ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วพร้อมกับคว้าข้อมือของเหยียนหน่ายซินไว้ เมื่อเห็นอาวุธที่แหลมคมบนนิ้วของเหยียนหน่ายซิน ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา “เจ้าใช้สิ่งนี้แทงดวงตาของฉินไป๋หลี่หรือไม่?”“เจ้าต้องการใช้สิ่งนี้ฆ่าข้าด้วยอีกงั้นรึ?”ลั่วชิงยวนคว้าแขนของเหยียนหน่ายซินพร้อมดวงตาดุร้าย นางผลักมือนั้นอย่างแรงกลับไปที่คอของเหยียนหน่ายซิน“อ๊าก!” เหยียนหน่ายซินกรีดร้องพร้อมก่นด่าด้วยความโกรธ “ลั่วชิงยวน เจ้าจบสิ้นแล้ว! ทั้งตระกูลของเจ้าจบสิ้นแล้ว!”ลั่วชิงยวนเย้ยหยัน “คงจะดีที่สุดหากเจ้าทำลายครอบครัวของข้าให้สิ้นทั้งหมด! ข้าจะขอบคุณบรรพบุรุษทั้งแปดรุ่นของเจ้าเลยเชียว!”คนรอบข้างล้วนตกตะลึง ลั่วชิงยวนช่างโหดเหี้ยมไร้ความปรานีอย่างแท้จริง นางคงไม่ฆ่าเหยียนหน่ายซินจริง ๆ ใช่หรือไม่?กลไกแหลมคมเล็ก ๆ บนแหวนของเหยียนหน่ายซินนั้นเล็กมาก เมื่อแทงเข้าไปที่คอของนาง ก็สามารถทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่ผิวหนังเล็กน้อยหลังจากระบายความโกรธจนพอใจแล้ว ลั่วชิงยวนก็คิดว่าจะปล่อยนางไปนางเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในวันนี้ข้าคือคนที่ทุบตีเจ้า เช่นนั้นก็จดจำไว้ให้ดี หากเจ้ามีเรื่องอะไรก็มาที่จวนอัครเสนาบดีของข้
เหยียนหน่ายซินก็ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเช่นกัน ทั้งยังไปฟ้องใครก็ไม่ได้ลั่วชิงยวนเดินออกจากตำหนักและมองไปรอบ ๆ เห็นประกายไฟในป่าอันมืดมิด ดูคล้ายว่าจะมีคนกลับมาในไม่ช้าในเวลานี้ นางบังเอิญเห็นทหารยามบนหลังม้าเดินเข้ามาใกล้ ลั่วชิงยวนรู้สึกคุ้นตาและจำได้ว่าเขาคือองครักษ์จากตำหนักอ๋อง“ท่านอ่องเสด็จกลับมาแล้วหรือยัง?” ลั่วชิงยวนถามองครักษ์ตอบว่า “ท่านอ่องอยู่ข้างหลัง อีกครู่ก็คงมาถึงแล้วขอรับ!”ลั่วชิงยวนพยักหน้า นางคิดว่าหากฉินเชียนหลี่ต้องการขอเงินทุนสำหรับการป้องกัน ฟู่เฉินหวนน่าจะสามารถช่วยได้ วันนี้เหยียนหน่ายซินจงใจสร้างปัญหาให้กับฉินไป๋หลี่และข่มขู่ เช่นนั้นบางทีนางอาจจะทำอย่างนั้นจริง ๆหากตระกูลเหยียนเข้ามายุ่ง เรื่องอาจสายเกินแก้แต่ฟู่เฉินหวนสามารถช่วยฉินเชียนหลี่ได้นางรอให้เขากลับมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยกันนางหันกลับไปยังตำหนักและเดินตรงไปที่เรือนนอนของตนเพื่อรอฟู่เฉินหวน เรือนนอนของพวกเขาก็อยู่ติดกันอยู่แล้วแต่ระหว่างทาง นางกำนัลคนหนึ่งได้ส่งจดหมายมาให้นางเสียก่อนก่อนที่ลั่วชิงยวนจะทันได้ไถ่ถาม นางกำนัลคนนั้นก็รีบออกไปเสียก่อนนางเปิดซองจดหมายออกอ่าน“เรามีเร
ลั่วชิงยวนมาถึงตำหนักของฟู่อวิ๋นโจวแล้ว สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจคือฟู่อวิ๋นโจวกำลังรอนางอยู่ในห้องในขณะนั้นนางตกใจเล็กน้อย ได้แต่คิดว่านางอาจจะเดาผิดไปหรือไม่?หากฟู่เฉินหวนตามมาสมทบ อีกทั้งหมอกู้ก็ไม่ปรากฏตัว เรื่องนี้จะน่าขายหน้าแค่ไหน?“เจ้ามาแล้ว” ฟู่อวิ๋นโจวยิ้มและแสดงท่าทีเชิญชวนทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารและสุราราคาแพงวางเรียงรายอยู่ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าและนั่งลง ก่อนถามด้วยความไม่มั่นใจ “เหตุใดจู่ ๆ ท่านจึงขอให้หม่อมฉันมาที่ตำหนักของท่าน? มีอะไรสำคัญหรือเพคะ?”