Share

บทที่ 86

Author: ฉินอันอัน
อ๋องฉีได้หมุนตัวออกจากประตูไปแล้ว เขาดมมือของตนอย่างรังเกียจ

ไม่ว่าจะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดอย่างไร กลิ่นคาวเลือดก็ยังค้างติดอยู่ที่ปลายจมูก เขาแค่นเสียงทีหนึ่ง “หานเยว่เอ๋อร์ส่งข่าวกลับมาหรือยัง?”

ขันทีสวีส่ายศีรษะ “ยามนี้ยังไม่มีพ่ะย่ะค่ะ แต่อาจเป็นเพราะพวกเราออกมาแล้ว จึงยังไม่ได้รับข่าวที่คุณหนูหานส่งมาพ่ะย่ะค่ะ”

อ๋องฉีพยักหน้า เลิกคิ้วพลางคลึงดวงตาที่รู้สึกปวดเล็กน้อย

ขันทีสวีถามเขาว่า “ท่านอ๋อง ใช่รู้สึกไม่ค่อยสบายหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ช่วงนี้มักทรงรู้สึกปวดหัว จะเรียกหมอมาดูหน่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ช่วงนี้สุขภาพของอ๋องฉีไม่ค่อยดีนักมาตลอด เริ่มแรกมีไข้ขึ้นไม่หยุด ภายหลังยังมีอาการพูดเพ้อด้วย

รอจนได้สติขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ อ๋องฉีก็ราวเปลี่ยนเป็นคนละคน

ขันทีสวีเป็นคนเก่าแก่ที่รับใช้เขามาตั้งแต่เด็กแล้ว ทว่าช่วงนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอ๋องฉี ก็ยังรู้สึกราวกับตนกำลังปรนนิบัตินายคนใหม่อยู่

นอกจากนี้ หลังจากที่อ๋องฉีฟื้นขึ้นมา ก็ให้พวกเขาไปสืบเรื่องของตระกูลชี

แม้ก่อนหน้านี้องค์ชายจะให้ความสนใจต่อตระกูลชีมาก แต่ที่เมื่อก่อนองค์ชายทรงสนใจตระกูลชีก็เป็นเพราะเรื่องนั้น มิใช่เพราะเด็กสาวผู
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
แม่ที่เกลียดลูกตัวเอง จะบ้าตาย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 87

    นางหวังที่เกิดความขัดแย้งกับชีหยวน จากไปอย่างไม่สบอารมณ์ในยามที่กลับไปถึงห้องนั้น อารมณ์โกรธก็ยังคงคุกรุ่นพอดีกับที่หานเยว่เอ๋อร์มาหานาง และรออยู่ที่เรือนของนางโดยตลอด เมื่อเห็นนาง ก็รีบยอบกายคารวะทันทีเมื่อเห็นหานเยว่เอ๋อร์ ความโมโหของนางหวังจึงสงบลงเล็กน้อย นางฝืนยิ้มออกมาบางๆ “เป็นเยว่เอ๋อร์หรือ เหตุใดจึงมาที่นี่เล่า?”กองทัพให้ความสำคัญต่อมิตรภาพของสหายในกอง เมื่อก่อนบิดาของหานเยว่เอ๋อร์เคยช่วยชีเจิ้นไว้ดังนั้น หลังจากที่ชีเจิ้นรับปากคำสั่งเสีย รับทายาทของผู้ที่จากไปมาดูแล ก็ให้ความสำคัญต่อหานเยว่เอ๋อร์เป็นอย่างมากแต่ไรมานางหวังก็เชื่อฟังสามีตนมาโดยตลอด เมื่อสามีให้ความสำคัญกับหลานสาว นางก็ย่อมใส่ใจอย่างมากเช่นกันรวมกับที่หานเยว่เอ๋อร์ก็เชื่อฟังว่าง่ายจริงๆ ไม่เคยเรื่องมากมาก่อน ความสัมพันธ์กับบรรดาเด็กในบ้านก็ไม่เลว ดังนั้นนางหวังจึงมีความรู้สึกที่แท้จริงต่อนางอยู่บ้างเวลานี้ หานเยว่เอ๋อร์กำลังมองไปที่นางหวัง แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ช่วงนี้ท่านป้าดูซูบผอมลงไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ”แม้แต่เด็กที่เพิ่งเข้ามาอยู่ระหว่างทางก็ยังมองออกว่าช่วงนี้อารมณ์ของตนไม่ดีนัก แต่ชีหยวน ยัยเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 88

