เขาไม่ใช่หมอหลวง!เมื่อวานนางเห็นเขาที่ลานตำหนักของเหยียนหน่ายซิน!การแสดงออกของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป นางกระโดดลงจากรถวิ่งไปที่รถม้าข้างหน้า และเข้าไปในรถม้าของฟู่อวิ๋นโจวทันที หมอหลวงปลอมนั่งข้างเขา ในมือถือถาดขนมหวานเอาไว้ ขณะที่ฟู่อวิ๋นโจวก็ถือชามน้ำแกงไว้ในมือและกำลังจะดื่มมันเมื่อเห็นการบุกรุกอย่างกะทันหันของนาง เขาก็ตกใจเล็กน้อย“ท่านเสวยมิได้!” ลั่วชิงยวนยกมือขึ้นทันทีและปัดชามยาในมือของฟู่อวิ๋นโจวใบหน้าของหมอหลวงปลอมที่อยู่ด้านข้างเปลี่ยนไป ประกายเย็นชาแวบขึ้นมาใต้แขนเสื้อของเขา และกริชก็พุ่งเข้าแทงลั่วชิงยวนทันทีลั่วชิงยวนถูกบังคับให้ล่าถอยและกระโดดลงจากรถม้าหมอหลวงปลอมโฉบเข้ามา กริชในมือของเขาคมมากลั่วชิงยวนพาเขาลงไปที่พื้นเพื่อให้อีกฝ่ายอยู่ห่างจากฟู่อวิ๋นโจว หลังจากหลบหนีไปได้สองก้าว นางก็หันกลับมาและเริ่มต่อสู้กับหมอหลวงปลอมทันทีแต่ในขณะนี้ จู่ ๆ ชายอีกคนที่แต่งตัวเป็นขันทีก็บินเข้ามาและลอบโจมตีลั่วชิงยวนที่ด้านหลัง สีหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบหลบหนีในขณะนี้ มีร่างหนึ่งบินเข้ามาเตะขันทีที่กำลังย่องเข้ามาด้วยลูกเตะอันทรงพลัง“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”
ดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นชา “นางมิตายหรอก มีดมิได้แทงลึกเสียหน่อย”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ฟู่อวิ๋นโจวก็ประหลาดใจ แต่แล้วก็พยักหน้า “ดีแล้ว มิเช่นนั้นเสด็จพี่จะต้องรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกับนางเป็นแน่”“นี่มิใช่ติดเป็นหนี้บุญคุณแล้วหรือ?” ลั่วชิงยวนเหลือบมองรถม้าที่อยู่ข้างหลังหมอหลวงกำลังรักษาผู้ป่วยในรถม้า และฟู่เฉินหวนนั่งอยู่นอกรถม้า โดยให้ความสนใจกับสถานการณ์ภายในอย่างประหม่าลั่วชิงยวนมองออกไปเพียงเล็กน้อย และไม่ได้มองไปอีกเลยรถม้าค่อย ๆ เคลื่อนไปยังเมืองหลวง หลังจากนั้นทุกอย่างก็สงบไปตลอดทางในที่สุดพวกเขาก็ถึงเมืองหลวงโดยสวัสดิภาพเนื่องจากลั่วเยวี่ยอิงได้รับบาดเจ็บ ฟู่เฉินหวนจึงพานางไปที่ตำหนักอ๋อง แทนที่จะส่งนางกลับไปที่จวนอัครเสนาบดีแต่ฟู่เฉินหวนเพิ่งบอกให้ซูโหยวดูแลนางหมอหลวงหลายคนได้รับเชิญให้มาที่นี่และฟู่เฉินหวนก็ไปที่วังหลวงอีกครั้ง อย่างไรก็มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียนที่ต้องรายงาน สิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็นการตัดสินโทษของเหยียนหน่ายซินแต่ก็ยากที่จะบอกว่านี่จะสร้างปัญหาให้กับตระกูลเหยียนได้หรือไม่ ท้ายที่สุดแล้ว ยังมีไทเฮาอยู่ทั้งคนฟู่อ
ฟู่เฉินหวนมิโกรธ และตอนนี้เขาอดทนกับลั่วชิงยวนได้มากขึ้น“ข้ามิได้ขู่เจ้า ข้าแค่คุยกับเจ้า”“ลั่วเยวี่ยอิงจะอยู่ในตำหนักเราไปสักพักจนกว่าอาการบาดเจ็บของนางจะหาย แล้วข้าจะช่วยฉินเชียนหลี่ให้เอง นี่เป็นเพียงข้อตกลง”ลั่วชิงยวนกำมือแน่น แต่แล้วก็ปล่อยไป“ได้”ฟู่เฉินหวนตัดสินใจปล่อยให้ลั่วเยวี่ยอิงอาศัยอยู่ในตำหนักของเขานางคัดค้านไปก็ไม่มีประโยชน์เนื่องจากเขาเต็มใจที่จะใช้เงื่อนไขนี้เพื่อแลกกับการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของลั่วเยวี่ยอิงในตำหนักอ๋อง