นางอยากรู้ว่าฟู่อวิ๋นโจวรู้เนื้อหาของจดหมายหรือไม่ฟู่อวิ๋นโจวรินสุราให้นางแล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องระหว่างไทเฮากับเสด็จพี่”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกใจ เป็นไปได้หรือไม่ที่ฟู่อวิ๋นโจวขอให้นางมาจริง ๆ? เขามิสนใจหมอกู้แล้วหรือ?“ไทเฮากับฟู่เฉินหวนหรือ? ท่านช่วยบอกรายละเอียดให้หม่อมฉันฟังหน่อยได้หรือไม่?” ลั่วชิงยวนถามอย่างสงสัยการแสดงออกของฟู่อวิ๋นโจวเริ่มเคร่งขรึม ดวงตาของเขามีความกังวลเล็กน้อยขณะมองดูนาง“เจ้ารู้หรือไม่ว่าไทเฮาและเสด็จพี่ เขาทั้งคู่นับว่าไม่ลงรอยกัน? ข้าบังเอิญได้รู้ว่าไทเฮาดูเหมือนจ
ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าฟู่อวิ๋นโจวอาจชอบนาง อย่างไรนางกับฟู่อวิ๋นโจวก็เป็นสหายสนิทกันก่อนที่นางจะอภิเษกกับฟู่เฉินหวนแต่นางมิใช่ลั่วชิงยวน นางมิต้องการการดูแลของฟู่อวิ๋นโจว นางอยากให้ฟู่อวิ๋นโจวอยู่เพื่อตัวเองและใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่ฟู่อวิ๋นโจวรู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อยเขาอดมิได้ที่จะหัวเราะ “ข้าเข้าใจแล้ว”ลั่วชิงยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบผัก ขณะกำลังจะกินก็ได้กลิ่นแปลก ๆ อีกครั้งแม้ว่าจะไม่ชัดเจน แต่กลิ่นอันคลุมเครือขณะเขาเข้ามาใกล้ทำให้ลั่วชิงยวนหยุดการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังนางจงใจขมวดคิ้วและถามว่า “สุราในจอกของหม่อมฉันหกลงไปหรือ? ไฉนมันถึงมีกลิ่นเหมือนสุราด้วย?”“ฮัดชิ่ว!”ขณะที่พูดนางก็จามขึ้มาอีกครั้งการแสดงออกของฟู่อวิ๋นโจวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหยิบตะเกียบจากมือของนางทันทีแล้วพูดว่า “เช่นนั้นก็มิต้องกินแล้ว"“คืนนี้แสงจันทร์งดงามนัก ออกไปชมพระจันทร์กันเถอะ”เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็พยุงลั่วชิงยวนขึ้นมาแล้วรีบออกไปเมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของฟู่อวิ๋นโจว ลั่วชิงยวนก็เข้าใจอะไรบางอย่างทันทีนางลุกขึ้นและจากไปพร้อมกับฟู่อวิ๋นโจวแต่ทันใดนั้น ก็มีร่างทมิฬเข้ามาทางหน้าต
ลั่วชิงยวน กัดฟันและรีบวิ่งไปหาหมอกู้ด้วยความโกรธ และต่อยหมอกู้เข้าที่หน้าหมอกู้เตะฟู่อวิ๋นโจวออกไปด้วยเข่าเขาจับกริชไว้แน่นและตวัดไปทางลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนหลบไปด้านข้าง และมีเส้นผมสองสามเส้นร่วงหล่นลงพื้นหลังจากนั้นทันที หมอกู้ก็โจมตีด้วยเจตนาสังหารอีกครั้ง เขาโจมตีอย่างรุนแรง ลั่วชิงยวนยังคงตื่นตัว ไม่กล้าลดการป้องกัน และหลีกเลี่ยงกริชสังหารอันดุเดือดมาได้อย่างหวุดหวิดทักษะวรยุทธของหมอกู้หาได้อ่อนแอไม่ ทว่าลั่วชิงยวนรู้สึกว่านางยังสามารถรับมือกับเขาได้ และทักษะวรยุทธของนางก็พัฒนาขึ้นมากเช่นกันแต่กริชจันทร์เสี้ยวในมือของหมอกู้นั้นคมกริบ อีกทั้งหมอกู้ยังสามารถใช้มันได้อย่างชำนาญอีกด้วย การเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความชำนาญ หมุนกริชอย่างรวดเร็วจนทำให้ตาพร่า