แชร์

บทที่ 553

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
ใต้เท้าเหอตอบว่า “ยืนยันตัวตนของพวกเขาได้มิต้องกังวลไปหรอก แต่ก็ยังคงต้องแกะรอยทุกคนที่มาในวันนี้”

ลั่วชิงยวนพยักหน้าและกำลังจะออกไป จู่ ๆ ก็พลันนึกถึงผู้ใดสักคนขึ้นมาได้

“จริงด้วยสิ ท่านลองตรวจสอบหลิวซิงเหอเจ้าของสวนเซียงอู๋ดูสิเจ้าคะ คนผู้นี้มีบางอย่างมิชอบมาพากล!”

“แต่หาอย่าได้กระโตกกระตากไป”

ใต้เท้าเหอดวงตาเป็นประกาย “เข้าใจแล้ว”

ลั่วชิงยวนออกจากคุกแล้วลอบออกทางประตูหลังของจวนใต้เท้าเหอ

ค่ำมืดดึกดื่นและถนนก็เงียบสงัดยิ่ง ลั่วชิงยวนลอบเข้าไปในจวนมหาราชครู

นับตั้งแต่ท่านมหาราชครูจากไป จวนมหาราชครูก็ร้างไร้ผู้คน ประตูปิดสนิทและบ่าวเฝ้าประตูก็ไปพักผ่อนกันหมดแล้ว

ลั่วชิงยวนมาถึงเรือนชั้นในโดยไร้ซึ่งอุปสรรค

เมื่อเห็นนอกห้องยังจุดโคมอยู่ นางจึงลอบเข้ามาใกล้ ๆ

เสียงร้องไห้ของลั่วอวิ๋นสี่ดังขึ้นมาจากในห้อง “ท่านแม่! ตอนนั้นท่านลงโทษข้าเพราะลั่วชิงยวนก็แล้วไปเถอะ ทว่ายามนี้เพียงเพราะสตรีจากหอนางโลม ไฉนท่านต้องช่วยนางด้วยเล่า?”

“ข้ามิได้ทำอันใดผิด! ในสายตาของท่าน ข้ายังสู้นางคณิกาคนหนึ่งมิได้เชียวหรือ? ไยท่านจึงคิดว่าข้าเจตนาทำร้ายนางเล่า?”

“ข้าเป็นบุตรีของท่านนะ ในใจข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
นันทกา ฤทธิ์เดช
อ่านมา553ตอนล่ะยังไม่มีไรคืบหน้า วกไปวนมาจนเริ่มจะเบื่อ จากที่ตอนแรกๆน่าติดตาม ฝากถึงผู้เขียนนะ นึกถึงจิตใจคนอ่านเยอะๆ อย่าเห็นแก่เงินมากนัก อย่าทำให้ติดตามแล้วต้องพาลมาโกรธนักเขียนเรย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 554

    ลั่วอวิ๋นสี่ตัวสั่นสะท้านรุนแรงและรู้สึกตกใจสุดขีด เมื่อนางหันกลับไปก็เห็นฝูเสวี่ย แข้งขาของนางพลันอ่อนยวบจนต้องรีบเกาะโต๊ะเอาไว้ “เจ้า!” “เจ้าแหกคุกออกมากระนั้นหรือ?” ท่ามกลางรัตติกาลอันมืดมิด ฝูเสวี่ยที่ลอบปรากฏตัวในห้องของนาง และหน้ากากชิ้นนั้นชวนให้ลั่วอวิ๋นสี่รู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกมิถูก ลั่วชิงยวนค่อย ๆ เดินเข้ามา จากนั้นลั่วอวิ๋นสี่ก็หวาดกลัวเสียจนถอยหลังอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า “เจ้าคิดจะกระไรกันแน่? อย่าเข้ามานะ! ที่นี่คือจวนมหาราชครู หากเจ้าแน่จริงก็ลงมือสิ...” “อ๊า!” ก่อนที่ลั่วอวิ๋นสี่จะทันได้เอ่ยวาจาข่มขู่ให้จบ ลั่วชิงยวนก็พลันตะปบเข้าที่ลำคอของนาง เรี่ยวแรงช่างมหาศาลเสียจนลั่วอวิ๋นสี่มีเวลาทันให้ได้กรีดร้องเท่านั้นแล้วก็ส่งเสียงไม่ออกอีกต่อไป นางปัดป่ายมือเท้าพลางดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ความหวั่นเกรงต่อความตายพุ่งเข้ากลืนกินตัวนาง ทำเอาลั่วอวิ๋นสี่ถึงกับจิตใจสั่นสะท้าน ลั่วชิงยวนใช้มืออีกข้างคว้าข้อมือของลั่วอวิ๋นสี่เอาไว้ จากนั้นก็สังเกตเห็นรอยเลือดสีแดงสดที่อยู่ข้างในข้อมือของอีกฝ่าย “ลั่วอวิ๋นสี่ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกสักครั้ง จงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 555