    เกาเจียมองสีหน้าของนาง “ฮูหยิน ท่านยังคงต้องหาวิธีปลอบคุณชายใหญ่ ยามนี้ เขายังเอาแต่คิดถึงคุณหนูรองไม่วางเลยเจ้าค่ะ…”ทุกครั้งที่มีคนไปใส่ยาให้ชีอวิ๋นถิง ชีอวิ๋นถิงล้วนถามถึงที่อยู่ของชีจิ่น ถามไปก็ด่าไปแถมยังกล่าวคำพูดประเภทที่ว่าไม่มีทางให้ชีหยวนได้เป็นสุขออกมาด้วยทว่ายามนี้ เกาเจียถือว่าเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว เกรงว่าฐานะของชีหยวนในบ้านตอนนี้คงจะมั่นคงยิ่งและตัวของชีหยวนเองก็มีความสามารถ นางสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงก่อนหน้านี้ แม้แต่ชีอวิ๋นถิงรวมกับชีจิ่นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้ที่ไม่มีชีจิ่นแล้วหากเขาทำตัวเป็นปรปักษ์กับชีหยวนจริง เกรงว่าสุดท้ายผู้ที่จะโชคร้ายเขาเอง!นางหวังโมโหจนเขวี้ยงถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างจนแตกแล้วเวรกรรมจริงๆ!เจ้าลูกเวรคนนี้ยิ่งทำให้คนปวดหัว!เหตุใดเขาถึงไม่รู้จักคิดถึงลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ มั่งนะ?หากยังก่อเรื่องเช่นนี้ ท่านโหวผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีทางปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจแน่!นางหวังโมโหจนลุกยืนขึ้นมา แม้แต่ฝีเท้าก็ซวนเซอยู่บ้างแล้ว “ข้าจะไปดูเขา!”หานเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่บนพื้นหินปูนด้านหลังภูเขาจำลอง เมื

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 89

    เมื่ออ๋องฉีนึกถึงเรื่องที่ ชีจิ่นยั่วยวนชีอวิ๋นถิงแล้วถูกเซี่ยงหรงพบเข้าจนกลายเป็นเรื่องขายหน้า จึงถูกตระกูลชีสละทิ้ง ก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ช่างบังเอิญเสียเหลือเกินไม่ ว่าไปแล้วเรื่องนี้ยังเป็นชีหยวนที่ช่วยส่งเสริมด้วยเขานั่งกลับไปบนเก้าอี้เชียนหยี่ [1] ถามเสียงหนักว่า “จากนั้นล่ะ?”สวีถงโจวกลืนน้ำลายอย่างประหม่าเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงที่ลดเบาลงว่า “กระหม่อม กระหม่อมได้ยินว่า ในวันที่ตระกูลเซี่ยงเชิญคณะงิ้วไปร้องที่จวน จิ้งอ๋องจับนักฆ่าได้ผู้หนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”นักฆ่าที่พูดถึงคนนี้ ก็น่าจะเป็นคนที่เคลื่อนย้ายสมุดบัญชีไปแล้วสีหน้าของอ๋องฉีแปรเปลี่ยนหลายครั้ง น้ำเสียงก็ไม่มั่นคงเช่นกัน “ความหมายของพวกเจ้าคือ จัดการไปตั้งนาน หลักฐานคดีทุจริตการขนส่งทางน้ำ สุดท้ายยังคงตกไปอยู่ในมือของเซียวอวิ๋นถิง?!”ครั้งนี้มิใช่เพียงสวีถงโจวที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ทว่า แม้แต่ขันทีสวีและคนอื่นๆ ก็คุกเข่าลงกับพื้นเช่นกันสวีถงโจวแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว เขาที่คุกเข่าอยู่บนพื้นโขกศีรษะอย่างแรงอีกหลายครั้ง เสียงดังจนขันทีสวีที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างอดสูดหายใจลึกในใจไม่ได้แต่เขาก็มิได้รู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดแม้แต่น