ทำให้มองไม่เห็นว่ากริชเคลื่อนจากมือข้างหนึ่งไปอีกมือหนึ่งอย่างไรเพียงเห็นแสงดาบอันแหลมคมก็ทำให้เกิดประกายวาบ ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงภัยคุกคามรุนแรง ราวกับพวกเขาอยู่ท่ามกลางแสงและเงาของดาบนับพันลั่วชิงยวนระมัดระวังอย่างยิ่งและต่อสู้กับหมอกู้หลายรอบ แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันกริชจันทร์เสี้ยวได้ มันทิ้งรอยแผลและเลือดไว้มากมาย
นางลุกขึ้นยืนด้วยกำลังทั้งหมดของนาง หมอกู้เองก็ยืนขึ้นเช่นกันในขณะนั้น นางยกเข่าขึ้นและเตะเขาอย่างแรง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้หมอกู้ปล่อยมือข้างหนึ่งของเขาทันที และลั่วชิงยวนก็เหยียบลงบนหลังเท้าของหมอกู้อีกครั้งนางแย่งกริชจันทร์เสี้ยวออกไปและเหวี่ยงมันไปที่คอของหมอกู้ด้วยกำลังทั้งหมดความคมของกริชจันทร์เสี้ยวและความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวนทำให้นางเกือบจะตัดหัวของหมอกู้ได้เลือดกระเซ็นไปทั่วใบหน้าของลั่วชิงยวนเมื่อมองดูศพที่นอนอยู่บนพื้น กริชจันทร์เสี้ยวในมือของลั่วชิงยวนก็หล่นลงเช่นกัน นางล้มลงกับพื้นอย่างเหนื่อยล้าทันทีที่นางนั่งลง นางก็หันกลับมาเห็นฟูอวิ๋นโจวนอนจมกองเลือดใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาก็ไม่ต่างจากใบหน้าของคนตายนางคลานไปหาเขาอย่างรวดเร็ว“ฟู่อวิ๋นโจว! ฟู่อวิ๋นโจว!”นางยกนิ้วอังจมูกของเขา ยังมีลมหายใจแผ่วเบานางหันกลับไปมองฟู่อวิ๋นโจว และมองไปที่บาดแผลบนหลังของเขา โชคดีที่กริชจันทร์เสี้ยวนั้นแตกต่างจากกริชธรรมดา เช่นนั้นจึงเจาะได้ไม่ลึกและไม่ทำลายส่วนสำคัญใด ๆแต่บาดแผลใหญ่มากจนต้องเย็บนางลุกขึ้นวิ่งออกไปทันทีและตะโกนว่า “มีใครอยู่บ้าง มีใครบ้าง?!”แต่ไม่ม
“ว๊าย!” ลั่วเยวี่ยอิงตกใจเมื่อเห็นบุรุษคนนั้นมีเลือดอยู่บนหน้านางตกเข้าสู่อ้อมแขนของฟู่เฉินหวน“ท่านอ๋อง...”ในขณะนี้ลั่วเยวี่ยอิงดูราวกับกระต่ายที่หวาดกลัวแต่ฟู่เฉินหวนจำลั่วชิงยวนได้ในทันที และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเขาเห็นนางเต็มไปด้วยเลือดและดูสะบักสะบอมอย่างยิ่งเขาผลักลั่วเยวี่ยอิงออกไปทันที และก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้น?”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปรับฟู่อวิ๋นโจวจากด้านหลังของนางลั่วชิงยวนถอยไปสองก้าวเป็นการปัดป้องและเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเย็นชาอย่างยิ่ง“เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับท่าน?”ดวงตาที่เย็นชาของนางไร้อารมณ์และว่างเปล่า ปราศจากแววมีความผิดหวังและความเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ในใจของนางเหตุใดนางต้องฝากข้อความถึงฟู่เฉินหวน? มอบให้ฉินเชียนหลี่ไปเลยยังดีกว่าเหตุใดฟู่เฉินหวนจึงเป็นคนแรกที่นางนึกถึงในเวลานั้น?ขณะที่คิดว่านางกำลังต่อสู้กับหมอกู้ นางคิดว่าฟู่เฉินหวนอาจจะมาช่วยนางในไม่ช้าแต่เขากลับยืนชมจันทร์อยู่กับลั่วเยวี่ยอิงความคาดหวังทั้งหมดในใจของนางมลายหายไปทันทีลั่วชิงยวนแบกฟู่อวิ๋นโจวไว้บนหลัง และเดินต่อไปโด
