ชีหยวนก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่อฟัง และฮูหยินผู้เฒ่าชีก็ยื่นมือออกไปจับมือของนาง เหลือบมองตั้งแต่บนลงล่าง เอ่ยพลางยิ้มเล็กน้อย “ช่างหน้าตาเหมือนกับบิดาของเจ้ายิ่งนัก”ทั้งยังถามเรื่องที่ชีหยวนอาศัยอยู่บ้านนอกอีกหลังจากหยุดไปครู่หนึ่งก็ถามเสียงเบา “พ่อแม่บุณธรรมปฏิบัติต่อเจ้าดีหรือไม่?”นางหวังก้มหน้าลงชีเจิ้นก็กระแอมไอเบา ๆ ชีหยวนกลับมาจนถึงตอนนี้ พวกเขายังไม่มีใครถามชีหยวนเรื่องที่บ้านนอกเลยสักคนไม่รู้เพราะเหตุใด จึงมักจะหลีกเลี่ยงเรื่องที่นางเคยถูกเลี้ยงดูอยู่ในบ้านคนขายเนื้อที่บ้านนอกนานกว่าสิบปีโดยไม่รู้ตัวเมื่อเอ่ยขึ้นมาก็รู้สึกขายขี้หน้าชีหยวนคิดสักพัก ก็ถามฮูหยินผู้เฒ่าว่า “ท่านอยากฟังความจริง หรือว่าเรื่องโกหกเจ้าคะ?”การกระทำของฮูหยินผู้เฒ่าชีหยุดชะงัก และมองนางอย่างครุ่นคิด หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงจะเอ่ย “ความจริง”“เช่นนั้นก็ไม่ค่อยดีเท่าใดเจ้าค่ะ” ชีหยวนหลุบตาลงต่ำ “ก่อนรุ่งสางข้าต้องเก็บหญ้าเพื่อให้อาหารปลา พอรุ่งสางแล้วต้องให้อาหารหมู ตอนกลางวันต้องตัดฟืน ทำอาหาร ตอนเย็นต้องซักเสื้อผ้า ทำงานบ้าน ไม่มีเวลาพักเลย และเวลาที่เจ็บป่วย พ่อกับแม่บุญธรรมยังเอาชามที่เ
ชีเจิ้นรู้สึกซับซ้อนในใจของเขา รู้สึกว่าชีหยวนเป็นดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ ที่น่าสงสารและต้องการความช่วยเหลือมาโดยตลอด เขาก็คิดมาตลอดด้วยว่าเป็นชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่นรังแกชีหยวนที่เพิ่งจะมาบ้าน และชีหยวนเพียงแค่ถูกคิดร้ายโดยเป็นฝ่ายถูกกระทำเท่านั้นแต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนี้เลยชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่นลงมืออย่างโหดร้ายอำมหิตก็จริง แต่ชีหยวนกลับไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อยตุ๊กตาสาปแช่งของแม่นมจางนั้น ชีหยวนก็เป็นคนทำลายชีหยวนยังส่งคนไปยุยงเสวี่ยซงอยู่ตรงหน้าเสวี่ยซง ทำให้ชีอวิ๋นคิดว่าชีจิ่นต้องถูกส่งไปที่อื่นและจะไม่กลับมาอีก เขาจึงตามไปถึงเรือนพักนอกเมืองแม้กระทั่ง ชีเจิ้นสงสัยเซี่ยงหรงกับเซี่ยงเจี้ยจึงแวะไปเรือนพักนอกเมืองโดยเฉพาะ ก็เป็นเพราะชีหยวนส่งข่าวไปบอกช่างใจกล้า และช่างเป็นกลอุบายกับเล่ห์เหลี่ยมที่น่ากลัวยิ่งนัก!เขายิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เขาบอกกับชีหยวนว่า ชีจิ่นจะไม่กลับมาอีกคำพูดนั้นสุดท้ายชีหยวนกลับถามเขาว่า ท่านแม่ทำใจได้จริง ๆ หรือ?เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ จึงส่งหลิวจงออกไปตัดรากถอนโคนทิ้งเสียตอนนี้คิดดู แค่เกรงว่านางหวังจะยอมปล่อยชิจิ่น ซึ่งก็อยู่ในการคาด