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 90

    เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย รอคอยคำสั่งจากอ๋องฉีผ่านไปครู่หนึ่ง อ๋องฉีจึงกล่าวออกมาช้าๆ ว่า “ต้าปั้น เจ้าให้คนไปสักรอบ ช่วยข้าส่งคำพูดไปตอบหานเยว่เอ๋อร์ประโยคหนึ่ง”ขันทีสวีรับคำอย่างไม่ลังเลขอบฟ้าทอแสงสีขาวออกมา เห็นได้ว่าฟ้ากำลังจะสว่างแล้วหานเยว่เอ๋อร์สวมเสื้อคลุมกันลมเข้าไปในเรือนของชีอวิ๋นถิงชีอวิ๋นถิงยังนอนอยู่บนเตียง เพราะเขาบาดเจ็บค่อนข้างหนัก บาดแผลจึงเจ็บปวดอย่างมาก ทำให้ได้แต่พักรักษาตัวอยู่บนเตียงชั่วคราวเนื่องจากบาดเจ็บสาหัส อารมณ์ของเขาจึงเป็นหงุดหงิดเป็นพิเศษ หลายวันมานี้ เมื่อลืมตาได้ก็ด่าทอคนในตอนที่หานเยว่เอ๋อร์เข้าไป ก็ได้ยินชีอวิ๋นถิงกำลังพูดไปด่าไปข้ารับใช้ในเรือนต่างเงียบกริบราวจักจั่นในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เกรงว่าจะถูกเขาจับผิดนางเดินเข้าไปพลางส่งเสียงหัวเราะออกมาทีหนึ่ง “บาดแผลของพี่ชายใหญ่คงเจ็บปวดมากกระมัง? ยังไม่ทันเข้าประตูมาก็ได้ยินเสียงท่านว่าคนแล้ว”เมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าเป็นหานเยว่เอ๋อร์ สีหน้าของชีอวิ๋นถิงก็อ่อนลงไม่น้อยเขาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมไว้อย่างไม่สะดวกใจอยู่บ้าง “เจ้ามาทำไมกัน?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หานเยว่เอ๋อร์ก็หยิบผ้าเช็ดหน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 91

    แม้อากาศจะยังคงหนาวอยู่ ทว่าวันนี้ ท้องฟ้ากระจ่างสดใส มีแสงอาทิตย์เฉิดฉายออกมา ส่องผ่านร่มไม้ลงมาต้องเรือนจนเกิดประกายทองระยิบระยับไป๋จื่อและไป๋อินรีดเสื้อผ้าของชีหยวนไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ยามนี้กำลังสวมลงบนตัวนาง เมื่อเห็นนางงดงามเจิดจรัส ก็ต่างยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้เหลียนเฉียวมองนางด้วยดวงตาเปล่งประกาย “คุณหนูช่างงดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ!”ชีหยวนก็เหลือบมองกระจกคราหนึ่งเช่นกัน เวลานี้ คนในกระจกก็กำลังมองมาที่นาง ดวงตาสบประสาน จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงของหานเยว่เอ๋อร์ดังมา “พี่หญิงใหญ่ ท่านเตรียมการเสร็จแล้วหรือไม่?”คนของบ้านรองและบ้านสามต่างเป็นพวกระมัดระวัง การที่ชีจิ่นป่วยเป็น ‘โรคร้าย’ แล้วถูกย้ายออกจากจวนอย่างแปลกประหลาด แล้วตระกูลเซี่ยงยังส่งคนมาถอนหมั้นอีกทำให้แม้วันนี้จะเป็นวันเลี้ยงรับญาติ เหล่าคุณชายและคุณหนูทางนั้น จึงมิได้มาสอบถามสิ่งใดกับชีหยวนก่อนเวลาเมื่อเปรียบกันแล้ว หานเยว่เอ๋อร์ก็ออกจะมาเยือนอย่างกระตือรือร้นไปหน่อยแล้วทว่า ชีหยวนมิได้แสดงสิ่งใดออกมาเลย เมื่อเห็นนางมาโดยมิได้รับเชิญ ก็ทำเพียงยิ้มออกมา “วันนี้น้องเยว่เอ๋อร์มาเร็วทีเดียว”หานเยว่เอ๋อร์ตบหลั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 92

    เหลียนเฉียวรีบรับคำทันทีชีหยวนปฏิบัติต่อข้ารับใช้แตกต่างจากผู้อื่น ดังนั้นตั้งแต่บนลงล่างล้วนเชื่อฟังนางโดยเฉพาะเหลียนเฉียวที่ถือกำเนิดจากบ่าวรับใช้ในตระกูล ยามสืบข่าวในจวน ก็ไม่มีผู้ใดหัวไวกว่านางแล้วแม่นมเสิ่นปรนนิบัติรับใช้ชีหยวนด้วยรอยยิ้ม ขณะเดินทางไปที่เรือนของนางหวังขณะนี้ นางหวังเริ่มรู้สึกประหม่ากังวลขึ้นมาบ้างแล้ว ดังนั้นหนนี้ นางจึงมีความอดทนเพิ่มเป็นพิเศษหลายส่วน นางมองชีหยวนพลางกำชับว่า “อีกครู่เมื่อแขกเหรื่อมาถึงแล้ว ข้าจะต้อนรับแขกสตรีพวกนั้น ส่วนบรรดาพี่น้องสตรีที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า ก็ต้องให้เจ้าเป็นผู้พาไปเที่ยวเล่นในสวนดอกไม้แล้ว เข้าใจหรือไม่?”ผู้ที่มาร่วมงานเลี้ยงรับญาติ ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายที่มีไมตรีต่อกันดังนั้น ย่อมไม่อาจนั่งเฉย ชมพิธีรับญาติอย่างไร้รสชาติแน่นอนว่าต้องมีการดูงิ้ว รับประทานอาหาร จึงจะถือเป็นท่าทางของการเชิญแขกมางานรับญาติแม้นางหวังจะมิพึงใจในตัวชีหยวน แต่ก็เกรงว่าเรื่องนี้จะเกิดเหตุไม่คาดฝันใดขึ้นมาอีก ถึงเวลานั้น ก็ยากจะอธิบายต่อทางชีเจิ้น ท่านโหวผู้เฒ่า และฮูหยินผู้เฒ่าแล้วชีหยวนก็มิได้ขัดนางหวัง ครั้งนี้ นางรับปาก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 93

