Share

บทที่ 567

Author: หว่านชิงอิ๋น
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยวาจา เซียวซูก็พรวดพราดเข้ามาทันที

“ท่านอ๋อง บาดแผลของพระองค์...”

ฟู่เฉินหวนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนอยู่ที่ใดเล่า? เจ้าจับตัวได้หรือไม่?”

เซียวซูก้มหน้า “มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“คนผู้นี้วิ่งเข้าไปในตลาดอันยุ่งวุ่นวาย มีผู้คนมากมายเหลือเกินจึงมิอาจจับตัวได้พ่ะย่ะค่ะ!”

ฟู่เฉินหวนสายตาเย็นชาเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า “มันคงเป็นมือสังหารของสำนักเทียนอิงที่พวกเรากำลังตามหาอยู่”

เขาเห็นรอยสักบนหลังมือของมือสังหาร

เซียวซูรู้สึกตื่นตกใจ “เช่นนั้นกระหม่อมจะส่งกำลังคนออกตามหามันอีก! หากคราวนี้มันหลบหนีไปได้ คราวหน้าก็คงมิเจอตัวแล้ว!”

ลั่วชิงยวนครุ่นคิด คราวหน้าพวกเขาคงได้แต่ไปตามหามือสังหารของสำนักเทียนอิงที่จวนตระกูลฝูแล้ว

วันนั้นนางพบมือสังหารของสำนักเทียนอิงที่จวนตระกูลฝู นางควรจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟู่เฉินหวนฟังหรือไม่?

“ที่จริงแล้ว...”

ก่อนที่นางจะทันได้พูดให้จบประโยค ลั่วอวิ๋นสี่ก็พลันเดินเข้ามา

“ฝูเสวี่ย ข้ามีเรื่องขอถามเจ้า”

ลั่วอวิ๋นสี่ยังคงดวงตาบวมแดง แต่ยามนี้แววตาของนางกลับเฉียบคมเป็นพิเศษ แม้น้ำเสียงจะแหบแห่งยิ่งกว่าเดิมก็ตามที

ฟู่เฉิน
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 568

    บนพื้นมีศพถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คนของทางการยังคงหามศพแล้ววางลงไปทีละศพ พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนรับใช้ของจวนมหาราชครู เมื่อลั่วอวิ๋นสี่เดินออกมาเห็นภาพนี้เข้า นางก็พลันยกมือปิดปากพลางพิงกับกรอบประตูแล้วทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง น้ำตาไหลอาบหน้าด้วยความเศร้าโศก นักการในศาลาว่าการรายงานต่อใต้เท้าเหอ หลังจากฟังเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ใต้เท้าเหอก็เดินเข้ามาบอกพวกนางทั้งสองคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “มิพบผู้รอดชีวิตในจวนมหาราชครู” แม้แต่ลั่วหรงก็ถูกสังหาร เรียกได้ว่าเป็นการสังหารล้างตระกูลก็ว่าได้ “ศพที่อยู่ข้างนอกเป็นศพของมือสังหารใช่หรือไม่?” ลั่วชิงยวนพยักหน้า “เจ้าค่ะ” “ทุกคนในจวนมหาราชครูล้วนตายตกด้วยน้ำมือของมัน” เมื่อใต้เท้าเหอได้ยินเช่นนี้ สายตาของเขาก็ทอดมองลั่วอวิ๋นสี่ที่อยู่ข้างกายนาง “วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นในจวนมหาราชครูกันแน่? แม่นางลั่ว เจ้าตามข้าไปที่ศาลาว่าการแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังได้หรือไม่?” อย่างไรเสียจวนมหาราชครูก็เกือบที่จะถูกสังหารล้างตระกูล เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนั้นขึ้นในเมืองหลวง หากเขามิทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ก็คงมิสาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 569

    ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้าง ลั่วอวิ๋นสี่กล่าวว่า “ลำพังด้วยน้ำเสียงของข้าในยามนี้ หากข้าสวมหน้ากาก ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าข้าเป็นใครแล้ว” “ข้าต้องแน่ใจว่าตัวข้าเองจะปลอดภัยเพื่อแก้แค้นให้ตระกูลของตัวข้าเองได้!” “พี่สาวข้าทำเรื่องพวกนี้มิได้หรอก” เมื่อนึกถึงลั่วหลางหลาง ลั่วชิงยวนเองก็รู้สึกเป็นกังวล หากลั่วหลางหลางรู้เรื่องนี้เข้า มิทราบว่านางจะเสียใจสักเพียงใด “ได้” นางตอบรับคำขอร้องของลั่วอวิ๋นสี่ จากนั้นนางก็ลอบออกไปจากจวนมหาราชครูพร้อมกับลั่วอวิ๋นสี่ ลั่วอวิ๋นสี่พกเงินเหรียญติดตัวมาเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น มิได้นำสิ่งใดไปอีก ลั่วชิงยวนพาอีกฝ่ายไปที่หอฝูเสวี่ย หลังจากชำระร่างกายและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แล้ว อีกฝ่ายก็สวมหน้ากาก ลั่วอวิ๋นสี่สวมชุดผ้าไหมสีเรียบอันสะอาดสะอ้าน ผมเกล้าเป็นทรงสูงและสวมหน้ากากเอาไว้ เพียงแค่ราตรีเดียว ท่าทางของอีกฝ่ายก็แปรเปลี่ยนไปชนิดสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ยามนี้อีกฝ่ายดูเหมือนบุรุษหนุ่มผู้มีท่าทีสุขุมมากกว่า… เมื่อยืนอยู่หน้ากระจกสำริด ลั่วอวิ๋นสี่ก็ได้ยินเสียงแหบแห้งของตนเองค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่มีลั่วอวิ๋นสี่อีกแล้ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 570

    ลั่วชิงยวนตอบแม่เล้าเฉินว่า “บอกว่าข้ากำลังพักผ่อนอยู่ ให้คุณชายฝูกลับมาวันหน้าเถอะ” “เจ้าค่ะ” แม่เล้าเฉินเดินออกไป ลั่วอวิ๋นสี่มองนางด้วยสีหน้าตกตะลึงสุดขีด “ข้าได้ยินว่าคุณชายฝูลุ่มหลงในตัวเจ้าถึงขั้นทุ่มเงินมหาศาลให้แก่เจ้า ตัวเจ้ารู้ว่าตระกูลฝูมีอันใดน่าสงสัยมานานแล้ว ถึงได้เจตนาเข้าหาเขาใช่หรือไม่?” ลั่วชิงยวนตอบว่า “เดิมทีเรื่องพวกนี้หาได้เกี่ยวข้องกันไม่ ทว่ายามนี้พบว่าล้วนเชื่อมโยงกับขุมกำลังเดียวกัน” “เรื่องมันยาวนัก ข้าจะค่อย ๆ เล่าให้เจ้าฟังก็แล้วกัน” ลั่วชิงยวนครุ่นคิดแล้วเริ่มต้นจากหอสมุทรมรกต ทั้งสองคนนั่งอยู่ในห้อง ส่วนลั่วอวิ๋นสี่ก็ตั้งใจฟังอยู่ตลอดทั้งคืน หลังจากลั่วอวิ๋นสี่ได้ยินเช่นนี้เข้า ก็ให้รู้สึกตกตะลึง “เจ้าสามารถหาเงื่อนงำได้ตั้งมากมายถึงเพียงนั้น ถึงเจ้าจะอยู่ในหอนางโลม แต่กลับลงมือกระทำเรื่องราวได้มากปานนั้นเชียว” “ส่วนข้ากลับเหมือนคนโง่งมที่ถูกหลอกใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า...” ตอนนี้นางตระหนักแล้วว่าเมื่อก่อนได้กระทำเรื่องไร้ประโยชน์เอาไว้มากมายเพียงใด เมื่อก่อนมีท่านตากับมารดาของนางคอยปกป้องคุ้มครอง นางจึงสามารถกระทำเรื่องอันใดก็ได้ตามที่ต้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 571

