แชร์

บทที่ 561

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
จ้าวต้าเปียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่นใจว่า “ข้าคิดจะเผาสวนเซียงอู๋จริง ๆ! ข้าทำงานอยู่ในสวนเซียงอู๋มาหลายปี ยามที่ข้าเห็นเหล่าคุณชายและคุณหนูผู้มั่งคั่งพวกนั้นต่างพากันมาที่สวนเซียงอู๋ด้วยท่าทีสุขสำราญใจเช่นนั้น ข้าก็รู้สึกขุ่นเคืองใจนัก!”

“ไฉนพวกเราต้องเกิดมายากจนข้นแค้น? ไฉนพวกเราต้องมีชีวิตลำบากลำบนถึงเพียงนี้! หลังจากพวกเราตรากตรำทำงานหนักมาตลอดปี เงินที่พวกเราหามาได้ยังมีมูลค่ามิเท่ากับถ้วยชาสักใบที่บรรดาคุณชายและคุณหนูพวกนั้นใช้เลยกระมัง? เพราะเหตุใดกัน!”

ลั่วชิงยวนหรี่ตาเล็กน้อยแล้วอดมิได้ที่จะเหลือบมองมาที่ลั่วไห่ผิง

ลั่วไห่ผิงจงใจเตือนสติจ้าวต้าเปียว

เขาพยายามที่จะช่วยลั่วเยวี่ยอิงให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหา

หรือว่าเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังด้วย?

เรื่องนี้เตือนให้ลั่วชิงยวนระลึกถึงการเสียชีวิตของท่านมหาราชครู

อย่างไรเสียวันนั้นครั้นเมื่อท่านมหาราชครูพบปะกับลั่วไห่ผิงตามลำพัง ก็คงมีแต่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ทราบเรื่องที่คุยกัน

ลั่วไห่ผิงแค่นเสียงเย็นชา “แน่นอนว่าย่อมต้องแยกออกเป็นสองคดีอยู่แล้ว!”

“ฝูเสวี่ยเป็นสตรีจากหอนางโลมแท้ ๆ แต่บังอาจวางแผนสังหา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 562

    เมื่อลั่วชิงยวนสัมผัสได้ถึงอันตรายก็ดึงตัวฟู่จิ่งหลีเข้ามา หลบเลี่ยงการจู่โจมได้อย่างหวุดหวิด แต่กลับมีเสียงล้มลงกับพื้นดังขึ้นสองคำรบ... จ้าวต้าเปียวกับหวังเยวี่ยชิงล้มลงทันที หญิงชราร้องอุทานว่า "ลูกข้า!" นางเองก็หมดสติไปด้วยความตื่นตระหนก ทุกคนต่างตกตะลึง ใต้เท้าเหอลุกพรวดขึ้นมาทันที “จับตัวมือสังหารไว้!” คนของทางการกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวออกมา ฟู่จิ่งหลียังรู้สึกตื่นตะลึงอยู่บ้าง เมื่อเห็นทั้งสองศพที่นอนอยู่กับพื้น หากลั่วชิงยวนดึงตัวเขาได้มิทันเวลาล่ะก็ เขาคงตายไปแล้ว ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงแล้วตรวจสอบบาดแผลที่ทำให้จ้าวต้าเปียวกับหวังเยวี่ยชิงถึงแก่ชีวิต เข็มพิษแทงเข้าตรงท้ายทอย อาวุธลับเช่นนี้เป็นอันตรายถึงชีวิต นางหันหน้าไปมองลั่วเยวี่ยอิงที่หวาดกลัวเสียจนสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว ลั่วไห่ผิงฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นพลางกล่าวว่า “ที่นี่ไม่ปลอดภัย ไปกันเถอะ” หลังจากเขาพูดจบก็คุ้มครองลั่วเยวี่ยอิงออกไป ใต้เท้าเหอมองศพบนพื้นแล้วให้รู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก "นี่มันสุดจะรับได้จริง ๆ! พยานถูกสังหารในโถงพิจารณาคดี" ฟู่จิ่งหลีเดินเขามาถามว่า “ใต้เท้าเหอ สิ่งที่สองคนนั้นว่ามาน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 563

