ลั่วชิงยวนตกตะลึงเมื่อคืนเขาตื่นขึ้นจริง ๆ มิใช่ล้มลงกับพื้นโดยไม่มีเหตุผล“เมื่อคืนนี้เจ้า!” ลั่วชิงยวนตกใจสุดขีดเสวี่ยชวนเฟิงยิ้มและพูดว่า “เมื่อคืนข้าตื่นแล้ว แต่น่าเสียดายที่ยาแรงเกินไป ข้าจึงล้มลงทันที”“แต่ข้าก็เห็นว่าห้องนั้นเปิดอยู่ และเจ้าก็อยู่ในนั้น”ลั่วชิงยวนหน้าถอดสี จ้องเขาอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าต้องการอะไร?!”เสวี่ยชวนเฟิงนั่งบนเก้าอี้ รินเหล้าให้ตัวเองอย่างใจเย็น จิบช้า ๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ท่านอ๋องมิอยู่ในเมืองซีหยาง บอกข้าทีสิ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับท่าน ท่านจะยังเป็นพระชายาอ๋องได้อยู่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนตะคอกอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หากเป็นเช่นนั้น เจ้าคิดว่าเจ้าจะยังมีชีวิตรอดได้หรือไม่?”“เมื่อเทียบกับข้าที่มีฐานะเป็นถึงพระชายาอ๋อง คนแรกที่ฟู่เฉินหวนจะฆ่าก็คือเจ้า!”เสวี่ยชวนเฟิงพูดอย่างใจเย็น “นั่นเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จำเป็นต้องทำเท่านั้น”“เพียงท่านบอกข้าว่า ในห้องลับนั้นมีอะไร และไม่ว่าท่านและท่านอ๋องจะมาที่ซีหยางเพื่อตรวจสอบสมาคมการค้าเฟิงตูหรือไม่ ร่วมมือกับข้า แล้วข้าจะมิทำอะไรท่าน”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจเล็กน้อยและเอ่ยถาม
โชคดีที่เมื่อคืนเขาตื่นขึ้นมาโดยบังเอิญ และเห็นว่าห้องที่มีเพียงเฉินซวนอี๋เข้าไปได้เท่านั้นถูกเปิดออก ทั้งร่างกายของเขายังอ่อนแรง เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาถูกลั่วชิงยวนวางยา เขารู้ว่าลั่วชิงยวนนั้นมิใช่เพียงสตรีธรรมดาอย่างที่ตาเห็นเขาจึงคิดอยู่นานและในที่สุดก็เปลี่ยนแผนเมื่อลั่วชิงยวนเข้าไปในห้องลับได้ แปลว่าต้องได้หลักฐานมาแล้ว สมาคมการค้าเฟิงตูต้องพินาศลง วิธีเดียวที่เขาคิดได้คือปกป้องตัวเองเท่านั้นนั่นเป็นเหตุผลที่เขาเสี่ยงที่จะวางยาลั่วชิงยวน หวังจะบังคับให้อีกฝ่ายร่วมมือกับเขาแต่สิ่งที่เขามิคาดคิดก็คือ เขาทำอะไรลั่วชิงยวนมิได้เลยทั้งสองทานอาหารมื้อนั้นร่วมกันเสร็จ พูดคุยพลางหัวเราะแล้วออกจากโรงเตี๊ยมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองยังคงเป็นเช่นปกติ และเนื่องจากทั้งสองสมคบคิดกันเรื่องอื่น เพื่อมิให้คนอื่นในสมาคมการค้าเฟิงตูต้องสงสัย ลั่วชิงยวนจึงลงทุนในสมาคมการค้าเฟิงตูอีกสามหมื่นตำลึงภายในสองวันติดต่อกันผู้คนจากสมาคมการค้าเฟิงตูรู้สึกว่านางยังมีค่า ดังนั้นพวกเขาจึงอนุญาตให้แผนของเสวี่ยชวนเฟิงดำเนินการต่อไปเสวี่ยชวนเฟิงรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้แก่นาง และเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำห
ลั่วชิงยวนหยิบเศษกระดาษทั้งหมดออกมาดู และพบว่ามีข้อความเดียวกันนี้เขียนไว้ และนางมิได้เป็นคนเขียน แต่คนคนนั้นกำลังเลียนแบบลายมือของนาง!และลอกเลียนได้คล้ายมากนางค่อย ๆ ปะติดปะต่อและวิเคราะห์เนื้อหาที่เขียนในเอกสารเหล่านี้เช่นนั้นเอง ผลลัพธ์ที่นางได้จากปะติดปะต่อกัน ทำให้นางเสียวงสันหลังวาบ“หม่อมฉันจัดการเรื่องต่าง ๆ เกือบเสร็จแล้ว จะไปเจอท่านที่หมู่บ้านปี้หลิ่งในวันพรุ่ง”หมู่บ้านปี้หลิ่ง?จู่ ๆ หนังศีรษะของลั่วชิงยวน ก็ชาไป ชายคนนั้นไปที่หมู่บ้านปี้หลิ่ง เพื่อตามหาฟู่เฉินหวน! แถมยังแกล้งทำเป็นนางอีกด้วย!ฟู่เฉินหวนตกอยู่ในอันตราย!ลั่วชิงยวนรีบจัดการทุกอย่างให้กลับสู่สภาพเดิมทันที นางหันหลังกลับและวิ่งออกจากห้องลับไปขณะที่ปัดขี้เถ้าธูปบนโต๊ะ เสวี่ยชวนเฟิงก็เข้ามา เมื่อเห็นนางรีบร้อน เขาก็อดมิได้ที่จะถามขึ้นว่า “ท่านเห็นอะไรในห้องลับหรือ?”ลั่วชิงยวนเดินตรงออกไป “ข้าจะออกจากเมืองซีหยางสักสองสามวัน เจ้าระวังตัวด้วย”เสวี่ยชวนเฟิงขมวดคิ้ว “มีอะไรอยู่ในห้องลับกันแน่? ขอข้าเข้าไปดูได้หรือไม่?”ลั่วชิงยวนพูดอย่างเย็นชา “เจ้าเข้าไปมิได้ มิเช่นนั้นเจ้าต้องตาย”บุคคลนั้นน่าจะอ
ฟู่เฉินหวนพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เซียวชู เช่นนั้นเจ้ารอพวกเราอยู่ข้างนอกเถอะ”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องและพระชายา โปรดระวังตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”จากนั้นเซียวชูซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ เพื่อให้สามารถสังเกตสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น แต่เขารู้สึกแปลกใจมากกว่า คืนนี้พระจันทร์สว่างมาก แต่ในป่านี้กลับมืดผิดปกติราวกับว่ามีอะไรบางอย่างบดบังสายตาของเขา ทำให้มองเห็นมิชัดเจน......ลั่วชิงยวนใช้ไม้ค้ำพยุงตัวตลอดทางที่ปีนเขา หอบหายใจถี่ แต่มิกล้าหยุดแม้แต่วินาทีเดียวในที่สุดก็ปีนขึ้นไปได้ครึ่งทาง กลิ่นที่คุ้นเคยก็พัดมากระทบใบหน้า ดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชาและมองไปที่ป่าข้างหน้า เห็นได้ชัดว่าแสงสลัวลงมากหมอกพิษอีกแล้ว!ลั่วชิงยวนกินโอสถหนึ่งเม็ด ก่อนจะเดินเข้าไปในป่าสลัวหลังจากเดินเข้าไปในป่าได้สักพัก นางก็พบว่าทิวทัศน์โดยรอบแทบจะมิเปลี่ยนแปลง และนางกำลังเดินเป็นวงกลมมีวงแหวนแห่งเวทตั้งอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นขึ้นไปจริง ๆ! ดูเหมือนว่าฟู่เฉินหวนและคนอื่น ๆ จะอยู่ข้างหน้าแล้ว!ลั่วชิงยวนหยิบเข็มทิศออกมาทันที หลับตาและท่องคาถาในใจอย่างเงียบ ๆ จากนั้นลืมตาขึ้นอีกครั้ง และเข็มทิศก็หม
