมองดูมารดาต้องทนทุกข์ต่อไปได้อย่างไรกัน?หากเขามิช่วยท่านแม่ออกมาจากสถานที่เลวร้ายนั้น เขาจะต้องสูญเสียท่านแม่ไปแน่“เสี่ยวชี ข้าจะหาช่องโหว่ได้
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต