ฟู่เฉินหวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเคร่งขรึมสีหน้าและแววตาเยือกเย็นราวกับใบมีดคมกริบทันทีที่ลั่วชิงยวนก้าวเท้าเข้ามา นางก็รู้สึกราวกับถูกลูกศรนับหมื่นแทงทะลุหัวใจ ลมหนาวนับไม่ถ้วนพัดผ่านเข้ามาในร่างกายของนาง นั่นจึงทำให้นางรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วทั้งร่าง“ท่าน… ท่านนั่งทำอะไรอยู่ที่นี่? ท่านอยากให้หม่อมฉันกลัวจนตกใจตายงั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนตกใจเป็นอย่างมากใบหน้าของฟู่เฉินหวนดูบูดบึ้ง เขาเอ่ยถามอย่างเย็นชาทันทีว่า “เจ้ามัวไปเที่ยวเล่นที่ใดมา?”“ฟู่จิ่งหลีส่งเจ้ากลับมาตำหนักแล้ว แต่เจ้ากับแอบออกไปอีกรอบ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าใช้คนในการตามหาเจ้ามากน้อยเพียงใด?”วันนี้หลังจากลั่วชิงยวนกลับมาจากวังหลวง เขายังคงอยู่ในห้องตำรา หลังจากทำงานเสร็จสิ้นแล้ว เขาจึงอยากไปถามนางว่าหลิวไท่เฟยมีเรื่องอันใดกับนาง ทว่าเมื่อเขาไปหานาง นางกลับไม่ได้อยู่ในตำหนักอ๋องแล้วเมื่อรู้ว่านางออกไปข้างนอก ฟู่เฉินหวนก็โกรธมากจนกินข้าวเย็นไม่ลงด้วยซ้ำ อีกทั้งยังนั่งรอนางอยู่ที่นี่!ลั่วชิงยวนตกใจมาก “ตามหาหม่อมฉันงั้นหรือ?”นางไม่เคยเห็นเขาใส่ใจนางมากถึงเพียงนี้มาก่อน เมื่อนางไม่กลับตำหนักอ๋องสองสามวันจะไม่ม
ฟู่เฉินหวนก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ลั่วชิงยวนจึงหันไปมองเขาแล้ว ก่อนจะถามถึงความหมายสิ่งที่เขาทำจิ่นซูยิ้มแล้วพูดว่า “หากท่านอ๋องต้องการไปกับพวกเราก็ย่อมได้เช่นกันเพคะ”ฟู่เฉินหวนเอ่ยขึ้นเบา ๆว่า “หากอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”เช่นนั้นแล้วทั้งฟู่เฉินหวนและลั่วชิงยวนต่างก็ติดตามจิ่นซูเข้าไปในวังหลวงด้วยกันเมื่อมาถึงพระตำหนักโช่วสี่ ที่ห้องโถงก็มีการจัดเตรียมน้ำชาและอาหารว่างเอาไว้แล้ว ไทเฮาแต่งกายค่อนข้างเรียบง่ายในวันนี้ ทว่าทุกการเคลื่อนไหวของนางก็ยังเต็มไปด้วยความสง่างามและมีเกียรติ “เป็นเรื่องยากที่ท่านอ๋องกับพระชายาจะมายังตำหนักของข้า อย่าได้เกร็งกันเกินไปนัก เชิญทำตัวตามสบายเถิด”ไทเฮาเอ่ยถามลั่วชิงยวนว่า “ชิงยวน เจ้าได้มอบยาที่ข้าให้เจ้าเมื่อครั้งก่อนแก่ท่านอ๋องหรือไม่?”ดวงตาของฟู่เฉินหวนหรี่ลง จากนั้นเขาจึงเงยหน้ามองไปยังลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปที่ไทเฮา เมื่อมองดูรอยยิ้มอันเปี่ยมด้วยความรักบนใบหน้าของอีกฝ่าย นางก็รู้สึกไม่สบายใจ“ยาอะไรหรือเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าไทเฮาตรัสถึงสิ่งใด” ลั่วชิงยวนตอบอย่างสุภาพ“เจ้าเด็กน้อย เจ้าลืมสิ่งสำคัญทั้งหมดไปแล้วงั้นห
