공유

บทที่ 561

작가: หว่านชิงอิ๋น
จ้าวต้าเปียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่นใจว่า “ข้าคิดจะเผาสวนเซียงอู๋จริง ๆ! ข้าทำงานอยู่ในสวนเซียงอู๋มาหลายปี ยามที่ข้าเห็นเหล่าคุณชายและคุณหนูผู้มั่งคั่งพวกนั้นต่างพากันมาที่สวนเซียงอู๋ด้วยท่าทีสุขสำราญใจเช่นนั้น ข้าก็รู้สึกขุ่นเคืองใจนัก!”

“ไฉนพวกเราต้องเกิดมายากจนข้นแค้น? ไฉนพวกเราต้องมีชีวิตลำบากลำบนถึงเพียงนี้! หลังจากพวกเราตรากตรำทำงานหนักมาตลอดปี เงินที่พวกเราหามาได้ยังมีมูลค่ามิเท่ากับถ้วยชาสักใบที่บรรดาคุณชายและคุณหนูพวกนั้นใช้เลยกระมัง? เพราะเหตุใดกัน!”

ลั่วชิงยวนหรี่ตาเล็กน้อยแล้วอดมิได้ที่จะเหลือบมองมาที่ลั่วไห่ผิง

ลั่วไห่ผิงจงใจเตือนสติจ้าวต้าเปียว

เขาพยายามที่จะช่วยลั่วเยวี่ยอิงให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหา

หรือว่าเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังด้วย?

เรื่องนี้เตือนให้ลั่วชิงยวนระลึกถึงการเสียชีวิตของท่านมหาราชครู

อย่างไรเสียวันนั้นครั้นเมื่อท่านมหาราชครูพบปะกับลั่วไห่ผิงตามลำพัง ก็คงมีแต่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ทราบเรื่องที่คุยกัน

ลั่วไห่ผิงแค่นเสียงเย็นชา “แน่นอนว่าย่อมต้องแยกออกเป็นสองคดีอยู่แล้ว!”

“ฝูเสวี่ยเป็นสตรีจากหอนางโลมแท้ ๆ แต่บังอาจวางแผนสังหา
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 562

    เมื่อลั่วชิงยวนสัมผัสได้ถึงอันตรายก็ดึงตัวฟู่จิ่งหลีเข้ามา หลบเลี่ยงการจู่โจมได้อย่างหวุดหวิด แต่กลับมีเสียงล้มลงกับพื้นดังขึ้นสองคำรบ... จ้าวต้าเปียวกับหวังเยวี่ยชิงล้มลงทันที หญิงชราร้องอุทานว่า "ลูกข้า!" นางเองก็หมดสติไปด้วยความตื่นตระหนก ทุกคนต่างตกตะลึง ใต้เท้าเหอลุกพรวดขึ้นมาทันที “จับตัวมือสังหารไว้!” คนของทางการกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวออกมา ฟู่จิ่งหลียังรู้สึกตื่นตะลึงอยู่บ้าง เมื่อเห็นทั้งสองศพที่นอนอยู่กับพื้น หากลั่วชิงยวนดึงตัวเขาได้มิทันเวลาล่ะก็ เขาคงตายไปแล้ว ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงแล้วตรวจสอบบาดแผลที่ทำให้จ้าวต้าเปียวกับหวังเยวี่ยชิงถึงแก่ชีวิต เข็มพิษแทงเข้าตรงท้ายทอย อาวุธลับเช่นนี้เป็นอันตรายถึงชีวิต นางหันหน้าไปมองลั่วเยวี่ยอิงที่หวาดกลัวเสียจนสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว ลั่วไห่ผิงฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นพลางกล่าวว่า “ที่นี่ไม่ปลอดภัย ไปกันเถอะ” หลังจากเขาพูดจบก็คุ้มครองลั่วเยวี่ยอิงออกไป ใต้เท้าเหอมองศพบนพื้นแล้วให้รู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก "นี่มันสุดจะรับได้จริง ๆ! พยานถูกสังหารในโถงพิจารณาคดี" ฟู่จิ่งหลีเดินเขามาถามว่า “ใต้เท้าเหอ สิ่งที่สองคนนั้นว่ามาน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 563

    เดิมทีนางคิดจะเดินเลี่ยงห้องของมารดาตน แต่นางพบว่าวันนี้ดูเหมือนทั้งจวนจะดูผิดปกติไป เพราะไม่เห็นคนรับใช้เดินไปมาแม้สักคนเดียว ช่างเงียบอย่างน่าประหลาด ยามที่นางผ่านเรือนของมารดาแล้วเดินเข้าไป ก็พบว่าช่างเงียบสงัดจนน่ากลัว แต่นางกลับเห็นสวีซงหย่วนที่เพิ่งจะเปิดประตูเดินออกมา “ท่านพี่สวี… ท่าน...” ลั่วอวิ๋นสี่ขมวดคิ้วพลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ดูเหมือนว่าสวีซงหย่วนจะฟาดนางจนสลบไป สวีซงหย่วนตื่นตกใจไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มพลางถามว่า “อวิ๋นสี่ เจ้ายังปวดศีรษะอยู่หรือไม่?” เขาเดินเข้ามาหมายจะแตะหน้าผากของลั่วอวิ๋นสี่ ลั่วอวิ๋นสี่ก้าวถอยหลังด้วยท่าทีตั้งรับ “ไฉนเมื่อคืนท่านต้องฟาดข้าให้สลบไปด้วย? เหตุใดยามนี้ท่านจึงเดินออกมาจากห้องมารดาของข้าอีก?” “คนในจวนแห่งนี้ไปอยู่ที่ไหนกันหมด? ไยจึงเงียบถึงเพียงนี้เล่า?” ลั่วอวิ๋นสี่รู้สึกสับสนอย่างถึงที่สุด สวีซงหย่วนยิ้มพลางกล่าวว่า “อวิ๋นสี่ มารดาของเจ้าตอบตกลงให้พวกเราอยู่ด้วยกันแล้ว เจ้าดีใจหรือไม่?” เมื่อลั่วอวิ๋นสี่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึง “ตอบตกลง? เรื่องนั้นเป็นไปได้อย่างไรกัน!” นางรู้นิสัยของมารดาตนดี อีกฝ่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 564

    โลหิตสด ๆ อาบย้อมหน้าอกและอาภรณ์ของลั่วหรง ร่างกายของนางชุ่มโชกไปด้วยโลหิตและลมหายใจหลุดลอย ลั่วอวิ๋นสี่ทรุดตัวร้องไห้กระทั่งเสียงแหบแห้งจนเปล่งเสียงไม่ออก นางรู้สึกสำนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เป็นนางที่ทำร้ายมารดาตนเอง! ดวงตาอันแดงก่ำของนางกลับเต็มไปด้วยน้ำตาและความชิงชัง จากนั้นนางก็พุ่งเข้าใส่สวีซงหย่วนหมายจะสังหารเขา! สวีซงหย่วนสายตาเย็นชาแล้วกำดาบในมือเอาไว้แน่น “เห็นแก่ที่ระยะนี้เจ้าดูแลข้าดีมิน้อย ข้าจักมิสังหารเจ้าก็ได้ ทว่าก็มิอาจเก็บมือไม้ของเจ้าเอาไว้ได้” สวีซงหย่วนเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาพลางตวัดดาบ ลั่วชิงยวนที่รีบรุดมาเห็นภาพนี้เข้าพอดี ลั่วชิงยวนชักมีดสั้นออกมาขว้างใส่อย่างสุดแรงเกิด เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหาร สวีซงหย่วนก็ยกดาบขึ้นต้านทานพลังจู่โจมเพื่อสกัดขัดขวางมีดสั้นเอาไว้ ชั่วครู่ต่อมา ลั่วชิงยวนกระโดดเตะสวีซงหย่วนอย่างรุนแรง จากนั้นก็ฉุดลั่วอวิ๋นสี่ออกห่าง ลั่วอวิ๋นสี่คุกเข่าลงกับพื้นอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็ร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ต่อหน้าลั่วหรง เมื่อเห็นร่างอาบโลหิตของท่านอาลั่วหรง ลั่วชิงยวนก็ให้รู้สึกปวดใจและบังเกิดโทสะ นางกำหมัดแน่น สายตาค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 565

