แชร์

บทที่ 54

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
เมื่อคืนนางนอนดึก อาหารบาดเจ็บก็ยังไม่หายดี ทำได้แต่นอนคว่ำ นางจึงหลับไม่สนิทสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นแม่นมเติ้งกับจือเฉาจึงไม่เข้ามารบกวนนาง

ปัง…

ลั่วชิงยวนที่ยังนอนหลับอยู่ถูกเสียงถีบประตูปลุกให้ตื่นขึ้นมา "เกิดอะไรขึ้น?"

ทันทีที่นางลืมตาก็เห็นร่างที่ก้าวเข้ามาด้วยความโกรธแค้น

สีหน้าอึมครึมและสายตาอันตรายทำให้ลั่วชิงยวนพลันสะดุ้งตกใจขึ้นมาทันที จากนั้นนางก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง "ท่านอ๋อง... เกิดเรื่องอะไรขึ้นเพคะ?"

เมื่อฟู่เฉินหวนเห็นสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์เช่นเดียวกับในวันที่นางเป็นเจ้าสาว ก็ให้รู้สึกรังเกียจอยู่ในใจ

สตรีผู้นี้ช่างเสแสร้งเก่งเสียจริง ๆ !

ลั่วชิงยวนไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่นางเห็นสายตารังเกียจเดียดฉันท์ของฟู่เฉินหวนซึ่งเย็นชาราวกับกริชได้อย่างเด่นชัด

จากนั้นนางก็ถูกฟู่เฉินหวนลากขึ้นมาจากเตียง ลั่วชิงยวนล้มลงกับพื้นแล้วกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

แต่ฟู่เฉินหวนที่แข็งแกร่งมากกลับไม่สนใจว่านางจะเจ็บตัวเลยสักนิดแล้วเดินก้าวยาว ๆ ออกไป ลั่วชิงยวนได้แต่กัดฟันลุกขึ้นและรีบเดินตามไป แต่นางก็ไม่อาจเลี่ยงอาการปวดแปลบจากการถูกกระชากลากถูไปได้

"เยวี่ยอิงกลับ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 55

    "ใจร้ายเกินไปแล้ว!" เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเสียงเหล่านี้ นางก็ยิ้มเยาะนิด ๆ พลางมองฟู่เฉินหวนด้วยสายตาเย็นชา "ท่านอ๋อง หม่อมฉันขอถามเป็นประโยคสุดท้าย ท่านทรงคิดจะขับไล่หม่อมฉันไปจริง ๆ ใช่หรือไม่เพคะ?" การจ้องมองที่เย็นชาของนางมีทั้งความขุ่นเคืองและการคุกคาม ฟู่เฉินหวนนึกถึงอาคมชุมนุมปีศาจในตำหนักอยู่ชั่วอึดใจ แต่หลังจากนึกถึงเรื่องนั้นแล้ว อาคมชุมนุมปีศาจนี้ก็เป็นแค่เรื่องที่ลั่วชิงยวนเอ่ยขึ้นมาเท่านั้น ไม่ว่ามันจะมีอยู่จริงหรือไม่ ร้ายกาจสักแค่ไหน ผู้ใดจะล่วงรู้กันเล่า สตรีผู้นี้มีเจตนาไม่ดี ใครจะรู้ว่า นางซ่อนกลอุบาย หรือแผนการร้ายกาจแบบไหนเอาไว้ เพื่อความสงบสุขแล้ว ควรขับไล่นางออกไปเสีย! สำหรับจวนอัครเสนาบดีแล้ว เมื่อเห็นท่าทีที่ลั่วไห่ผิงมีต่อลั่วชิงยวน เขาไม่รักใคร่บุตรสาวผู้นี้เลยสักนิด ถ้าหากเขาหย่ากับนาง ลั่วไห่ผิงก็คงจะไม่ว่าอะไรหรอก เขาคิดจะเอ่ยปากพูดออกไป… ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้ส่งเสียงออกไป จู่ ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาจากท้องถนนแล้วมุ่งหน้ามาที่ประตูตำหนักอ๋อง "ตำหนักอ๋องทำลายชีวิตบุตรสาวของข้า ขอตำหนักอ๋องได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วย!" กลุ่มชาวบ้านท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 56