    “กินโอสถตามเทียบยาของข้าวันละถ้วยประมาณครึ่งเดือนก็จะขจัดพิษออกจากร่างกายได้” ลั่วอวิ๋นสี่รับเทียบยามาด้วยสีหน้าซีดขาว “เอาล่ะ พรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปรับโอสถ” ลั่วอวิ๋นสี่รู้สึกลังเลใจ เพราะมิทราบว่าควรจะขอบคุณดีหรือไม่ แต่นางรู้สึกว่าการที่ฝูเสวี่ยช่วยเหลือตนจะต้องมีจุดประสงค์เป็นแน่ “มิได้หรอก ให้คนไปรับโอสถมาต้มยาเดี๋ยวนี้เถอะ” ลั่วชิงยวนมีท่าทีแน่วแน่และไม่คิดจะลุกจากไป ลั่วอวิ๋นสี่ลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ออกไปเรียกคน สั่งให้คนไปรับโอสถแล้วต้มยา นับตั้งแต่ต้นจนจบ ลั่วอวิ๋นสี่มิปล่อยให้ผู้ใดมองเห็นลั่วชิงยวนที่กำลังนั่งอยู่ในห้อง ผู้ที่ไปรับโอสถจากไปแล้ว โดยมีลั่วอวิ๋นสี่กับลั่วชิงยวนนั่งอยู่ตรงโต๊ะ ลั่วอวิ๋นสี่ขมวดคิ้วแล้วเอาแต่นิ่งเงียบ บรรยากาศทวีความกระอักกระอ่วนขึ้นเรื่อย ๆ ทว่ากลับมิทราบว่าจะเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นจากตรงไหนดี ลั่วชิงยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “หลังจากกินโอสถถ้วยแรกไปแล้ว คืนนี้ความทรงจำของเจ้าก็จะค่อย ๆ ฟื้นกลับคืนมา แต่อาจยังรู้สึกสับสนอยู่บ้าง” “ลำพังด้วยร่างกายของเจ้า คงต้องใช้เวลาถึงสี่ห้าวันกว่าความทรงจำจะกลับคืนเป็นปกติ” “แต่ข

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 556

    เมื่อลั่วชิงยวนมองไปที่ประตู นางก็เห็นหลายคนถือโคมไฟเข้ามาในเรือน ดูเหมือนว่าท่านอาลั่วหรงจะมาแล้ว “ข้าต้องไปก่อน! เจ้าจงจดจำคำของข้าไว้ให้มั่น อย่าได้เล่าเรื่องคืนนี้ให้ผู้ใดฟังเป็นอันขาด!” “รวมทั้งมารดาและคนรักของเจ้าด้วย!” “เจ้ามีเจตจำนงสังหารอยู่แล้ว หากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา จะต้องมีคนตายมากกว่าหนึ่งศพ!” ลั่วชิงยวนเห็นมีดดาบเล่มสีดำสนิทตรงหว่างคิ้วของลั่วอวิ๋นสี่ยังคงอยู่ตรงนั้น นี่อาจจะเป็นเคราะห์หนักของลั่วอวิ๋นสี่ก็ได้ หากนางผ่านพ้นไปได้โดยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน เช่นนั้นเคราะห์กรรมสลายไป หากนางผ่านพ้นไปมิได้ นางคงได้เดือดร้อนหนักเป็นแน่! ลั่วอวิ๋นสี่หาใช่เพียงผู้เดียวที่ได้รับผลกระทบไม่ ในยามนั้นเอง ลั่วอวิ๋นสี่ก็รู้สึกตะลึงงัน ไฉนวาจาเหล่านี้จึงฟังดูคุ้นหูนัก? ใช่ฟังดูคล้ายกับสิ่งที่ลั่วชิงยวนเคยกล่าวไว้หรือไม่? ฝูเสวี่ยผู้นี้ทำนายดวงชะตาไม่เป็นมิใช่หรือ นางเป็นแค่นางรำจากหอนางโลมเท่านั้น ไฉนนางจึงได้เอ่ยวาจาเช่นนั้นออกมา? “ข้าเข้าใจแล้ว” ลั่วอวิ๋นสี่ตอบพลางขมวดคิ้วแน่น นางมองผู้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเคร่งเครียดยิ่ง ราวกับว่านางอยากจะเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 557

    นางกลับมาที่ห้องขังก่อนยามฟ้าสาง ใต้เท้าเหอพยายามสุดความสามารถเพื่อไต่สวนจ้าวต้าเปียวที่อยู่ในคุกและหาหลักฐานอยู่ตลอดทั้งคืน “ใต้เท้าเหอ ลำบากท่านแล้วเจ้าค่ะ” ขณะที่ลั่วชิงยวนเดินผ่านห้องไต่สวน นางก็พยักหน้าให้ใต้เท้าเหอ ใต้เท้าเหอเองก็พยักหน้าให้พลางรู้สึกโล่งอกที่เห็นนางกลับมา ช่างบังเอิญที่ยามนั้นได้ยินเสียงไก่ขันขึ้นทางด้านนอกพอดี “ก่อนฟ้าสางก็คือก่อนฟ้าสางจริง ๆ ช่างตรงเวลานัก” ใต้เท้าเหอนวดคึงดวงตาที่อ่อนล้าแล้วเตรียมที่จะไปพักผ่อน “ไต่สวนต่อไป แต่ระวังอย่าทรมานคนจนถึงตายเล่า” เมื่อลั่วชิงยวนกลับมาที่ห้องขัง นางก็นั่งขัดสมาธิรอฟังข่าว หากพยานที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวเหล่านี้ถูกข่มขู่หรือไม่ก็ติดสินบน ขอเพียงไต่สวนให้ละเอียดรอบคอบก็จะพบหลักฐานเอง ​แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลา อีกอย่างลั่วเยวี่ยอิงกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็ย่อมไม่มีทางให้เวลาแก่นางเป็นแน่! นางหลับตาลงแล้วงีบหลับไป หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนยกอาหารมาให้ “ได้เวลากินข้าวแล้ว” อีกฝ่ายหยิบอาหารออกมาจากกล่องอาหารทีละจาน ๆ พลางเอ่ยเตือนขึ้นมาอีกครั้งว่า “ได้เวลากินข้าวแล้ว” แต่ลั่วชิงยวนก็ยังมิยอมลืมตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 558