    องค์หญิงใหญ่มีสถานะสูงส่ง เป็นพระเชษฐภคินีแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทุกคนต่างรู้ดีว่า ทุกปีฮ่องเต้จะต้องเสด็จไปที่วัด มีอยู่ปีหนึ่งก่อนวันส่งท้ายปีเก่า ยิ่งเสด็จขึ้นเขาไปเชิญองค์หญิงใหญ่กลับวังเพื่อไปอยู่ร่วมกันพร้อมหน้าด้วยพระองค์เองแต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น องค์หญิงใหญ่ก็มิได้ทรงรับปากบุคคลที่ขนาดฮ่องเต้ก็เชิญไม่ได้ แต่บุตรสาวที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ภายนอกของตระกูลชีนับสิบปีกลับเชิญมาได้ แล้วผู้ใดจะเชื่อกัน?ดังนั้น นางย่อมต้องมาชมดูความครึกครื้นอย่างแน่นอนบัดนี้เมื่อได้พบชีหยวน นางยิ่งเลิกคิ้วถามชีหยวนอย่างไม่เกรงใจว่า “ก็อยากถามคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลชีว่า เจ้าขึ้นเขาไปอย่างไร และได้พบองค์หญิงได้อย่างไรกัน? เหตุใดพวกเราจึงไม่มีชะตาวาสนาเช่นนี้บ้าง”สตรีในครอบครัวของขุนนางราชสำนักที่คิดจะไปเสี่ยงโชคดูมีน้อยหรือ?แม้นยอดเขาป๋ายอวิ๋นซานจะไม่อนุญาตให้ขึ้น และอารามที่องค์หญิงใหญ่ทรงประทับอยู่ก็เข้าไปไม่ได้ ทว่าวัดวาอารามที่อยู่รายรอบนั้น ก็แทบจะฮูหยินผู้สูงศักดิ์เหล่านี้เหยียบย่ำจนทุกหนแห่งแล้วนั่นก็เพราะพวกนางอยากลองดูว่า จะหาทางเข้าหาองค์หญิงใหญ่ได้หรือไม่ความเป็นศัตรูของลู่ฮูหยินเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 94

    แต่เมื่อได้ยินว่า แม้แต่การนอนก็ไม่อาจนอนดีๆ ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกตี นางก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ใต้หล้าถึงกับมีพ่อแม่ที่ไม่เห็นลูกเป็นมนุษย์เช่นนี้! พวกเขาไม่คู่ควรจะเป็นคนจริงๆ!”ชีหยวนทำเพียงยิ้มเท่านั้น เพราะนางเห็นเหลียนเฉียวที่มีสีหน้าร้อนใจ กำลังชะโงกหัวผลุบโผล่เข้ามาจากนอกศาลาพอดีหัวใจของนางกระตุก เพราะเหลียนเฉียวไปสืบข่าวมา จึงหาข้ออ้างว่าจะไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า รีบออกจากศาลา แล้วถามเหลียนเฉียวว่า “เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?”กล่าวจบก็เดินไปที่ทางเดินเส้นเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้าง เช่นนี้คนในศาลาก็จะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกนางพูด และสามารถมองเห็นได้เมื่อมีคนมาด้วยเหลียนเฉียวตื่นตระหนกจนน้ำเสียงสั่นสะท้านเล็กน้อย “คุณหนู คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่เขาส่งชิงซงไป…”เมื่อเห็นเหลียนเฉียวตกใจจนใบหน้าซีดขาว สีหน้าของชีหยวนก็เคร่งขรึมลงเช่นกันนางยื่นมือไปกดหัวไหล่ของเหลียนเฉียวเบาๆ “เจ้าค่อยๆ พูด ไม่ต้องรีบร้อน”ไม่ง่ายเลย กว่าเหลียนเฉียวจะควบคุมอาการสั่นสะท้านของตนได้ นางเม้มริมฝีปากกระซิบว่า “คุณหนู คุณชายใหญ่เขาให้ชิงซงไปวางเพลิงศาลบรรพบุรุษเจ้าค่ะ!”เผาศาลบรรพบุรุษ?ในใจของชีหยวนเกิดความตกใจขึ้นมา

