แม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่ความเคลื่อนไหวที่คฤหาสน์ตระกูลป้าวนั้นก็ทำให้เผยอวี้ที่จับตาดูตระกูลป้าวอยู่ตลอดรู้ข่าวในทันทีเมื่อเขาได้ยินว่าหลิงอวี๋หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หัวใจของเขาก็เต้นรัว และมิสนใจอะไรแล้ว เขาเรียกตัวผู้ว่าการอำเภอหยางมาทันที แล้วนำกลุ่มคนมุ่งไปที่คฤหาสน์ตระกูลป้าวในขณะที่ป้าวเฉิงกำลังรู้สึกเป็นกังวลเรื่องที่หลิงอวี๋กับบุตรีสุดที่รักของตนหายตัวไป เมื่อได้ยินว่าเผยอวี้นำกำลังทหารมาถึงหน้าประตู เขาก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวขึ้นกว่าเดิม จากนั้นเขาก็ถือกระบี่หมายจะพุ่งออกไปสังหารเผยอวี้ในทันใดแต่ป้าวฮุยบุตรชายของป้าวเฉิงกลับรีบมาขวางทางพ่อของเขาเอาไว้ แล้วเอ่ยเตือนออกไป “ท่านพ่อ อย่าได้หุนหันพลันแล่น!”“จุดประสงค์ที่แม่ทัพเผยกับคนของทางการมาที่นี่ก็เพราะหลิงอวี๋ แต่น้องสามก็หายตัวไปเช่นกัน หากคิดจะไปสู้กับพวกเขาจนตัวตายในเวลานี้มันมิคุ้มหรอกขอรับ!”“จากที่ลูกมอง ลูกคิดว่าสู้บอกความจริงกับพวกเขาไปเลยดีกว่า เราก็จะได้อาศัยกำลังความช่วยเหลือของพวกเขาในการตามหาน้องสามด้วย!”ป้าวเฉิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโกรธ ๆ “พวกเขาจะต้องมาช่วยหลิงอวี๋ออกไปเป็นแน่ พวกเขาแค่แสร้งทำเป็นมาตาม
ป้าวฮุยจึงอธิบายออกไป “แม่นมเฝิงบอกว่า น้องสามของข้าไปหาหลิงอวี๋ให้ตรวจรักษา นอกจากนางแล้ว ก็ยังมีคุณหนูสกุลจ้าวอีกคนด้วย!”“คุณหนูจ้าวเข้าไปตรวจก่อน จากนั้นเมื่อน้องสามคุยกับแม่นมเฝิงเสร็จแล้วนางก็ตามไปแล้วเห็นแสงในห้องดูแปลกประหลาดจึงเข้าไปตรวจดู ผลก็คือนางหายตัวไปในวงแหวนหลากสีนั้นด้วย!”“สกุลจ้าว?”“นางชื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใช่หรือไม่?”เผยอวี้เอ่ยถามออกไปด้วยความกังวล“ดูเหมือนว่าจะชื่อนี้นะ!”ป้าวฮุยจำได้ราง ๆ ว่าป้าวซวนเรียกคุณหนูจ้าวเช่นนี้เผยอวี้รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอีกแล้ว!วงแหวนหลากสีนั้นจะต้องเกิดจากลูกแก้ววิญญาณอีกแน่ ๆ แต่หานเหมยบอกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสูญเสียพลังไปแล้วมิใช่หรือ?เหตุใดนางยังเปิดใช้งานลูกแก้ววิญญาณได้อยู่?“จ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นี้คือใครหรือ?”ป้าวฮุยเห็นว่าสีหน้าของเผยอวี้ที่เปลี่ยนแปลงไปมา จึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามออกไปหลังจากที่เขาบอกตนมามากมายถึงเพียงนั้นแล้ว หากตนมิบอกข้อมูลให้เขาฟังสักหน่อยก็คงจะมิถูกต้อง ดังนั้นเผยอวี้จึงอธิบายเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหลิงอวี๋ไปอย่างง่าย ๆสุดท้ายเผยอวี้ก็ยิ้มขมขื่นออกมา “สิ่งท