    สวีซงหย่วนกัดฟันแน่น ราวกับว่าเขาไม่คิดจะเอ่ยสิ่งใด “ให้ข้าเดาเถอะ เป็นลั่วเยวี่ยอิงใช่หรือไม่?” ลั่วชิงยวนค่อย ๆ โน้มตัวมาข้างหน้า น้ำเสียงของนางฟังดูเยียบเย็น สวีซงหย่วนโต้ตอบด้วยท่าทีแค้นเคือง “หากเจ้าอยากฆ่าก็ฆ่าเลยสิ! เลิกเอ่ยวาจาเลื่อนเปื้อนสักที!” “ดูเหมือนจะมิใช่นะ” ลั่วชิงยวนออกแรงมือเพียงเล็กน้อย ก็หักนิ้วข้อเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายได้แล้ว “อ๊าก…" สวีซงหย่วนเจ็บปวดเสียจนเหงื่อกาฬชุ่มโชก “ลั่วไห่ผิงเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนแววตาเย็นชา สวีซงหย่วนยังคงกัดฟันมิยอมตอบ “ดูเหมือนจะมิใช่เช่นกัน” ลั่วชิงยวนใช้ดาบจู่โจมลงมาอีกครั้ง ข้อนิ้วก็ขาดกระเด็นไปอีกข้อหนึ่ง โลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนชายกระโปรงของนาง ลั่วอวิ๋นสี่ที่เฝ้ามองดูจากด้านข้างก็ตะลึงงันไปเสียแล้ว ช่างเป็นวิธีการอันโหดเหี้ยมนัก ฝูเสวี่ยผู้นี้หน้ามิเปลี่ยนสีเสียด้วยซ้ำไป นางเป็นผู้ใดกันแน่? นางทนดูภาพเช่นนั้นมิไหวแล้ว แต่เมื่อนางได้ยินเสียงแผดร้องของสวีซงหย่วน นางก็อดมิได้ที่จะรู้สึกเบิกบานใจ ลั่วอวิ๋นสี่กุมดาบเอาไว้แน่นพร้อมน้ำตาอาบหน้า สายตาของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและชิงชัง “เช่นนั้น… ก็เป็นตระกูลฝ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 566

    ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้ามาสุดกำลังโดยหาได้ใส่ใจสิ่งใดไม่ เพียงแค่หมายจะผลักฟู่เฉินหวนออกไป แต่ทันทีที่นางวิ่งเข้ามา จู่ ๆ มือสังหารที่มีรอยสักรูปนกอินทรีก็หันกลับมาใช้มีดสั้นคมกริบหมายแทงใส่หน้าท้องของลั่วชิงยวน มือสังหารสวมหมวกเพื่ออำพรางใบหน้า ทว่าสายตาอำมหิตและกระหายเลือดของอีกฝ่ายก็ชวนให้ลั่วชิงยวนกระดูกสันหลังเย็นวาบ เมื่ออยู่ต่อหน้านาง นางแลเห็นวิญญาณที่มีแค้นหนักหน่วงอยู่บนแผ่นหลังและหัวไหล่ของมือสังหาร พวกมันเต็มไปด้วยความแค้นใจ แต่กลับถูกพลังชั่วร้ายทั่วทั้งร่างขับไล่ออกไปจนวิญญาณร้ายมิอาจรบกวนได้ ลั่วชิงยวนมิเคยเห็นผู้ใดที่มีพลังชั่วร้ายแกร่งกล้าถึงเพียงนั้นมาก่อน ยามที่นางเห็นสายตาของคนผู้นั้น นางจึงรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่คืบคลานเข้าสู่จิตใจ ทันทีที่มีดสั้นพุ่งเข้าหานาง ก็ช่างรวดเร็วเสียจนลั่วชิงยวนมิอาจหลบเลี่ยงได้ ดังนั้นนางจึงได้แต่พยายามมิให้ทำร้ายจุดสำคัญของตนอย่างสุดกำลัง แต่ขณะที่นางหลบหลีก กลับมิได้ถูกมีดสั้นแทงอย่างที่คาดคิดเอาไว้ เมื่อนางลืมตาขึ้นก็เห็นมือที่กำลังกำคมมีดสั้นเอาไว้แน่นเพื่อสกัดขัดขวางฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ มือของเขาชุ่มโลหิตเสียแล้ว ลั่ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 567

    ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยวาจา เซียวซูก็พรวดพราดเข้ามาทันที “ท่านอ๋อง บาดแผลของพระองค์...” ฟู่เฉินหวนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนอยู่ที่ใดเล่า? เจ้าจับตัวได้หรือไม่?” เซียวซูก้มหน้า “มิได้พ่ะย่ะค่ะ” “คนผู้นี้วิ่งเข้าไปในตลาดอันยุ่งวุ่นวาย มีผู้คนมากมายเหลือเกินจึงมิอาจจับตัวได้พ่ะย่ะค่ะ!” ฟู่เฉินหวนสายตาเย็นชาเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า “มันคงเป็นมือสังหารของสำนักเทียนอิงที่พวกเรากำลังตามหาอยู่” เขาเห็นรอยสักบนหลังมือของมือสังหาร เซียวซูรู้สึกตื่นตกใจ “เช่นนั้นกระหม่อมจะส่งกำลังคนออกตามหามันอีก! หากคราวนี้มันหลบหนีไปได้ คราวหน้าก็คงมิเจอตัวแล้ว!” ลั่วชิงยวนครุ่นคิด คราวหน้าพวกเขาคงได้แต่ไปตามหามือสังหารของสำนักเทียนอิงที่จวนตระกูลฝูแล้ว วันนั้นนางพบมือสังหารของสำนักเทียนอิงที่จวนตระกูลฝู นางควรจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟู่เฉินหวนฟังหรือไม่? “ที่จริงแล้ว...” ก่อนที่นางจะทันได้พูดให้จบประโยค ลั่วอวิ๋นสี่ก็พลันเดินเข้ามา “ฝูเสวี่ย ข้ามีเรื่องขอถามเจ้า” ลั่วอวิ๋นสี่ยังคงดวงตาบวมแดง แต่ยามนี้แววตาของนางกลับเฉียบคมเป็นพิเศษ แม้น้ำเสียงจะแหบแห่งยิ่งกว่าเดิมก็ตามที ฟู่เฉิน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 568