“ก่อนหน้ามิได้เป็นเช่นนี้” เซียวชูรู้สึกรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากสิ่งที่ลั่วชิงยวนเห็นคือกลิ่นอายของศพกองเป็นภูเขาที่ปกคลุมทั่วทั้งหมู่บ้าน อีกทั้งเข็มทิศก็ยังสั่นอย่างรุนแรง“เจ้ารอช่วยเราอยู่ตรงนี้ หาทางรวบรวมคนของเจ้ามาให้หมด ข้าจะผิวปากให้สัญญาณ หากเจ้าได้ยินเสียงผิวปากยามใด ก็เข้ามารับพวกเรา!”หลังจากที่ลั่วชิงยวนพูดจบก็พุ่งเข้าไปข้างในทันทีเซียวชูคว้าตัวนางแล้วพูดว่า “พระชายา ท่านจะเข้าไปคนเดียวหรือ? หมู่บ้านนี้ดูแปลกประหลาดมาก ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายเกินไปขอรับ”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “หากไม่มีใครพบเรา เราก็จะออกไปจากที่นี่มิได้! เจ้าฟังข้า รีบรวบรวมคนให้เร็วที่สุด เร็วเข้า”จากนั้นลั่วชิงยวนก็มอบขวดยาให้เขาอีกขวด "เมื่อคนอื่น ๆ มาถึงแล้ว ให้แต่ละคนกินคนละหนึ่งเม็ด"เซียวชูพยักหน้า “เช่นนั้นพระชายาโปรดระวังด้วยขอรับ!”......หมู่บ้านตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีพื้นที่ราบต่ำ ตอนนี้แสงสีแดงทอประกายทั่วหมู่บ้าน ทำให้หมู่บ้านถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานลั่วชิงยวนเดินลงไปตามทางลาดและเข้าไปในหมู่บ้าน เสียงดนตรีอันสนุกสนานดังก้องไปถึงหูของนางนางสะดุ้งเล็กน้อย ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาแหล่งที่มาขอ
ลั่วชิงยวนรีบตามไปที่หน้าต่าง ด้านหลังเป็นป่าอันมืดมิดถึงขนาดที่มองมิเห็นแม้แต่ฝ่ามือของตัวเอง นางจึงหยุดฝีเท้าลงลั่วฉิง นั่นคือลั่วฉิงจริง ๆ!นางมาที่แคว้นเทียนเชวียตั้งแต่เมื่อใด?ลั่วชิงยวนมาที่เตียงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน มองไปยังฟู่เฉินหวนที่ไร้ความรู้สึก นางอดมิได้ที่จะกระชับกริชจันทร์เสี้ยวในมือลั่วฉิงพูดถูก หากนางมิฆ่าฟู่เฉินหวน เมื่อตื่นขึ้น ฟู่เฉินหวนจะต้องฆ่านางอย่างแน่นอน! เพราะลั่วฉิงได้ใช้กู่ผูกจิตเพื่อควบคุมเขาไว้แล้วลั่วฉิงขอให้ฟู่เฉินหวนฆ่านาง และฟู่เฉินหวนจะมิลังเลเลยนางยืนอยู่ข้างเตียงสักพักทันใดนั้นก็มีเสียงระฆังเงินอยู่ข้างนอก และจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายตามมา คิ้วของลั่วชิงยวนก็เลิกขึ้น ชาวบ้านพวกนั้น...ลั่วชิงยวนคิดว่าท่ามิดี นางจึงช่วยฟู่เฉินหวนบนเตียงและพาเขาออกไปอย่างมิลังเลทันทีที่ออกจากประตูไป ชาวบ้านหลายคนก็เดินเข้ามาจากประตูรั้ว พวกเขาแยกเขี้ยวยิงฟันและท่าทางแข็งทื่อหัวใจของลั่วชิงยวนบีบรัด รีบพาฟู่เฉินหวนข้ามกำแพงไปทันที แต่ที่นอกกำแพงก็มีชาวบ้านยืนอยู่ด้วยทันทีที่ได้ยินเสียงและได้กลิ่น พวกเขาก็มาพุ่งตามมาทันทีลั่วชิงยวนกระชั