    ฟ่านซานเหอตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็หันหลังเดินตามฟู่เฉินหวนไป เดิมทีลั่วชิงยวนรู้สึกหวาดระแวง แต่เมื่อนางเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็ค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาต่างก้าวเดินเข้ามาในจวนมหาราชครู ทันทีที่นางเดินเข้ามาในจวนมหาราชครู นางก็ได้ยินลั่วเยวี่ยอิงเอ่ยกับลั่วหลางหลางว่า “ข้าเองก็รู้สึกเสียใจเรื่องการตายของอวิ๋นสี่ยิ่งนัก ถึงแม้ว่ายามนี้จะจับตัวมือสังหารได้แล้วก็ตามที แต่ข้ารู้สึกว่าเรื่องราวหาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่” “อวิ๋นสี่อาจล่วงเกินผู้ใดสักคนเข้าก็ได้” เมื่อลั่วหลางหลางได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอันมาก “ผู้ใดหรือ?” น้ำเสียงของลั่วเยวี่ยอิงฟังดูหนักหน่วง “ฝูเสวี่ยจากหอฝูเสวี่ยน่ะสิ อวิ๋นสี่บังเอิญเห็นนางคิดสังหารข้า ต่อมานางให้การเป็นพยานแทนข้าในศาลาว่าการ ข้าคิดว่านี่เป็นวิธีสังหารคนของนาง” “ครั้งที่สองพอนางถูกขอร้องเพื่อมาให้การเป็นพยานแทนข้าที่ศาลาว่าการ ก็เกิดเรื่องขึ้นในจวนมหาราชครู” ลั่วเยวี่ยอิงเริ่มร้องไห้ “ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้าเอง หากข้ามิได้ขอร้องให้นางให้การเป็นพยานแทนข้า นางก็คงมิต้องตาย” สีหน้าเศร้าโศกช่างแลดูสมจริงนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 572

    “หมู่นี้มีคนแปลกหน้าอยู่ในซีหยางบ้างหรือไม่? ที่เรือนมีกระไรน่าสงสัยหรือไม่?” “ตรัสให้ข้าดูแลหลางหลางให้ดี มิฉะนั้นพระองค์จะสังหารข้าทิ้งเสีย” เมื่อฟ่านซานเหอเอ่ยเช่นนี้ เขาก็กลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัวและเป็นกังวล ลั่วชิงยวนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวของเขาผ่านทางสีหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะถูกคำขู่ของฟู่เฉินหวนทำเอาหวาดกลัวแล้วจริง ๆ แต่นางก็มิคาดคิดว่าฟู่เฉินหวนจะเอ่ยเรื่องนี้กับฟ่านซานเหอขึ้นมาจริง ๆ “หมู่นี้ซีหยางสงบสุขดีหรือไม่เจ้าคะ?” ลั่วชิงยวนไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง ฟ่านซานเหอผงกศีรษะ “ทุกอย่างเรียบร้อยดี ตระกูลของข้าเองก็มั่นคงยิ่งนัก ไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรอก” “เช่นนั้นก็ดี ถึงแม้ว่าหลางหลางจะเป็นคนตระกูลลั่วเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่ แต่ก็ใช่ว่านางจะไร้ผู้หนุนหลัง หากตระกูลของท่านบังอาจรังแกนาง ตำหนักอ๋องย่อมไม่ละเว้นท่านแน่!” ฟ่านซานเหอผงกศีรษะด้วยสายตาหวาดกลัว หลังจากนั้นสักพัก ลั่วหลางหลางก็เดินออกมา เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ากำลังร้องไห้ “ท่านแม่ของข้าฝังไปแล้ว ข้าจะไปเยี่ยมท่าน” ฟ่านซานเหอรีบเข้าไปประคองนางแล้วกล่าวว่า “ข้าจักไปกับเจ้าด้วย” ลั่วหลางหลางมองมาที่ลั่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 573