นางยอมได้เพื่อแลกกับงบประมาณที่ฉินเชียนหลี่ต้องการ…… สิ่งที่ทำให้ลั่วชิงยวนตกใจคือพวกเขามาถึงพระตำหนักโช่วสี่จริง ๆไทเฮากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองไปยังลั่วชิงยวนที่กลับมาได้อย่างปลอดภัย“ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้พระชายาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ตัวข้าเตรียมยาสมานแผลมาให้เจ้าเป็นพิเศษ”จากนั้นจินซูก็ยื่นยาสมานแผลให้ลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนรับมา “ขอบพระทัยเพคะ ไทเฮา”“วันนี้ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่เพราะว่าข้าต้องการชี้แจงอะไรบางอย่าง เชิญนั่งก่อน”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนก็นั่งลงมีเก้าอี้อยู่สองสามตัวตรงข้าม แต่ไม่มีใครมาหลั
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงนางเห็นองครักษ์เดินเข้ามา ก่อนจะดึงดาบออกจากฝักโม่เชียนคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า ความกลัวตายทำให้เขาตัวสั่นอย่างควบคุมมิได้อย่างไรก็ตาม ดวงตาของเหยียนหน่ายซินดูดุร้าย นางหยิบดาบออกจากมือขององครักษ์และพูดอย่างหนักแน่น “เขาสมควรตายจริง ๆ หม่อมฉันจะฆ่าเขาด้วยมือของหม่อมฉันเอง!”ทันทีที่นางพูดจบ ดาบยาวก็แทงเข้าที่ร่างของโม่เชียนโดยมิลังเลใจเมื่อนางแทงด้วยดาบหนหนึ่ง ก็เกิดกลัวว่าเขาจะมิตาย ดังนั้นนางจึงแทงด้วยแรงที่มากขึ้น เจาะเข้าไปในร่างของโม่เชียนปากของโม่เชียนมีเลือดออกอย่างหนัก เขามองไปยังสตรีที่หมายแทงเขาจนตายด้วยความตกใจ สตรีที่เขารักมากที่สุด สตรีที่เขาเต็มใจจะตายเพื่อนาง ในขณะนี้ ไม่มีความลังเล ไม่มีความเจ็บปวด และมีเพียงความโหดร้ายในสายตาที่เย็นชาของนางเท่านั้นเมื่อเห็นการกระทำที่เด็ดขาดของเหยียนหน่ายซิน ไทเฮาก็ตกใจเช่นกัน แต่แล้วนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ลากศพเขาออกไป” ไทเฮาสั่งอย่างเย็นชาศพถูกลากออกไป เหยียนหน่ายซินไม่แม้แต่จะมอง นางโยนดาบเปื้อนเลือดในมือทิ้ง สีหน้ามิเปลี่ยนไปแม้แต่น้อยลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเ
ลั่วชิงยวนสะดุ้งและเงยหน้าขึ้นเพื่อพบกับดวงตาที่ประหลาดใจและตกตะลึงของฟู่เฉินหวน"เจ้า..."ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างเย็นชา หันหลังกลับและจากไปฟู่เฉินหวนตามไปทันอย่างรวดเร็ว “เจ้าได้ยินทุกอย่างหรือ?”ลั่วชิงยวนหยุดและมองดูเขา “ท่านได้บรรลุข้อตกลงกับไทเฮาแล้ว และยังต้องการใช้เรื่องนี้ตั้งเป็นเงื่อนไขกับหม่อมฉันอีกหรือ”“ฟู่เฉินหวน ท่านคิดว่าทุกสิ่งในใต้หล้าอยู่ภายใต้การควบคุมของท่านเช่นนั้นหรือ?”นางถูกฟู่เฉินหวนหลอกใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นเพียงเบี้ยในมือของเขา ความห่วงใยเป็นครั้งคราวที่แสดงออกมานั้นมีแต่นางเท่านั้นที่จริงจังเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ฟู่เฉินหวนจึงดึงลั่วชิงยวนไปที่มุมถนนแล้วอธิบายว่า “นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้! สิ่งที่เหยียนหน่ายซินพูดมีแต่เจ้าเท่านั้นที่ได้ยิน ไม่มีใครเป็นพยานยืนยันเรื่องนี้ได้!”