ดวงตาของฟู่เฉินหวนมืดมน "เจ้าจะทำอะไร!"ขันทีหลิวยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า "'ในเมื่ออ๋องผู้สำเร็จราชการตัดมิอาจตัดสินพระทัยได้ กระหม่อมจะช่วยเลือกแทนให้เอง"“ถ้าอย่างนั้น… ลั่วชิงยวนก่อนแล้วกัน”หลังจากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณมือช่วงเวลาต่อมา ลั่วชิงยวนก็ถูกจับไปตรึงไว้บนม้านั่งพวกเขามัดมือของนางไว้ด้วยในขณะนั้นหัวใจของฟู่เฉินหวนตึงเครียด แต่ยังคงอดทนและมิพูดอะไรขันทีหลิวมองดูการแสดงออกของฟู่เฉินหวนแล้วหัวเราะเบา ๆ "ดูเหมือนว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการจะมิทรงรู้สึกสงสารที่ลั่วชิงยวนต้องรับโทษเลย"ลั่วชิงยวนกำมือแน่น แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา นางมองดูใบหน้าที่สงบนิ่งและดวงตาที่มิแยแสของเขา นางมิได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อยนางกัดฟันลุกขึ้นจากม้านั่ง แล้วตวัดฝ่ามือซัดผู้คุมสองคนกระเด็นไปจากนั้นก็เหวี่ยงเชือกลงพื้นอย่างแรงขันทีหลิวตกใจมาก “ท่าน ท่าน ท่าน! ท่านคิดจะต่อกบฏหรือ?”ลั่วชิงยวนมองดูขันทีหลิวด้วยสายตาที่เฉียบแหลมและพูดอย่างเย็นชา "พวกเจ้าแค่สงสัยว่าข้าใส่บางอย่างลงไปในยาขององค์จักรพรรดิสูงสุด แต่ข้าได้กินยาไปแล้ว พิสูจน์ได้แล้วว่าไม่มีพิษ"“พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาลงโทษข้า? ต่อ
“มิเช่นนั้น ก็โปรดท่านอ๋องสารภาพมาให้ชัดเจนว่า ร่วมมือกับต่งชูเพื่อล้างแค้นให้พระชายาหลี และทำร้ายจักรพรรดิสูงสุดอย่างไร”ในขณะนั้น ฟู่เฉินหวนพยายามระงับความเจ็บปวดด้วยสติอีกครั้ง ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า "ไสหัวไป!"ขันทีหลิวเยาะเย้ย "เช่นนั้น ลั่วเยวี่ยอิงคงต้องทนทุกข์ทรมานเสียหน่อยแล้ว""เฆี่ยนต่อไป!"ขันทีหลิวออกคำสั่ง และผู้คุมก็เฆี่ยนลั่วเยวี่ยอิงด้วยแส้อย่างแรงอีกครั้งร่างกายของลั่วเยวี่ยอิงเต็มไปด้วยเลือด นางมิสามารถขยับได้แม้เพียงครึ่งก้าว นางทำได้เพียงนอนหมอบลงบนพื้นรับโทษทัณฑ์ และร้องครวญครางซ้ำแล้วซ้ำเล่า"หยุด! หยุด!"ฟู่เฉินหวนดึงโซ่อีกครั้งด้วยความตื่นตระหนก ความโกรธปะทุขึ้นอีกครั้งเลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากปากของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเล็บของลั่วชิงยวนจิกเข้าไปในฝ่ามือ ดวงตาของนางแดงก่ำหัวใจของนางเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? ฟู่เฉินหวนจะอาเจียนเป็นเลือดได้อย่างไร!มิได้การ มีบางอย่างผิดปกติ! ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่!นางรีบพุ่งไปข้างหน้าทันที "หยุดเดี๋ยวนี้!"นางแย่งแส้จากมือของผู้คุมแล้วผลักเขาออกไปขันทีหลิวพูดอย่างเย็นชา "พระชายาจะทำอ