ตอนนั้นหวงฝู่หลินยังมิรู้ว่าหวงฝู่หมิงจูไปแล้ว ตอนที่เขาได้ยินนางกำนัลของตำหนักรุ่ยจูบอกว่าหวงฝู่หมิงจูมิได้กินข้าวเย็นและหาตัวมิพบ เขาก็ยังอยู่ว่านางคงโกรธแล้วไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในตอนแรกหวงฝู่หลินก็มิได้ใส่ใจ และให้พวกนางกำนัลตามหาเจ้าวังน้อยให้ทั่ว แต่จนถึงเวลาเข้านอนแล้วก็ยังคงหาตัวพบเลยหวงฝู่หลินจึงให้ความสนใจในทันที เพราะแม้ว่าหวงฝู่หมิงจูจะเอาแต่ใจ แต่ก็มิเคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อนเขารีบไปที่ตำหนักรุ่ยจูทันที และทำการซักถามนางกำนัลที่รับใช้หวงฝู่หมิงจูเหล่านั้น จึงได้รู้ว่าเสวี่ยเหมยก็หายตัวไปด้วยกัน“ท่านเจ้าวังเพคะ พี่หญิงเสวี่ยเหมยรับใช้เจ้าวังน้อยมาโดยตลอด หลังจากที่อาอวี๋ไปแล้ว นางก็ยิ่งตัวติดกับเจ้าวังน้อยมิห่างไปไหน บ่าวได้ยินนางกับเจ้าวังน้อยก่นด่าอาอวี๋ด้วยกันเพคะ ทั้งยังบอกอีกด้วยว่าหากมีโอกาสลงจากภูเขาไป นางจะช่วยเจ้าวังน้อยระบายโทสะ!”ลิ่งหูหลินก็ตามหวงฝู่หลินมาเช่นกัน เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนใจ “ท่านพี่หลิน หรือว่าทาสชั้นต่ำเสวี่ยเหมยนั่นยุยงให้หมิงจูออกไปตามแก้แค้นอาอวี๋?”“แล้วจะทำอย่างไรกันดี? ตั้งแต่เกิดมาหมิงจูก็มิเคยออกไปจากวังเท
แต่เพราะลิ่งหูหลินดูแลวังเทพมาหลายปี ภายใต้วิธีการข่มขู่และล่อใจของนาง จึงสามารถดึงข้อมูลเกี่ยวกับเสวี่ยเหมยออกมาจากปากนางกำนัลหลายคนได้ได้ข้อมูลจากทางนั้นนิดทางนี้หน่อย จากนั้นก็นำมารวมกันจนได้ประวัติของเสวี่ยเหมยออกมาเสวี่ยเหมยถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวมาขายตั้งแต่นางยังเด็ก ลักพาตัวไปลักพาตัวมาจนมิอาจหาที่มาเริ่มแรกสุดของนางได้แล้ว กระทั่งถูกตระกูลลิ่งหูซื้อเสวี่ยเหมยให้มาติดตามภรรยาของหวงฝู่หลินไปที่วังเทพ ตอนนั้นเสวี่ยเหมยอายุสิบห้าปี แล้วก็ยังมีบ่าวชายอีกหลายคนที่มาวังเทพพร้อมกับพวกนางหนึ่งในบ่าวชายเหล่านั้นมีเฝิงเจี๋ยที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับเสวี่ยเหมยในระหว่างนั้น และได้เกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน แต่เนื่องจากกฎของวังเทพ ทั้งสองคนจึงมิกล้าที่จะเปิดเผย และทำได้เพียงนัดพบกันลับหลังคนอื่น ๆ เท่านั้นไป ๆ มา ๆ ความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งสองคนก็ถูกเสวี่ยหลานพบเข้าในวังเทพนั้นมีสตรีมากมีบุรุษน้อย อีกทั้งเฝิงเจี๋ยก็รูปงาม ดังนั้นเสวี่ยหลานจึงตกหลุมรักเขาเช่นกันเสวี่ยหลานแอบยั่วยวนเฝิงเจี๋ยลับหลังเสวี่ยเหมย แต่เฝิงเจี๋ยมิได้ชอบนางจึงปฏิเสธไปเมื่อเป็นเช่นนั้นหลายครั้งเข้า เสวี่ยห
