เฉาเฉียงนำชาวบ้านไปยึดครองภูเขา ทำการปล้นคนรวยและแจกจ่ายให้คนจนเมื่อเป็นเช่นนี้ก็กลายเป็นภัยคุกคามของเหล่าคนรวยเช่นเกาต้าหู้ หวางหมิงผู้ว่าการอำเภอสิงหยางได้ส่งทหารไปล้อมปราบอยู่หลายต่อหลายครั้ง สิ่งนี้จึงไปกระตุ้นความโกรธของเฉาเฉียงความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายนับวันก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นประกอบกับที่ช่วงนี้ราษฎรที่ถูกกดขี่ก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงหมดหนทางพากันไปหาเฉาเฉียงกองกำลังของเฉาเฉียงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ดึงดูดความสนใจของข้าหลวงเจิ้งโจวใต้เท้าเจียงข้าหลวงเจิ้งโจวจึงพาคนมาออกตรวจอย่างลับ ๆ ที่สิงหยางด้วยตนเอง แต่มิรู้ว่าพบสิ่งใด นับแต่นั้นมาก็หายตัวไปหวางหมิงจึงใส่ความผิดนี้ไปที่เฉาเฉียงบอกว่าเขาสังหารข้าหลวงไป และฟ้องร้องต่อใต้เท้าจางผู้ตรวจของทั้งสองฝั่งขอร้องให้ส่งทหารมาล้อมปราบในนั้นยังมีเงื่อนงำอยู่อีกซึ่งสายลับของอันเจ๋อยังตรวจสอบมิแน่ชัด อันเจ๋อจึงทำได้เพียงรายงานสิ่งเหล่านี้ไปก่อนสุดท้าย อันเจ๋อได้บอกในสาส์นกราบทูลไปว่า ‘ฝ่าบาท คราวนี้กระหม่อมส่งสายลับไปทั้งหมดสิบคน กลับมารายงานได้เพียงห้าคนเท่านั้น อีกห้าคนมิรู้ว่าไปอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ!’‘ตอนที่กระหม่อมเขียนสาส์นกร
“ฝ่าบาท พวกเขาพูดกันไปทั่วว่าอันเอ๋อร์ถูกโจรสังหาร นี่มิใช่เรื่องจริงใช่หรือไม่เพคะ?”พระชายาผิงหนานเห็นเซียวหลินเทียนก็ตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวังทันทีอันซินมากับแม่ของนางด้วย นางร้องไห้จนตาบวมและมองไปที่เซียวหลินเทียนอย่างคาดหวังเซียวหลินเทียนพยายามควบคุมตนเองไว้มิให้ได้รับผลกระทบจากพวกนาง แล้วเอ่ยปลอบใจ “นี่เป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงเท่านั้น ยังมิได้รับการยืนยันในท้ายที่สุด”“พระชายาผิงหนาน ข้าส่งคนไปค้นหาแล้ว จะต้องพบอันเจ๋ออย่างแน่นอน!”นี่เป็นการยืนยันข่าวลือนั้นโดยมิต้องสงสัยเลย พระชายาผิงหนานมิเชื่อว่าผู้ใดจะกล้าลือเช่นนี้ เรื่องนี้จะต้องเป็นจริงแน่ ๆ!“อันเอ๋อร์!”พระชายาผิงหนานหน้าซีดเผือด พูดอะไรมิออกแล้วตาเหลือกเป็นลมไปอีกครั้งหลิงอวี๋ได้ยินว่าพระชายาผิงหนานมาจึงรีบมา เมื่อเข้าประตูไปเห็นภาพนี้เข้าก็ตกใจรีบเข้าไปช่วยพระชายาผิงหนานผ่านไปสักพัก พระชายาผิงหนานก็ฟื้นขึ้นมาพระชายาผิงหนานจ้องมองเซียวหลินเทียนอย่างสิ้นหวัง นางมิกล้าต่อว่าเขาแต่สายตากลับปรากฏความชิงชังออกมายังดีที่ท่านอ๋องผิงหนานรู้ข่าวจึงรีบตามมาในวังเช่นกันเขาสงบกว่าพระชายาผิงหนาน เมื่อเห็