หากชาติที่แล้วตนเองสามารถอดทนจนยืนอยู่ต่อหน้าท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าได้ ผลลัพธ์ยังจะเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่?นางหลับตา หยุดตนเองจากการนึกถึงเรื่องเหล่านี้ และโขกศีรษะต่อท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าสามครั้งเบาๆ “ขอบคุณท่านปู่ท่านย่าเจ้าค่ะ” ท่านโหวผู้เฒ่าโบกมือให้นางถอยไปก่อน และเรียกนางไว้อีกครั้ง “ในงานเลี้ยงรับญาติ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้บุตรสาวของจวนโหวพวกเราต้องเสียหน้า ทำได้หรือไม่?”ชีหยวนตอบรับอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ข้าจะต้องทำอย่างเต็มที่แน่นอนเจ้าค่ะ”ท่านโหวผู้เฒ่าส่งเสียงอืมคำหนึ่ง และโบกมืออย่างพึงพอใจเล็กน้อยเมื่อรอให้นางจากไปแล้ว ชีเจิ้นทนไม่ไหวจึงอธิบายกับท่านโหวผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่านางจะมีความคิดที่ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ขอรับ...”“หากความคิดไม่ลึกซึ้ง ล้วนไม่สามารถกลับมาที่จวนโหวได้” ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเสียงเย็น “สะใภ้ของเจ้านางนั้น ก็แค่สมองเลอะเลือน! ตอนนั้นข้าเคยบอกแล้วว่า ในเมื่อรู้ว่าอุ้มผิดคน ก็ควรต่างคนต่างกลับไปอยู่ในสถานะของตนเอง แต่นางดันตัดใจไม่ได้ หากตัดใจไม่ได้ก็ช่างเถอะ กลับยังแสดงออกอย่างชัดเจน และบุ
ท่านโหวผู้เฒ่าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก็เอ่ยอย่างราบเรียบว่า “บางทีอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้?”ฮูหยินผู้เฒ่าคัดค้านอย่างคาดไม่ถึง “นี่จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะ? ท่านโหวผู้เฒ่าท่านก็รู้ไม่ใช่หรือว่า องค์หญิงใหญ่กับฝ่าบาททะเลาะกันจนตึงเครียดแค่ไหน! หลายปีมานี้นางใช้ชีวิตที่เงียบสงบตามเส้นทางพระพุทธและไม่เคยลงมาจากภูเขา จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะให้ข้อยกเว้นแก่เด็กสาวคนหนึ่ง?”เอ่ยตามจริง นางก็ไม่รู้สึกว่าชีหยวนมีอะไรที่คู่ควรให้องค์หญิงใหญ่ต้องย่อตัวและก้มศีรษะได้เลยจริง ๆ ท่านโหวผู้เฒ่ายกมือขึ้น “ใช่หรือไม่ใช่ มาคาดเดากันตรงนี้ยังจะมีประโยชน์อันใดอีก? ในเมื่อนางกล้าเอ่ยเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ลองฟัง ๆ ไปก่อนก็ได้ ถึงอย่างไรก็เหลือเวลาเพียงไม่กี่วันแล้ว ไม่ใช่หรือ?”จุดสำคัญนี้ความอดทนก็ต้องมีอยู่เสมอฮูหยินผู้เฒ่าจึงไม่เอ่ยอะไรมากอีกแล้วภายในหอหมิงเยว่เงียบอย่างมาก เมื่อรู้ว่าชีหยวนไปพบท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่า คนที่รอคอยล้วนตึงเครียดกันไปหมดทุกคนอยู่ในจวนโหว ต่างก็รู้นิสัยที่เข้มงวดของท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าดี จึงเกรงว่าชีหยวนจะทำให้ท่านโหวผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบผล
นี่ทำให้ชีหยวนหัวใจสั่นไหวนางให้ป๋ายจื่อพาหานเยว่เอ๋อไปที่โถงบุบฝาที่อยู่ด้านข้าง ส่วนตัวเองก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหานเยว่เอ๋อยืนอยู่ริมหน้าต่าง เมื่อเห็นนางมา ก็รีบก้าวไปข้างหน้าย่อตัวทำความเคารพ และเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “พี่หญิงใหญ่ อย่าถือสาที่ดึกขนาดนี้ข้ายังมารบกวนเลยนะเจ้าคะ”หานเยว่เอ๋อหน้าตาจิ้มลิ้ม หว่างคิ้วสะอาดสะอ้าน ช่วงที่มองชีหยวนในเวลานี้ ก็จริงใจอย่างมาก “ความจริงข้าอยากจะมาขอพบพี่สาวนานแล้ว เพียงแค่ไม่มีโอกาสอยู่ตลอดเท่านั้นเจ้าค่ะ”ชีหยวนยิ้มพลางส่ายหน้า “ข้าเพิ่งกลับมาถึงจวน ญาติยังรู้จักไม่หมด น้องเยว่เอ๋อก็ไม่อย่าถือสาเลย”“จะได้อย่างไรกันเจ้าคะ?” หานเยว่เอ๋อถอนหายใจอย่างเศร้าใจ “พี่สาวอยู่บ้านนอกคงทุกข์ทรมานมากแล้ว ไม่ง่ายที่จะกลับมา แล้วยังมาประสบกับเรื่องมากมายเช่นนี้อีก ข้าแค่ยืนมองอยู่ด้านข้าง ก็รู้สึกว่าพี่สาวยากลำบากแล้ว”ชีหยวนสีหน้ายังคงสงบนิ่ง และคิดอย่างรวดเร็วถึงจุดประสงค์ของหานเยว่เอ๋อในใจหานเยว่เอ๋อมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอ๋องฉี ชาติก่อนยังพยายามอย่างเต็มที่ในเรื่องการแต่งงานของอ๋องฉีกับชีจิ่นจนสำเร็จ สุดท้ายตัวนางเองก็แต่งให้กับอ๋องฉีและเป็นพ
รอยยิ้มที่อยู่บนในหน้าของหานเยว่เอ๋อยังคงรักษาไว้จนกระทั่งกลับมาถึงห้องของตนเองจึงจะหายไปอย่างสิ้นเชิงเหลียนเอ๋อร์สาวใช้ของนางเห็นสีหน้านางดูเรียบเฉย ก็ถามนางเสียงเบาว่า คุณหนู ตอนนี้คุณหนูรองเกิดเรื่องแล้ว มันจะกระทบเรื่องของท่านอ๋องหรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ หานเยว่เอ๋อจึงนวดหว่างคิ้วของตนเอง และเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ไม่มีชีจิ่นแล้ว ชีหยวนก็เป็นคุณหนูใหญ่ที่มีสถานะสูงส่งเพียงหนึ่งเดียวของจวนนี้ ถึงนางจะแต่งงานกับท่านอ๋อง ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”เหลียนเอ๋อร์เห็นนางไปนั่งด้านหลังโต๊ะตำรา ก็รีบตามไปและคลี่กระดาษออกให้นาง แถมยังฝนหมึกให้นางด้วยเอ่ยอย่างค่อนข้างเป็นกังวลว่า “แต่ความรู้สึกของนางกับคนของตระกูลชีสุดท้ายก็ยังคงไม่ลึกซึ้ง และคนของตระกูลชีกับชีอวิ๋นถิงเกรงว่าจะไม่ยอมเข้าข้างท่านอ๋องเพราะนางนะเจ้าคะ”การแต่งงานกับชีจิ่น นั่นก็เป็นเพราะชีจิ่นคือไข่มุกที่อยู่บนมือของตระกูลชี และตระกูลชีก็คาดหวังกับนางสูงมากชีจิ่นแต่งงานให้กับอ๋องฉี นั่นคือการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล และเพื่อให้ทั้งสองตระกูลช่วยเหลือเกื้อกูลกันแถมอ๋องฉียังสามารถได้รับสิ่งของสำคัญที่อยู่ในมือ
ในสายตาของอ๋องฉีคนนี้มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น เขาแต่งงานกับชีจิ่นก็เป็นเพราะตอนนั้นชีจิ่นเป็นสมบัติของตระกูลชี และก็เป็นเพราะชีเจิ้นด้วยนางกำจัดชีจิ่นก่อนล่วงหน้า เหตุใดอ๋องฉีถึงรีบร้อนให้หานเยว่เอ๋อมาใกล้ชิดตนเองเช่นนี้?