ลั่วชิงยวนต่อสู้อย่างหนักเพื่อหลุดพ้นจากนางกำนัลทั้งสอง จากนั้นนางยกมือขึ้นแล้วผลักจิ่นซูอย่างแรงตอนนี้ลั่วชิงยวนหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว จิ่นซูและคนอื่น ๆจึงไม่สามารถรั้งนางไว้ได้เลย เมื่อชามยาตกแตกเป็นเสี่ยง ๆ ลั่วชิงยวนจึงคายยาในปากออกมาทันทียานั้นไม่ได้เป็นพิษ แต่ก็ทำให้ระคายเคืองเป็นอย่างมาก เมื่อยาถูกเทเข้าจมูกไป นางก็รู้สึกแสบร้อนที่จมูก ความรู้สึกแสบร้อนก็ค่อย ๆ เคลื่อนลงมา จิ่นซูลุกขึ้นและต้องการจับนางอีกครั้งทันใดนั้น ก็ปรากฏร่างคนผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาคว้าข้อมือของจิ่นซูทันที ก่อนที่เขาจะปล่อยมือนางอย่างแรงบีบบังคับให้จิ่นซูต้องล่าถอยจิ่นซูเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า สีหน้าของนางก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย นางจึงก้าวถอยหลังกลับไป ฟู่เฉินหวนเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ไทเฮาอย่างเลือดเย็น ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกว่า “ไทเฮากันกระหม่อมออกไป ท่านต้องการทำอะไรกับลั่วชิงยวนกันแน่?”ท่าทีของไทเฮายังคงนิ่งสงบปราศจากความตื่นตระหนกใด ๆ นางเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ข้าเพียงกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของพระชายาเท่านั้นและต้องการให้นางตั้งครรภ์โดยเร็วที่สุด”“พระชายามักจะปฏ
เสียงทุ้มลึกของฟู่เฉินหวนดังขึ้นอย่างช้า ๆ “ข้ามิได้โง่”“ไทเฮาขอให้ข้าออกไปข้างนอก แต่ที่นอกตำหนักกลับไม่มีใครอยู่เลย เท่านี้ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ข้าแอบฟังได้แล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะไม่ได้ยินอย่างนั้นหรือ?”“คำพูดเหล่านั้นจงใจให้ข้าได้ยินทั้งหมด”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจ นางอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เขาเชิดคางขึ้นและมองดูท้องฟ้าอย่างผ่อนคลาย “ในที่สุดท่านก็เชื่อหม่อมฉันได้อีกครั้งสักที”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของเขาก็มืดมนขึ้นทันทีทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็ลุกขึ้นยืนแล้วจากไปลั่วชิงยวนผงะเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นยืนเพื่อไล่ตามเขาไปในทันที “หากท่านต้องการไป เหตุใดถึงไม่พูดอะไรเลยเล่า? รอหม่อมฉันด้วยสิเพคะ”ลั่วชิงยวนติดตามฟู่เฉินหวนไป เดิมทีพวกเขากำลังจะออกจากวังหลวงขณะนี้ท้องฟ้าใกล้จะค่ำแล้วแต่ขณะที่พวกเขากำลังก้าวผ่านประตูพระราชวัง กลับมีเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง“ท่านอ๋อง! พระชายา!”พวกเขาทั้งสองหยุดเดินแล้วหันกลับไปเห็นป้าถานสี่วิ่งมาหาพวกเขาด้วยความตื่นตระหนก“ป้าถ่านสี่”ป้าถานสี่พูดอย่างเร่งรีบว่า “พระชายา โปรดช่วยหลิวไท่เฟยด้วยเจ้า