    บนพื้นมีศพถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คนของทางการยังคงหามศพแล้ววางลงไปทีละศพ พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนรับใช้ของจวนมหาราชครู เมื่อลั่วอวิ๋นสี่เดินออกมาเห็นภาพนี้เข้า นางก็พลันยกมือปิดปากพลางพิงกับกรอบประตูแล้วทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง น้ำตาไหลอาบหน้าด้วยความเศร้าโศก นักการในศาลาว่าการรายงานต่อใต้เท้าเหอ หลังจากฟังเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ใต้เท้าเหอก็เดินเข้ามาบอกพวกนางทั้งสองคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “มิพบผู้รอดชีวิตในจวนมหาราชครู” แม้แต่ลั่วหรงก็ถูกสังหาร เรียกได้ว่าเป็นการสังหารล้างตระกูลก็ว่าได้ “ศพที่อยู่ข้างนอกเป็นศพของมือสังหารใช่หรือไม่?” ลั่วชิงยวนพยักหน้า “เจ้าค่ะ” “ทุกคนในจวนมหาราชครูล้วนตายตกด้วยน้ำมือของมัน” เมื่อใต้เท้าเหอได้ยินเช่นนี้ สายตาของเขาก็ทอดมองลั่วอวิ๋นสี่ที่อยู่ข้างกายนาง “วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นในจวนมหาราชครูกันแน่? แม่นางลั่ว เจ้าตามข้าไปที่ศาลาว่าการแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังได้หรือไม่?” อย่างไรเสียจวนมหาราชครูก็เกือบที่จะถูกสังหารล้างตระกูล เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนั้นขึ้นในเมืองหลวง หากเขามิทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ก็คงมิสาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 569

    ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้าง ลั่วอวิ๋นสี่กล่าวว่า “ลำพังด้วยน้ำเสียงของข้าในยามนี้ หากข้าสวมหน้ากาก ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าข้าเป็นใครแล้ว” “ข้าต้องแน่ใจว่าตัวข้าเองจะปลอดภัยเพื่อแก้แค้นให้ตระกูลของตัวข้าเองได้!” “พี่สาวข้าทำเรื่องพวกนี้มิได้หรอก” เมื่อนึกถึงลั่วหลางหลาง ลั่วชิงยวนเองก็รู้สึกเป็นกังวล หากลั่วหลางหลางรู้เรื่องนี้เข้า มิทราบว่านางจะเสียใจสักเพียงใด “ได้” นางตอบรับคำขอร้องของลั่วอวิ๋นสี่ จากนั้นนางก็ลอบออกไปจากจวนมหาราชครูพร้อมกับลั่วอวิ๋นสี่ ลั่วอวิ๋นสี่พกเงินเหรียญติดตัวมาเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น มิได้นำสิ่งใดไปอีก ลั่วชิงยวนพาอีกฝ่ายไปที่หอฝูเสวี่ย หลังจากชำระร่างกายและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แล้ว อีกฝ่ายก็สวมหน้ากาก ลั่วอวิ๋นสี่สวมชุดผ้าไหมสีเรียบอันสะอาดสะอ้าน ผมเกล้าเป็นทรงสูงและสวมหน้ากากเอาไว้ เพียงแค่ราตรีเดียว ท่าทางของอีกฝ่ายก็แปรเปลี่ยนไปชนิดสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ยามนี้อีกฝ่ายดูเหมือนบุรุษหนุ่มผู้มีท่าทีสุขุมมากกว่า… เมื่อยืนอยู่หน้ากระจกสำริด ลั่วอวิ๋นสี่ก็ได้ยินเสียงแหบแห้งของตนเองค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่มีลั่วอวิ๋นสี่อีกแล้ว

최신 챕터

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1413

    คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1412

    “ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1411

    “แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1410

    ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1409

    “แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1408

    เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status