พระชายาผิงหนานจมอยู่ในความสับสนอย่างเงียบ ๆฝ่ายหนึ่งก็ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน อีกฝ่ายก็เป็นเสาหลักของครอบครัว นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจ“ฝ่าบาท ในเมื่อท่านอ๋องของหม่อมฉันร้องขอ หม่อมฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดเพคะ ตามแต่ใจของเขาเถิด!”พระชายาผิงหนานได้สติกับคำพูดของท่านอ๋องผิงหนานหากองค์จักรพรรดิส่งขุนนางคนอื่นไป หากอันเจ๋อยังมีชีวิตอยู่แต่คนคนนั้นมิพยายามอย่างเต็มที่ เช่นนั้นจะมิเป็นการตัดหนทางการรอดชีวิตของอันเจ๋อหรือ?หากสามีตนไป แม้ว่าจะเสี่ยง แต่เขาจะต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการตามหาอันเจ๋อ!เซียวหลินเทียนเห็นว่าพระชายาผิงหนานเห็นด้วย จึงออกคำสั่งให้ท่านอ๋องผิงหนานเป็นผู้แทนพระองค์และให้รีบออกจากวังไปเตรียมตัวมุ่งหน้าไปยังเจิ้งโจวทันทีกระทั่งจ้าวฮุยรู้ข่าว ท่านอ๋องผิงหนานก็อยู่ระหว่างเดินทางแล้วจ้าวฮุยโกรธมาก เขาคิดว่าอันเจ๋อหายตัวไปแล้ว คราวนี้เซียวหลินเทียนจะต้องใช้คนที่ตนแนะนำให้อย่างแน่นอนไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนจะรวดเร็วเช่นนี้ ยังมิทันได้ขึ้นว่าราชกิจก็สั่งการท่านอ๋องผิงหนานไปแล้ว“หึ เสียอันเจ๋อไปคนหนึ่งแล้วเจ้าก็ยังจะดื้อดึงอยู่อีก เช่นนั้นข้าจะดูว่าเจ้าจ
ในขณะที่แม่ทัพฟางออกเดินทาง ข่าวลือเกี่ยวกับโจรที่เจิ้งโจวก็แพร่กระจายไปทั่วและในเมืองหลวงก็มีข่าวลือบางส่วนที่แพร่ออกไปอย่างเงียบ ๆ ซึ่งมุ่งเป้าไปที่เซียวหลินเทียนข่าวลือเหล่านี้บอกว่า จักรพรรดิองค์ใหม่ไร้คุณธรรมไร้ความสามารถ จึงทำให้เกิดหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวัน เป็นการลงโทษจากสวรรค์ ราษฎรผู้บริสุทธิ์ต้องหนาวตาย และโจรก็ออกอาละวาดเซียวหลินเทียนได้ยินศฤคาลเงินเล่าถึงข่าวลือเหล่านี้ก็หัวเราะเยาะออกมาเซียวหลินเทียนจะเดาเจตนาของคนที่ปล่อยข่าวลือมิออกเชียวหรือ?นี่เป็นการอาศัยโจรมาทำให้ตนเสียชื่อเสียง ยั่วให้ตนโมโหทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตไปจับตัวผู้แพร่ข่าวลือ กระตุ้นความขุ่นเคืองของราษฎรแล้วยุยงให้ราษฎรโค่นล้มอำนาจทางการเมืองของตนมาตรการตอบโต้ต่อเรื่องนี้ของเซียวหลินเทียนมิใช่การจับกุมตัว แต่เป็นการนำเหล่าขุนนางไปช่วยเหลือเมืองที่อยู่ใกล้ ๆ เมืองหลวงที่ได้รับภัยพิบัติด้วยตนเองเมื่อฝ่าหิมะที่ตกหนักออกมา จักรพรรดิผู้สูงส่งที่ในอดีตจะเห็นได้ที่ตำหนักกระดิ่งทองเท่านั้น กลับมิสนใจความหนาวเหน็บแล้วมาบรรเทาภัยพิบัติถึงบ้านเรือน ทำให้ราษฎรเหล่านั้นหลั่งน้ำตาแห่งความซาบซึ้งออกมาเซียว