ถึงอย่างไรในความคิดของคนนอก เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับนางเลยตรงกันข้ามชีจิ่นกับชีอวิ๋นถิงกลับก่อเรื่องขึ้นโดยไม่ชัดเจน แถมเพราะเรื่องนี้ยังได้รับการลงโทษจากในบ้านอีกตอนนี้อ๋องฉีควรจะรังเกียจตระกูลชีถึงขีดสุด และเกลียดจนแทบอยากจะทำลายตระกูลชีทิ้งจึงจะถูกเขาคนนี้หากไม่ได้อะไรก็มักจะทำลายทิ้งเสมอแต่เขาให้หานเยว่เอ๋อเข้ามาใกล้ชิดกับตนเอง เป็นเพราะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติแล้วเช่นนั้นหรือ?เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ในใจของชีหยวนก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าค่ำคืนนี้ นางฝันร้ายอยู่เรื่องหนึ่งในความฝันนางได้รับการช่วยชีวิตจากเซียวอวิ๋นถิง หลังจากนั้นก็ได้กลายมาเป็นทหารลับที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเซียวอวิ๋น ถิงชาติก่อนนางใช้ชีวิตราวกับเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ ทุกคนล้วนพิจารณาว่านางมีประโยชน์หรือไม่ มูลค่าของนางพอหรือไม่ หลังจากนั้นค่อยชั่งน้ำหนักว่าต้องรับนางไว้หรื
เวลานี้ชีเจิ้นรู้สึกหงุดหงิดจะตายอยู่แล้วเขาเตะหลิวจงอย่างรุนแรงไปทีหนึ่ง และถามด้วยความโมโหว่า “เจ้าทำงานอย่างไร? ไอ้คนโง่เขลา! ข้าบอกเจ้าว่าให้ตายต้องเห็นศพ ถ้าหายไปต้องเห็นตัว เจ้าแกล้งทำเป็นหูทวนลมใช่หรือไม่!?”หวิงจงถูกเตะอย่างแรงจนแทบจะอาเจียนออกมา เมื่อได้ยินก็ร้องไห้คร่ำครวญและรีบส่ายหน้าว่า “ท่านโหว ข้ากล้าเสียที่ใดกันขอรับ? เรื่องที่ท่านสั่ง ข้าตั้งใจทำทุกเรื่อง แต่ตอนที่ข้าไป มันก็ไม่พบอะไรแล้วจริง ๆ ขอรับ!”ตอนที่เขาไป คนของนางหวังได้ปล่อยชีจิ่นไปแล้วหลิวจงไม่กล้ารอช้า จึงรีบออกมาสอบถามในทันที และรู้ว่าชีจิ่นจะไปเมืองเจียงซี ตอนนั้นก็ตามไปแล้วใครจะรู้ระหว่างทางกลับสืบหาร่องรอยของชีจิ่นไม่พบเลยตัวเขาเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติ ถึงได้รีบกลับมารายงาน“นางจะไปที่ใดได้?!” ตอนนี้ชีเจิ้นปวดศีรษะแล้ว ชีหยวนคนหนึ่งไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เห็นภายนอกเช่นนั้น ความจริงแล้วเป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตบุตรสาวอีกคนที่เห็นตั้งแต่เด็กจนโตคิดไม่ถึงว่าก็จะเป็นคนที่เก็บความสามารถเอาไว้และไม่เปิดเผยไม่ต้องพูดถึงความโหดเหี้ยมและไร้ความรู้สึก ครั้งนี้ยังสามารถหายตัวไปจากใต้สายตาข
“ไม่!” ชีหยวนส่ายหน้า มองเซียวอวิ๋นถิงตรง ๆ พลางถามว่า “ท่านอ๋อง หากต้องให้คนอื่นมาพูดแทนท่านปู่และท่านพ่อของข้าน้อย ตรงกันข้าม ขอให้คนของท่านยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจท่านพ่อและท่านปู่ของข้าน้อยด้วยดีกว่า!” เหล่าจ้าวคิดในใจ นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง? คุณหนูใหญ่สกุลชีเสียสติไปแล้วหรือ?! ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับเข้าใจความหมายของชีหยวนได้ในทันที การลักลอบค้าขายสิ่งของผิดกฎหมายและการสมรู้ร่วมคิดกับข้าศึกขายชาติให้อริศัตรูถือเป็นแผนการอันชั่วช้าเลวร้ายมากเกินไปจริง ๆ เหตุผลที่ผู่อู๋ย่งทำเช่นนี้ ก็เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็สามารถทำให้สกุลชีสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายพระเนตรของฮ่องเต้หย่งชางนับจากนี้ไปตลอดกาล แม้ภายหลังจะหาตัวคนร้ายที่แท้จริงเจอแล้วก็ตาม ทว่าหากว่า หากว่าชีหยวนถูกลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า และคนในราชสำนักล้วนพากันรุมโจมตีสกุลชี หวังทำลายสกุลชีให้สิ้นซากไป ทว่าต่อมากลับได้ค้นพบความลับในภายหลังว่าเงินตำลึงจำนวนมหาศาลถูกซุกซ่อนไว้ในเรือนเช่าของสกุลสวี ไหนจะคนเหล่านั้นที่เซียวอวิ๋นถิงได้ส่งไปที่จี้โจวแล้วด้วย… เช่นนั้นในตอนนี้ยิ่งทำให้เรื่องราวใหญ่โตอื
ตอนที่นางกลับมาถึงหอหมิงเยว่ เซียวอวิ๋นถิงคอยอยู่บนชั้นสองแล้ว เขาคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ราวกับเดินกลับเรือนของตนเอง ชีหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่ามีเรื่องสำคัญ ก็มิได้พูดอะไรมาก เพียงแต่นั่งลง และเอ่ยขึ้นอย่างตรงประเด็น “ข้าน้อยจัดการสังหารสวีซินเฉียวแล้ว เขามิได้เปิดเผยข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์” หนนี้เหล่าจ้าวแอบติดตามมาด้วย วิชายุทธ์ของเหล่าจ้าวนับว่าเลิศล้ำ ดังนั้นต่อให้จะอยู่ห่างไกล เขาก็สามารถได้ยินบทสนทนาของคุณหนูใหญ่สกุลชี มิหนำซ้ำ… ยังพูดอย่างฉะฉานมั่นใจในเหตุผลมากเสียด้วย ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย เขามุ่นหัวคิ้วขึ้น พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีคนแอบติดตามเจ้า” อำนาจของขันทีผู้ใหญ่ประจำกรมขันทีราชพิธีมิใช่เล่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นองครักษ์เสื้อแพรยังแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่ กล่าวได้ว่า นับแต่เสี้ยวขณะที่ชีหยวนถูกลอบสังหาร ทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ในกำมือของพวกเขาหมดแล้ว ชีหยวนเปล่งเสียงรับคำเบา ๆ สีหน้าท่าทางสงบสุขุมยิ่งนัก “ข้าน้อยทราบแล้ว ดังนั้นหลังจากข้าน้อยสังหารสวีซินเฉียว พวกเขาจะคิดว่าอย่างไร?” จะคิดว่าอย่างไรหร
คนเรายามที่ตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ก็มักจะเผลอใช้ความคิดฟุ้งซ่านมากลบเกลื่อนความหวาดกลัวและความตกใจของตนเองเสมอ ชีหยวนเผากริชด้วยไฟจนร้อนจัด ก่อนจะดึงหน้านิ่งและเสียบมันเข้าไปที่กระดูกสะบักซ้ายของสวีซินเฉียว จนแทงทะลุไปอีกด้านหนึ่งของเขา ทว่าหนนี้สวีซินเฉียวแม้แต่เสียงร้องก็ยังเปล่งออกมาไม่ได้ ทรุดลงกับพื้นทั้งร่างสั่นเทาและชักกระตุก ดวงตาฉายประกายหวาดกลัว ชีหยวนหยัดกายขึ้นยืน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปอย่างเรียบเฉยและส่งยิ้มให้สวีซินเฉียวพลางเอ่ยว่า “ใต้เท้าสวี ท่านจะไม่พูดก็ย่อมได้ ข้าเข้าใจ ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของคนในสกุล ท่านจะไม่พูดก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่นนั้นพวกเราค่อยพบกันอีกครั้งในยุทธจักรเถิด” นางเอ่ยพลาง ก็ส่ายเทียนไขในมือของตนเองไปมา “ข้าจะส่งท่านเดินทางครั้งสุดท้าย เผาท่านไม่ให้เหลือซาก จะได้ประหยัดแม้กระทั่งโลงศพด้วย ถือเป็นการทำประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อชาวบ้านจี้โจวไปด้วย” ชาวหว่าล่ารุกรานเข้ามาทุกปี ชาวบ้านในที่แห่งนั้นเผชิญหายนะทุกข์ทรมานกันไปแล้วตั้งเท่าใด?! พวกเขาโหดร้ายป่าเถื่อน บุรุษถูกสังหารทันที ส่วนสตรีและเด็กก็กวาดต้อนกลับไปยังทุ่งหญ
และทันทีที่ผ้าขี้ริ้วถูกดึงออกมาจากในปาก สวีซินเฉียวไม่แม้แต่จะหยุดชะงักก็อ้าปากหมายจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันที แต่ชัดเจนว่าความรวดเร็วของชีหยวนยังเร็วกว่าเขามาก เขายังไม่ทันได้อ้าปากส่งเสียง ชีหยวนก็จัดการยัดผ้าขี้ริ้วกลับเข้าไปในปากของเขาอีกครั้งด้วยความรวดเร็วแล้ว และที่ยัดเข้าไปคราวนี้ก็ลึกยิ่งกว่าคราวก่อน แทบจะจุกเข้าไปถึงด้านในลำคอของสวีซินเฉียว ทำให้สวีซินเฉียวถึงขั้นพะอืดพะอมพยายามสำรอกออกมาหลายครั้ง ระดับความตื่นรู้ของคนหนึ่งคน เทียบเท่ากับระดับความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาได้รับ สำหรับสวีซินเฉียวในยามนี้ก็นับเป็นเช่นนี้ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า เมื่อใดที่สตรีตรงหน้าเอื้อนเอ่ยวาจาน้ำลายหนึ่งหยดของนางคือตะปูหนึ่งดอก หากไม่เชื่อฟังคำพูดของนางแล้ว นางจะแสดงความน่ากลัวอย่างถึงที่สุดออกมา ชีหยวนผุดยิ้มเล็กน้อยพลางหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาและปักกลับไปที่มวยผมดังเดิม จากนั้นค่อยแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางขยับข้อมือไปมา “ใต้เท้าสวี ดูท่านสิ เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อฟังกันบ้างเจ้าคะ? คนที่ไม่เชื่อฟัง จะต้องถูกลงโทษนะเจ้าคะ” เอ่ยพลาง นางก็เลื่อนมือข้างหนึ่งไปปิดปากสวีซินเฉียวไว
แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น สวีฮว่านก็ยิ่งระมัดระวังในการกระทำมากขึ้นไปอีกที่จวนไม่เคยจัดงานเลี้ยงหรืองานมหรสพใด ๆ เลยแม้แต่ในงานเลี้ยงวันเกิดของหญิงชรา ก็แค่ให้คนในครอบครัวทานข้าวด้วยกันมื้อเดียวแล้วก็จบกันไปเงินทองในบ้านกองเป็นภูเขา ผ้าไหมผ้าแพรก็มีมากมาย แต่ก็ไม่เคยเอาออกมาใช้แค่เห็นแต่ใช้ไม่ได้ นี่แหละถึงเป็นเรื่องที่อึดอัดใจและกลัดกลุ้มใจที่สุด!นางยังคิดว่าสวีฮว่านคงจะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาเหมือนจะคิดตกได้ในทันทีสวีฮว่านยิ้มบาง ๆ พูดอย่างมีนัยยะว่า “เมื่อก่อนใช้ไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะใช้ได้แล้ว”ฮูหยินสวีฟังไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ก็ดีใจยิ่งนัก รีบเปิดคลังเอาหนังสัตว์ออกมา ตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เด็ก ๆ ในบ้านกันคนละชุดที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่นสวีซินเฉียวออกจากบ้านสวีก็ยิ้มแย้มมีความสุขเช่นกันแน่นอนว่ามีความสุขอยู่แล้ว!