    เดิมทีนางคิดจะเดินเลี่ยงห้องของมารดาตน แต่นางพบว่าวันนี้ดูเหมือนทั้งจวนจะดูผิดปกติไป เพราะไม่เห็นคนรับใช้เดินไปมาแม้สักคนเดียว ช่างเงียบอย่างน่าประหลาด ยามที่นางผ่านเรือนของมารดาแล้วเดินเข้าไป ก็พบว่าช่างเงียบสงัดจนน่ากลัว แต่นางกลับเห็นสวีซงหย่วนที่เพิ่งจะเปิดประตูเดินออกมา “ท่านพี่สวี… ท่าน...” ลั่วอวิ๋นสี่ขมวดคิ้วพลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ดูเหมือนว่าสวีซงหย่วนจะฟาดนางจนสลบไป สวีซงหย่วนตื่นตกใจไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มพลางถามว่า “อวิ๋นสี่ เจ้ายังปวดศีรษะอยู่หรือไม่?” เขาเดินเข้ามาหมายจะแตะหน้าผากของลั่วอวิ๋นสี่ ลั่วอวิ๋นสี่ก้าวถอยหลังด้วยท่าทีตั้งรับ “ไฉนเมื่อคืนท่านต้องฟาดข้าให้สลบไปด้วย? เหตุใดยามนี้ท่านจึงเดินออกมาจากห้องมารดาของข้าอีก?” “คนในจวนแห่งนี้ไปอยู่ที่ไหนกันหมด? ไยจึงเงียบถึงเพียงนี้เล่า?” ลั่วอวิ๋นสี่รู้สึกสับสนอย่างถึงที่สุด สวีซงหย่วนยิ้มพลางกล่าวว่า “อวิ๋นสี่ มารดาของเจ้าตอบตกลงให้พวกเราอยู่ด้วยกันแล้ว เจ้าดีใจหรือไม่?” เมื่อลั่วอวิ๋นสี่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึง “ตอบตกลง? เรื่องนั้นเป็นไปได้อย่างไรกัน!” นางรู้นิสัยของมารดาตนดี อีกฝ่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 564

    โลหิตสด ๆ อาบย้อมหน้าอกและอาภรณ์ของลั่วหรง ร่างกายของนางชุ่มโชกไปด้วยโลหิตและลมหายใจหลุดลอย ลั่วอวิ๋นสี่ทรุดตัวร้องไห้กระทั่งเสียงแหบแห้งจนเปล่งเสียงไม่ออก นางรู้สึกสำนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เป็นนางที่ทำร้ายมารดาตนเอง! ดวงตาอันแดงก่ำของนางกลับเต็มไปด้วยน้ำตาและความชิงชัง จากนั้นนางก็พุ่งเข้าใส่สวีซงหย่วนหมายจะสังหารเขา! สวีซงหย่วนสายตาเย็นชาแล้วกำดาบในมือเอาไว้แน่น “เห็นแก่ที่ระยะนี้เจ้าดูแลข้าดีมิน้อย ข้าจักมิสังหารเจ้าก็ได้ ทว่าก็มิอาจเก็บมือไม้ของเจ้าเอาไว้ได้” สวีซงหย่วนเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาพลางตวัดดาบ ลั่วชิงยวนที่รีบรุดมาเห็นภาพนี้เข้าพอดี ลั่วชิงยวนชักมีดสั้นออกมาขว้างใส่อย่างสุดแรงเกิด เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหาร สวีซงหย่วนก็ยกดาบขึ้นต้านทานพลังจู่โจมเพื่อสกัดขัดขวางมีดสั้นเอาไว้ ชั่วครู่ต่อมา ลั่วชิงยวนกระโดดเตะสวีซงหย่วนอย่างรุนแรง จากนั้นก็ฉุดลั่วอวิ๋นสี่ออกห่าง ลั่วอวิ๋นสี่คุกเข่าลงกับพื้นอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็ร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ต่อหน้าลั่วหรง เมื่อเห็นร่างอาบโลหิตของท่านอาลั่วหรง ลั่วชิงยวนก็ให้รู้สึกปวดใจและบังเกิดโทสะ นางกำหมัดแน่น สายตาค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 565