เซียวหลินเทียนเคยชินกับการนำทัพออกรบและมุ่งตรงไปแก้ไขปัญหาหลิงอวี๋จึงอยากเปลี่ยนแนวคิดนี้ของเขา มิฉะนั้นหากมีสงครามแล้วเซียวหลินเทียนนำทัพออกรบเอง เช่นนี้จะมิยุ่งยากและเหนื่อยแย่หรือ!หลี่ว์เซียงก็มิเห็นด้วยเช่นกัน ตอนนี้เซียวหลินเทียนเพิ่งจะขึ้นครองบัลลังก์ พวกขององค์ชายคังต่างกำลังจับตามองอยู่หากเซียวหลินเทียนออกไป เมืองหลวงจะต้องยุ่งวุ่นวายเป็นแน่จากการโน้มน้าวของทั้งสองคน สุดท้ายเซียวหลินเทียนก็ละทิ้งความคิดนี้ไปส่วนอันเจ๋อที่อยู่ไกลออกไปพันลี้นั้น หลังจากที่เขาตกจากที่สูงลงแม่น้ำไปกับม้า ลอยไปได้มิไกลก็ไปชนเข้ากับก้อนหินจึงสลบไปกระทั่งอันเจ๋อฟื้นขึ้นมา เพิ่งจะลืมตาก็เห็นมีดและหน้าไม้หลายอันเล็งมาที่ตนแล้ว และตนก็ถูกมัดแขนมัดขาอยู่อันเจ๋อชะงักไปสักพักหนึ่ง และจ้องมองชาวบ้านเหล่านั้นโดยมิกล้าขยับตัวกระทั่งอันเจ๋อถูกพาตัวมาที่ว่าการอำเภอเขตสิงหยางในฐานะสายลับของราชสำนัก เขาถึงได้รู้ว่าตนถูกน้ำพัดมาที่สิงหยางซึ่งเป็นเขตที่เฉาเฉียงยึดครองอยู่ผู้ที่สอบสวนอันเจ๋อก็คือตัวเฉาเฉียงเอง เขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ และดวงตาที่ถูกศัตรูทำร้ายจนบอดนั้นดูน่ากลัวแต่อันเจ๋อมิได้มีความ
“ฮ่า ๆ ๆ!”เฉาเฉียงได้ยินคำพูดของอันเจ๋อราวกับได้ฟังเรื่องตลก แล้วก็เดินรอบตัวอันเจ๋อไปสองรอบว่ากันตามตรงแล้ว ท่าทางของอันเจ๋อในเวลานี้ คาดว่าหากพระชายาผิงหนานอยู่ต่อหน้าเขาก็คงจะต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเช่นกันกว่าจะสามารถจำเขาได้คุณชายรูปงามในอดีต เวลานี้เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้าก็เต็มไปด้วยดินโคลนอีกทั้งตอนอยู่ในแม่น้ำยังถูกก้อนหินกระแทกอยู่ตลอด ทำให้ใบหน้าและจมูกของอันเจ๋อบวม ที่กระดูกขากรรไกรของเขามีก้อนขนาดเท่ากำปั้นนูนขึ้นมา ทำเอาตาข้างหนึ่งของเขาหยีกลายเป็นขีดและอันเจ๋อก็ยังดูซูบผอมด้วย เมื่อดูเช่นนี้ดูเหมือนว่าเฉาเฉียงตีไหล่เขาแค่ครั้งเดียวก็ทำให้เขาทรุดไปได้ครึ่งวันแล้ว“เจ้าท้าทายข้ารึ?”เฉาเฉียงเบ้ปากพลางด่า “คนเช่นเจ้า ข้าใช้มือข้างเดียวก็สามารถเอาชนะเจ้าได้แล้ว เจ้าอย่ามาทำให้ข้าเสียเวลาจะดีกว่า ยอมรับความตายแต่โดยดีไปเสียเถอะ!”“ใครก็ได้! มาลากตัวเขาไปสังหาร!”“เดี๋ยวก่อน!”อันเจ๋อรีบเอ่ย “หัวหน้าเฉา เจ้าเองก็ถูกกลั่นแกล้งจึงต้องเข้าคุก เจ้าก็ควรรู้ถึงความสิ้นหวังที่ถูกกล่าวหาอย่างมิยุติธรรมโดยไม่มีหนทางขอความช่วยเหลือสิ!”“ข้าเองก็มีพ่อมีแม่ ในบ้านมีข้าเป็น