“เหยียนหน่ายซินอาจมิถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิ แต่จะยิ่งทำให้นางต้องโทษเรื่องที่ใส่ความเจ้าได้ง่ายขึ้น!”“นี่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้เงื่อนไขที่จำกัด!”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยความตกใจและขมวดคิ้วมุ่น “ท่านอ๋องมิทราบด้วยซ้ำว่าหม่อมฉันโกรธเ
ในช่วงบ่าย จือเฉากลับมาเพื่อแจ้งข่าว“พระชายา บ่าวไปสอบถามมาแล้วเจ้าค่ะ ที่เหยียนหน่ายซินมิอาจขึ้นเป็นฮงเฮาได้อีกต่อไปเป็นเรื่องจริง แต่ตระกูลเหยียนมิได้รับการลงโทษไปด้วย มีเพียงเหยียนหน่ายซินที่ต้องรับผลของการกระทำ”“เรื่องก็จบลงไปเช่นนั้น”ลั่วชิงยวนก็เดาผลลัพธ์นี้ไว้แล้วเช่นกันตั้งแต่วินาทีที่นางได้ยินเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างฟู่เฉินหวนและไทเฮา นางก็รู้ดีว่าเรื่องนี้จะจบลงเช่นนั้นในไม่ช้า สิ่งของของไทเฮาที่มอบให้เป็นการชดเชยนางก็ถูกส่งมอบมาทีละชิ้นทองคำหนึ่งร้อยตำลึง อีกทั้งยังมีเครื่องยาสมุนไพรและผ้าไหมจำนวนมากขณะที่ผู้คนของวังหลวงจากไป แม่ทัพใหญ่ฉินและฉินเชียนหลี่ก็มาเยี่ยมเยียนด้วย“พระชายา ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าได้พบเครื่องยาสมุนไพรล้ำค่าบางอย่างมา มันน่าจะมีผลอย่างน่าอัศจรรย์ต่ออาการบาดเจ็บของเจ้า”แม่ทัพใหญ่ฉินถือบางอย่างมาให้นางอย่างกระตือรือร้นจือเฉารับไปอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนยิ้มและพูดว่า “ขอบใจท่านมาก แม่ทัพใหญ่ฉิน”“โธ่ ขอบใจเรื่องใด ข้าสิที่อยากจะขอบคุณเจ้า! พระชายาเป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ข้ารู้เรื่องที่เจ้าถูกเหยียนหน่ายซิน
ถูกฆ่าด้วยมือของนางเอง!“เจ้าเห็นชัดเจนหรือว่าหมอกู้กลับมาแล้ว” ลั่วชิงยวนเปิดปากเพื่อยืนยันนางรับใช้พยักหน้า “เป็นท่านหมอกู้ ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ”คิ้วของลั่วชิงยวนเลิกขึ้นหมอกู้? จะเป็นหมอกู้ได้อย่างไรกัน?หมอกู้ตายไปแล้ว!“อื้ม ข้าเข้าใจแล้วลั่วชิงยวนรู้สึกกังวลใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีคนปลอมเป็นหมอกู้ และเข้ามาในตำหนักเพื่อสังหารฟู่อวิ๋นโจว?เรื่องของเหยียนหน่ายซินยุติลงแล้ว มิจำเป็นต้องฆ่าฟู่อวิ๋นโจวแล้วมิใช่หรือ?ยิ่งคิดถึงมันมากเท่าไร นางก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นเท่านั้นนางเร่งฝีเท้าแล้ววิ่งไปยังเรือนทักษิณาทันทีที่เขารีบเข้าไปในเรือนทักษิณา เขาเห็นด้านหลังของชายคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดใบไม้ที่ร่วงอยู่ในลานบ้าน เขาสวมชุดของหมอกู้และรูปร่างของเขาค่อนข้างคล้ายกับของหมอกู้อีกด้วยดูเหมือน… จะเป็นหมอกู้จริง ๆ หรือ?“องค์ชายห้า? องค์ชายห้า?” ลั่วชิงยวนตะโกนหลายครั้งร่างที่กวาดพื้นชะงักไปเล็กน้อยในเวลานี้ ฟู่อวิ๋นโจวออกมาจากห้อง ใบหน้าซีดเซียวของเขาเต็มไปด้วยความกลัว และเขาก็ส่ายหน้าให้นางส่งสัญญาณมิให้นางไปที่นั่นเมื่อลั่วชิงยวนเห็นการแสดงออกของฟู่อวิ๋นโจว นางก็ร