พื้นดินนั้นเต็มไปด้วยซากปลาเนื้อเปื่อย“พระชายา ท่านดูสิเจ้าคะ!”“ปลาเหล่านี้เป็นปลาที่หลิวไท่เฟยทรงโปรดปรานเจ้าค่ะ! พระนางใช้เวลากว่าครึ่งวันในสวนเล็ก ๆ แห่งนี้ทุกวัน ให้อาหารปลา แลดอกไม้ รวมทั้งมักพูดคุยกับปลาเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง”“ปลาทุกตัวที่นี่ล้วนมีชื่อ!”“แต่วันนี้ จู่ ๆ หลิวไท่เฟยก็ดูสับสน พระนางถือกรรไกรและจับปลาเหล่านี้ตัดเป็นชิ้น ๆ ทีละตัว!” “ในเวลานั้นดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ดูโหดร้ายอย่างยิ่ง อีกทั้งยังน่าสะพรึงกลัวมากด้วย!”“บ่าวรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าท่านกำลังจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าไทเฮา เมื่อบ่าวเห็นว่าหลิวไท่เฟยทำเช่นนี้ บ่าวจึงนึกถึงพระชายาในทันที บ่าวจึงไปรอท่านใกล้ประตูวังเจ้าค่ะ”“บ่าวคิดไม่ถึงเลยว่าพระนางจะกลับมาเป็นปกติหลังจากบ่าวกลับมา”“หากหลิวไท่เฟยได้เห็นสิ่งนี้ในภายหลัง บ่าวก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเจ้าค่ะ”"พระชายา โปรดช่วยหลิวไท่เฟยด้วยเถิดเจ้าค่ะ!"ป้าถานสี่พูดพร้อมกับคุกเข่าลงทันทีลั่วชิงยวนมองดูพื้นและเห็นว่าปลาทุกตัวถูกตัดเป็นชิ้น ๆ จะต้องมีความเกลียดชังมากเพียงใดจึงลงมือทำเช่นนี้ได้?กรรไกรยังคงอยู่บนขั้นบันได และบนพื้นก็เต็มไปด้วยรอ
องค์ชายเจ็ดช่วยนางไว้มาก รวมทั้งหลิวไท่เฟยก็มีความสำคัญต่อองค์ชายเจ็ดมากเช่นกัน เช่นนั้นแล้วนางจึงควรต้องช่วยอีกฝ่ายหากคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลิวไท่เฟยอาจจะมีปัญหาทางร่างกายและจำเป็นต้องทานยาเพื่อรับการรักษาอาการป่วยของนาง ทว่า หากคืนนี้เรื่องเกิดขึ้น นางจะต้องช่วยหลิวไท่เฟยแก้ปัญหาให้จงได้ ถานสี่พยักหน้าอย่างตื่นเต้นพร้อมกับกล่าวว่า "ขอบพระคุณเจ้าค่ะพระชายา! บ่าวจะไปจัดเตียงและเตรียมห้องสำหรับท่านอ๋องและพระชายาเจ้าค่ะ"หลังจากพูดจบนางก็ออกไปทันที ลั่วชิงยวนไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับนางเลยด้วยซ้ำ แม้ว่านางสัญญาว่าจะอยู่ แต่ฟู่เฉินหวนก็ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ไว้ในคืนนี้ เขาไม่มีความรู้สึกแบบเดียวกันกับที่องค์ชายเจ็ดรู้สึกต่อหลิวไท่เฟย พวกเขาอาจเคยพบกันเพียงครั้งเดียวในช่วงหนึ่งปีครึ่งก่อนหน้านี้ เช่นนั้นฟู่เฉินหวนอาจไม่เต็มใจที่จะอยู่ที่นี่ข้อเท็จจริงนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า การคาดเดาของลั่วชิงยวนนั้นถูกต้องระหว่างฟู่เฉินหวนและหลิวไท่เฟยนั้นไม่มีอะไรจะพูดถึงจริง ๆ ในไม่ช้าฟู่เฉินหวนก็เดินออกไปหลิวไท่เฟยก็ไปที่ห้องพระเพื่อสวดมนต์พระสูตรด้วย“คลี่คลายได้แล้วใช่หรือไม่ พวกเ