    ยามนี้นางหาได้คิดจะมีบุตรกับฟ่านซานเหอแต่อย่างใดไม่ หรือบางทีวันหน้าก็อาจจะไม่ด้วย ฟ่านซานเหอถึงกับจิตใจสั่นสะท้านแล้วลดเสียงลง “หลางหลาง ข้าเองมิอยากทำเช่นนั้นเหมือนกัน ในใจข้ามีเพียงเจ้าและเจ้าก็จะเป็นเพียงผู้เดียวเสมอไป” “ข้าเองก็เกรงว่าสิ่งที่พวกเขาพูดจะฟังดูแสลงหูเกินไปและอาจทำให้เจ้าเสื่อมเสียชื่อเสียงเอาได้ ข้ามิอยากให้เจ้าได้รับความอยุติธรรม” ลั่วหลางหลางขมวดคิ้ว “ยามนี้ข้ามิอยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ ตกลงหรือไม่?” ฟ่านซานเหอผงกศีรษะแล้วมิได้เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก …… เมื่อตกเย็น อู๋อิ่งก็ส่งข่าวมาบอกว่าวันนี้เซี่ยหว่านอยู่ที่เรือนตามลำพัง ส่วนสามีผู้นั้นของนางออกไปข้างนอกและยังไม่กลับมาที่เรือน ฉะนั้นค่ำคืนนี้ ลั่วชิงยวนจึงเปลี่ยนเป็นชุดที่เหมาะสมพลางสวมหน้ากากอันแสนอัปลักษณ์ของลั่วชิงยวนแล้วไปที่ถนนฝูลู่ ลั่วอวิ๋นสี่เองก็เปลี่ยนเป็นชุดดำแล้วสวมหมวกคลุมหน้าสีดำสนิท เมื่อมาถึงนอกเรือน นางก็ได้ยินเสียงไอของเด็กหญิงตัวน้อยดังขึ้นทางด้านใน เซี่ยหว่านร้อนใจเสียจนเอ่ยขึ้นมาว่า “อิงอิง อยู่บ้านดี ๆ นะ แม่จักออกไปซื้อยามาให้เจ้า” จากนั้นก็มีเสียงรื้อค้นหีบและตู้ในห้อง คงจะเ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 574

    “หากเจ้ากล้าลงมือก็ลองดูสิ” ลั่วชิงยวนใช้มือข้างหนึ่งจับตัวหวังอิง ส่วนมืออีกข้างถือเข็มเงินเอาไว้ เซี่ยหว่านมิทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่นางจวนจะร้องไห้อยู่แล้ว “ได้โปรดเถอะ หากเจ้าประสงค์สิ่งใดก็บอกข้ามา! แต่อย่าทำร้ายบุตรสาวของข้าเลย!” ลั่วเยวี่ยอิงก็เอ่ยข่มขู่ด้วยน้ำเสียงที่ฉายแววแค้นเคืองว่า “ลั่วชิงยวน เจ้ามันต่ำช้านัก! รีบปล่อยหวังอิงเสีย มิฉะนั้นวันนี้เจ้าไม่มีทางก้าวออกจากประตูบานนี้ไปได้แน่!” เมื่อทาสใบ้ได้ยินเสียง เขาก็รีบชักมีดสั้นออกมาแล้วมองพวกนางด้วยสายตาคุกคาม ราวกับว่าพร้อมจะสังหารพวกนางได้ทุกเมื่อ ลั่วชิงยวนยิ้มเยาะ “ข้ามาวันนี้ก็เพราะอยากจะล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างมารดาของข้ากับหยวนซื่อ ข้าอยากทราบสาเหตุการตายของพวกนาง!” “เซี่ยหว่าน บุตรสาวของเจ้าเกิดมาทั้งอ่อนแอและติดพิษ เจ้ามีสามีเช่นนั้น ไม่เพียงแต่เจ้าจะโดนทรมาทรกรรม ทว่าบุตรสาวของเจ้าเองก็รู้สึกหวาดกลัวไปด้วย นางมิอาจใช้ชีวิตตามปกติได้เลย” “ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงอยู่รอดได้ไม่เกินสามปี” “หากเจ้าบอกความจริงกับข้าล่ะก็ ข้าสามารถช่วยนางได้! ให้พวกเจ้าแม่ลูกได้หลุดพ้นจากบุรุษผู้นั้นไปตลอดกาล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 575