หลังถูกดึงออกจากกลุ่มปีศาจโอสถ ลั่วชิงยวนก็ถูกพาเข้าไปในห้องเก็บฟืนทันทีที่ลงพื้น สีหน้าของลั่วชิงยวนก็เปลี่ยนไป นางพุ่งเข้าแทงฟู่เฉินหวนด้วยกริชจันทร์เสี้ยวในมือฟู่เฉินหวนตกใจและหลบไปทันทีลั่วชิงยวนคิดว่าฟู่เฉินหวนถูกควบคุมโดยลั่วฉิง และได้รับคำสั่งให้ฆ่านางแล้วอย่างไรก็ตาม ฟู่เฉินหวนก็มีทักษะสูงเช่นกัน เขาควบคุมลั่วชิงยวนและตรึงนางลงบนกองหญ้าได้ภายในพริบตาเขาคว้ากริชจันทร์เสี้ยวจากมือของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังฟู่เฉินหวนกดนางลง มองกริชจันทร์เสี้ยว ก่อนมองนางอย่างลึกซึ้ง “นี่เจ้าคิดจะฆ่าสามีของตัวเองเชียวหรือ?”จู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็สะดุ้งและมองดูเขาด้วยสายตาว่างเปล่าสีหน้าเช่นนี้ ดูมิเหมือนว่าเขาถูกควบคุมเลย“นี่ท่าน......”ฟู่เฉินหวนจับมือของนางยกขึ้นเหนือศีรษะ โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “หากเจ้าต้องการฆ่าข้า เหตุใดมิฆ่าเสียตั้งแต่ในห้องนั้น ตอนนี้มันสายไปแล้ว”ลั่วชิงยวนมองใบหน้าและดวงตาลึกซึ้งของเขา หัวใจเต้นแรง หัวใจของนางเต้นแรง “ท่านมิได้ถูกควบคุมหรอกหรือ?”ฟู่เฉินหวนกางฝ่ามือออกแล้วถามขึ้นว่า “นี่คือกู่ผูกจิตใช่หรือไ
”เช่นนั้นก็ได้”“ปีศาจโอสถพวกนั้นมีประสาทรับกลิ่นและประสาททางการได้ยินที่แข็งแกร่ง กลั้นหายใจและเดินเบา ๆ จะดีที่สุด!”ทั้งสองยืนอยู่ที่ประตูฟู่เฉินหวนกำลังจะเปิดประตูห้องเก็บฟืนในมิช้า“เจ้าพร้อมหรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้าฟู่เฉินหวนจับมือของนางแล้วเปิดประตูห้องเก็บฟืนออกไปทั้งสองวิ่งออกจากห้องเก็บฟืน มองหน้ากันแล้วกลั้นหายใจ จากนั้นทะยานขึ้นไปบนหลังคาพลันลอยตัวออกไปนอกหมู่บ้านเซียวชูและคนของเขากำลังรออย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็เห็นร่างสองร่างพุ่งเข้ามา และตื่นตัวทันที“นั่นท่านอ๋องและพระชายา!”เมื่อยืนยันได้ว่านั่นคือฟู่เฉินหวนและลั่วชิงยวน เซียวชูก็พูดขึ้นอย่างโล่งใจว่า “ท่านอ๋องและพระชายามิได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ท่านบอกให้เราเตรียมลงไปรับมิใช่หรือ?"ลั่วชิงยวนมองเขากลับไปแล้วพูดว่า “หากเจ้าเข้าไปในหมู่บ้าน เราจะยิ่งออกจากหมู่บ้านยากขึ้นไปอีก”“เกิดอะไรขึ้นข้างล่างนั่นหรือขอรับ?” เซียวชูอยากรู้เป็นอย่างมาก“กลับไปยังค่ายพักแรมของเราก่อน รุ่งสางมาถึงเมื่อใดเราค่อยกลับมากันอีกครั้ง”พวกเขาจึงไปที่ค่ายพักแรมที่พวกเขาได้จัดเตรียมไว้และพักค้างคืนกัน
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน
คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย
“ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ
“แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า