พูดไม่ออกแต่เขาอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่นเพื่อระงับความโกรธและความรู้สึกไม่ยุติธรรมในใจ ความหึงหวงก็เช่นกันหมอหลวงเตรียมทุกอย่างและส่งให้นางอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนหยิบกรรไกรขึ้นมาแล้วตัดอาภรณ์ด้านหลังของฟู่อวิ๋นโจวออก จนเผยบาดแผลให้เห็น นางทำความสะอาดและเช็ดอย่างระมัดระวัง ฟู่เฉินหวนเฝ้าดูจากด้านข้างและรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังของนางนั้นคล่องแคล่วมากเขาหันหลังกลับและจากไปด้วยความโกรธลั่วชิงยวนรีบเย็บแผล ใส่ยา และพันผ้าพันแผลไว้อย่างรวดเร็วหมอหลวงกำลังทำงานอยู่ด้านข้าง เมื่อมองดูการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่แอบถอนหายใจในใจ นางมีฝีมือดีกว่าหมอคนนั้นเสียอีกทันใดนั้น ลั่วชิงยวนก็หยิบยาที่ต้มแล้วป้อนให้ฟู่อวิ๋นโจวด้วยตัวเองสถานการณ์ของฟู่อวิ๋นโจวไม่ค่อยดีนัก ลั่วชิงยวนกังวลและอยู่ในห้องทั้งคืนยามรุ่งสางมาเยือน ตำหนักก็ได้ความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาลั่วชิงยวนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน นางสัมผัสได้ถึงชีพจรของฟู่อวิ๋นโจว แต่เขายังคงอ่อนแอมากจนดูเหมือนเขาพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ นางไม่กล้าละสายตาไปแม้เพียงเสี้ยวนาทีแต่เรื่องของเหยียนหน่ายซินยังไม่จบ และเรื่องของห
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล
ลั่วฉิงใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์มิเป็นด้วยฐานะของนาง เป็นไปมิได้ที่จะใช้มิเป็นลั่วชิงยวนเบิกตากว้างลั่วฉิงมิได้ใช้มิเป็น แต่ใช้มิได้ต่างหาก!นางพกเข็มทิศนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อาจารย์บอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนางหลังจากที่นางตายแล้วเกิดใหม่เข็มทิศนี้ก็ยังคงติดตัวนางมา ย่อมมิใช่ของธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้น เข็มทิศนี้อาจจะยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นจึงใช้มิได้เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างลั่วฉิงได้เข็มทิศไปก็ไร้ประโยชน์ฟู่เฉินหวนถาม “หากไม่มีเข็มทิศนี้ เจ้าก็ทำนายอะไรมิได้เลยหรือ?”ลั่วฉิงยกยิ้ม “แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น”“เช่นนั้นก็มิเห็นเป็นอะไร เจ้าแค่ทำนายสิ่งที่เจ้าทำนายได้ แล้วก็จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจเอง”ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวเสียงเย็น “ข้าทะเลาะกับนางไปแล้ว หากจะหลอกลวงนางอีกก็ต้องแสร้งทำดีด้วย”“ข้ามิอยากทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเจ็บแปลบเขาบอกว่าการทำดีกับนางเป็นเรื่องน่ารังเกียจ...ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวด นางกำเสื้อแน่น มิกล้าส่งเสียงแล้วค่อย ๆ เดินจากไปคำพูดเหล่านั้นดังก้อ