    “เซี่ยหว่าน สิ่งที่ข้าอยากจะรู้คือความจริงของเรื่องราว หาใช่ผู้ใดสังหารผู้ใดไม่” “เจ้าควรจะคิดให้ดี ๆ ก่อนพูด” เซี่ยหว่านคุกเข่าลงกับพื้นพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจว่า “สิ่งที่ข้ากล่าวมาเป็นความจริง พวกนางสองคนผู้หนึ่งเป็นฮูหยิน ส่วนอีกผู้หนึ่งเป็นอนุ พวกนางย่อมเข้ากันมิได้อยู่แล้ว” “เดิมทีนายท่านรักใคร่ฮูหยินใหญ่ ทว่าต่อมาเนื่องจากความสัมพันธ์ร้าวฉาน ต่อมานายท่านก็หลงรักหยวนซื่อแล้วรับหยวนซื่อเข้ามาเป็นอนุ” “ฮูหยินใหญ่มิอาจทนหยวนซื่อได้ นางจึงพาลเกลียดชังนายท่านไปด้วย” “ครั้งหนึ่งเกือบทำให้นายท่านต้องสังเวยชีวิตแล้ว” “เมื่อหยวนซื่อทราบเรื่องนี้เข้า นางกลับคุมแค้นและวางยาพิษฮูหยินใหญ่” “ถึงแม้ว่าพวกนางมิได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่พวกนางก็หมายจะให้ตายกันไปข้างหนึ่ง” “ข้าก็มิทราบรายละเอียดมากไปกว่านี้แล้ว ที่ข้ารู้ก็มีเพียงเท่านี้!” หลังจากเซี่ยหว่านพูดจบ อีกฝ่ายก็ร่ำไห้วิงวอน “ได้โปรดอย่าทำร้ายบุตรสาวของข้า! ได้โปรดเถอะ!” เซี่ยหว่านมองไม่เห็นและมิทราบว่าลั่วชิงยวนปฏิบัติกับหวังอิงอย่างไร นางเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรสาวทั้งยังรู้สึกหวาดกลัวสุดขีดอีกด้วย เมื่อลั่วเย

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1304

    ลั่วชิงยวนมิแปลกใจ นี่คือวิถีของเฉินชีต่อให้เวินซินถงมิให้นางไป เฉินชีก็จะบังคับพานางไปให้ได้ในเมื่อประสบปัญหาที่ต้องเชิญนักบวชระดับสูงมาแก้ไข หากทำเรื่องนี้สำเร็จก็จะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่ลั่วชิงยวน ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการทวงคืนตำแหน่งนักบวชระดับสูงในภายภาคหน้านี่เป็นสิ่งที่เฉินชีกำลังคิดอยู่......เช้าวันรุ่งขึ้นเวินซินถงมาถึงหน้าเรือนของลั่วชิงยวนนางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตามข้าไปตระกูลมู่”“นำสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ไปด้วย”กล่าวจบ เวินซินถงก็หันหลังเดินจากไปลั่วชิงยวนยังมิทันได้ถามว่านางควรนำสิ่งใดไป?เพราะสถานการณ์ของตระกูลมู่เป็นเช่นไรนางก็ยังมิรู้อีกทั้งเมื่อก่อนตอนที่นางเป็นนักบวชระดับสูงก็ไม่มีธรรมเนียมเช่นนี้ด้วย จึงมิรู้ว่าควรนำสิ่งใดไปเซี่ยหลิงที่ติดตามอยู่ข้าง ๆ เตือนลั่วชิงยวน “เจ้ามิเคยออกไปกับนักบวชระดับสูง ต้องเตรียมสิ่งใดก็ไปถามจั๋วฉ่างตงเถิด”ลั่วชิงยวนตกตะลึงไปครู่หนึ่งนางหรี่ตาลง นี่จงใจให้นางไปหาจั๋วฉ่างตงให้จั๋วฉ่างตงกลั่นแกล้งนางเพื่อระบายความแค้นให้จั๋วฉ่างตงหรือำร?ลั่วชิงยวนครุ่นคิด แล้วก็ไปหาจั๋วฉ่างตงที่เรือนเมื่อไปถึง จั๋ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1303