สิ่งที่เขาทำ เขาก็รู้ตัวดีว่าเป็นความผิดมหันต์ถึงขั้นถูกตัดหัวและฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะมีตระกูลชีเป็นแพะรับบาปไปแล้ววันขึ้นปีใหม่ บังเอิญมีเรื่องมงคล เขาดีใจจนเดินตรงไปที่หอหงเฟิ่นจินที่ค้าขายดีท
กลางดึก ของขวัญหลากสีสันที่ได้รับในคืนวันปีใหม่กองเต็มโถงบุปผา ทั้งห้องสวีฮว่านมองแวบเดียวก็ขมวดคิ้ว “ใครเป็นคนส่งของโจ่งแจ้งขนาดนี้?”สวีซินเฉียวเดินออกมาจากหลังฉากกั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง พลางหัวเราะ “อารอง เป็นข้าเอง! หลานมิใช่เพิ่งกลับมาจากจี้โจวหรือ? ก็เลยตั้งใจเอาของมาคำนับท่านอารองโดยเฉพาะขอรับ”สีหน้าของสวีฮว่านไม่ได้ดูดีขึ้นเลย พอเห็นเขาก็ตวาดเสียงดังทันที “เจ้าคนสารเลว! เจ้าคิดว่านี่เป็นที่ไหนกัน? คิดว่าเจ้าตัวเองเป็นใคร? ตำแหน่งผู้ตรวจการเมือง มันเด่นขนาดนั้น ยังไม่รู้เหรอว่ามีคนจับตาดูอยู่เท่าไหร่? เจ้ากลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่าเจ้ารับสินบนไปมากแค่ไหน?!” สวีซินเฉียวทำปากเบะทันที สีหน้าดูเหมือนน้อยใจ “ท่านอารอง อย่างน้อยก็ท่านช่วยดูของที่หลานเอามาก่อนเถอะ! เมืองจี้โจวน่ะ อะไรที่ไม่ค่อยมี แต่หนังสัตว์นั้นหลากหลายเยอะสุด หลานกลับมาทั้งที จะเอาของฝากมาฝากท่านอาสะใภ้ กับพวกน้อง ๆ สักหน่อย มันก็เป็นเรื่องที่สมควรไม่ใช่หรือไร? ใครจะมาตำหนิได้ล่ะ?”ว่าแล้ว เขาก็หัวเราะระรื่น พลางขยับยื่นหน้ามาใกล้ “ว่าไปแล้ว ท่านอา เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจดี นี่ไม่ใช่เพราะท่านอาช่วยเชื่อมโยงให้หลานได้
เมื่อเห็นว่าชีหยวนยังเงียบอยู่ เซียวอวิ๋นถิงก็เอ่ยขึ้นก่อน “พวกเขาเป็นครอบครัวทหารตระกูลชีแน่นอน และตลอดหลายปีมานี้ก็มีการติดต่อกับเผ่าหว่าล่าจริง ลักลอบค้าขายเหล็กเถื่อนกับเผ่าหว่าล่า พวกท่านแน่ใจหรือว่าไม่รู้เรื่องนี้เลย?!”ชีเจิ้นไม่สนแล้วว่าคนตรงหน้าคือพระราชนัดดา “พวกเราจะไปทำเรื่องโง่ๆ ทำลายตนเองแบบนั้นได้ยังไง?! ตั้งแต่ไหนแต่ไร แคว้นเรากับเผ่าหว่าล่าก็เป็นศัตรูกันมานาน ญาติพี่น้องของเรากี่คนแล้วที่ต้องตายในมือของเผ่าหว่าล่า เราจะไปสมคบคิดกับพวกมันได้ยังไง?!”สีหน้าของท่านโหวผู้เฒ่าชีซีดขาวราวกับเถ้าถ่านเรื่องคราวนี้เล่นงานเขาจนตั้งตัวไม่ทันจริง ๆจะจัดการยังไงดี? จะทำอย่างไรดีกันแน่?จะติดสินบนเจ้าเมืองทงโจว หม่าเซวียนไหม?ไม่ได้ เรื่องนี้ทำแบบนั้นไม่ได้เบื้องหลังคนพวกนั้นวางแผนมาอย่างดี แสดงว่าจ้องเล่นงานพวกเขาเต็มที่แล้วถ้าให้หม่าเซวียนช่วยกลบเรื่อง จะยิ่งกลายเป็นหลักฐานมัดตัวว่าตระกูลเราสมคบขายชาติครั้งนี้ ดูยังไง ก็เป็นกับดักตายชัด ๆ!เซียวอวิ๋นถิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะหินเบา ๆ “คดีนี้ อย่างช้าบ่ายนี้ถูกส่งไปถึงมือกรมยุทธนาการ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรมยุทธนาการ ยังไง
เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือท่านโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นแน่นอนคนเหล่านี้น่าจะเป็นครอบครัวทหารจี้โจวจริง ที่มาของพวกเขาคงไม่ปลอมแปลง มิฉะนั้นจะเอาอะไรมาปรักปรำตระกูลชีได้ล่ะ?”ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาถึงได้วางแผนกันใหญ่โตถึงขนาดบุกมาลอบสังหารนางในวันขึ้นปีใหม่ ยังบุกเข้าบ้านพักตระกูลชีเพื่อสังหารหมู่ นี่เป็นการจงใจทำให้เรื่องใหญ่โต“พวกมันไม่กลัวตระกูลชีแจ้งทางการ กลัวแค่ตระกูลชีไม่แจ้งเท่านั้น!”พอแจ้งทางการไปแล้ว เรื่องถึงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องที่ตระกูลชีแอบลักลอบขนอาวุธเหล็กไปขายให้เผ่าหว่าล่าถึงจะถูกเปิดโปงวันขึ้นปีใหม่ทั้งที ให้ตระกูลชีไปตายเสียก็ดูสมเหตุสมผลใช่ไหมล่ะ?ผู่อู๋ย่งแค่นหัวเราะเบา ๆ “แจ้งทางการแล้วหรือ?”เสี่ยวสวีจื่อมือไม้กะล่อยกะหลิบ รีบยื่นมือไปรับถ้วยในมือเขา แล้วเปลี่ยนมานวดไหล่ทุบหลังอย่างเป็นธรรมชาติ พลางกระซิบว่า “คนของเราตามติดอยู่ตลอดขอรับ ตั้งแต่ต้นก็แจ้งทางการแล้ว เพียงแต่ว่า......”ผู่อู๋ย่งเลิกคิ้วขึ้น “เพียงแต่ว่าอะไร?”“เพียงแต่ว่าไม่คิดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชีจะเก่งขนาดนี้ ระหว่างทางนางคนเดียวฆ่าคนของเราไปแปดคนแล้วขอรับ แม้แต่ลิ่วจื่อที่ฝีมือดีที่สุดก็
ให้ตายเถอะ ไปมีเรื่องกับนางไม่ได้จริง ๆระหว่างทางที่มาในเมื่อครู่นี้ เขาได้เจอกับพ่อบ้านของตระกูลชีแล้ว พ่อบ้านของตระกูลชีถึงกับตกตะลึงไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเขาตกใจกลัวอย่างมาก เหล่านักฆ่าพวกนั้นล้วนเป็นองครักษ์ของตระกูลชีที่สังหารไปเองคำพูดพรรค์นี้ ก็คงมีแค่เจ้าเมืองทงโจวเท่านั้นที่เชื่อหลอกผีอยู่รึไงชีหยวนน่ะหรือจะตกใจกลัว?!นางอาจจะทำให้พญายมตกใจกลางดึกได้ แต่ไม่มีทางที่จะถูกนักฆ่าแค่ไม่กี่คนทำให้ตกใจกลัว!ดูจากตอนนี้แล้ว ก็จริงอย่างที่คิดเลยเซียวอวิ๋นถิงจนกระทั่งเห็นนางนั่งอยู่บนขั้นบันไดอย่างปลอดภัย เท้าของนางเหยียบอยู่บนอกของชายคน ถึงได้ถอนหายใจออกมาช้า ๆ เดินเข้าไปใกล้อีกนิด มองชายคนนั้นแวบหนึ่งแล้วถามชีหยวนว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไร อยู่ดีมาก” ชีหยวนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ยังคงจ้องชายคนนั้นต่อไป “ข้าแนะนำให้เจ้าพูดให้เร็วหน่อย ข้าเป็นคนไม่มีความอดทนมากนัก ถ้าคำตอบของเจ้าไม่ถูกใจข้า หรือบิดเบือนความจริง ข้าก็รีบจะถลกหนังเจ้าไปทำกลองหนังมนุษย์เสีย ส่วนพวกพ้องของเจ้าข้าง ๆ ข้าก็จะเอาพวกเขาทำเป็นโคมไฟหนังมนุษย์ ส่งไปให้เจ้านายของเจ้าด้วย