    ลั่วชิงยวนตะโกนขึ้นมาทันทีว่า "จือเฉา ไปกันเถอะ!" เมื่อจือเฉาได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็ตอบรับพลางรีบวิ่งกลับไปในตำหนัก แทบจะพุ่งตัวไปยังเรือนหลังเล็ก ๆ ที่พวกชุนเยวี่ยและคนอื่น ๆ อาศัยอยู่ ปลุกทั้งสามคนที่ยังคงแสร้งตายให้ตื่น แล้วทั้งสามก็รีบล้างหน้าล้างตา นอกประตูยังมีกลุ่มคนกำลังร้องตะโกนอยู่ เพราะยิ่งมาก็ยิ่งมีผู้ชมดูเหตุการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ และแรงกดดันของพวกเขาก็ชักจะมากขึ้นทุกที ๆ แล้ว ฟู่เฉินหวนมองลั่วชิงยวนพลางขมวดคิ้ว ตนไม่เข้าใจว่า สตรีผู้นี้กำลังทำเรื่องบ้าบออันใดอยู่กันแน่ หากขวางนางเอาไว้เสียตั้งแต่ตอนนี้จะสายเกินไปหรือไม่? องครักษ์ที่ซูโหยวเรียกมาก็ยืนอยู่ทั้งสองด้านของประตูหลัก ยังมิได้ลงมืออันใด เป้าหมายหลักของพวกเขาคือ ป้องกันมิให้เกิดอันตรายกับท่านอ๋อง! ไม่นานจือเฉาก็ออกมา แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือ นางวิ่งออกมาพร้อมนางรับใช้ทั้งสามคน เป็นชุนเยวี่ย ปี้อวิ๋นและไป๋ถังจริง ๆ ซูโหยวรู้สึกตื่นตกใจ ตนเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าทั้งสามคนนี้ตายอย่างน่าอนาถ! จู่ ๆ... ก็มีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน? ฟู่เฉินหวนเองก็รู้สึกตื่นตระหนกพลางขมวดคิ้วขึ้นมาทันที "ท่านพ่อ! ท่านแม่!” ชุน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 57

    "ยังคิดจะหนีอีก!" ลั่วชิงยวนกัดฟันไล่ตามเขาไปแล้วคว้าไหล่ของหวังหมาจื้อเอาไว้ วันนี้นางถูกปรักปรำเพราะเรื่องนี้ ย่อมต้องหาตัวการที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ออกมาลงโทษให้จงได้! แต่หวังหมาจื้อผู้นี้ก็ฝีมือมิใช่ย่อยจึงคว้าข้อมือของลั่วชิงยวนแล้วบิดไพล่หลัง ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวดมากจนแทบทนม่ไหว จากนั้นก็ถูกหวังหมาจื้อเตะเข้า ลั่วชิงยวนตอบสนองอย่างว่องไว สองแขนไขว้ตรงหน้าอกสกัดกั้น แต่มีพลังไม่เพียงพอจึงถูกเตะกระเด็นออกไป นางถอยร่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างหนักอึ้งของตนเสียสมดุลจวนจะลมอยู่รอมร่อ บาดแผลบนแผ่นหลังยังไม่หายดี เกรงว่าหากล้มลงไป อาจทำให้บาดเจ้บสาหัสเจียนร่างแหลกสลาย แต่ทันใดนั้นเองวงแขนแกร่งคู่หนึ่งก็ช้อนแผ่นหลังของนางเอาไว้ จากนั้นก็ช่วยประคองให้นางลุกขึ้นทันที นางรู้สึกตกใจอยู่บ้างและเมื่อหันหน้ากลับไป นางก็เห็นฟู่เฉินหวนที่สงบนิ่งและผ่อนคลาย เขาจ้องมองนางด้วยดวงตาที่ลึกล้ำซับซ้อนแล้วถามว่า "เจ้าไม่รู้หรือว่าตัวเองอ้วนแค่ไหน?”ใช้วิชาตัวเบาเพื่อจับคน?! โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จะอวดดีไปทำไมกันเล่า! ตอนนี้องครักษ์จับตัวหวังหมาจื้อได้แล้วก็พาตัวกลับไปที่ตำหนักทันที

