“เจ้า่กำลังโกหกข้า! เรื่องเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าที่แสร้งทำ!”“ข้าไม่มีทางเชื่อ!”“จะมีเรื่องไร้สาระเช่นนี้เกิดขึ้นได้เยี่ยงไร?!”ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกสะเทือนใจมากจนนางทรุดตัวลง พร้อมตะวาดใส่ลั่วชิงยวนด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อพิจารณาจากท่าทีของลั่วเยวี่ยอิงแล้ว จึงรู้ได้ว่าเนื้อความของจดหมายฉบับนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจนางมากเพียงใด แต่นางกลับเลือกที่จะไม่เชื่อเรื่องราวเหล่านั้นลั่วชิงยวนเย้ยหยัน “เจ้ามิอยากยอมรับความจริงที่ว่าเจ้าเกลียดคนผิดมาเป็นเวลาหลายปีแล้วก็ตามใจ อยากเชื่ออย่างไรก็แล้วแต่เจ้า”“เช่นนั้น ข้าคงมิโน้มน้าวเจ้าไปกว่านี้ และจากนี้ข้ามิขอไว้ชีวิตเจ้าอย่างเห็นแก่มิตรภาพระหว่างแม่ของเจ้ากับข้าอีกต่อไป”นางวางความจริงไว้ตรงหน้าลั่วเยวี่ยอิงแล้ว ไม่ว่าลั่วเยวี่ยอิงจะเชื่อหรือไม่ ล้วนมิได้อยู่การควบคุมของนางแล้วดวงตาของลั่วเยวี่ยอิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางกำจดหมายไว้แน่น ก่อนที่จะจ้องมองไปยังลั่วชิงยวนด้วยความขุ่นเคืองลั่วชิงยวนหันหลังกลับและจากไปทันทีนางออกจากจวนอัครเสนาบดีไปอย่างเงียบ ๆลั่วเยวี่ยอิงนั่งอยู่บนเตียง นางอ่านเนื้อความของจดหมายซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่
นางอดไม่ได้ที่จะถามลิ่นฝูเสวี่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ทำไมวันนี้ท่านมิเร่งข้า?”ลิ่นฝูเสวี่ยลอยออกไปนั่งบนราวบันได นางแกว่งขาไปด้วยขณะมองดูผู้คนที่กระตือรือร้นอยู่ด้านล่าง “พวกเขามาที่นี่เพื่อพบเจ้า”“ดูข้าสิ? ข้ามิรู้กระทั่งวิธีร่ายรำเทพเหมันต์ด้วยซ้ำ” ลั่วชิงยวนยิ้มเบา ๆลิ่นฝูเสวี่ยเลิกคิ้วและมองดูนาง "อย่าคิดว่าข้ามิรู้ ท่านได้เรียนรู้รำเทพเหมันต์มานานแล้ว ท่านได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่ข้าร่ายรำไปแล้ว"“ตอนนี้ท่านเป็นลูกศิษย์ของลิ่นฝูเสวี่ย ท่านคู่ควรกับชื่อของท่านอย่างแท้จริง”ลั่วชิงยวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว "ไฉนวันนี้เจ้าทำตัวแปลก ๆ"“ก็แค่อารมณ์อ่อนไหวเท่านั้น” ลิ่นฝูเสวี่ยยิ้มและหันไปมองนาง “ข้าว่า ข้าร่ายรำมามากพอแล้ว”“ความยึดติดอย่างหนักหนาของข้า คือเรื่องที่ข้าเสียใจที่ไม่มีใครสืบทอดทักษะของข้า แต่บัดนี้ท่านได้เรียนรู้ทักษะทั้งหมดของข้าแล้ว คนเหล่านี้ล้วนมาที่นี่เพราะท่าน ข้าคิดว่า…”ทันใดนั้น ลั่วชิงยวนก็เริ่มกังวล นางกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัวนางเกรงว่าคำพูดต่อไปของลิ่นฝูเสวี่ยคือ ‘ถึงเวลาจากกันแล้ว’“ข้าคิดว่า.. .ท่านควรให้ค่าฝึกสอนหรืออะไรสักอย่างกับข้าหรือไม่?”เมื่อได
ลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อย นางจึงเงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็นฟู่เฉินหวนทันใดนั้นเขาก็ยกเท้าขึ้นเตะบุรุษผู้นั้นออกไปจากนั้นก็มีเสียงร้องด้วยความตกใจดังมาจากด้านล่าง “อ๋องผู้สำเร็จราชการกำลังทุบตีชาวบ้าน!”“อ๋องผู้สำเร็จราชการลงมือทำร้ายผู้บริสุทธิ์!”“กฎแห่งราชวงศ์ยังมีอยู่หรือไม่?”คำพูดเหล่านี้ทำให้เกิดความโกลาหลในหอทันทีผู้คนต่างพากันรุดไปข้างหน้าเพื่อโจมตีฟู่เฉินหวน แต่เขากลับยืนอยู่ตรงหน้าลั่วชิงยวน พร้อมกับลงมืออย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด จนทำให้ผู้คนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บโชคดีที่ผุ้คุ้มกันในหอค่อนข้างแข็งแกร่ง ทั้งยังควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วไม่ไกลกันนัก ฝูจ้าวก็อยากจะก้าวออกไปเช่นกันสายตาเฉียบคมของฟู่เฉินหวนจับจ้องไปยังลั่วชิงยวน จากนั้นก็คว้าข้อมือนางไว้ แล้วดึงนางออกจากสถานการณ์ตรงหน้าก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปยังชั้นบนประตูถูกปิดลงฟู่เฉินหวนยืนพิงกำแพงด้วยความโกรธบนใบหน้า พร้อมทั้งประจันหน้ากับลั่วชิงยวน “วันนี้เจ้าต้องออกจากหอฝูเสวี่ย ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าร่ายรำที่นี่ในฐานะฝูเสวี่ยอีกต่อไป!"ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว "เพราะเหตุใดเพคะ?"‘เพราะเจ้าเป็นพระชายาของอ๋องเช่นข้า!’ฟู
“ไม่ช้าก็เร็วตัวตนของเจ้าจะถูกเปิดเผย”เดิมที่เขากลัวว่านางจะถูกเปิดเผยตัวตนกลัวว่านางจะถูกดึงให้เข้าไปพัวพันกับเขา หลังจากที่ตัวตนของนางถูกเปิดเผยแสงในดวงตาของลั่วชิงยวนหรี่ลงลั่วชิงยวนไม่ตอบนางรับปากกับลิ่นฝูเสวี่ยไปแล้วว่าวันนี้จะเป็นการแสดงครั้งสุดท้ายลิ่นฝูเสวี่ยไม่มีความยึดติดใด ๆ อีกต่อไปแล้ว สาเหตุการตายของมารดานางก็ชัดเจนแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่ต้องร่ายรำต่อไปแต่อย่างใดสัญญาระหว่างลิ่นฝูเสวี่ยเป็นเพียงการเติมเต็มความปรารถนาที่ยังไม่บรรลุผลของนาง แลกกับเบาะแสการตายของมารดาเมื่อรถม้ามาถึงประตูด้านหลังของจวนอ๋อง ฟู่เฉินหวนก็เหลือบมองนางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “เปลี่ยนอาภรณ์แล้วไปที่ห้องตำรา”“ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”หลังจากพูดเช่นนั้น ฟู่เฉินหวนก็ลุกขึ้นและลงจากรถม้าไปเมื่อกลับมาถึงจวน หลังจากลั่วชิงยวนเปลี่ยนอาภรณ์แล้ว นางก็เข้าไปในห้องตำราของฟู่เฉินหวนทันทีแต่นางกลับบังเอิญได้ยินเซียวชูรายงานในห้องตำราว่า “สวีซงหย่วนเป็นนักฆ่าสำนักอู๋จี๋จริง ๆ แต่หลังจากที่สวีซงหย่วนตายลง ก็ไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับสำนักอู๋จี๋เลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังหยุดทำกา
ลั่วชิงยวนตกตะลึงทันทีที่นางได้ยินคำถามนี้ นางตั้งใจเข้าไปสืบสวนเซี่ยหว่านโดยเฉพาะ เพียงเพราะอยากรู้ว่าแม่ของลั่วเยวี่ยอิงเสียชีวิตเช่นไร“นางถูกลั่วไห่ผิงสังหาร”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฟู่เฉินหวนก็ขมวดคิ้ว ความสงสัยปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนชัดในดวงตาของเขาลั่วชิงยวนพูดอย่างเย็นชา “หม่อมฉันสามารถบอกข่าวทั้งหมดที่หม่อมฉันรู้จากเซี่ยหว่านให้ท่านฟังได้ แต่ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองเพคะ”เช่นนั้นลั่วชิงยวนจึงบอกฟู่เฉินหวนถึงเนื้อความทั้งหมดในจดหมาย รวมทั้งเหตุผลที่นางไปสืบสวนเซี่ยหว่านแน่นอนว่านางมิได้พูดถึงลิ่นฝูเสวี่ยฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วตลอดเวลาที่ฟังหลังจากเล่าทุกอย่างจบแล้ว ฟู่เฉินหวนยังคงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งลั่วชิงยวนจึงลุกขึ้นยืน “หม่อมฉันบอกท่านทุกอย่างที่หม่อมฉันรู้หมดแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันขอรับของเหล่านี้ไป”หลังจากพูดจบนางก็จากไปพร้อมกับกล่องไม้ในมือหลังจากลั่วชิงยวนจากไป ซูโหยวจึงเข้ามาในห้องตำราด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พระชายาไม่เคยเอ่ยถึงพระชายาหลีเลยตลอดการเล่า คุ้มค่าจริงหรือที่ท่านอ๋องแลกเปลี่ยนร้านค้าและเงินมากมายกับข่าวเช่นนั้น?”ฟู่เฉินหวนกล่าวอ
ลั่วชิงยวนตอบกลับว่า “ข้าจักเป็นคนไปเอง เจ้ามิจำเป็นต้องไป”“เจ้าห้ามบอกฟู่เฉินหวนด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นข้าคงมิอาจไปได้”“ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”……เวลาเดียวกันในเมืองเล็ก ๆ นอกเมืองหลวงท่ามกลางคืนอันมืดมิด กลิ่นอายของจิตสังหารคลุ้งอบอวลไปทั่ว ร่างสองร่างวิ่งฝ่าความมืดกำลังวิ่งอย่างดุเดือด เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังกังวานพร้อมเปล่งไอสังหารออกมาเฉินเซี่ยวหานหันกลับไปมอง เขาผลักซ่งเชียนฉู่เข้าไปในตรอกมืด “มีคนมากเกินไป ข้าจะหลอกล่อพวกเขาไป!”“เจ้าต้องซ่อนตัวให้ดี ๆ ล่ะ!”เขาคลายมือข้างที่จับนางไว้ออก ใจของซ่งเชียนฉู่จมลงทันที “เฉินเซี่ยวหาน!”แต่ก่อนที่นางจะหยุดยั้งเขาได้ เขาก็วิ่งออกไปแล้วมือสังหารจากด้านหลังกำลังไล่ตามเขา ซ่งเชียนฉู่หมอบลงอย่างรวดเร็ว นางซ่อนตัวอยู่หลังกองขยะขณะที่มือสังหารเดินผ่านและไล่ตามเฉินเซี่ยวหานไป นางได้แต่มองดูอย่างช่วยไม่ได้ ซ่งเชียนฉู่นั่งยอง ๆ รออยู่บนพื้นอย่างประหม่า หลังจากนั้นไม่นาน มือเปื้อนเลือดคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนผนังซ่งเชียนฉู่ตกใจมากครู่ต่อมา เฉินเซี่ยวหานก็ปรากฏตัวที่ตรอกในสภาพที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด“เฉินเซี่ยวหาน!” ซ่งเชียนฉ