พวกฉินซานยังตามหาพวกเซียวหลินเทียนมิพบ หุบเขาทั้งหมดก็ถูกทำลายไปแล้ว ยอดน้ำแข็งด้านบนก็ถล่มลงมาก่อตัวเป็นภูเขาน้ำแข็งลูกใหม่หากคิดที่จะขุดภูเขาน้ำแข็งลูกนี้ออกมา ก็ถือเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปมิได้ฉินซานรอจนกระทั่งหุบเขากลับสู่ความสงบลงก่อน แล้วจึงจะเข้าไปตรวจสอบ แต่ก็ไม่มีช่องว่างที่สามารถลงไปได้เลยหานเหมยกับคนอื่น ๆ เห็นสถานการณ์เช่นนั้นแล้วก็ล้วนสิ้นหวังกันหมด พวกเซียวหลินเทียนติดอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง แล้วยังจะมีโอกาสที่พวกเขาจะรอดชีวิตหรือ?“ข้ามิเชื่อว่าองค์จักรพรรดิจะสวรรคตไปเช่นนี้ ภูเขาน้ำแข็งนี้ไม่มีทางที่จะถมจนเต็มหุบเขาทั้งหมดได้ มันจะต้องมีที่ว่างด้านล่างอย่างแน่นอน!”“บางทีองค์จักรพรรดิกับคนที่เหลืออาจจะโชคดีที่ตกลงไปในช่องว่างก็ได้ แล้วพวกเขาก็ยังรอให้เราไปช่วยเหลือพวกเขาอยู่ พวกเราจะยอมแพ้มิได้!”ฉินซานเอ่ยขึ้นมาอย่างหนักแน่นซูจู๋นางรับใช้ของคุณหนูใหญ่เก๋อจะมีความมั่นใจเท่ากับที่ฉินซานมีได้อย่างไร ซูจู๋เห็นภูเขาน้ำแข็งเหล่านั้นแล้วนางก็เอ่ยขึ้นมา “หากพวกเจ้าจะค้นหาต่อก็หาไปเถิด! พวกเราต้องกลับไปรายงานคุณหนูรอง และให้นางเป็นผู้ตัดสินใจ!”หลังจากพูดจบแล้ว ซูจู๋ก็พ
เนื่องจากความรู้สึกขอบคุณนี้ เซียวหลินเทียนจึงตัดสินใจที่จะละทิ้งอคติที่มีต่อเก๋อเฟิ่งฉิงไป และอยู่ร่วมกับเก๋อเฟิ่งฉิงอย่างเป็นมิตรในที่สุดวันนี้พวกเขาทั้งสามก็ออกมาได้แล้ว มองเห็นดวงอาทิตย์แล้ว ซึ่งนี่ก็หมายความว่า อีกมินานพวกเขาก็จะสามารถออกไปจากหุบเขานี้ได้เซียวหลินเทียนตื่นเต้นขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็ผิวปาก หากว่าเหยี่ยวดำจิ่วเทียนอยู่แถวนี้ มันจะต้องรีบมาหาตนอย่างแน่นอนแต่หลังจากที่ผิวปากอยู่นาน ก็ยังมิเห็นจิ่วเทียนบินมาเสียที“บางทีจิ่วเทียนอาจจะมิได้อยู่แถวนี้ก็ได้!”ขันทีโม่เอ่ยปลอบใจเขา “เราสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ เราก็สามารถหาทางออกไปได้ มิต้องร้อนใจไปหรอก!”ครั้งนี้เซียวหลินเทียนได้รับกระบี่คุนอู๋มาอย่างมิคาดฝัน เขาจึงรู้สึกพอใจมากและมิได้รู้สึกท้อแท้อะไรเขากับขันทีโม่ผลัดกันประคองเก๋อเฟิ่งฉิงเดินหน้าต่อไปหลังจากเดินไปได้สักพัก จู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็ได้ยินเสียงร้องของนกเหยี่ยว เขาดีใจขึ้นมาทันที หรือว่าจิ่วเทียนจะมาหาแล้วเขาจึงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว แต่กลับมิเห็นร่างของจิ่วเทียน“ท่านพี่สี่ เสียงนั้นดังมาจากด้านหน้านี่!”เก๋อเฟิ่งฉิงเอ่ยเตือนเซียวหลิ
“พี่สี่ เมื่ออยู่ที่ภูเขาหิมะแห่งนี้ ตระกูลจงเจิ้งเป็นภัยคุกคามยิ่งกว่าตระกูลเก๋อและตระกูลเฉียวเสียอีก!”เก๋อเฟิ่งฉิงขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของพวกเขามีความทะเยอทะยานยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินมาว่า พวกเขาคิดจะช่วยฝูไห่ออกมาแล้วให้มาต่อสู้กับตระกูลหลง!”“เพียงแต่ตระกูลหวงฝู่นั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีโอกาส! แต่ตอนนี้พวกเขามาปรากฏตัวที่วังเทพอีกครั้งแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็น่าจะมีการเตรียมพร้อมมา เราจะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขามิได้เด็ดขาด!”