ฟู่เฉินหวนมองไปไปยังทิศทางที่นางจ้องมอง จากนั้นจึงเห็นหลิวไท่เฟยซึ่งยืนอยู่ใต้ชายคาเหม่อมองอย่างว่างเปล่าอยู่ไม่ไกล พวกเขาทั้งสองจ้องไปที่ร่างใต้ชายคาอย่างใกล้ชิด หลิวไท่เฟยยืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานแล้ว ก่อนที่นางจะเดินซวนเซไปข้างหน้าอีกครั้ง นางเดินสะเปะสะปะราวกับนางหมดสติไปโดยสิ้นเชิง“นางก็ไม่ได้ดูผิดปกติเท่าใดนัก” ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วและพูดด้วยความสับสนแต่ทันใดนั้น ชั่วขณะต่อมา กลับมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นหลิวไท่เฟยเริ่มเร่งความเร็วและค่อย ๆ เริ่มวิ่งนางวิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสีหน้าวิตกกังวลเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีความหวาดกลัวเพิ่มมาขึ้นตามไปด้วย ฟู่เฉินหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจลมกระโชกแรงพัดมา ทันใดนั้น เข็มทิศในอ้อมแขนของลั่วชิงยวนก็ตอบสนองอย่างรุนแรงลั่วชิงยวนขมวดคิ้วพร้อมกับจ้องมองไปยังหลิวไท่เฟยอย่างใกล้ชิด “มีบางอย่างจริง ๆ”ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสับสน แม้ว่านางจะสังเกตเห็นแล้วว่าตำหนักแห่งนี้ในตอนกลางวันไม่ได้มีพลังชั่วร้าย แต่เหตุใดจึงเกิดความวุ่นวายกะทันหันเช่นนี้ในยามกลางคืน?สิ่งเหล่านี้เหมือนกับว่าไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอด
แสงเย็นส่องออกมาทำให้ร่างสีดำแตกสลายอย่างรุนแรงทว่า หลังจากที่ร่างสีดำสลายไป ก็ไม่มีอะไรเหลือเลย!ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ นี่ไม่ถูกต้องทันใดนั้น คิ้วของนางก็กระตุก แย่แล้ว นี่เป็นการล่อเสือออกจากถ้ำนางรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของฟู่เฉินหวนทันทีในขณะนี้มีลมแรงพัดเข้ามาในห้องร่างสีดำพุ่งตรงไปหาคนทั้งสองที่อยู่ในห้อง แต่กลับถูกสะท้อนออกไปด้วยแสงที่ลอดออกมาจากร่างของฟู่เฉินหวน ร่างสีดำนั้นก็กระแทกประตูออกไป จากนั้นร่างสีดำก็โจมตีอีกครั้ง และลมแรงก็พัดสิ่งของต่าง ๆ มากมายในห้องที่ปลิวว่อนและกระแทกอย่างแรงฟู่เฉินหวนยืนขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นป้องกันเศษซากเหล่านั้น นางตกใจมาก แม้ว่านางจะมองไม่เห็นสิ่งนั้นได้ แต่นางก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของสิ่งนั้นในขณะนี้ลมที่โหมกระหน่ำและสิ่งของที่ลอยอยู่ในห้องกำลังโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่งเมื่อลั่วชิงยวนตามเข้ามา โต๊ะก็ถูกลมพัดจนกระแทกฟู่เฉินหวนเข้าอย่างแรงลั่วชิงยวนตกใจพร้อมกับรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฟู่เฉินหวนยกเท้าขึ้นแล้วเตะอย่างเต็มแรงจนทำให้โต๊ะแตกกระจาย ชิ้นส่วนเหล่านั้นกระเด็นไปทั่วทุกทิศทาง ในขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังจะหลบตัว เขาก็เ
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน
คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย
“ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ
“แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า
“แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ
เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้