ลั่วชิงยวนหันหลังเดินจากไปคืนนี้นางจะมาที่นี่เพื่อดูให้รู้ว่าเขาเป็นคนหรือผีกันแน่!หลังจากก้าวออกไปนางบังเอิญไปพบกับฟู่เฉินหวนที่ลานตำหนัก เมื่อฟู่เฉินหวนรู้ว่าหมอกู้กลับมาแล้ว เขาก็เอ่ยปากสั่งทันที “หมอกู้กลับมาได้ทันเวลาพอดี รีบไปแจ้งให้เขามาตรวจดูอาการบาดเจ็บของลั่วเยวี่ยอิงเร็วเข้า”ต้องการให้หมอกู้ที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนหรือผี มารักษาอาการบาดเจ็บของลั่วเยวี่ยอิงงั้นหรือ?เดิมทีนางอยากจะบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหมอกู้แต่หลังจากคิดดูแล้วนางก็เปลี่ยนใจ ลั่วเยวี่ยอิงจะอยู่หรือตายล้วนมิเกี่ยวอันใดกับตนจะได้ดูด้วยว่าหมอกู้มีทักษะทางการแพทย์หรือไม่ดังนั้น หลังจากที่นางรับใช้ไปเชิญหมอกู้มาแล้ว ลั่วชิงยวนก็เข้าไปในห้องด้วยลั่วเยวี่ยอิงนอนอยู่บนเตียงดูอ่อนแอเป็นอย่างมาก “พี่หญิง ท่านมาทำอะไรที่นี่?”ลั่วชิงยวนยืนพิงเตียง สังเกตทุกการเคลื่อนไหวของหมอกู้อย่างมิวางตา “มาดูว่าเจ้าจะตายหรือไม่ไงเล่า”ขณะที่ฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาลั่วเยวี่ยอิงก็เริ่มไอหนักขึ้นทันทีฟู่เฉินหวนหันหน้าไปมองไปลั่วชิงยวน สีหน้าของเขาเปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจลั่วชิงยวนเหลือบมองเขาเบา ๆ แล้วมองไปทางอ
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปในทันที“กระหม่อมเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ โปรดอภัยให้กระหม่อมที่มิสามารถทำตามพระบัญชาได้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงผู้นี้ชอบเฉินชี หากเขาติดตามองค์หญิงไปก็คงจะได้พบกับเฉินชีเป็นแน่ มิหนำซ้ำ เกาเหมียวเหมี่ยวก็ช่วยเขาฆ่าเฉินชีมิได้เมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกครั้ง สีหน้าของเกาเหมียวเหมี่ยวจึงดูมิดีนักฉินอี้จึงต้องก้าวออกมา “เหมียวเหมี่ยว คนที่คอยคุ้มครองเจ้ายังมิพออีกหรือ?”“ข้างกายพี่ใหญ่มีองครักษ์คนนี้อยู่เพียงคนเดียว เจ้าอย่าแย่งเขาไปเลย”สีหน้าของฉินอี้ดูเหมือนคนจนใจน้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวก็มิกล้าที่จะบังคับอีก นางตอบอย่างมิพอใจว่า “ก็ได้”“รอจนกว่าท่านจะมิต้องการเขาแล้ว ค่อยให้หม่อมฉันก็แล้วกัน”“หม่อมฉันค่อนข้างชอบเขา”เกาเหมียวเหมี่ยวพูดพลางมองฟู่เฉินหวน บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับเฉินชีมิใช่หน้าตาที่เหมือน แต่เป็นอารมณ์เย็นชาหยิ่งผยองและความกล้าหาญที่จะปฏิเสธนางโดยมิแม้แต่จะเสียงสั่นในเมื่อยังมิสามารถทำให้เฉินชีสยบต่อนางได้ในเร็ววัน การ
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์”กล่าวจบ เขาก็พาฟู่เฉินหวนเดินไปทว่าระหว่างทางกลับพบเกาเหมียวเหมี่ยวเดินสวนมาพอดีฉินอี้เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยถาม “เหมียวเหมี่ยว อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”เกาเหมียวเหมี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บาดแผลเพียงเท่านี้คร่าชีวิตหม่อมฉันมิได้หรอก อีกอย่าง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานยาให้หม่อมฉันมากมาย มิเจ็บปวดแผลแล้ว”ฉินอี้พยักหน้า “บาดแผลของเจ้าหายเร็วได้เช่นนี้ก็เพราะกินน้ำแกงโสมมังกรมาตลอด เจ้าต้องกินทุกวันตามเวลา ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น!”