มิต้องให้เก๋อเฟิ่งฉิงเอ่ยเตือน เซียวหลินเทียนก็รู้ว่าตระกูลจงเจิ้งมีเจตนาร้ายต่อหลิงอวี๋อย่างเต็มเปี่ยมเขาอุ้มจิ่วเทียนขึ้นมาแล้วเอ่ยออกไป “ในเมื่อพวกเขามาแล้ว พวกเราก็ต้องรีบหาทางออก และออกไปโดยเร็วที่สุด!”สิ่งที่โชคดีก็คือ คราวนี้พวกเขาเพิ่งจะเดินมาเพียงครึ่งวัน และในตอนใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ไกล ๆ “เดินเร็ว ๆ เข้า ดูเหมือนว่าข้าจะเห็นช่องว่างแล้ว เราน่าจะถึงก้นหุบเขากันแล้ว!”ฉินซานนี่!เซียวหลินเทียนตื่นเต้นขึ้นมาทันที เพราะนั่นหมายความว่าพวกนั้นลงมาจากด้านบน และก็จะสามารถพาพวกเขาออกไ
กระทั่งเถาจื่อและหานอวี้ช่วยประคองเก๋อเฟิ่งฉิงออกไปแล้ว เซียวหลินเทียนจึงได้เอ่ยถามด้วยเสียงทุ้ม “เผยอวี้ เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”“ฮองเฮามิได้อยู่ที่ภูเขาหิมะแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระนางอยู่ในเมืองเล็ก แต่ว่า ตอนนี้พระนางถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพาตัวไปอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้รีบเล่าให้ฟังว่าตนพบหลิงอวี๋ได้อย่างไร และเรื่องที่หลิงอวี๋หายตัวไปอีกครั้งได้อย่างไร“แม่นมอูเล่า เหตุใดนางจึงมิได้อยู่กับพวกเจ้า?”เผยอวี้ยังคงหวังว่าแม่นมอูจะช่วยพวกเขาตามหาหลิงอวี๋ให้เจอ แต่ผลก็คือมิพบแม่นมอู“แม่นมอูขาดการติดต่อกับเราไปแล้ว!”ผู้ที่ตอบคือขันทีโม่นับตั้งแต่ที่ขันทีโม่รู้ว่า คนของตระกูลจงเจิ้งก็อยู่บนภูเขาหิมะเช่นกัน เขาก็สงสัยว่าคนที่ลบรหัสลับที่แม่นมอูทิ้งไว้ให้ตนจะมิใช่คนจากวังเทพ และมิใช่คนจากตระกูลเฉียว หรือตระกูลเก๋อ แต่เป็นคนจากตระกูลจงเจิ้งต่างหากเขาสงสัยกระทั่งว่า แม่นมอูตกไปอยู่ในมือของคนตระกูลจงเจิ้งแล้วเซียวหลินเทียนมองไปทางภูเขาหิมะที่อยู่ไกล ๆ แล้วรู้สึกเศร้าและสับสนก่อนหน้านี้ยังคิดว่าหลิงอวี๋อยู่ที่วังเทพ ขอเพียงตนสามารถไปถึงวังเทพได้ ก็จะได้พบกับหลิงอวี๋แต่บัดนี้ เผยอวี้กลับบอก
หลังจากคุยเรื่องไป่หลี่ไห่จบแล้ว หลิงอวี๋ก็หยิบเครื่องยาสมุนไพรบางส่วนที่ตนมิรู้จักออกมาแล้วเอ่ย “ท่านอาจารย์ นี่คือเครื่องยาสมุนไพรที่ข้าเก็บมาจากภูเขาหมางหลิ่ง ท่านช่วยข้าดูทีว่าคืออะไร?”เย่ซื่อฝานเห็นดังนั้นก็สนใจขึ้นมาทันที แล้วอธิบายให้หลิงอวี๋ฟังทีละอย่างสุดท้ายเย่ซื่อฝานก็เอ่ยขึ้นมา “ข้าสามารถซื้อเครื่องยาสมุนไพรที่เจ้านำมาเหล่านี้ในราคาตลาดได้ แต่นอกจากพวกนี้แล้วหอโอสถซ่างกู่ของเรามิต้องการ หากเจ้าอยากจะขายในราคาดี ให้ไปที่ตลาดเครื่องยาสมุนไพร...”“เดี๋ยวนะ นี่คืออะไร?”เย่ซื่อฝานดูไปก็คัดแยกเครื่องยาสมุนไพรไปด้วย และเมื่อเขาเห็นเครื่องยาสมุนไพรที่ดูคล้ายโสมแต่ก็มิคล้าย เขาก็หยิบขึ้นมาดูอย่างละเอียด“ท่านอาจารย์ ข้าเองก็มิแน่ใจเช่นกันว่าสิ่งนี้คืออะไร!”