    ฝ่ามือที่ตบลงบนใบหน้าทำให้หลานจีล้มลงกับพื้น โลหิตไหลออกจากมุมปาก“ท่านแม่ทัพ!” หลานจีเงยหน้ามองเขาด้วยความตกใจมิรู้เลยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เฉินชีจิกผมของนางอย่างรุนแรง กระชากนางให้ลุกขึ้นจากพื้น แล้วบีบใบหน้าของนางด้วยพละกำลังมหาศาลพลางเค้นถามด้วยเสียงดุดัน “เจ้าทำกระไรลงไป?!”“ผู้ใดใช้ให้เจ้าให้ยาแก่นางแล้วปล่อยนางไป?!”หลานจีสับสน หยาดน้ำตาไหลรินด้วยความรู้สึกเสียใจมาก “ท่านแม่ทัพ ข้ามิรู้ว่าท่านกำลังพูดถึงเรื่องใด”“มิใช่ข้าจงใจปล่อยนางไป นางไปเองต่างหากเจ้าค่ะ”“ข้ามิได้ทำอะไรเลย”เฉินชียังคงเต็มไปด้วยโทสะ “เจ้าคิดว่าข้ามิรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเจ้ารึ!”“ข้าขอเตือนเจ้า หากเจ้ากล้าทำอะไรลับหลังอีกก็ไสหัวไป!”กล่าวจบ เฉินชีก็ปล่อยนางเขาไว้ชีวิตนางอีกครั้งเดิมทีเขาตั้งใจจะมาสังหารหลานจี แต่เมื่อเห็นน้ำตาของนางแล้วกลับรู้สึกราวกับได้เห็นลั่วเหลา จึงยอมไว้ชีวิตนางหลานจีทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง มองแผ่นหลังของเฉินชีที่จากไปด้วยความโกรธพลางร่ำไห้สะอึกสะอื้นนางมิรู้ว่าตนทำสิ่งใดผิดและมิรู้ว่าเหตุใดท่านแม่ทัพจึงมีท่าทีต่อนางเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ทั้งท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1302

    เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปในทันที“กระหม่อมเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ โปรดอภัยให้กระหม่อมที่มิสามารถทำตามพระบัญชาได้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงผู้นี้ชอบเฉินชี หากเขาติดตามองค์หญิงไปก็คงจะได้พบกับเฉินชีเป็นแน่ มิหนำซ้ำ เกาเหมียวเหมี่ยวก็ช่วยเขาฆ่าเฉินชีมิได้เมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกครั้ง สีหน้าของเกาเหมียวเหมี่ยวจึงดูมิดีนักฉินอี้จึงต้องก้าวออกมา “เหมียวเหมี่ยว คนที่คอยคุ้มครองเจ้ายังมิพออีกหรือ?”“ข้างกายพี่ใหญ่มีองครักษ์คนนี้อยู่เพียงคนเดียว เจ้าอย่าแย่งเขาไปเลย”สีหน้าของฉินอี้ดูเหมือนคนจนใจน้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวก็มิกล้าที่จะบังคับอีก นางตอบอย่างมิพอใจว่า “ก็ได้”“รอจนกว่าท่านจะมิต้องการเขาแล้ว ค่อยให้หม่อมฉันก็แล้วกัน”“หม่อมฉันค่อนข้างชอบเขา”เกาเหมียวเหมี่ยวพูดพลางมองฟู่เฉินหวน บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับเฉินชีมิใช่หน้าตาที่เหมือน แต่เป็นอารมณ์เย็นชาหยิ่งผยองและความกล้าหาญที่จะปฏิเสธนางโดยมิแม้แต่จะเสียงสั่นในเมื่อยังมิสามารถทำให้เฉินชีสยบต่อนางได้ในเร็ววัน การ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1301