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 196  

    กลับกัน นางมีความเก่งกาจโดดเด่นมาโดยตลอดจนเรียกว่าแข่งกับองค์หญิงลั่วชวนในทุก ๆ เรื่อง แม้กระทั่งการเล่นตีคลีก็เช่นกัน งานแข่งตีคลีครั้งนี้ นับเป็นการลงสนามแข่งขันอย่างเป็นทางการหลังพิธีปักปิ่นของพวกนางสองคน ทั้งคู่ต่างแบ่งกลุ่มมาก่อนเรียบร้อยแล้ว บัดนี้หลิ่วหมิงจูกำเริบเสิบสานไร้ความยำเกรง ในสายตาขององค์หญิงลั่วชวนมองแล้วชัดเจนว่าจงใจยั่วโทสะอย่างไม่ต้องสงสัย หลิ่วหมิงจูกลั้วหัวเราะเสียงเบา: “ชนะข้า? องค์หญิง หากท่านคิดอยากจะชนะข้า…ชนะคนอื่นให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด” สีหน้าของนางดูราบเรียบ เอ่ยด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม: “ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชีแห่งจวนหย่งผิงโหว ได้รับการชี้แนะอบรมโดยตรงจากองค์หญิงใหญ่ ฝีมือการขี่อาชาเรียกว่าโดดเด่นไม่เป็นรอง หากองค์หญิงสามารถเอาชนะนางได้ ข้าก็จะยอมรับความพ่ายแพ้ โดยที่ไม่ต้องแข่งขัน เช่นนั้นเป็นอย่างไร?” แต่ไหนแต่ไรมาองค์หญิงใหญ่โปรดปรานการเล่นตีคลีเป็นที่สุด แม้แต่บรรดาพระเชษฐาอย่างอ๋องโจวและอ๋องอู๋ยังไม่สามารถเอาชนะนางได้ ดังนั้นได้ยินหลิ่วหมิงจูเอ่ยเช่นนี้ขึ้น องค์หญิงลั่วชวนก็ขมวดคิ้วขึ้นและโพล่งถามออกไปทันใด: “ใครกัน?

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 195  

    งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจวมิได้จัดขึ้นที่จวนอ๋องโจวจริง ๆ ทว่าจัดที่เรือนพักนอกเมืองของจวนอ๋องโจว ซึ่งอยู่นอกเขตเมืองหลวง และต่อให้จวนในเมืองหลวงจะใหญ่โตกว้างขวางสักเพียงใด ทว่าจะสร้างสนามตีคลีขึ้นสักหนึ่งสนามนั้นก็ค่อนข้างลำบากเกินไปอยู่ดี แต่กับนอกเขตเมืองหลวงนั้นแตกต่างกัน สนามตีคลีของจวนอ๋องโจวใหญ่จนน่าอัศจรรย์ใจ อีกทั้งรอบข้างยังสร้างที่นั่งซึ่งมีลักษณะเป็นขั้นบันไดไล่ขึ้นไปจากต่ำไปสูง เพื่อให้ผู้ชมสามารถมองเห็นเหตุการณ์ในสนามแข่งขันได้จากทุกทิศทาง ตอนที่ฮูหยินรองชีพาชีหยวนไปถึง บรรยากาศในงานยังไม่เร่าร้อนคึกคัก นางพาชีหยวนไปกล่าวทักทายพระชายาโจวก่อน พระชายาโจวกำลังยุ่ง อันที่จริงเหตุผลที่ส่งเทียบเชิญให้ตระกูลชี พูดตามตรงแล้วก็เป็นเพราะว่าเห็นแก่หน้าฮูหยินซื่อจื่อฉู่กั๋วกงซึ่งเป็นพี่สาวผู้พี่ของนางต่างหาก และแน่นอนว่านางไม่มีความจำเป็นจะต้องลดเกียรติลงไปสนทนากับชีหยวนด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้เองกระทั่งฮูหยินรองชีทำความเคารพแล้ว นางไม่แม้แต่มองให้ชัดเจนด้วยซ้ำว่าชีหยวนรูปโฉมโนมพรรณเป็นอย่างไร เพียงแต่อมยิ้มพลางเอ่ยกับฮูหยินรองชีว่า: “พวกเด็ก ๆ ต่างอยู่ในตำหนักเถาฮวาอู้ที่ลาน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 194  