หลิงอวี๋เห็นว่าเย่ซื่อฝานพิจารณาเครื่องยาสมุนไพรที่ดูแปลกประหลาดนี้จึงเอ่ยขึ้นมา“ข้าได้กลิ่นโสม แต่กลับดูมีพิษ!”ในตอนที่เย่ซื่อฝานคัดแยกเครื่องยาสมุนไพร เขาจะสวมถุงมือพิเศษไว้ เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋ เขาก็พยักหน้า “ความรู้สึกของเจ้ามิผิด เครื่องยาสมุนไพรนี้มีพิษจริง ๆ!”“เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจำได้ว่าในตำราโบราณเคย
หลิงอวี๋จัดการเครื่องยาสมุนไพรที่เก็บมาจากภูเขาหมางหลิ่งครั้งนี้ วางแผนว่าจะนำไปขายบางส่วนก่อนจากนั้นค่อยไปซื้อโอสถกลับมานางนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานนางและเย่หรงแยกทางกันที่ภูเขาหมางหลิ่งเพื่อหนีเสือ หลังจากนั้นก็มิได้เจอเย่หรงอีก มิรู้ว่าเขากลับมาอย่างปลอดภัยหรือไม่หลิงอวี๋จึงไปที่บ้านตระกูลเย่ก่อนเมื่อมาถึงบ้านตระกูลเย่ นางก็ถามคนเฝ้ายามว่าเย่หรงกลับมาแล้วหรือไม่คนเฝ้ายามยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “กลับมาแล้วขอรับ แต่ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว บอกว่าจะไปหาสหาย! จริงสิ แม่นางสิง เขาบอกว่าหากท่านมา ให้ท่านรอเขากลับมาด้วย!”“ได้ ข้าจะไปที่ห้องปรุงโอสถของอาจารย์ข้าก่อนก็แล้วกัน!”หลิงอวี๋ได้รู้ว่าเย่หรงมิเป็นอะไรก็สบายใจแล้วนางมาที่ห้องปรุงโอสถของเย่ซื่อฝาน เย่ซื่อฝานกำลังกลั่นโอสถอยู่ เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มา เขาก็เอ่ยถามออกไป “เมื่อวานพวกเจ้าพบเสือปีกกาฬหรือ?”“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ก็รู้ด้วยหรือ?”หลิงอวี๋ทอดถอนใจที่ข่าวกระจายเร็วเกินไป แม้แต่คนที่มิออกจากบ้านเช่นเย่ซื่อฝานก็ยังรู้เรื่อง!“ท่านผู้อาวุโสของเจ้าถูกผู้นำตระกูลเก๋อ ตระกูลเฉียวและตระกูลจงเจิ้งเชิญไปตั้งแต่เช้าเพื่อหารือเรื่องการจับเ
สีหน้าของหลงอิงเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก นางมิอาจปฏิเสธได้เพราะสิ่งที่หลิงอวี๋พูดมานั้นเป็นความจริง หากเป็นนาง ใครกล้ามาทำลายบ้านของนาง นางก็จะมิยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่!และท่าทางมิยี่หระต่อความตายของหลิงอวี๋ ก็ทำให้หลงอิงมองเห็นความมุ่งมั่นของนางหากคิดจะใช้วิธีการข่มขู่ให้หลิงอวี๋มอบยาแก้พิษให้นั้นคงเป็นไปมิได้แน่!ทว่าหากปล่อยให้เหมียวหยางถูกพิษจนตาย เช่นนี้ก็จะเป็นการพิสูจน์ว่าวิชาพิษของหอโอสถไป๋เป่าด้อยกว่าสิงอวี๋!แต่หากให้เหมียวหยางยอมรับต่อหน้าธารกำนัลว่าเขาทำลายเรือนของหลิงอวี๋ ก็จะทำให้ไป่หลี่ไห่และหอโอสถไป๋เป่าอับอายขายหน้าเช่นกันฝีมือมิสู้เขาแต่คิดจะไปแก้แค้นเขา จะทางไหนก็ล้วนอับอายทั้งนั้น!ไป่หลี่ไห่รู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้จึงได้ส่งหลงอิงไป เขาอยากจะอาศัยการข่มขู่ของตระกูลหลง และความสัมพันธ์ส่วนตัวของหลงอิงกับสิงอวี๋ ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งมาบีบให้สิงอวี๋มอบยาแก้พิษให้ตอนนี้หากไม้อ่อนใช้กับหลิงอวี๋มิได้ผล ภารกิจของหลงอิงก็มิสามารถสำเร็จได้“เสี่ยวอวี๋ เช่นนั้นถอยกันคนละก้าวดีหรือไม่ ข้าจะให้เหมียวหยางชดเชยเงินสร้างเรือนใหม่ให้เจ้า เจ้าก็มิต้องให้เขาขอโทษต