ลั่วชิงยวนตกตะลึง ดวงตาของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด“ว่ากระไรนะเพคะ?” ลั่วชิงยวนมิเข้าใจเสียงของฟู่เฉินหวนฟังดูอ่อนแรง แฝงด้วยความสะอื้นและสิ้นหวัง "ข้าขอโทษ ข้าควบคุมตัวเองมิได้"เสียงนั้นทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง และทันใดนั้นนางก็เข้าใจทุกอย่างนางอดมิได้ที่จะกอดเขาไว้แน่น ๆ น้ำตาพลันไหลออกมา“หม่อมฉันรู้แล้ว หม่อมฉันรู้หมดทุกอย่างแล้ว”ฟู่เฉินหวนควบคุมตัวเองมิได้จริง ๆ และมิได้เป็นเช่นนี้เพราะเขารักลั่วเยวี่ยอิงก่อนหน้านี้ ฟู่เฉินหวนมาหานางเพื่อขอความช่วยเหลือหลายครั้ง เขาถามว่า ในใต้หล้านี้มีวิธีใดที่จะควบคุมจิตใจคนได้ นางมิรู้ว่าฟู่เฉินหวนถูกควบคุม ดังนั้นนางจึงเชื่อมาตลอดว่าฟู่เฉินหวนรักลั่วเยวี่ยอิงมากเกินไปวันนี้อาการปวดหัวและอาการอาเจียนเป็นเลือดของเขา แน่นอนว่ามิได้เกิดจากการเจ็บปวดที่ที่ลั่วเยวี่ยอิงถูกเฆี่ยนตีมีอะไรบางอย่างควบคุมฟู่เฉินหวนอยู่!ฟู่เฉินหวนเจ็บปวดเกินกว่าจะขยับได้ แต่เขาก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยกแขนขึ้นมากอดนางคางที่ไร้เรี่ยวแรงของเขาวางพาดลงบนไหล่ของนางพลางหลับตาลง แต่ริมฝีปากกลับมีรอยยิ้มจาง ๆ ที่ซีดเซียวปรากฏขึ้น“ความลั
ลั่วชิงยวนดึงลั่วเยวี่ยอิงไปข้างหลังนางอย่างระมัดระวังเมื่อไทเฮาเห็นฉากนี้ นางก็อดมิได้ที่จะหัวเราะ "เป็นเรื่องยากที่จะที่ได้เห็นเจ้าปกป้องลั่วเยวี่ยอิง เจ้ามิลืมใช่หรือไม่ว่า นางเคยปฏิบัติกับเจ้าเช่นไร"“มอบนางให้ข้าเถอะ ข้าจะมิปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดีแน่”ลั่วเยวี่ยอิงคว้าแขนเสื้อของลั่วชิงยวนไว้อย่างประหม่าลั่วชิงยวนมองไปที่ไทเฮาอย่างเย็นชา หากไทเฮาจับลั่วเยวี่ยอิงไป ไม่มีทางที่ไทเฮาจะสังหารลั่วเยวี่ยอิงเป็นแน่ ไทเฮาจะต้องใช้นางควบคุมและทรมานฟู่เฉินหวน“มิว่าอย่างไรลั่วเยวี่ยอิงก็เป็นคนของตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการ เหตุใดต้องส่งนางให้กับไทเฮาด้วยหรือเพคะ?”“หากจะฆ่านาง หม่อมฉันจะลงมือเอง”ใบหน้าของไทเฮาเปลี่ยนเป็นเย็นชา“ลั่วชิงยวน เจ้าเพียงแค่ต้องปกป้องฟู่เฉินหวนตามรับสั่งขององค์จักรพรรดิสูงสุด แต่นี่เจ้ายังมาปกป้องลั่วเยวี่ยอิงด้วย เจ้าคิดว่าตัวข้านั้นหลอกได้ง่าย ๆ รึ?”ลั่วชิงยวนมองไทเฮาด้วยสายตาเย็นชา ปราศจากความกลัวแม้แต่น้อย“มิสำคัญว่าไทเฮาจะทรงเชื่อหรือไม่ หากแย่ที่สุดก็เผชิญหน้ากับองค์จักรพรรดิสูงสุด สิ่งใดที่ไทเฮาทรงต้องการที่จะทราบ องค์จักรพรรดิสูงสุดจะทรงตอบท