“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ดวงตาเป็นประกายน้ำแกงโสมมังกรหรือ?เป็นโสมมังกรชนิดเดียวกับที่หมอหลวงมู่ให้เขากินหรือไม่?สิ่งนี้แม้แต่หมอหลวงมู่ก็มีเพียงชิ้นเดียว มิเคยพบเห็นชิ้นที่สองแต่องค์หญิงแห่งแคว้นหลีกลับได้กินทุกวันเลยหรือ?เขาอดสงสัยมิได้ว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีเลยมิใช่หรือ?เปลวไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นในใจของฟู่เฉินหวนฉินอี้เดินจากไปแล้ว แต่ฟู่เฉินหวนยังคงยื
ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างใจเย็น “องค์ชายใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรกันแน่!”วันนั้นในคุกใต้ดิน เกือบจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้นของลั่วชิงยวนแล้วแต่กลับถูกเฉินชีขัดจังหวะเสียก่อนหลังจากกลับไป เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาอาจมิใส่ใจเรื่องราวในอดีตได้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา! เขาจะมิใส่ใจคงมิได้!ลั่วชิงยวนกลับยกยิ้ม “องค์ชายใหญ่เชื่อจริงจังเลยหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันเพียงต้องการเอาชีวิตรอด จึงพูดจาเหลวไหลไปเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างมองนางด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่ากระไรนะ?!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมฉันมิอยากพูดซ้ำสอง”ฉินอี้โกรธจนอยากจะลงมือ แต่ก็อดกลั้นไว้ เขาไม่มีทางต่อกรกับลั่วชิงยวนได้สุดท้ายก็ได้แต่จากไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นฉินอี้จากไป เงาร่างที่แอบฟังอยู่ก็รีบจากไปเช่นกันอาการของฉินอี้นั้นมีสาเหตุจริง แต่เรื่องนี้ยังมิอาจบอกให้ฉินอี้รู้ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่หากพูดออกไป ปัญหาที่นางจะต้องเผชิญจะมิใช่เพียงเรื่องรา
อวี๋โหรวพยักหน้า รีบเช็ดน้ำตา “ขอบคุณ”ลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสถามอวี๋โหรว “อันที่จริงข้าสงสัยเรื่องนักบวชระดับสูงคนก่อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร?”อวี๋โหรวตกใจเล็กน้อยคาดเดาในใจว่าลั่วชิงยวนคงสอบถามเรื่องนี้เพราะเฉินชีเพราะว่าเฉินชีก็มีใจให้ลั่วเหลาเช่นเดียวกันนางอธิบาย “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางตายอย่างไร”“วันนั้นนางบำเพ็ญเพียรอยู่ที่หอเทียนฉี วันรุ่งขึ้นเมื่อมีคนมาพบก็เหลือเพียงโลหิตกองเต็มพื้น”“บนพื้นยังมีร่องรอยการลากศพด้วย”“แต่ส่งคนออกไปตามหาศพตั้งมากมายก็หามิพบ”“เฉินชีแทบจะพลิกทั่วทั้งวัง แทบจะคลุ้มคลั่งสังหารคนในสำนักนักบวชไปเสียสิ้น”“ยังดีที่จักรพรรดิทรงนำราชองครักษ์เกราะเหล็กมาด้วยพระองค์เอง จึงสามารถควบคุมตัวเฉินชีไว้ได้”“เรื่องการตายของนักบวชระดับสูงนั้นมีการสืบสวนอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ เบาะแสทั้งหมดหยุดอยู่ที่หอเทียนฉี”“นอกหอเทียนฉีไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ”“นานวันเข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไป”ตามคำบอกเล่าของอวี๋โหรว ลั่วชิงยวนก็หวนนึกถึงคืนนั้นหอเทียนฉีเป็นสถานที่ที่นักบวชระดับสูงจะท
อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่
ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว
จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั
“ดังนั้น...”“เรื่องเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งหรือสองครั้ง”“นักบวชระดับสูงไว้วางใจนาง ข้าก็ทำได้เพียงทนรับมือ เมื่อก่อนยังพอขัดขืนได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็เลิกขัดขืนเพราะเสียแรงเปล่า”น้ำเสียงของอวี๋โหรวราบเรียบ ทว่าลั่วชิงยวนได้ฟังแล้วกลับรู้สึกหดหู่ใจ“เป็นเช่นนี้มานานแล้วหรือ? กี่ปีแล้ว?”หรือว่าในตอนที่นางยังอยู่ อวี๋โหรวต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องเหล่านี้?อวี๋โหรวกลับส่ายหน้า “ข้าก็จำมิได้แล้วว่ากี่ปี”“อาจารย์ของข้าจากไปเสียนานแล้ว ไม่มีผู้ใดคอยช่วยเหลือข้า”“ดังนั้นข้าจึงต้องใช้บัวถวายรักษาอาการบาดเจ็บมาตลอด เพียงแต่ช่วงนี้หาซื้อมิได้แล้ว ข้าจึงเหลือเพียงดอกสุดท้าย”เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกปวดร้าวใจหลายปีมานี้ นางมิเคยสังเกตเห็นความทุกข์ทรมานของอวี๋โหรวเลยเพราะอวี๋โหรวมิเคยปริปากบอกผู้ใด ในสถานที่ที่คนอ่อนแอต้องพ่ายแพ้แก่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะรู้ดีว่าบอกผู้ใดไปก็ไร้ประโยชน์หลายปีมานี้นางอดทนมาได้อย่างไรก็มิอาจรู้ได้“จั๋วฉ่างตงบาดเจ็บอยู่แท้ ๆ ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องเจ้าอีก ข้าว่านางคงเบื่อหน่ายการมีชีวิตเต็มทีแล้ว”แววตาของลั่
ชายหลายคนก้าวเข้ามารุมทำร้ายอวี๋โหรวในทันทีจั๋วฉ่างตงเปิดกล่องใบหนึ่งออก หมอกดำทมิฬพลันลอยออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของลั่วชิงยวนอีก เห็นทีจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ข้าคงทรมานเจ้ายังมิพอ”“วันนี้เจ้าจงลิ้มรสภูตผีร้ายแห่งหุบเขาฝังศพให้สาสม”จั๋วฉ่างตงใช้ยันต์แผ่นหนึ่งควบคุมหมอกดำทมิฬให้รวมตัวกันกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีอวี๋โหรวอย่างรุนแรงอวี๋โหรวกำลังต้านทานการโจมตีของบุรุษเหล่านั้นอยู่ในชั่วขณะต่อมา หมอกดำทมิฬก็พุ่งเข้าใส่ กระแทกเข้าที่ท้องของนางราวกับจะฉีกร่างนางออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้าจู่โจมหมอกดำทมิฬนั้นทะลุผ่านร่างของนางไปอวี๋โหรวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา มิอาจลุกขึ้นได้บุรุษเหล่านั้นจับแขนของนางแล้วกระชากให้นางลุกขึ้นหมอกดำทมิฬนั้นพุ่งเข้ากระแทกท้องของนางอีกครั้ง แล้วทะลุผ่านไปอย่างรุนแรงอวัยวะภายในสั่นสะท้านก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้อวี๋โหรวสั่นไปทั้งร่าง เจ็บปวดจนริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้เลยเป็นเช่นนี้ซ้