วันรุ่งขึ้น ขณะที่หลิงอวี๋กับผู้รอบรู้กำลังกินอาหารเช้ากันอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นมาหลิงอวี๋กับผู้รอบรู้มองหน้ากันแล้วระวังตัวขึ้นมาทันที“ผู้ใด?”ผู้รอบรู้เอ่ยถามเสียงดัง“สิงอวี๋ ข้าเอง หลงอิง!”เสียงของหลงอิงเอ่ยขึ้นมาผู้รอบรู้จึงมองหลิงอวี๋แล้วหลิงอวี๋ก็นึกเรื่องที่ตนวางยาพิษเหมียวหยางขึ้นมาได้เหมียวหยางถูกพิษกำเริบขึ้นมาแล้ว ตอนนี้หลงอิงก็นับว่าเป็นศิษย์น้องหญิงของเหมียวหยาง นางคงมาขอยาแก้พิษให้เหมียวหยางกระมัง?“พี่ใหญ่ เปิดประตูเถิด!”เมื่อผู้รอบรู้ได้รับอนุญาตจากหลิงอวี๋แล้วก็เปิดประตูออกหลงอิงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม นางพานางรับใช้มาด้วยหนึ่งคนผู้รอบรู้โบกมือให้หลิงอวี๋อยู่ด้านหลังหลงอิง เป็นการบอกหลิงอวี๋ว่าข้างนอกไม่มีใครแล้ว“สิงอวี๋ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่ภูเขาหมางหลิ่งมา พบสมบัติอะไรหรือไม่?”หลงอิงมีท่าทางอยากรู้อยากเห็น “ข้าได้ยินมาด้วยว่ามีเสือปีกกาฬสัตว์อสูรพันปีปรากฏตัวที่ภูเขาหมางหลิ่ง เป็นความจริงหรือ?”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่านางมิได้เอ่ยถึงเรื่องเหมียวหยาง นางก็มิได้เอ่ยถึงเช่นกัน จากนั้นก็พยักหน้าแล้วเอ่ยออกมา “เป็นความจริง มันกัดคนตายไปมา
“สตรีที่กล่าวหาว่าเจ้าช่วยเซียวหลินเทียนที่ภูเขาหมางหลิ่งวันนี้นั่นน่ะหรือ?”ผู้รอบรู้นึกขึ้นมาได้ ว่ากันว่าใบหน้าของสตรีผู้นั้นก็ถูกเซียวหลินเทียนกรีดเช่นกัน จึงคลุมผ้าคลุมไว้“พี่ใหญ่ เป็นนาง! ข้าลืมเรื่องราวในอดีตไป ตอนที่ข้ารู้สึกตัวนางบอกว่าข้าเป็นนางรับใช้ของนาง ข้ายังเชื่อคิดว่าเป็นความจริง!”เมื่อหลิงอวี๋นึกถึงสิ่งที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำกับตน ก็ตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด“ข้านึกมิออกว่าตนเองเป็นใคร แต่บางครั้งในหัวของข้าก็จะมีบางช่วงบางตอนแวบเข้ามา… หลังจากที่หน้ากากผิวหนังมนุษย์ของเซียวหลินเทียนถูกทำลายไป แล้วข้าก็ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาอย่างชัดเจน เขาก็คือคนที่ปรากฏขึ้นมาในภาพที่ข้าเห็น!”“พี่ใหญ่ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกข้าว่า เซียวหลินเทียนเตะลูกชายของข้าจนตาย ข้าเห็นลูกชายของข้าในภาพเหล่านั้น ทั้งยังเห็นว่าเซียวหลินเทียนให้คนเฆี่ยนตีข้าด้วย!”“จ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกว่า ที่เซียวหลินเทียนไล่ล่าข้าก็เพราะว่าข้าสังหารสตรีที่เขารักที่สุดไป! แต่ข้ามิรู้เรื่องเหล่านี้เลย ข้านึกอะไรมิออกทั้งนั้น!”“พี่ใหญ่ ข้ามิเชื่อคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แต่ดูจากการแสดงออกของเซียวหลินเทียนในวันนี้แล้ว ก
ความทะเยอทะยานของเก๋อเฟิ่งฉิงสามารถโน้มน้าวซูจู๋ได้ ซูจู๋จึงเอ่ยออกไปอย่างยอมรับ “คุณหนู บ่าวเชื่อฟังท่านทุกอย่างเจ้าค่ะ ท่านว่าอย่างไรบ่าวก็ว่าตามนั้น!”เก๋อเฟิ่งฉิงยิ้มแล้วเอ่ยออกมาอย่างมีความหมาย “มหาปราชญ์ประสบเหตุจนบาดเจ็บรุนแรง เขาคงหลบไปพักฟื้นรักษาบาดแผล แต่จะให้เขาสบายเช่นนี้มิได้ เมื่อกลับไป เจ้าไปหาคนข้างนอกกระจายข่าวเรื่องที่เขาตาบอด และแขนขาดออกไปเสีย!”“เจ้าแห่งทะเลก็ควรต้องจริงจังสักหน่อยเช่นกัน เขาจะได้มิคิดไปเองว่าแผ่นดินของตระกูลหลงจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์!!”ซูจู๋หันไปมอง “คุณหนู แล้วเรื่องเซียวหลินเทียนจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”เก๋อเฟิ่งฉิงเหลือบมองซูจู๋แล้วเอ่ยออกมาเรียบ ๆ “ให้คนคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาต่อไปก่อน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม…”“ซูจู๋ เมื่อครู่ข้ามีความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา พลังของเซียวหลินเทียนพัฒนาขึ้นมาก ส่วนจะถึงดินแดนใดแล้วนั้น ข้ามิอาจรู้ได้! สิ่งนี้ทำให้ข้ายิ่งรู้สึกว่าเขามีค่า!”ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงรู้สึกได้ว่าพลังของเซียวหลินเทียนยังมิเท่าตนด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขานำหน้านางไปเสียแล้วเขาจะต้องมีโชคที่มิคาดคิดแน่ ๆ!“แล้วก็สิงอวี๋
เมื่อไปถึงครึ่งทางเซียวหลินเทียนก็กล่าวลาเก๋อเฟิ่งฉิง เขากังวลว่าหากกลับไปด้วยกัน จะยิ่งทำให้เกิดคำพูดนินทาเขาไม่มีทางไปสู่ขอเก๋อเฟิ่งฉิงแน่ เมื่อควรรักษาระยะห่างก็ต้องคอยระวังไว้ดูเหมือนว่าเก๋อเฟิ่งฉิงจะมองความกังวลของเซียวหลินเทียนออก จึงมิได้ยืนกรานต่อ นางยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยออกมา “พี่ใหญ่ คำพูดที่ข้าพูดต่อหน้าทุกคนเมื่อครู่นี้ ท่านมิจำเป็นต้องคิดเป็นจริงเป็นจังหรอก ข้าจะมิบังคับให้ท่านแต่งงานกับข้า!”“ตอนนั้นสถานการณ์เร่งด่วน ข้ากังวลว่าพวกเขาจะเกิดความสงสัยแล้วทำการสอบสวนต่อ ข้าจึงได้พูดไปเช่นนั้น!”“พี่ใหญ่ แค่เรารู้กันว่าเกิดสิ่งใดขึ้นก็พอแล้ว รักษาความสัมพันธ์เช่นนี้ไว้เพียงภายนอกไปก่อน จนกว่าท่านจะเจอคนที่ท่านตามหา!”เก๋อเฟิ่งฉิงจัดเตรียมตัวตนปลอมให้แก่เซียวหลินเทียน เมื่อครู่นี้คนมากมายต่างก็ได้ยินว่านางกับเซียวหลินเทียนจิตใจตรงกัน และอยากจะคุยเรื่องการแต่งงานเช่นนี้ก็หมายความว่า เซียวหลินเทียนสามารถใช้สถานะคู่หมั้นของเก๋อเฟิ่งฉิงเดินไปมาอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพได้แต่เซียวหลินเทียนพบหลิงอวี๋แล้ว เขามิอยากให้หลิงอวี๋เข้าใจผิด และในขณะที่เขากำลังคิดจะปฏิเสธอยู่นั้น เขาก็ถ