    เซียวอวิ๋นถิงจ้องมองชีหยวนอยู่ครู่ใหญ่: “ไฉนชีวิตเจ้าจะต้องต่ำต้อยไร้ค่า?” ในน้ำเสียงของเขาเจือด้วยโทสะที่ปกปิดไม่มิด นั่นกลับทำให้ชีหยวนที่ตอนแรกยังอยู่ในความตื่นเต้นฮึกเหิมสงบลง นางลูบปอยผมของตนเองที่หลุดลงมาอย่างสุขุมเยือกเย็น: “ข้าน้อยพูดผิดไปแล้ว ขอบคุณท่านอ๋องที่ชี้แนะ ข้าน้อยจะจดจำใส่ใจเจ้าค่ะ” นางสำนึกผิดรวดเร็วเพียงนี้ ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุผลใดโทสะแต่เดิมที่ไม่รู้มาจากไหนของเซียวอวิ๋นถิงกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมา ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด ประโยคนั้นที่ว่าชีวิตต่ำต้อยหนึ่งชีวิตของข้า กลับทำให้สายใยบางอย่างในใจของเขาสั่นไหวขึ้นมา ความรู้สึกอึดอัดแล่นพล่านอยู่ภายในใจของเขา ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง พลางจ้องชีหยวนและกล่าวว่า: “เจ้าอย่าเอาตัวไปเสี่ยงอันตราย หากมีเรื่องอันใด ข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าได้” ชีหยวนไม่ตอบกลับ เรื่องราวในชาตินี้ไม่มีอะไรแน่นอน พึ่งพิงขุนเขาขุนเขาก็อาจจะถล่มลงมา สิ่งเดียวที่สามารถพึ่งพิงได้ มีเพียงตนเอง เพียงแต่เรื่องแบบนี้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปโต้เถียงกับผู้ใดอีกแล้ว นางยิ้มพลางกล่าวขอบคุณในน้ำใจและความหวังดีของเซียวอวิ๋นถิง จากนั้นค่อยเล่าข้อ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 193  

    เซียวอวิ๋นถิงขมวดคิ้วพลางจ้องมองชีหยวนซึ่งอยู่ตรงหน้า เห็นนางยังผงกศีรษะ ก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้: “ที่แห่งนั้นไม่เหมาะกับเจ้า!” กลัวว่าชีหยวนจะคิดเรื่องนี้ง่ายดายเกินไป เซียวอวิ๋นถิงจึงเอ่ยปากแนะนำด้วยเสียงเคร่งขรึม: “พูดถึงอ๋องโจว ก็เป็นท่านปู่น้อยของข้า เขาเป็นพี่น้องร่วมครรภ์มารดาเดียวกับเสด็จปู่ของข้า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งนัก และด้วยเหตุผลนี้ พระธิดาของเขาจึงได้รับความรักความโปรดปรานเป็นที่สุด นับแต่เยาว์วัยก็ได้รับแต่งตั้งเป็นองค์หญิงลั่วชวนแล้ว อีกทั้งยังได้รับการเลี้ยงดูในวังหลวงโดยไทเฮาด้วย” ชีหยวนเพียงส่งเสียงอืมรับคำ นางรู้อยู่แล้ว “องค์หญิงที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาอย่างสูงศักดิ์เลิศล้ำเช่นนี้ ในสายตาในหัวใจยอมรับได้เพียงแค่พวกนางกันเองเท่านั้น” เซียวอวิ๋นถิงกลัวว่าชีหยวนจะไม่เข้าใจ ก็อธิบายคำพูดเมื่อครู่ให้ชัดเจนกระจ่างขึ้นอีกหน่อย: “ข้าบอกเจ้าง่าย ๆ แล้วกัน บรรดาดรุณีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวง สามารถแบ่งคร่าว ๆ ออกมาได้ห้าลำดับขั้น ลำดับขั้นแรก แน่นอนว่าต้องเป็นเหล่าองค์หญิงของราชสำนักอย่างเช่นองค์หญิงลั่วชวน องค์หญิงเสียนหนิงกลุ่มนั้น ส่วนอั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 192  