    สวีซงหย่วนกัดฟันแน่น ราวกับว่าเขาไม่คิดจะเอ่ยสิ่งใด “ให้ข้าเดาเถอะ เป็นลั่วเยวี่ยอิงใช่หรือไม่?” ลั่วชิงยวนค่อย ๆ โน้มตัวมาข้างหน้า น้ำเสียงของนางฟังดูเยียบเย็น สวีซงหย่วนโต้ตอบด้วยท่าทีแค้นเคือง “หากเจ้าอยากฆ่าก็ฆ่าเลยสิ! เลิกเอ่ยวาจาเลื่อนเปื้อนสักที!” “ดูเหมือนจะมิใช่นะ” ลั่วชิงยวนออกแรงมือเพียงเล็กน้อย ก็หักนิ้วข้อเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายได้แล้ว “อ๊าก…" สวีซงหย่วนเจ็บปวดเสียจนเหงื่อกาฬชุ่มโชก “ลั่วไห่ผิงเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนแววตาเย็นชา สวีซงหย่วนยังคงกัดฟันมิยอมตอบ “ดูเหมือนจะมิใช่เช่นกัน” ลั่วชิงยวนใช้ดาบจู่โจมลงมาอีกครั้ง ข้อนิ้วก็ขาดกระเด็นไปอีกข้อหนึ่ง โลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนชายกระโปรงของนาง ลั่วอวิ๋นสี่ที่เฝ้ามองดูจากด้านข้างก็ตะลึงงันไปเสียแล้ว ช่างเป็นวิธีการอันโหดเหี้ยมนัก ฝูเสวี่ยผู้นี้หน้ามิเปลี่ยนสีเสียด้วยซ้ำไป นางเป็นผู้ใดกันแน่? นางทนดูภาพเช่นนั้นมิไหวแล้ว แต่เมื่อนางได้ยินเสียงแผดร้องของสวีซงหย่วน นางก็อดมิได้ที่จะรู้สึกเบิกบานใจ ลั่วอวิ๋นสี่กุมดาบเอาไว้แน่นพร้อมน้ำตาอาบหน้า สายตาของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและชิงชัง “เช่นนั้น… ก็เป็นตระกูลฝ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 566

    ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้ามาสุดกำลังโดยหาได้ใส่ใจสิ่งใดไม่ เพียงแค่หมายจะผลักฟู่เฉินหวนออกไป แต่ทันทีที่นางวิ่งเข้ามา จู่ ๆ มือสังหารที่มีรอยสักรูปนกอินทรีก็หันกลับมาใช้มีดสั้นคมกริบหมายแทงใส่หน้าท้องของลั่วชิงยวน มือสังหารสวมหมวกเพื่ออำพรางใบหน้า ทว่าสายตาอำมหิตและกระหายเลือดของอีกฝ่ายก็ชวนให้ลั่วชิงยวนกระดูกสันหลังเย็นวาบ เมื่ออยู่ต่อหน้านาง นางแลเห็นวิญญาณที่มีแค้นหนักหน่วงอยู่บนแผ่นหลังและหัวไหล่ของมือสังหาร พวกมันเต็มไปด้วยความแค้นใจ แต่กลับถูกพลังชั่วร้ายทั่วทั้งร่างขับไล่ออกไปจนวิญญาณร้ายมิอาจรบกวนได้ ลั่วชิงยวนมิเคยเห็นผู้ใดที่มีพลังชั่วร้ายแกร่งกล้าถึงเพียงนั้นมาก่อน ยามที่นางเห็นสายตาของคนผู้นั้น นางจึงรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่คืบคลานเข้าสู่จิตใจ ทันทีที่มีดสั้นพุ่งเข้าหานาง ก็ช่างรวดเร็วเสียจนลั่วชิงยวนมิอาจหลบเลี่ยงได้ ดังนั้นนางจึงได้แต่พยายามมิให้ทำร้ายจุดสำคัญของตนอย่างสุดกำลัง แต่ขณะที่นางหลบหลีก กลับมิได้ถูกมีดสั้นแทงอย่างที่คาดคิดเอาไว้ เมื่อนางลืมตาขึ้นก็เห็นมือที่กำลังกำคมมีดสั้นเอาไว้แน่นเพื่อสกัดขัดขวางฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ มือของเขาชุ่มโลหิตเสียแล้ว ลั่ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 567

    ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยวาจา เซียวซูก็พรวดพราดเข้ามาทันที “ท่านอ๋อง บาดแผลของพระองค์...” ฟู่เฉินหวนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนอยู่ที่ใดเล่า? เจ้าจับตัวได้หรือไม่?” เซียวซูก้มหน้า “มิได้พ่ะย่ะค่ะ” “คนผู้นี้วิ่งเข้าไปในตลาดอันยุ่งวุ่นวาย มีผู้คนมากมายเหลือเกินจึงมิอาจจับตัวได้พ่ะย่ะค่ะ!” ฟู่เฉินหวนสายตาเย็นชาเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า “มันคงเป็นมือสังหารของสำนักเทียนอิงที่พวกเรากำลังตามหาอยู่” เขาเห็นรอยสักบนหลังมือของมือสังหาร เซียวซูรู้สึกตื่นตกใจ “เช่นนั้นกระหม่อมจะส่งกำลังคนออกตามหามันอีก! หากคราวนี้มันหลบหนีไปได้ คราวหน้าก็คงมิเจอตัวแล้ว!” ลั่วชิงยวนครุ่นคิด คราวหน้าพวกเขาคงได้แต่ไปตามหามือสังหารของสำนักเทียนอิงที่จวนตระกูลฝูแล้ว วันนั้นนางพบมือสังหารของสำนักเทียนอิงที่จวนตระกูลฝู นางควรจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟู่เฉินหวนฟังหรือไม่? “ที่จริงแล้ว...” ก่อนที่นางจะทันได้พูดให้จบประโยค ลั่วอวิ๋นสี่ก็พลันเดินเข้ามา “ฝูเสวี่ย ข้ามีเรื่องขอถามเจ้า” ลั่วอวิ๋นสี่ยังคงดวงตาบวมแดง แต่ยามนี้แววตาของนางกลับเฉียบคมเป็นพิเศษ แม้น้ำเสียงจะแหบแห่งยิ่งกว่าเดิมก็ตามที ฟู่เฉิน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 568

    บนพื้นมีศพถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คนของทางการยังคงหามศพแล้ววางลงไปทีละศพ พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนรับใช้ของจวนมหาราชครู เมื่อลั่วอวิ๋นสี่เดินออกมาเห็นภาพนี้เข้า นางก็พลันยกมือปิดปากพลางพิงกับกรอบประตูแล้วทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง น้ำตาไหลอาบหน้าด้วยความเศร้าโศก นักการในศาลาว่าการรายงานต่อใต้เท้าเหอ หลังจากฟังเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ใต้เท้าเหอก็เดินเข้ามาบอกพวกนางทั้งสองคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “มิพบผู้รอดชีวิตในจวนมหาราชครู” แม้แต่ลั่วหรงก็ถูกสังหาร เรียกได้ว่าเป็นการสังหารล้างตระกูลก็ว่าได้ “ศพที่อยู่ข้างนอกเป็นศพของมือสังหารใช่หรือไม่?” ลั่วชิงยวนพยักหน้า “เจ้าค่ะ” “ทุกคนในจวนมหาราชครูล้วนตายตกด้วยน้ำมือของมัน” เมื่อใต้เท้าเหอได้ยินเช่นนี้ สายตาของเขาก็ทอดมองลั่วอวิ๋นสี่ที่อยู่ข้างกายนาง “วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นในจวนมหาราชครูกันแน่? แม่นางลั่ว เจ้าตามข้าไปที่ศาลาว่าการแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังได้หรือไม่?” อย่างไรเสียจวนมหาราชครูก็เกือบที่จะถูกสังหารล้างตระกูล เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนั้นขึ้นในเมืองหลวง หากเขามิทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ก็คงมิสาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 569

    ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้าง ลั่วอวิ๋นสี่กล่าวว่า “ลำพังด้วยน้ำเสียงของข้าในยามนี้ หากข้าสวมหน้ากาก ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าข้าเป็นใครแล้ว” “ข้าต้องแน่ใจว่าตัวข้าเองจะปลอดภัยเพื่อแก้แค้นให้ตระกูลของตัวข้าเองได้!” “พี่สาวข้าทำเรื่องพวกนี้มิได้หรอก” เมื่อนึกถึงลั่วหลางหลาง ลั่วชิงยวนเองก็รู้สึกเป็นกังวล หากลั่วหลางหลางรู้เรื่องนี้เข้า มิทราบว่านางจะเสียใจสักเพียงใด “ได้” นางตอบรับคำขอร้องของลั่วอวิ๋นสี่ จากนั้นนางก็ลอบออกไปจากจวนมหาราชครูพร้อมกับลั่วอวิ๋นสี่ ลั่วอวิ๋นสี่พกเงินเหรียญติดตัวมาเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น มิได้นำสิ่งใดไปอีก ลั่วชิงยวนพาอีกฝ่ายไปที่หอฝูเสวี่ย หลังจากชำระร่างกายและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แล้ว อีกฝ่ายก็สวมหน้ากาก ลั่วอวิ๋นสี่สวมชุดผ้าไหมสีเรียบอันสะอาดสะอ้าน ผมเกล้าเป็นทรงสูงและสวมหน้ากากเอาไว้ เพียงแค่ราตรีเดียว ท่าทางของอีกฝ่ายก็แปรเปลี่ยนไปชนิดสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ยามนี้อีกฝ่ายดูเหมือนบุรุษหนุ่มผู้มีท่าทีสุขุมมากกว่า… เมื่อยืนอยู่หน้ากระจกสำริด ลั่วอวิ๋นสี่ก็ได้ยินเสียงแหบแห้งของตนเองค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่มีลั่วอวิ๋นสี่อีกแล้ว

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1302

    เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปในทันที“กระหม่อมเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ โปรดอภัยให้กระหม่อมที่มิสามารถทำตามพระบัญชาได้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงผู้นี้ชอบเฉินชี หากเขาติดตามองค์หญิงไปก็คงจะได้พบกับเฉินชีเป็นแน่ มิหนำซ้ำ เกาเหมียวเหมี่ยวก็ช่วยเขาฆ่าเฉินชีมิได้เมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกครั้ง สีหน้าของเกาเหมียวเหมี่ยวจึงดูมิดีนักฉินอี้จึงต้องก้าวออกมา “เหมียวเหมี่ยว คนที่คอยคุ้มครองเจ้ายังมิพออีกหรือ?”“ข้างกายพี่ใหญ่มีองครักษ์คนนี้อยู่เพียงคนเดียว เจ้าอย่าแย่งเขาไปเลย”สีหน้าของฉินอี้ดูเหมือนคนจนใจน้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวก็มิกล้าที่จะบังคับอีก นางตอบอย่างมิพอใจว่า “ก็ได้”“รอจนกว่าท่านจะมิต้องการเขาแล้ว ค่อยให้หม่อมฉันก็แล้วกัน”“หม่อมฉันค่อนข้างชอบเขา”เกาเหมียวเหมี่ยวพูดพลางมองฟู่เฉินหวน บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับเฉินชีมิใช่หน้าตาที่เหมือน แต่เป็นอารมณ์เย็นชาหยิ่งผยองและความกล้าหาญที่จะปฏิเสธนางโดยมิแม้แต่จะเสียงสั่นในเมื่อยังมิสามารถทำให้เฉินชีสยบต่อนางได้ในเร็ววัน การ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1301