    ณ ตำหนักอ๋อง ห้องตำรา “ท่านอ๋อง มีข่าวจากในคุกว่ามือสังหารพยายามที่จะกำจัดฝูเสวี่ย แต่... ฝูเสวี่ยกลับต้องพิษพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนี้เข้า มือที่ถือรายงานลับของเขาก็สั่นเทาอยู่บ้าง “ต้องพิษหรือ? นางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?” ซูโหยวตอบว่า “นางยังมีชีวิตอยู่พ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้าเหอรีบเรียกหมอทันที ว่ากันว่ามิใช่พิษร้ายแรงอันใด แต่นางก็ยังมิได้สติ ท่านอ๋อง พระองค์อยากจะส่งหมอไปตรวจดูอาการที่คุกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ฟู่เฉินหวนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เอ่ยเสียงทุ้มขึ้นมาว่า “มิต้องหรอก นางกำลังประวิงเวลาอยู่” เขาไม่เชื่อหรอกว่าหลังจากเห็นหน้าค่าตาของพวกมันชัดเจนแล้ว ลั่วชิงยวนจะโง่เสียจนยอมกินอาหารที่มือสังหารเอามาส่งให้ นางต้องพิษทว่ามิตาย ฉะนั้นนางจึงได้แต่แสร้งทำเป็นต้องพิษเพื่อยื้อเวลา “ประวิงเวลาหรือพ่ะย่ะค่ะ? แม่นางฝูเสวี่ยกำลังรอผู้ใดกัน? หรือนางกำลังรอคอยข่าวคราวบางอย่างกันแน่?” ซูโหยวรู้สึกสับสน นางรำธรรมดาสามัญจากหอนางโลมจะมีความคิดเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า ฟู่เฉินหวนครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เรื่องที่สั่งให้เจ้าไปสืบ มีความคืบหน้าอันใดบ้างหร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 559

    ใต้เท้าเหอกล่าวด้วยท่าทีจนใจ “เจ้าจะสนใจเรื่องพวกนี้หาปะไร? ขอเพียงทุกอย่างเรียบร้อยก็เป็นพอ” “รีบกลับเข้าคุกไปก่อนที่จะมีใครมาพบเข้าเถอะ” ใต้เท้าเหอเอ่ยเร่งให้นางกลับเข้าไปในคุก หลังจากวันนั้น ทุกอย่างก็สงบไร้คลื่นลม ก่อนเที่ยงวัน อู๋อิ่งรีบเข้ามาในคุกภายใต้การตระเตรียมของใต้เท้าเหอ เมื่อใต้เท้าเหอได้ยินคำไต่สวนเรื่องของหลิวซิงเหอ เขาก็รู้สึกสับสนยิ่งนัก “ข้าส่งคนไปสืบดูแล้ว อัครเสนาบดีลั่วจ่ายเงินชดเชยให้หลิวซิงเหอแทนลั่วเยวี่ยอิงถึงห้าหมื่นตำลึง เรื่องนี้ก็เป็นอันจบลง หลิวซิงเหอมิได้คิดจะสืบสาวราวเรื่องที่สวนเซียงอู๋เกิดเหตุเพลิงไหม้อีก” “มิหนำซ้ำพื้นเพของหลิวซิงเหอเองก็ช่างแสนจะธรรมดายิ่ง หามีอันใดน่าสงสัยไม่” อู๋อิ่งกล่าวว่า “หลิวซิงเหอสารภาพกับข้าว่าเขาขายสวนเซียงอู๋ไปเมื่อห้าปีก่อน ผู้ซื้อที่อยู่เบื้องหลังสวนเซียงอู๋มิต้องการเปิดเผยตัวตน ดังนั้นภายนอกเขาจึงยังคงเป็นเจ้าของสวนเซียงอู๋” “ตอนที่สวนเซียงอู๋เกิดเหตุเพลิงไหม้ เขามิได้สูญเสียอันใดเลย ฉะนั้นย่อมมิเสียใจอยู่แล้ว” เมื่อใต้เท้าเหอได้ยินเช่นนี้เข้าก็รู้สึกตกตะลึง “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?” อู๋อิ่งเหลือบมอ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 560