    นางไม่พูดมากไปกว่านี้แล้ว เพียงแต่บอกให้พวกชีเจิ้นและท่านโหวผู้เฒ่าวางใจ มีลูกหลานที่มีความสามารถเก่งกาจเกินไปก็มิใช่เรื่องน่ายินดีอะไรนัก เพราะเมื่อใดที่เราอยากเป็นผู้ตัดสินใจบ้างก็เป็นเรื่องที่ยากมากเกินไปจริง ๆ ทั้งท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี หนนี้กลับเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่รู้สึกยินดีอย่างถึงที่สุด: “ให้น้าสะใภ้รองของเจ้าพาเจ้าไปสิ! ข้าจะให้คนไปตัดอาภรณ์ชุดใหม่มาให้เจ้า เมื่อถึงยามนั้นเจ้าจงเที่ยวเล่นให้เบิกบานใจ” เที่ยวเล่นให้เบิกบานใจ… ชีเจิ้นคล้ายจะเอ่ยบางอย่างแต่ชะงักไป ชีหยวนกลับผุดยิ้มพลางกล่าวขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าชี จากนั้นก็หยัดกายขึ้นและกลับไปที่หอหมิงเยว่ ครั้นกลับมาถึงหอหมิงเยว่ เหลียนเฉียวมารออยู่หน้าประตูเรือนได้พักหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นนางก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะสืบเท้าเดินเข้าไปหาอย่างรีบร้อน: “คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว!” จากนั้นก็กดเสียงลงเอ่ยว่า: “ท่านอ๋องอยู่ด้านในเจ้าค่ะ” นางแทบจะตกใจตายให้ได้เลยจริง ๆ ก่อนหน้าตอนที่นางเข้าไปในห้อง ครั้นเห็นเซียวอวิ๋นถิงนั่งอยู่ข้างหน้าต่างในตอนนั้น ก็เกือบจะตกใจตายแล้ว ช่วงนี้มันอย่าง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 191  

    ครั้นได้รับเทียบเชิญ คนทั้งตระกูลชีต่างรู้สึกประหลาดใจและไม่มั่นใจเล็กน้อย สาเหตุเพราะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นในสกุลโจว ดังนั้นระยะนี้ชีฟางอวิ๋นจึงต้องพำนักอยู่ที่เรือนมารดามาตลอด พอได้ยินข่าวนี้ก็เผลอมองชีหยวนหลายครั้งอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็แอบกระซิบถามฮูหยินผู้เฒ่าชีว่า: “ท่านแม่ พี่หยวนนางเป็น…” เป็นใครมาจากไหนกันแน่? เรื่องที่ทำไมตอนนี้ทุกคนในตระกูลชีถึงยอมรับกลาย ๆ ว่านางเป็นผู้นำบังไม่เท่าไร ทว่าเหตุใดแม้กระทั่งบรรดาบุคคลผู้มีชื่อเสียงนอกเรือนยังพากันให้ความสำคัญกับนางมากถึงเพียงนี้อีก? งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจว ใช่ว่าจวนหย่งผิงโหวจะไม่เคยได้รับเทียบเชิญมาก่อนเสียเมื่อไร ทว่าแต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่เคยระบุเจาะจงชัดเจนว่าเชิญผู้ใดอย่างเช่นตอนนี้ แบบนี้จะไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือ? ชีหยวนเพิ่งจะกลับมาได้เพียงไม่นาน ตระกูลบุญหนักศักดิ์ใหญ่ในเมืองหลวงมีใครบ้างเกรงว่ายังรู้จักไม่ครบเสียด้วยซ้ำไป นับดูให้ดีแล้วที่ออกไปเยี่ยมเยียนเป็นแขกก็มีเพียงตระกูลเซี่ยงตระกูลเดียวเท่านั้น มิหนำซ้ำยังเป็นการไปที่มิใช่เรื่องน่ายินดี แวะไปเพียงครู่เดียวก็กลับแล้ว จวนอ๋องโจวมีเหตุผลใดถึงต้องเจาะจ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 190

    เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่หลิ่วก็โกรธจัด: “งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจว เจ้าไม่ต้องไป!”หลิ่วหมิงจูกังวลใจทันที: “ทำไมล่ะ?! ข้าเตรียมตัวมาครึ่งปีแล้ว ข้าต้องไปให้ได้!”ทุกปีในฤดูหนาว นอกจากงานชุมนุมดอกไม้ของบรรดาจวนขุนนางแล้ว งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจว เป็นงานที่ผู้คนในเมืองหลวงเฝ้ารอมากที่สุดราชวงศ์นี้ยกย่องทักษะด้านการต่อสู้ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ฮ่องเต้หย่งชางยังเป็นอ๋องอยู่ พระองค์ก็โปรดปรานการเล่นตีคลีอย่างมาก นายว่าขี้ข้าพลอย หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว บรรดาอ๋องทั้งหลายก็เล่นตีคลีคล้อยตามพระองค์ การแข่งตีคลีจึงกลายเป็นกระแสนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงหญิงชาย การได้แสดงฝีมือและโดดเด่นในสนามแข่งของจวนอ๋องโจวถือเป็นความภาคภูมิใจที่สุดหลิ่วหมิงจูเริ่มฝึกขี่ม้าตั้งแต่อายุสิบสองปี และฝึกฝนการเล่นตีคลีมาโดยตลอด ทว่าสองปีที่ผ่านมา นางยังอายุน้อย จึงได้เล่นอย่างไม่เต็มที่ เป็นแค่ตัวสำรอง ปีนี้นางรอคอยมานานจนกระทั่งอายุครบวัยปักปิ่น และนางยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมในกลุ่มบุตรสาวขุนนาง นางจะพลาดงานนี้ไปได้อย่างไร?ฮูหยินใหญ่หลิ่วกำลังจะพูดต่อ แต่หลิ่วจิง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 189