ตอนนี้เก๋อฮุ่ยหนิงยังมีหน้ามาพูดคำสวยหรูกับตน คิดว่าตนตาบอดมิเห็นทั้งหมดที่นางทำลงไปจริงหรือไร?ปกติแล้วที่ช่างพูดนั้นก็เพราะอยากจะเอาใจตนและแต่งงานกับเฉียวไป๋เพื่อเข้ามาเป็นฮูหยินของผู้นำตระกูลเฉียวมิใช่หรือ?หากยอมให้สตรีผู้นี้แต่งงานเข้ามาในตระกูลจริง ๆ ต่อไปนางจะมิพรากอำนาจของตนไปอย่างช้า ๆ หรือ!ดูจากความชั่วร้ายของนาง นางจะต้องทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน!“ข้ารู้ ตอนนั้นสถานการณ์มันวิกฤติ แค่เจ้ามีความตั้งใจเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว!”ฮูหยินเฉียวพูดพอเป็นพิธีเลี่ยง ๆ ไป จากนั้นก็เชิญเก๋อฮุ่ยหนิงขึ้นรถม้าและแล้วแผนการจับตัวเซียวหลินเทียนก็ได้ล้มเหลวไปเช่นนี้ หลังจากที่ฮูหยินเฉียวประสบกับภัยพิบัติครั้งนี้ นางก็ยิ่งรู้ซึ้งว่าการแก้แค้นให้สามีและลูกชายนั้นยากลำบากยิ่งนักแต่นางจะมิยอมแพ้เป็นอันขาด!การแก้แค้นกลายเป็นเสาหลักในการมีชีวิตต่อไปของนางแล้ว เพื่อแก้แค้นให้กับครอบครัวที่ตายไปของนาง นางจะต้องจับตัวหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมาให้ได้ “พี่ใหญ่ พวกเราก็ไปกันเถิด! ข้าจะไปส่งพวกท่านกลับเอง รถม้าของข้าอยู่ทางนั้น!”แล้วเก๋อเฟิ่งฉิงก็เอ่ยเสริมขึ้นมา “ข้ายังมีเรื่องจะคุยกับท่า
เมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าสถานการณ์มิสู้ดี จึงรีบตามยอดฝีมือเหล่านั้นลงจากภูเขาไปอย่างบ้าคลั่งนางจะอยู่คนเดียวมิได้เป็นอันขาด มิฉะนั้นหากตกไปอยู่ในมือของเซียวหลินเทียนอีกครั้ง นางจะต้องตายอย่างแน่นอน!“พวกเราก็ไปกันเถิด!”ท่านอาเฉียวเห็นว่าทุกคนต่างพากันหนีไปทุกทิศทุกทางแล้ว และเขาก็มิได้สนใจความเป็นความตายของฮูหยินเฉียวเช่นกัน จึงลากเฉียวไป๋หนีไปด้วยทันทีที่บรรดาคนรับใช้ของตระกูลเฉียวที่เหลือเห็นว่าทั้งสองหนีแล้ว พวกเขาก็หนีไปด้วยเช่นกัน“ฮูหยินเฉียว รีบไปเถิด!”หลิงอวี๋เอ่ยขึ้นมาอย่างกังวล “ข้ามิรู้ว่าเหตุใดท่านจึงให้พวกนางมาจับข้า แต่ข้ารู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมีความแค้นเคืองต่อข้ากับหลงอิงที่ไปแย่งอันดับหนึ่งของนางมา นางจึงคิดจะอาศัยพลังของท่านมาแก้แค้นส่วนตัว!”“คนส่วนใหญ่ที่มาหาสมบัติที่ภูเขาหมางหลิ่งนั้นล้วนมีความรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพร คาดว่าเครื่องเทศของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คงจะมิได้วิเศษดังที่นางบอก นางคงกังวลว่าพวกท่านจะต่อว่านางไร้ความสามารถ จึงได้คิดจะหาแพะรับบาปเจ้าค่ะ!”“ฮูหยินเฉียว หากมีเรื่องอันใดที่เข้าใจผิดกัน เอาไว้พวกเราค่อยคุยกันเถิด ตอนนี้รีบไปก่อนดีกว่า!”ฮู