    “เจ้าคิดจะกลับคำให้การหรือ? เพราะเหตุใดกัน? ฝูเสวี่ยผู้นั้นเกือบสังหารเจ้าอยู่แล้วนะ! นางข่มขู่เจ้าใช่หรือไม่? นางเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าปวดศีรษะใช่หรือไม่?” สวีซงหย่วนมองนางด้วยสายตาตื่นตะลึงพลางรู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง “เพราะฝูเสวี่ยมิใช่ผู้ที่ทำร้ายข้า แต่เป็นลั่วเยวี่ยอิงต่างหากเล่า! ลั่วเยวี่ยอิงมิเพียงแต่ทำร้ายข้า นางยังคิดจะยืมมือข้ากำจัดฝูเสวี่ยอีกด้วย!” “พี่สวี รีบพาข้าไปที่ศาลาว่าการเร็วเข้า! อย่าให้ท่านแม่รู้เรื่องนี้เป็นอันขาดนะเจ้าคะ!” ลั่วอวิ๋นสี่คว้าแขนของสวีซงหย่วนด้วยท่าทีร้อนใจ จากนั้นก็ขอร้องให้เขาพาไปที่ศาลาว่าการ ทว่าสวีซงหย่วนกลับขมวดคิ้ว “อวิ๋นสี่ เจ้าเจอฝูเสวี่ยใช่หรือไม่? นางแหกคุกออกมากระนั้นหรือ?” “เจ้าอย่าถูกนางหลอกเป็นอันขาดเชียวนะ! หากเจ้าไปกลับคำให้การที่ศาลาว่าการ มิเท่ากับว่าทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนหรอกหรือ?” “อวิ๋นสี่ เจ้ามิสบายก็ควรจะพักผ่อนให้ดีเสียก่อน” สวีซงหย่วนดันลั่วอวิ๋นสี่ให้นอนลงกับเตียงแล้วห่มผ้าให้นาง ศีรษะของลั่วอวิ๋นสี่ทั้งสับสนและปวดตุบ ๆ ชวนให้รู้สึกไม่สบายยิ่ง “พี่สวี นี่เป็นเรื่องสำคัญ ข้าต้องไปเจ้าค่ะ!” “หวกท่านมิพาข้าไป

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 561

    จ้าวต้าเปียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่นใจว่า “ข้าคิดจะเผาสวนเซียงอู๋จริง ๆ! ข้าทำงานอยู่ในสวนเซียงอู๋มาหลายปี ยามที่ข้าเห็นเหล่าคุณชายและคุณหนูผู้มั่งคั่งพวกนั้นต่างพากันมาที่สวนเซียงอู๋ด้วยท่าทีสุขสำราญใจเช่นนั้น ข้าก็รู้สึกขุ่นเคืองใจนัก!” “ไฉนพวกเราต้องเกิดมายากจนข้นแค้น? ไฉนพวกเราต้องมีชีวิตลำบากลำบนถึงเพียงนี้! หลังจากพวกเราตรากตรำทำงานหนักมาตลอดปี เงินที่พวกเราหามาได้ยังมีมูลค่ามิเท่ากับถ้วยชาสักใบที่บรรดาคุณชายและคุณหนูพวกนั้นใช้เลยกระมัง? เพราะเหตุใดกัน!” ลั่วชิงยวนหรี่ตาเล็กน้อยแล้วอดมิได้ที่จะเหลือบมองมาที่ลั่วไห่ผิง ลั่วไห่ผิงจงใจเตือนสติจ้าวต้าเปียว เขาพยายามที่จะช่วยลั่วเยวี่ยอิงให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหา หรือว่าเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังด้วย? เรื่องนี้เตือนให้ลั่วชิงยวนระลึกถึงการเสียชีวิตของท่านมหาราชครู อย่างไรเสียวันนั้นครั้นเมื่อท่านมหาราชครูพบปะกับลั่วไห่ผิงตามลำพัง ก็คงมีแต่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ทราบเรื่องที่คุยกัน ลั่วไห่ผิงแค่นเสียงเย็นชา “แน่นอนว่าย่อมต้องแยกออกเป็นสองคดีอยู่แล้ว!” “ฝูเสวี่ยเป็นสตรีจากหอนางโลมแท้ ๆ แต่บังอาจวางแผนสังหา