“อาจารย์หลิน!”เฉาเฉียงเรียกด้วยความเคารพ “ดีที่ท่านมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นคงจะถูกเจ้าเด็กนี่หลอกไปแล้ว!”อาจารย์หลินก้าวเข้ามาอย่างสงบอันเจ๋อรู้สึกตระหนก คนผู้นี้แค่มองก็รู้เลยว่ามิใช่คนที่จะหลอกได้ง่าย ๆ เรื่องที่ตนอยากจะออกไปอย่างปลอดภัยเกรงว่าจะมิได้แล้วอาจารย์หลินคืออาจารย์ของเฉาเฉียงหรือ?อันเจ๋อยังมิได้ข่าวว่าข้างกายเฉาเฉียงมีคนเช่นนี้อยู่ด้วยจึงมิรู้อะไรเกี่ยวกับเขา“หัวหน้าเฉา บุรุษเมื่อรับปากแล้วมีค่าดั่งทองคำ เจ้าเป็นหัวหน้า จะผิดคำพูดได้อย่างไร!”อันเจ๋อจึงแสร้งเอ่ยอย่างเข้มแข็ง “เจ้าทำเช่นนี้จะมิได้รับการนับถือนะ!”“หุบปาก!”เฉาเฉียงด่าอย่างดุร้าย “เจ้าต่างอะไรกับขุนนางโกงกินที่มีแต่คำโกหกพวกนั้น ข้าหลงกลเจ้าแล้ว! หากเจ้ามีความสามารถ ต่อสู้ชนะอาจารย์หลินได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป!”อันเจ๋อมองอาจารย์หลิน ประเมินความแข็งแกร่งของคนผู้นี้เฉาเฉียงชื่นชมเขาเช่นนี้ ความสามารถของเขาจะต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน!“สู้ก็สู้สิ หวังเพียงว่าหากพวกเจ้าแพ้ก็อย่าผิดคำพูดอีกแล้วกัน!”อันเจ๋อพูดแล้วทำมือเชิญอาจารย์หลินอาจารย์หลินยิ้มอย่างดูถูก ท่าทีแปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้อันเจ๋อรู้สึ
ทั้งคุกนี้มีอันเจ๋อเป็นนักโทษอยู่ผู้เดียว เด็กผู้นั้นคิดว่าคงจะว่างไม่มีอะไรคำทำ อีกทั้งเห็นว่าอันเจ๋อถูกล่ามโซ่ไว้ มิน่าจะหนีได้ จึงคุยกับอันเจ๋อจากการพูดคุยกัน อันเจ๋อรู้ว่าเด็กผู้นี้ชื่อว่าเฉาหง เป็นลูกพี่ลูกน้องของเฉาเฉียงอาจารย์หลินผู้นั้น ว่ากันว่าเมื่อก่อนเป็นขอทาน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขามาจากที่ใด เถ้าแก้เนี้ยที่ขายผ้าอยู่ในเขตเห็นว่าเขาแข็งแรงดีจึงรับเขาไว้ทำงานทั่วไปอาจารย์หลินเก็บกวาดได้สะอาด ทั้งยังเป็นคนดี พูดจาก็มีเหตุมีผลเพียงแต่ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำไป มิรู้เรื่องในอดีตของตนเองเลยสักนิดแม้ว่าใบหน้าของเขาจะเสียโฉม แต่ก็ตั้งใจทำงานเถ้าแก่เนี้ยเป็นหญิงหม้าย เหลืออยู่เพียงลูกชายอายุแปดขวบ นางเป็นคนหน้าตางดงาม ปกติจึงถูกพวกอันธพาลมาก่อกวนอยู่มิน้อยแต่เถ้าแก่เนี้ยดุมาก และมีวิธีการต่าง ๆ มิสิ้นสุด จึงมิปล่อยให้อันธพาลเหล่านั้นมาเอาเปรียบนับตั้งแต่อาจารย์หลินมา เถ้าแก่เนี้ยก็สนิทสนมกับเขาอยู่นาน แล้วก็ตกลงปลงใจกับเขาและภายใต้การจับคู่กับคนที่นางหามา เถ้าแก่เนี้ยจึงกลายเป็นฮูหยินหลินครานี้ที่เฉาเฉียงโจมตีสิงหยาง เดิมทีฮูหยินหลินเก็บของมีค่าไว้แล้ว คิดว