    หลิ่วจิงหงพยักหน้า ยิ้มพร้อมกล่าวให้บิดาของตนวางใจ: “ลูกมีแผนการในใจแล้วขอรับ”ต่างจากลูกหลานขุนนางทั่วไป ส่วนใหญ่พอรุ่นที่สองก็มักอาศัยเกียรติยศของบรรพบุรุษกินสมบัติเก่า แต่สำหรับหลิ่วจิงหง เขายืนหยัดอยู่ในแวดวงขุนนางด้วยความสามารถของตนเองตระกูลหลิ่วของพวกเขาเป็นขุนนาง และยังเป็นพระญาติชั้นนอก เพราะเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปรานอย่างมาก สถานะของตระกูลหลิ่วจึงสูงส่งยิ่งขึ้นกล่าวโดยทั่วไปแล้ว ตำแหน่งขุนนางที่ได้มาจากพระมาหกรุณาธิคุณ ล้วนใช้คำว่าเฉิงเอิน (รับพระมหากรุณาธิคุณ) เป็นคำนำหน้าตำแหน่ง เช่น ตระกูลของฮองเฮาเฝิงก็มีตำแหน่ง “เฉิงเอินโหว”แต่ตระกูลหลิ่วกลับได้เป็นจวนฉู่กั๋วกง สาเหตุหนึ่งมาจากพระสนมหลิ่วได้รับความโปรดปรานอย่างมาก และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเพราะความสามารถของหลิ่วจิงหงเอง หลิ่วจิงหงเป็นคนมีพรสวรรค์ เขาสามารถทำดินปืนได้ ในอดีตเมื่อครั้งอยู่ฝูเจี้ยน เขาเติบโตเข้าออกจวนอ๋อง เรียกอ๋องหมิ่น ซึ่งก็คือฮ่องเต้หย่งชางในปัจจุบันว่า “พี่เขย” ตั้งแต่เด็กเรียกได้ว่าหลิ่วจิงหงมีทั้งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น กับฮ่องเต้หย่งชาง และความสามารถอันโดดเด่นดังนั้น ตอนนี้เขาจ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 188

    เมื่อเขาเดินออกไป คนเฝ้าประตูก็เข้าไปรายงานท่านผู้เฒ่าหลิ่วทำเสียงฮึดฮัด: “ไร้ประโยชน์สิ้นดี มีแต่ทำเรื่องเสียหาย! เจ้าเองก็เถอะ ไฉนถึงเลียนแบบสตรีไปได้?”คนที่เขาหมายถึงย่อมไม่พ้นบุตรชายของตน ผู้สืบทอดของจวนฉู่กั๋วก๋ง หลิ่วจิงหงหลิ่วจิงหงหัวเราะเบาๆ นั่งอยู่ตรงข้ามเขาอย่างสง่างาม: “ก็คิดว่าอย่างไรเสียก็เป็นคนเคยใช้งานมาก่อน อีกอย่างเขาก็เป็นญาติเกี่ยวดองกับจวนหย่งผิงโหว เลยช่วยพูดแทนสักสองสามคำ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะไร้ความสามารถเพียงนี้?”ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถสร้างปัญหาให้จวนหย่งผิงโหวได้ ยังทำอะไรตระกูลชีไม่ได้เลยสักนิด ซ้ำร้ายยังทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเสียอีกท่านผู้เฒ่าหลิ่วสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี: “เจ้าต้องระวังให้มาก คนประเภทนี้ พบเจอเรื่องราวมามากจึงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น หากตระกูลโจวเกิดเรื่องขึ้นจริง ก็จะพูดอะไรไม่ควรพูดออกมา”นี่คือกำลังเตือนเขาถึงเรื่องราวในตอนนั้นหลิ่วจิงหงเข้าใจดี ยื่นมือรินน้ำชาให้ท่านผู้เฒ่า: “ท่านก็วางใจเถิด ลูกไม่ใช่คนโง่เยี่ยงนั้น เขาไม่มีโอกาสอีกแล้ว”กล่าวจบก็หัวเราะเยาะ: “พูดไปท่านอาจไม่เชื่อ ไอ้คนโง่นี่ ตอนเราปูทางให้เข้าไปทำงานในกรมทหารม้าในตอน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status