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1219

    “แต่ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องก็เคยรับลั่วเยวี่ยอิงเป็นพระชายารองมาก่อน เรื่องของลั่วเยวี่ยอิงกับเหยียนผิงเซียวก็ดังไปทั่ว ท่านอ๋องยังแต่งงานกับลั่วเยวี่ยอิง”“ตอนนั้นท่านยังมิรู้สึกเสียหน้า เหตุใดจึงมารู้สึกตอนที่พระชายาอ๋องทำให้ท่านเสียหน้าเล่า!”“ใช่ นี่มันมากเกินไปแล้ว!”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องยังเป็นถึงมหาปราชญ์ ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงด้วย! ท่านอ๋องช่างอาจหาญนัก บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่า!”“ท่านก็มิได้ฆ่าอย่างเปิดเผย แค่ไฟไหม้ พระชายาจึงสิ้นใจไป ใครจะมีหลักฐานว่าท่านเป็นคนฆ่า เฮ้อ...”“น่าสงสารพระชายา ต้องอดทนมาตลอดชีวิต”เพียงวันเดียว ชื่อเสียงของฟู่เฉินหวนก็เสื่อมเสียลงอย่างมากจือเฉาคุกเข่าร้องไห้อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังครึ่งวัน เดิมทีอยากจะออกจากตำหนักอ๋องไปแต่กลับถูกองครักษ์ขวางไว้ “เจ้าออกจากตำหนักมิได้”“เหตุใด? พระชายาจากไปแล้ว ข้ามิอยากอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว!” จือเฉาพูดพลางน้ำตาไหล“ไม่มีเหตุผล เจ้าไปมิได้”กล่าวจบ องครักษ์สองคนก็ลากจือเฉาไปขังไว้ในเรือนอีกแห่ง“ปล่อยข้า! ปล่อยข้า!”“พวกเจ้าจะทำอะไร!”ประตูลั่นดาล จือเฉาทุบประตูอย่างสุดกำลังแต่ก็ไร้ผลสุดท้ายก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1218

    ฟู่เฉินหวนยังคงนิ่งเงียบ มิเอ่ยคำใดสักคำจักรพรรดิสูงสุดโกรธจัด พลันตบหน้าฟู่เฉินหวนเข้าไปอีกสองฉาดอย่างแรงจนตัวเองเกือบล้มลงไปที่พื้นดีที่ขันทีรีบเข้ามาพยุงไว้ได้ทันจักรพรรดิสูงสุดชี้นิ้วไปที่ฟู่เฉินหวนด้วยความโกรธจัดจนแทบหายใจมิออก “เจ้ามันโหดร้ายเกินไปแล้ว!”ฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “คนที่อยากได้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ ก็ต้องยอมเสียสละบ้างเป็นธรรมดา”“เจ้าอยากให้ข้าตายใช่หรือไม่!” จักรพรรดิสูงสุดโกรธจนแทบคลั่ง อยากจะเข้าไปเตะซ้ำอีกสักสองที แต่แล้วก็วูบหมดสติไปจักรพรรดิสูงสุดเป็นลมล้มพับไปหมอหลวงรีบมาตรวจชีพจรและตรวจร่างกายอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอันตราย ฟู่เฉินหวนก็ขอตัวออกไปเขาเดินไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิที่ห้องทรงพระอักษรทั้งที่ยังมีรอยฝ่ามือแดงปรากฏอยู่บนใบหน้าฟู่อวิ๋นโจวตอนนี้ร้อนใจยิ่งกว่าจักรพรรดิสูงสุด รีบถามทันที “ลั่วชิงยวนปลอดภัยดีใช่หรือไม่?”ฟู่เฉินหวนยังคงตอบเหมือนเดิม “นางตายแล้ว”ฟู่อวิ๋นโจวตัวแข็งทื่อทันใด ตะลึงงันราวถูกฟ้าผ่าเขาจ้องมองฟู่เฉินหวนด้วยความตกใจ ดวงตาพลันกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ จากนั้นวิ่งเข้ามากระชากคอเสื้อฟู่เฉินหวน“ฟู่เฉินหว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1217