    “ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์”กล่าวจบ เขาก็พาฟู่เฉินหวนเดินไปทว่าระหว่างทางกลับพบเกาเหมียวเหมี่ยวเดินสวนมาพอดีฉินอี้เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยถาม “เหมียวเหมี่ยว อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”เกาเหมียวเหมี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บาดแผลเพียงเท่านี้คร่าชีวิตหม่อมฉันมิได้หรอก อีกอย่าง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานยาให้หม่อมฉันมากมาย มิเจ็บปวดแผลแล้ว”ฉินอี้พยักหน้า “บาดแผลของเจ้าหายเร็วได้เช่นนี้ก็เพราะกินน้ำแกงโสมมังกรมาตลอด เจ้าต้องกินทุกวันตามเวลา ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น!”“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ดวงตาเป็นประกายน้ำแกงโสมมังกรหรือ?เป็นโสมมังกรชนิดเดียวกับที่หมอหลวงมู่ให้เขากินหรือไม่?สิ่งนี้แม้แต่หมอหลวงมู่ก็มีเพียงชิ้นเดียว มิเคยพบเห็นชิ้นที่สองแต่องค์หญิงแห่งแคว้นหลีกลับได้กินทุกวันเลยหรือ?เขาอดสงสัยมิได้ว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีเลยมิใช่หรือ?เปลวไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นในใจของฟู่เฉินหวนฉินอี้เดินจากไปแล้ว แต่ฟู่เฉินหวนยังคงยื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1300

    ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างใจเย็น “องค์ชายใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรกันแน่!”วันนั้นในคุกใต้ดิน เกือบจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้นของลั่วชิงยวนแล้วแต่กลับถูกเฉินชีขัดจังหวะเสียก่อนหลังจากกลับไป เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาอาจมิใส่ใจเรื่องราวในอดีตได้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา! เขาจะมิใส่ใจคงมิได้!ลั่วชิงยวนกลับยกยิ้ม “องค์ชายใหญ่เชื่อจริงจังเลยหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันเพียงต้องการเอาชีวิตรอด จึงพูดจาเหลวไหลไปเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างมองนางด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่ากระไรนะ?!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมฉันมิอยากพูดซ้ำสอง”ฉินอี้โกรธจนอยากจะลงมือ แต่ก็อดกลั้นไว้ เขาไม่มีทางต่อกรกับลั่วชิงยวนได้สุดท้ายก็ได้แต่จากไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นฉินอี้จากไป เงาร่างที่แอบฟังอยู่ก็รีบจากไปเช่นกันอาการของฉินอี้นั้นมีสาเหตุจริง แต่เรื่องนี้ยังมิอาจบอกให้ฉินอี้รู้ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่หากพูดออกไป ปัญหาที่นางจะต้องเผชิญจะมิใช่เพียงเรื่องรา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1299

    อวี๋โหรวพยักหน้า รีบเช็ดน้ำตา “ขอบคุณ”ลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสถามอวี๋โหรว “อันที่จริงข้าสงสัยเรื่องนักบวชระดับสูงคนก่อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร?”อวี๋โหรวตกใจเล็กน้อยคาดเดาในใจว่าลั่วชิงยวนคงสอบถามเรื่องนี้เพราะเฉินชีเพราะว่าเฉินชีก็มีใจให้ลั่วเหลาเช่นเดียวกันนางอธิบาย “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางตายอย่างไร”“วันนั้นนางบำเพ็ญเพียรอยู่ที่หอเทียนฉี วันรุ่งขึ้นเมื่อมีคนมาพบก็เหลือเพียงโลหิตกองเต็มพื้น”“บนพื้นยังมีร่องรอยการลากศพด้วย”“แต่ส่งคนออกไปตามหาศพตั้งมากมายก็หามิพบ”“เฉินชีแทบจะพลิกทั่วทั้งวัง แทบจะคลุ้มคลั่งสังหารคนในสำนักนักบวชไปเสียสิ้น”“ยังดีที่จักรพรรดิทรงนำราชองครักษ์เกราะเหล็กมาด้วยพระองค์เอง จึงสามารถควบคุมตัวเฉินชีไว้ได้”“เรื่องการตายของนักบวชระดับสูงนั้นมีการสืบสวนอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ เบาะแสทั้งหมดหยุดอยู่ที่หอเทียนฉี”“นอกหอเทียนฉีไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ”“นานวันเข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไป”ตามคำบอกเล่าของอวี๋โหรว ลั่วชิงยวนก็หวนนึกถึงคืนนั้นหอเทียนฉีเป็นสถานที่ที่นักบวชระดับสูงจะท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1298

    อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1297

    ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1296

    จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status