ในผลการทำนายแสดงให้เห็นว่า ดาวหมาป่าสวรรค์แห่งแคว้นได้ตกลงมา และจะเกิดสงครามในแคว้นเทียนเชวียเปลวไฟแห่งสงครามนั้นจะกลืนกินดินแดนครึ่งหนึ่งของแคว้นเทียนเชวียนี่เป็นมหาภัยพิบัติสำหรับแคว้นเทียนเชวีย แต่ก็เป็นโอกาสในการพลิกสถานการณ์ของพวกเขาด้วยจู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็คิดถึงพวกนอกด่านฉับพลันนั้นก็นึกถึงฉินเชียนหลี่ขึ้นมาทันใดนั้น นางก็เริ่มกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉินเชียนหลี่หรือไม่แต่ก่อนหน้านี้ คนของฟู่เฉินหวนที่ส่งไปบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีอีกทั้งลั่วอวิ๋นสี่ก็มิได้ส่งข่าวใด ๆ ให้นางมาเป็นเวลานาน ดังนั้นก็หมายความว่าไม่มีอะไรผิดปกติทุกอย่างดูเหมือนจะสงบสุขดีแต่การทำนายนี้ย่อมมิหลอกลวง!เช่นนั้นหลังจากรุ่งสาง ลั่วชิงยวนจึงส่งคนไปเชิญจักรพรรดิมา เพื่อถามเกี่ยวกับพวกนอกด่านที่ชายแดนฟู่จิ่งหานตอบว่า "ทุกอย่างที่นั่นดูเหมือนจะสงบสุขดี จนถึงตอนนี้ข้ามิได้ยินข่าวร้ายใด ๆ เลย"ลั่วชิงยวนพยักหน้า "ก่อนหน้านี้พวกนอกด่านหายตัวไปอย่างลึกลับ หม่อมฉันคิดว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นที่อีกด้านหนึ่งของชายแดน"“หากในอีกมิกี่วันมีหนังสือราชการจากทางนั้นส่งมา ฝ่าบาทจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด
ลั่วชิงยวนมองแผนที่แล้วพูดว่า "แม้ว่าอู่จิ้นจะมีความสำคัญ แต่อู่จิ้นก็มีแนวป้องกันตามธรรมชาติซึ่งก็คือเทือกเขาด้านหลัง แม้ว่าศัตรูจะมีเจตนาชั่วร้ายและต้องการทำลายอู่จิ้น แต่ก็มิอาจผ่านภูเขาไปได้ในเวลาสั้น ๆ”“ในทางกลับกัน หากพ่ายแพ้ พวกนอกด่านจะสามารถเข้าสู่แคว้นเทียนเชวียได้โดยไม่มีสิ่งใดขัดขวาง”ดวงตาของฟู่จิ่งหานเป็นประกาย "แม่ทัพใหญ่ฉินก็พูดเช่นนี้"“แต่มหาราชาจารย์เหยียนกลับพยายามขัดขวางอย่างหนัก โดยบอกว่าแม่ทัพใหญ่ฉินเป็นห่วงลูกชายของเขาก็เท่านั้น”“มิได้พิจารณาอย่างยุติธรรม”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว "ตระกูลเหยียนเป็นบ้าไปแล้วหรือ? พวกเขาจะมีประโยชน์อะไรหากพวกนอกด่านบุกแคว้นเทียนเชวีย"ทันทีที่คำพูดออกมาจากปากของเขา ลั่วชิงยวนก็คิดถึงผลประโยชน์ขึ้นมาได้นางหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาส่องประกายเย็นชา“ฟู่เฉินหวนถูกจำคุก หากพวกนอกด่านบุกเข้ามา ตระกูลเหยียนก็สามารถแย่งชิงอำนาจทางทหารจากฟู่เฉินหวนไปได้อย่างมีเหตุอันสมควร และสามารถต่อต้านพวกนอกด่านได้เต็มกำลัง”"นับว่าเป็นแผนที่ชาญฉลาดจริง ๆ"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่จิ่งหานก็ขมวดคิ้ว "มิได้เด็ดขาด!"“หากอำนาจทางทหารทั้งหมดอยู่ในมือของมห
รองเท้าคู่นั้นที่พบในตู้เสื้อผ้าดูเหมือนว่าจะเป็นวัสดุชนิดเดียวกันระดับการสึกหรอของพื้นรองเท้าดูเหมือนที่ด้านในจะสึกหรอมากกว่าเช่นกันมินาน ขันทีหลิวก็จากไปลั่วชิงยวนลุกขึ้นจากพื้นดิน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ นางจึงรีบไปที่สวนด้านหลังเมื่อเปิดประตูเข้าไป ฉากภายในก็ดูเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยผ้าห่มบนเตียงเคยถูกพับไว้ ตอนนี้กลับยุ่งเหยิง ดูเหมือนมีคนเพิ่งนอนที่นี่นางเดินเข้าไปสัมผัสใต้ผ้าห่ม ปรากฏว่ามันยังอุ่นอยู่!