    “พ่ะย่ะค่ะ!”ศพถูกนำออกจากตำหนักอ๋องเฉินชีที่กำลังรีบมาที่ตำหนักอ๋องบังเอิญเห็นเข้า จึงรีบเข้าไปในตำหนักอ๋อง แล้วตรงไปยังเรือนที่ลั่วชิงยวนพักอาศัยก็เห็นเรือนที่ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้นเฉินชีตกใจมาก รีบคว้าคอเสื้อคนรับใช้คนหนึ่งมาถามเสียงดัง “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ท่าทางดุร้ายนั้นทำให้ทุกคนหวาดกลัว“พระชายา... ถูกไฟคลอกสิ้นไปแล้ว!”ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเฉินชีก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันทีก่อนจะรีบไปที่เรือนด้านหน้า ปรากฏตัวต่อหน้าฟู่เฉินหวน จิตสังหารแผ่ซ่านจนทำให้องครักษ์ในเรือนชักดาบขึ้นมาด้วยความระมัดระวังแล้วเข้าล้อมเฉินชีไว้“ฟู่เฉินหวน ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ฟู่เฉินหวนที่มีสีหน้าเย็นชากล่าวอย่างใจเย็น “ตายแล้ว”เฉินชีโกรธจัด กระโจนเข้าใส่ฟู่เฉินหวน “ไฟไหม้เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?!”ถึงแม้จะมิใช่เขาที่จุดไฟ ก็ต้องเป็นเขาที่สั่งให้คนจุด!มิเช่นนั้นทั้งตำหนักอ๋อง เหตุใดจึงมีเพียงเรือนของลั่วชิงยวนที่ถูกไฟไหม้!คนในตำหนักมากมาย เหตุใดจึงมีเพียงลั่วชิงยวนคนเดียวที่ตาย!แต่ฟู่เฉินหวนหาได้ปฏิเสธไม่ เขามองเฉินชีด้วยแววตาดุดัน เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู“นางทรยศข้า ต่อให้ข้าต้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1216

    สุดท้ายเหลือเพียงช่องเล็ก ๆ ที่มีแผ่นไม้ตอกปิดไว้ กลายเป็นหน้าต่างที่เปิดปิดได้ในตอนนั้นลั่วชิงยวนยังรู้สึกโชคดีที่เขามิได้ปิดตายนางไว้หลังกำแพงแต่หลังจากที่ปิดหน้าต่างนั้นแล้วก็ถูกลงกลอนจากด้านนอก บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความมืดมิดได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินจากไปห่างไกลออกไปเรื่อย ๆลั่วชิงยวนพิงกำแพงพลางทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรงเมื่อมองค่ายกลขนาดใหญ่แล้วก็รู้สึกหดหู่ใจครั้งนั้นนางช่างรู้เท่ามิถึงการณ์ กลับเป็นผู้สร้างกรงขังตนเองเสียได้เมื่อนานมาแล้ว เพื่อแลกชีวิตของลั่วหลางหลางคืนมานางจึงได้ตั้งค่ายกลผนึกห้องนี้เอาไว้เดิมทีที่นี่ควรจะเป็นเรือนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ตอนนั้นนางมิเคยคิดเลยว่าสุดท้ายตนเองจะถูกขังไว้ที่นี่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกมึนหัวและล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง......จือเฉาซื้อของมากมายและกลับมายังตำหนักอ๋องนางถือสมุนไพรเดินไปที่เรือนครั้งนี้ซื้อสมุนไพรมามากมาย ต้องทำให้แผลของพระชายาหายดีได้อย่างแน่นอนแต่เมื่อเข้าไปในเรือนด้านในก็ได้ยินเสียงดังโวยวายมีแต่ความวุ่นวายสับสนจือเฉาตกใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นแสงไฟลุกไหม้มาจากทางเรือนพระช