ในขณะนั้น มือของลั่วชิงยวนก็สั่นเทาในทันทีลูกศิษย์หรือ?อาจารย์พูดถึงนางหรือ?!ลั่วชิงยวนระงับความตื่นเต้นภายในใจ นางเอ่ยถามขึ้นว่า “นางพูดถึงลูกศิษย์เช่นไรหรือ?”ลิ่นฝูเสวี่ยไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วพูดว่า “นางบอกว่าลูกศิษย์ของนางฉลาดมาก ทั้งขยันและทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก แต่ในฐานะอาจารย์ นางเสียใจที่มิอาจอยู่กับอีกฝ่ายได้จนถึงที่สุด”“แต่นางรักลูกศิษย์ผู้นี้มาก นางบอกว่าลูกศิษย์ของนางมีหายนะครั้งใหญ่ ในฐานะอาจารย์ก็อยากจะช่วยให้นางผ่านพ้นไปได้”หายนะ?หัวใจของลั่วชิงยวนสั่นไหวสำหรับนางแล้ว หายนะที่ใหญ่ที่สุดคือความตายทว่านางได้เกิดใหม่แล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาจารย์ของนางหรือไม่?ลั่วชิงยวนถามอย่างกระตือรือร้น "มีอะไรอีกหรือไม่?"ลิ่นฝูเสวี่ยส่ายหน้า “ไม่มีอีกแล้ว นางพูดคุยกับข้ามากสุดเพียงเท่านี้”“เพียงแต่ในขณะที่นางกำลังคุยกับข้า ข้าก็บอกได้เลยว่านางพร้อมที่จะตายแล้ว”“ข้ามิแปลกใจเลยที่นางตาย นี่เป็นการตัดสินใจของนางเอง และข้าก็เคารพการตัดสินใจของนางด้วย”“แม้ว่าท่านจะพบว่าแม่ของท่านถูกลั่วไห่ผิงฆ่า แต่ข้าคิดว่าต้องมีเหตุผลอื่นอีกที่ทำให้แม่ของท่านตาย”“สำหรับเหต
นั่นหมายความว่า ทรัพย์สมบัติของตระกูลทั้งหมดเป็นของเขา อีกทั้งเขายังสามารถมอบตำแหน่งฮูหยินให้กับนางได้ด้วยเมื่อได้ยินเช่นนี้จะหามีผู้ใดบ้างมิถูกล่อลวง?“แต่บิดาของคุณชายฝูจะเห็นด้วยหรือ? อย่างไรภูมิหลังของข้า…” ลั่วชิงยวนถามอย่างสงสัยเมื่อฝูจ้าวเห็นนางถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจึงเตรียมความพร้อมไว้ก่อนแล้ว ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกตื่นเต้นและพูดอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อจะไม่ยุ่งเรื่องเช่นนี้กับข้า”“ท่านพ่อจะยอมทำทุกอย่างตามที่ข้าต้องการ”ที่ด้านข้าง ลิ่นฝูเสวี่ยกำลังกอดอกเดินอย่างช้า ๆ “ไยท่านถึงเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระกับเขา? ถามเข้าประเด็นหลักสิ”ลั่วชิงยวนมองไปที่ฝูจ้าวแล้วพูดว่า "หากเช่นนั้นแล้ว ข้าขอถามคุณชายฝูอีกเรื่องหนึ่ง ท่านตอบตามความจริงได้หรือไม่?"“ถามมาได้เลย” ฝูจ้าวพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ยังคงพึงพอใจกับคำพูดของฝูเสวี่ย“คุณชายฝู ท่านรู้จักหอสมุทรมรกตหรือไม่?” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเย็นชาทันทีที่เขาได้ยินสามคำนี้ การแสดงออกของฝูจ้าวก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “หอสมุทรมรกต เหตุใดเจ้าจึงถามเรื่องนี้?”“มีบางเรื่องที่คุณชายฝูอาจยังมิรู้ ผู้คนต่างพากันบอกว่าข้าเป็นลูกศิษย์ขอ