ลั่วชิงยวนตกใจมาก ชายคนนั้นอาศัยอยู่ที่นี่งั้นหรือ?นางเปิดตู้เสื้อผ้าออก แต่ภายในตู้เสื้อผ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเพียงแค่ในกาน้ำชาบนโต๊ะมีน้ำร้อนเพิ่มขึ้น และมีถ้วยชาที่ใช้แล้วเพิ่มเข้ามาเท่านั้นเมื่อนึกถึงว่า ขันทีหลิวออกไปจากทางนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาคือคนที่อาศัยอยู่ที่นี่?เขาเป็นคนรักของต่งชูหรือไม่?แต่นั่นมิถูกต้อง แม้ว่าขันทีหลิวจะเป็นขันที แต่เขาก็มิควรอาศัยอยู่ด้านหลังห้องบรรทมของไทเฮาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางก็เริ่มค้นภายในห้องทันทีตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน หวังว่าจะพบเบาะแสเพิ่มเติมสุดท้ายก็พบทางลับอยู่บนเตียง เมื่อเปิดแผ่นไม้ขึ้นมา ด้านล่
“หัวหน้าหมอหลวงมู่ ใบเทียบยาทั้งสองนี้มาจากสำนักหมอหลวงของท่านหรือไม่?”หัวหน้าหมอหลวงมู่มองดูและพยักหน้า “มันเป็นใบเทียบยาที่สำนักหมอหลวงจัดทำขึ้น แต่นี่ดูมิเหมือนกับใบเทียบยาที่ออกตอนตรวจรักษา น่าจะเป็นใบเทียบยาที่ออกในระหว่างการทดสอบตามปกติของสำนักหมอหลวง”“เช่นนั้น หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่จำลายมือในใบเทียบยานี้ได้หรือไม่?”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่ตอบอย่างมิลังเลแม้แต่น้อยว่า "นี่น่าจะเป็นลายมือของเซิ่งไป่ชวน"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง“เป็นเขาหรือ?”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่สับสนมาก "พระชายา ท่านถามเรื่องนี้ด้วยเหตุใด? อีกทั้งใบเทียบยาที่ใช้ในการทดสอบเหล่านี้ก็ควรถูกเก็บไว้ในสำนักหมอหลวง เหตุใดจึงมาอยู่กับท่าน?"“เซิ่งไป่ชวนมิได้ก่อเรื่องอะไรมิดีใช่หรือไม่?”มู่หรูไห่รู้สึกประหม่าเล็กน้อยลั่วชิงยวนเปลี่ยนหัวข้อและถามว่า "ผู้ดูแลสำนักหมอหลวง ข้าขอถามสักคำ ท่านจัดการเจิ้งหวู่เหลียงแห่งสำนักหมอหลวงแล้วหรือยัง?"มู่หรูไห่มีสีหน้าเคร่งขรึม “มิต้องห่วง ข้าจะจะจัดการเอง แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไปลั่วชิงยวนพยักหน้า แล้วนางก็พูดถึงใบเทียบยา นางถามอย่างสงสัย "ผู้ดูแลสำนักหมอหลว
นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก
“กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ
ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้
ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื
ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท
ฟู่เฉินหวนตกใจมองนางด้วยความประหลาดใจก่อนจะตอบว่า “ได้”“หากเจ้าอธิบายได้ชัดเจน ข้ายินดีเชื่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”ได้ยินดังนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยรีบกล่าวทันที “หม่อมฉันชื่อลั่วเหลา แท้จริงแล้วลั่วอิงคืออาจารย์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันตายไปแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของลั่วชิงยวน”“วันรุ่งขึ้นหลังจากวันแต่งงาน ลั่วชิงยวนก็ปลิดชีพตัวเอง หลังจากนั้นร่างนี้ก็มิใช่ลั่วชิงยวนอีกต่อไป แต่เป็นหม่อมฉัน ลั่วเหลา”“หม่อมฉันเป็นชาวแคว้นหลี”“ดังนั้นความสามารถที่หม่อมฉันมีจึงเป็นสิ่งที่ลั่วชิงยวนไม่มี”“เรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นหลี หม่อมฉันก็เพิ่งค้นพบตอนที่ไปเผ่านอกด่าน หลังจากที่อาจารย์ค้นพบความลับนี้ ก็พยายามค้นหาวิธีแก้ไขเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์”“เพราะหากความลับนี้รั่วไหลออกไป จะมีคนมากมายเกิดความโลภ จะทำให้ทั้งใต้หล้าประสบพบความวุ่นวาย เลือดนองแผ่นดิน”“...”ลั่วชิงยวนเล่าความลับทั้งหมดของนางให้เขาฟังโดยมิปิดบังนางรู้สึกว่าคนที่เคยเปิดใจให้กันคงจะมิทรยศกันง่าย ๆตราบใดที่นางจริงใจ มิปิดบังสิ่งใด นางก็จะได้รับการตอบสนองเช่นเดียวกันหลังจากที่นางพูดจบ ฟู่เฉินหวนก็ตกตะลึ
เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว
เมื่อเฉินชีได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินมาที่หน้าต่าง พิงกำแพงพลางกอดอก “เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นใคร?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นักบวชระดับสูง”ดวงตาของเฉินชีลุกโชนด้วยประกายร้อนแรง “อาเหลา ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจจะไปกับข้าแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเย่อหยิ่ง “กลับแคว้นหลีก็ได้ ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”“แคว้นหลีจะมีนักบวชระดับสูงได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”เฉินชียกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างนอบน้อม “อย่าว่าแต่เรื่องเดียวเลย สิบเรื่อง ร้อยเรื่อง เฉินชีก็ยินดีทำเพื่อนักบวชระดับสูงทั้งสิ้น!”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองเขาด้วยแววตาที่ลึกล้ำถึงแม้เฉินชีจะบ้าแต่ก็มิใช้คนโง่เขลา เขาทำอะไรตามอำเภอใจแต่ก็คงมิยอมสยบต่อนางง่าย ๆ เช่นนี้การเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ทำให้นางมิค่อยเชื่อถือ“เจ้าฟังเรื่องที่ข้าจะให้เจ้าทำก่อนค่อยตอบรับก็ยังมิสาย”เฉินชีลุกขึ้นมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย “ท่านนักบวชต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”“ข้าต้องการให้เจ้ายกทัพไปตีซีหลิง”“แต่ห้ามสู้รบกันจริง ๆ ห้ามทำร้ายราษฎร”เฉ
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