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1215

    และสองคือช่วยจือเฉาขนของสิ่งที่ทำให้จือเฉาตกใจคือ เดิมทีนางคิดว่าจะไปที่หอฝูเสวี่ยเพื่อเบิกเงิน แต่กลับพบว่าองครักษ์ช่วยจ่ายเงินให้นางจือเฉางุนงงตลอดทาง มิเข้าใจว่าท่านอ๋องต้องการทำอะไรกันแน่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ร้านค้าที่เปิดมีมิมาก ดังนั้นจือเฉาจึงต้องวิ่งไปหลายที่โดยเฉพาะการหาสมุนไพร นางแทบจะต้องเคาะประตูโรงหมอและร้านขายยาทั่วเมืองหลวง......ในคืนนั้นลั่วชิงยวนนอนซมอยู่บนเตียง ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกลมหนาวพัดโชยเข้ามา ทำให้ลั่วชิงยวนไอออกมา“แค่กแค่กแค่ก... จือเฉา ดูสิว่าหน้าต่างถูกลมพัดเปิดออกหรือไม่... แค่กแค่กแค่กแค่กแค่ก...”ลั่วชิงยวนไอมิหยุด ได้แต่มุดเข้าไปในผ้าห่มแต่ทันใดนั้น ผ้าห่มก็ถูกกระชากออกลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นจึงเห็นฟู่เฉินหวนนางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง “ท่านจะทำอะไร?”นางอ่อนแอจนแม้แต่การถามในตอนนี้ก็ยังไร้เรี่ยวแรงแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิพูดอะไรสักคำจากนั้นองครักษ์ก็กรูกันเข้ามาในห้อง จับแขนของลั่วชิงยวนและลากนางออกจากห้องความหนาวเหน็บถาโถมเข้ามา ลั่วชิงยวนอ้าปากจะพูด แต่กลับถูกองครักษ์ปิดปากไว้แน่นลั่วชิงยวนที่บาด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1214

    “หากต้องการแก้ไข มีเพียงการที่หม่อมฉันต้องไปซีหลิงด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่นนี่เป็นหนทางรอดเดียวของนางเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเขามองนางด้วยความสงสัย “นี่เป็นผลลัพธ์เดียวหรือ?”“เพคะ”แต่ฟู่เฉินหวนกลับมิค่อยเชื่อ มองนางด้วยแววตาดุดัน “ไม่มีเข็มทิศอาณัติสวรรค์ จะทำนายได้แม่นยำหรือ?”“แม่นยำเพคะ”“เข็มทิศอาณัติสวรรค์เป็นเพียงตัวช่วย มิใช่สิ่งจำเป็น”“ทิศทางหลักจะมิผิดพลาด”แท้จริงแล้วนางทำนายหนทางรอดของตัวเองการทำนายโชคชะตาบ้านเมือง มีเพียงเข็มทิศอาณัติสวรรค์เท่านั้นที่ทำนายได้กองทัพแคว้นหลีบุกประชิด เป็นนางเองที่บอกให้เฉินชีทำ สิ่งที่นางต้องการทำนายคือเส้นทางของตัวเองหลังจากที่ฟู่เฉินหวนฟังแล้วก็มิได้ตอบ เพียงแค่หันหลังเดินจากไป......ลั่วฉิงกำลังรอข่าวจากฟู่เฉินหวนอย่างกระวนกระวาย เดินวนไปมาด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นฟู่เฉินหวนมาแล้ว จึงรีบเข้าไปถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? ผลลัพธ์คืออะไร?”ฟู่เฉินหวนตอบ “เป็นภัยพิบัติของซีหลิง”ได้ยินดังนั้น ลั่วฉิงก็ตกใจเล็กน้อย “ภัยพิบัติของซีหลิงหรือ? หมายความว่าอย่างไร? แคว้นหลีต้องการยึดครองซีหลิงงั้นหรื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1213

    สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1212

    ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1211

    นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status