ลั่วชิงยวนที่ถูกขังไว้สองวันเริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจองจำในคุกหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวันยิ่งทำให้นางรู้สึกหดหู่เมื่อหิมะเริ่มเบาบางลงนางจึงออกมานั่งที่เก้าอี้ในเรือนสัมผัสกับความเย็นยะเยือกที่โปรยปรายลงบนใบหน้า“พระชายา ระวังจะเป็นหวัดนะเจ้าคะ”จือเฉานำกาน้ำชาอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วรินใส่ถ้วยให้นางไอร้อนจากน้ำชาช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันหิมะตกอันหนาวเหน็บจือเฉานั่งอยู่ข้าง ๆ เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความกังวล “พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงใจร้ายกับท่านเช่นนี้เจ้าคะ”“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีลั่วเยวี่ยอิงที่คอยยุแยง บัดนี้ลั่วเยวี่ยอิงก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังเป็นเช่นนี้ ระหว่างท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนก็มิอาจเข้าใจได้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันตั้งแต่ที่นางถูกเฉินชีจับตัวไปบนเขาหรือไม่สิ น่าจะเริ่มตั้งแต่เรื่องของฟู่จิ่งหานตอนที่ฟู่เฉินหวนตัดสินใจจัดการกับฟู่อวิ๋นโจว เขาเข้าวังไปหลายวันแล้วเมื่อกลับมาก็หย่ากับนางแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวัง แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็มิยอมบอกนางหรือบางทีอาจจะมิรู้เหมือนกันวันนี้แม่นมเติ้งเป
เขามีสีหน้าเย็นชาขณะกล่าวเสียงเรียบ “กลับตำหนักกับข้า”ลั่วชิงยวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงให้จือเฉาเก็บข้าวของตามฟู่เฉินหวนออกจากวังเมื่อขึ้นรถม้า ฟู่เฉินหวนก็สั่งสารถีให้กลับตำหนักทันทีทั้งยังเร่งให้รีบกลับด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่รถม้าแล่นไปอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนถูกเขย่าโคลงเคลงจนตัวแทบปลิว แต่ก็ยังพยายามทรงตัว มิเอ่ยคำใดจนกระทั่งรถม้ามาถึงหน้าตำหนักลั่วชิงยวนจึงสังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนนางยกมือขึ้น แตะใบหน้าเขาเบา ๆ “ใบหน้าของท่านเป็นอะไรไป?”ฟู่เฉินหวนคว้าข้อมือของนางไว้แล้วจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ “มิใช่เพราะเจ้าหรอกรึ!”ลั่วชิงยวนชะงักไปชั่วพริบตานั้น ฟู่เฉินหวนก็กระชากนางลงจากรถม้าอย่างแรง ทำให้นางเกือบล้มนางเดินเซ แต่ก็ยังถูกฟู่เฉินหวนลากเข้าไปในตำหนักฟู่เฉินหวนเดินอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยโทสะราวกับพยายามอดกลั้นมานานลั่วชิงยวนจึงตระหนักได้ว่าเขาคงถูกจักรพรรดิสูงสุดลงโทษมิเช่นนั้นรอยแดงบนใบหน้าเขาจะมาจากไหนเมื่อมาถึงลานด้านใน นางก็สะบัดตัวหลุดจากฟู่เฉินหวน“ท่านจะทำอะไร!”ทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็บีบคางน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งไป่ชวนก็มาถึงลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเซิ่งไป่ชวนเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากนาง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พระชายารู้สึกหนาวหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้ามิเป็นอะไร มิต้องตรวจชีพจรแล้ว ข้าจะเขียนใบเทียบยาให้ เจ้าช่วยไปหยิบยาให้หน่อย”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า เขาย่อมเชื่อมั่นในฝีมือแพทย์ของลั่วชิงยวนจึงมิฝืนใจเพียงแต่กล่าวว่า “เห็นอาการของพระชายาทรงทรุดลงทุกวัน เกรงว่าจะเป็นเพราะความวิตกกังวล พระชายาควรปล่อยวางบ้าง”“เพื่อรักษาพระวรกายให้แข็งแรงขอรับ”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขอบคุณหมอหลวงเซิ่ง”“ข้าจะระมัดระวัง”ขณะที่กำลังสนทนากัน ก็พลันได้ยินเสียงตวาดดังมาจากด้านนอก“ว่ากระไรนะ! สั่งลงไป ผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกให้ตัดหัวได้เลย!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยด้วยความสงสัย นางจึงสวมรองเท้าเดินออกไปจือเฉานำผ้าคลุมมาสวมให้นางเห็นจักรพรรดิสูงสุดกำลังโมโหอยู่ใต้ชายคา“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนถามด้วยความอยากรู้จักรพรรดิสูงสุดกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้ามิได้ดุใครมานานแล้วเลยลองฝึกฝนดู”จากนั้นจักรพรรดิสูงสุด
เดิมทีนางตั้งใจจะบอกข่าวดีนี้แก่เขาในยามที่เขากับนางคืนดีกันแล้วทว่าสิ่งที่รอคอยกลับเป็นการหลอกลวง เขาชิงเอาเข็มทิศอาณัติสวรรค์ของนางไปบัดนี้เขาใจแข็งเช่นนี้ ลั่วชิงยวนจึงจำต้องบอกเรื่องนี้แก่เขาในใจนางยังคงมีความหวัง หวังว่าเพื่อลูกในครรภ์ ฟู่เฉินหวนอาจจะใจอ่อนลงบ้างทว่าประตูบานนั้นยังคงปิดสนิทนอกจากเสียงลมหวีดหวิวที่พัดผ่านก็ไม่มีเสียงตอบรับใดสายลมหนาวราวกับจะพัดพาความอบอุ่นสุดท้ายในใจนางให้หายไปน้ำตาใสไหลรินอาบแก้มซีดเผือดลั่วชิงยวนหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงันเหล่าบ่าวไพร่ในตำหนักเห็นนางแล้วอยากจะทักทาย แต่ก็ลังเล มิกล้าเอ่ยปากบัดนี้ลั่วชิงยวนราวกับคนไร้วิญญาณ เดินออกจากตำหนักไปอย่างไร้จุดหมายนางเดินไปเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับว่าสายลมหนาวจะพัดพาร่างนางให้แหลกสลายไป ความหนาวเหน็บกัดกร่อนกระดูก......ภายในห้องตำรา ฟู่เฉินหวนทรุดลงนอนสลบแน่นิ่งกองอยู่ที่มุมห้อง พื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนกระทั่งซูโหยวกลับมาพบเข้า จึงรีบให้คนไปตามหมอหลวงมู่มาโดยด่วนหมอหลวงมู่ตรวจอาการแล้วก็ตกใจยิ่งนัก รีบปรุงยาให้ทันทีและยังนำโสมมังกรที่ตกทอดกันมาในตระกูลออกมาตัดแบ่งส่วนเล็ก
เขามิอยากแตะต้องนางแม้เพียงปลายเล็บฟู่เฉินหวนรีบส่งคนออกไปตามล่าเฉินชี แล้วจึงกวาดสายตามองลั่วชิงยวนที่นอนอยู่บนพื้นหิมะอย่างเย็นชาก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “พากลับไป”องครักษ์สองนายเข้ามาพยุงลั่วชิงยวน แล้วพานางออกไปจากศาลาลั่วชิงยวนจ้องมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเขา หัวใจนางก็พลันเหมือนถูกบีบขณะที่นางถูกพาตัวออกไป เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทั่วศาลาเสียดแทงโสตประสาทยิ่งนักเมื่อกลับถึงตำหนัก ฟู่เฉินหวนก็รีบจัดการวางกำลังคนไปจับตัวเฉินชีลั่วชิงยวนยืนรออยู่ท่ามกลางหิมะ จนกระทั่งเขาจัดการทุกอย่างเสร็จจึงเดินเข้าไปหา“ฟู่เฉินหวน...”