    “ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์”กล่าวจบ เขาก็พาฟู่เฉินหวนเดินไปทว่าระหว่างทางกลับพบเกาเหมียวเหมี่ยวเดินสวนมาพอดีฉินอี้เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยถาม “เหมียวเหมี่ยว อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”เกาเหมียวเหมี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บาดแผลเพียงเท่านี้คร่าชีวิตหม่อมฉันมิได้หรอก อีกอย่าง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานยาให้หม่อมฉันมากมาย มิเจ็บปวดแผลแล้ว”ฉินอี้พยักหน้า “บาดแผลของเจ้าหายเร็วได้เช่นนี้ก็เพราะกินน้ำแกงโสมมังกรมาตลอด เจ้าต้องกินทุกวันตามเวลา ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น!”“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ดวงตาเป็นประกายน้ำแกงโสมมังกรหรือ?เป็นโสมมังกรชนิดเดียวกับที่หมอหลวงมู่ให้เขากินหรือไม่?สิ่งนี้แม้แต่หมอหลวงมู่ก็มีเพียงชิ้นเดียว มิเคยพบเห็นชิ้นที่สองแต่องค์หญิงแห่งแคว้นหลีกลับได้กินทุกวันเลยหรือ?เขาอดสงสัยมิได้ว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีเลยมิใช่หรือ?เปลวไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นในใจของฟู่เฉินหวนฉินอี้เดินจากไปแล้ว แต่ฟู่เฉินหวนยังคงยื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1300

    ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างใจเย็น “องค์ชายใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรกันแน่!”วันนั้นในคุกใต้ดิน เกือบจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้นของลั่วชิงยวนแล้วแต่กลับถูกเฉินชีขัดจังหวะเสียก่อนหลังจากกลับไป เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาอาจมิใส่ใจเรื่องราวในอดีตได้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา! เขาจะมิใส่ใจคงมิได้!ลั่วชิงยวนกลับยกยิ้ม “องค์ชายใหญ่เชื่อจริงจังเลยหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันเพียงต้องการเอาชีวิตรอด จึงพูดจาเหลวไหลไปเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างมองนางด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่ากระไรนะ?!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมฉันมิอยากพูดซ้ำสอง”ฉินอี้โกรธจนอยากจะลงมือ แต่ก็อดกลั้นไว้ เขาไม่มีทางต่อกรกับลั่วชิงยวนได้สุดท้ายก็ได้แต่จากไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นฉินอี้จากไป เงาร่างที่แอบฟังอยู่ก็รีบจากไปเช่นกันอาการของฉินอี้นั้นมีสาเหตุจริง แต่เรื่องนี้ยังมิอาจบอกให้ฉินอี้รู้ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่หากพูดออกไป ปัญหาที่นางจะต้องเผชิญจะมิใช่เพียงเรื่องรา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1299

    อวี๋โหรวพยักหน้า รีบเช็ดน้ำตา “ขอบคุณ”ลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสถามอวี๋โหรว “อันที่จริงข้าสงสัยเรื่องนักบวชระดับสูงคนก่อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร?”อวี๋โหรวตกใจเล็กน้อยคาดเดาในใจว่าลั่วชิงยวนคงสอบถามเรื่องนี้เพราะเฉินชีเพราะว่าเฉินชีก็มีใจให้ลั่วเหลาเช่นเดียวกันนางอธิบาย “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางตายอย่างไร”“วันนั้นนางบำเพ็ญเพียรอยู่ที่หอเทียนฉี วันรุ่งขึ้นเมื่อมีคนมาพบก็เหลือเพียงโลหิตกองเต็มพื้น”“บนพื้นยังมีร่องรอยการลากศพด้วย”“แต่ส่งคนออกไปตามหาศพตั้งมากมายก็หามิพบ”“เฉินชีแทบจะพลิกทั่วทั้งวัง แทบจะคลุ้มคลั่งสังหารคนในสำนักนักบวชไปเสียสิ้น”“ยังดีที่จักรพรรดิทรงนำราชองครักษ์เกราะเหล็กมาด้วยพระองค์เอง จึงสามารถควบคุมตัวเฉินชีไว้ได้”“เรื่องการตายของนักบวชระดับสูงนั้นมีการสืบสวนอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ เบาะแสทั้งหมดหยุดอยู่ที่หอเทียนฉี”“นอกหอเทียนฉีไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ”“นานวันเข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไป”ตามคำบอกเล่าของอวี๋โหรว ลั่วชิงยวนก็หวนนึกถึงคืนนั้นหอเทียนฉีเป็นสถานที่ที่นักบวชระดับสูงจะท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1298

    อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1297

    ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1296

    จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1295

    “ดังนั้น...”“เรื่องเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งหรือสองครั้ง”“นักบวชระดับสูงไว้วางใจนาง ข้าก็ทำได้เพียงทนรับมือ เมื่อก่อนยังพอขัดขืนได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็เลิกขัดขืนเพราะเสียแรงเปล่า”น้ำเสียงของอวี๋โหรวราบเรียบ ทว่าลั่วชิงยวนได้ฟังแล้วกลับรู้สึกหดหู่ใจ“เป็นเช่นนี้มานานแล้วหรือ? กี่ปีแล้ว?”หรือว่าในตอนที่นางยังอยู่ อวี๋โหรวต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องเหล่านี้?อวี๋โหรวกลับส่ายหน้า “ข้าก็จำมิได้แล้วว่ากี่ปี”“อาจารย์ของข้าจากไปเสียนานแล้ว ไม่มีผู้ใดคอยช่วยเหลือข้า”“ดังนั้นข้าจึงต้องใช้บัวถวายรักษาอาการบาดเจ็บมาตลอด เพียงแต่ช่วงนี้หาซื้อมิได้แล้ว ข้าจึงเหลือเพียงดอกสุดท้าย”เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกปวดร้าวใจหลายปีมานี้ นางมิเคยสังเกตเห็นความทุกข์ทรมานของอวี๋โหรวเลยเพราะอวี๋โหรวมิเคยปริปากบอกผู้ใด ในสถานที่ที่คนอ่อนแอต้องพ่ายแพ้แก่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะรู้ดีว่าบอกผู้ใดไปก็ไร้ประโยชน์หลายปีมานี้นางอดทนมาได้อย่างไรก็มิอาจรู้ได้“จั๋วฉ่างตงบาดเจ็บอยู่แท้ ๆ ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องเจ้าอีก ข้าว่านางคงเบื่อหน่ายการมีชีวิตเต็มทีแล้ว”แววตาของลั่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1294

    ชายหลายคนก้าวเข้ามารุมทำร้ายอวี๋โหรวในทันทีจั๋วฉ่างตงเปิดกล่องใบหนึ่งออก หมอกดำทมิฬพลันลอยออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของลั่วชิงยวนอีก เห็นทีจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ข้าคงทรมานเจ้ายังมิพอ”“วันนี้เจ้าจงลิ้มรสภูตผีร้ายแห่งหุบเขาฝังศพให้สาสม”จั๋วฉ่างตงใช้ยันต์แผ่นหนึ่งควบคุมหมอกดำทมิฬให้รวมตัวกันกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีอวี๋โหรวอย่างรุนแรงอวี๋โหรวกำลังต้านทานการโจมตีของบุรุษเหล่านั้นอยู่ในชั่วขณะต่อมา หมอกดำทมิฬก็พุ่งเข้าใส่ กระแทกเข้าที่ท้องของนางราวกับจะฉีกร่างนางออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้าจู่โจมหมอกดำทมิฬนั้นทะลุผ่านร่างของนางไปอวี๋โหรวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา มิอาจลุกขึ้นได้บุรุษเหล่านั้นจับแขนของนางแล้วกระชากให้นางลุกขึ้นหมอกดำทมิฬนั้นพุ่งเข้ากระแทกท้องของนางอีกครั้ง แล้วทะลุผ่านไปอย่างรุนแรงอวัยวะภายในสั่นสะท้านก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้อวี๋โหรวสั่นไปทั้งร่าง เจ็บปวดจนริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้เลยเป็นเช่นนี้ซ้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status