ทว่าฟู่เฉินหวนกลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตำรา แล้วปิดประตูใส่หน้าเสียงปิดประตูดังสนั่น ทำให้ลั่วชิงยวนสะดุ้งตกใจนางมิยอมแพ้ เดินไปเคาะประตู “ฟู่เฉินหวน ท่านรังเกียจหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่!”“เฉินชีกับลั่วฉิงร่วมมือกัน! เหตุใดท่านจึงหลอกเอาเข็มทิศของหม่อมฉันไป! ทั้งหมดนี้เป็นแผนของพวกเขา!”นางทุบประตูเรียก “ฟู่เฉินหวน ท่านต้องอธิบายให้หม่อมฉันฟัง!”ประตูเปิดออกกะทันหันฟู่เฉินหวนก้าวออกมาด้วยความโกรธ
ลั่วชิงยวนเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองเขาด้วยความโกรธครั้นเห็นนางมิยอมอ้าปากแม้สักนิด เฉินชีจึงโน้มกายเข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เจ้าอยากให้ข้าทำเกินเลยกว่านี้รึ?”ลั่วชิงยวนขบฟันแน่นก่อนจะยอมอ้าปากรับสิ่งที่เฉินชีป้อนให้เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบด้าน“สวรรค์โปรด! สองคนนี้กำลังทำสิ่งใดกันอยู่”“พระชายาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการกำลังลักลอบคบชู้ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้หรือ?”เหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ต่างส่งคนไปทูลท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการให้รีบมาโดยพลันเฉินชีนั่งอยู่ในศาลา ยังคงจงใจแสดงท่าทีคลอเคลียกับลั่วชิงยวน แล้วกระซิบเสียงเบา “หลังจากวันนี้ เจ้าคงมิอาจอยู่ในเมืองหลวงได้อีกแล้วกระมัง?”“เหตุใดจึงมิติดตามข้ากลับแคว้นหลีเล่า?”“เจ้าเกิดมาเพื่อเป็นคนของแคว้นหลี”“ข้าสามารถส่งเจ้ากลับสู่ตำแหน่งเดิม ให้เป็นนักบวชหญิงผู้สูงส่งได้”“หากเจ้าเต็มใจ จงกะพริบตา แล้วข้าจะพาเจ้าไป”ช่างไร้ยางอาย!ลั่วชิงยวนเบิกตากว้างจนดวงตาแดงก่ำ มิยอมกะพริบตาแม้เพียงน้อยในใจนางก่นด่าเฉินชีนับร้อยครั้งครั้นเห็นนางดื้อรั้นเช่นนี้ เฉินชีกลับหัวเราะออกมา“ดูท่าว่าอาเหลายังคงรู้จักข้าดี”ทั
จนกระทั่งฟ้าสาง ผู้คนเริ่มทยอยออกมาตามถนนบรรยากาศบนท้องถนนเริ่มคึกคักขึ้น เฉินชียังคงโอบนางเดินไปข้างหน้าอย่างแช่มช้าในสายตาของคนภายนอก ทั้งสองดูสนิทสนมกันมากจนกระทั่งเดินผ่านร้านค้าแห่งหนึ่งก็มีเสียงร้องด้วยความตกใจ “นั่นมิใช่พระชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการหรือ? เหตุใดนางจึง...”ลั่วชิงยวนได้ยินดังนั้น หัวใจก็พลันกระตุกแต่เฉินชีกลับยกยิ้มอย่างสาแก่ใจ แล้วพาลั่วชิงยวนไปที่ร้านขนมร้านนั้นก่อนจะแสร้งถามลั่วชิงยวนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าชอบกินอันไหน?”ลั่วชิงยวนจ้องมองเขาด้วยความโกรธเฉินชีกลับยิ่งหัวเราะอย่างลำพองใจเขาโยนถุงเงินหนัก ๆ ลงบนแผงร้าน “ข้าเหมาทั้งหมด!”เถ้าแก่ตกตะลึงจากนั้นเฉินชีก็หยิบขนมชิ้นหนึ่งมาป้อนที่ปากของลั่วชิงยวน “ลองชิมดูหรือไม่?”ลั่วชิงยวนจ้องมองเขา มิยอมอ้าปากแววตาของเฉินชีเย็นชา มือใหญ่เลื่อนไปที่ท้ายทอยของนางแล้วออกแรงบีบพลางยัดขนมเข้าไปในปากของนางด้วยรอยยิ้ม“กินสิ”ท้ายทอยของลั่วชิงยวนเจ็บปวด นางจำใจต้องอ้าปากกัดขนมชิ้นนั้นเฉินชีเห็นดังนั้นจึงพอใจมาก “ชอบหรือไม่?”เขามองนางด้วยสายตาคมกริบ ก่อนยกมือขึ้นเช็ดเศษขนมที่มุมปากของนางท่าทาง