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 58

    ในเรือนอ๋อง ฟู่เฉินหวนคิดจะกลับไปยังห้องตำรา แต่เมื่อเขาเห็นว่า ตรงประตูไม่มีผู้ใดตามเข้ามา เขาก็ยืนเอามือไพล่หลังแล้วรออยู่สักพัก แต่ก็ยังไม่เห็นผู้ใดตามเข้ามา เมื่อเห็นว่าซูโหยวจัดการให้ชุนเยวี่ยและบิดามารดาของนางได้นั่งลงแล้ว เขาก็กวักมือเรียกซูโหยวให้เข้ามาหา "ท่านอ๋อง มีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?" ซูโหยวรู้สึกสับสน ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วแล้วมองอีกฝ่าย "ออกไปดูซิว่า ยังมีผู้ที่ยังมิได้เข้ามาหรือไม่" ซูโหยวชะงักงันไปชั่วขณะ นึกว่าท่านอ๋องกำลังเอ่ยถึงชุนเยวี่ยและผู้ที่เกี่ยวข้องจึงตอบว่า "ชุนเยวี่ยกับบิดามารดาของนางเข้ามาหมดแล้ว ไม่มีผู้ใดแล้วพ่ะย่ะค่ะ" ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า "ข้าสั่งให้เจ้าออกไปดูอย่างไรเล่า!" ซูโหยวตกใจมากเสียจนไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดแล้วรีบเดินออกนอกประตู เขาเห็นทั้งสามคนบนท้องถนนก็พลันเข้าใจขึ้นมาทันที เมื่อเห็นซูโหยวเดินออกมา ลั่วชิงยวนจึงหันหลังเตรียมตัวจากไป เมื่อซูโหยวเห็นเช่นนี้ เขาก็รีบไล่ตามนางไป "พระชายาขอรับ!" ลั่วชิงยวนไม่มองเขาสักนิดพลางเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า "ท่านอ๋องรับสั่งให้ขับไล่ข้าออกจากตำหนักอ๋องแล้วมิใช

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 59

    "ท่านอ๋องเกือบจะทรงขับไล่พระชายาออกจากตำหนัก มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้ยังโบยพระชายาไปยี่สิบไม้เพราะแม่บ้านเมิ่ง และอาการบาดเจ็บของนางก็ยังไม่หายดี กระหม่อมไม่คิดว่า พระชายาจะเป็นคนเลวร้ายอันใด อีกทั้งพระชายายังกำชับแม่นมเติ้งให้ดูแลนางรับใช้ทั้งสามคนเป็นพิเศษด้วย เพราะเกรงว่าพวกนางจะปลิดชีพตนเอง” "เมื่อคืนก่อนที่พวกนางปลิดชีพตนเอง ก็เป็นแม่นมเติ้งที่ไปทันเวลาพอดีพ่ะย่ะค่ะ" เมื่อก่อนซูโหยวอาจจะไม่เชื่อ ทว่ายามนี้ความจริงมาประดังอยู่ตรงหน้าตนแล้ว ความคิดเห็นที่เขามีต่อพระชายาผู้นี้จึงดีขึ้นมาก เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนี้ก็สะเทือนใจอยู่บ้าง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทนว่า "เจ้าพูดมากขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! ข้าไปดูก็ได้!" ตอนที่เขากำลังจะออกไป เซียวชูก็เดินเข้ามาอีกครั้ง "ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ หลังจากไต่สวนหลิ่วจิ้นก็สารภาพออกมา กระหม่อมลองตรวจสอบโอสถที่ชุนเยวี่ยกินเข้าไปแล้ว มันเป็นโอสถที่หลิ่วจิ้นสั่งให้นางรับใช้ผู้มีหน้าที่ต้มโอสถต้มขึ้นมา สิ่งที่หวังม๋าจื้อพูดมาล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ! "แต่วันนี้ตอนที่ราษฎรมารวมกลุ่มประท้อง หลิ่วจิ้นก็หนีไปจากตำหนัก มีคนเห็นเขาหน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 60

    ทั้ง ๆ ที่บอกว่ารักเขา กระทั่งรีบร้อนที่จะแต่งเข้ามาในจวนตำหนักอ๋อง! ทว่าเขากลับไม่เคยเห็นสตรีผู้นี้มีรอยยิ้มมากมายขนาดนี้ต่อหน้าเขาเลย! ช่างน่าขันที่ตนหลงเชื่อนางเข้าจริง ๆ ! เขากำขวดโอสถในมือเอาไว้แน่น ดวงตาฉายแววเยียบเย็นแล้วหันหลังเดินกลับไป จือเฉาที่กำลังเตรียมจะยกชาเข้าไปในห้อง คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นเงาร่างที่จากไป "นั่น! ท่านอ๋องนี่นา! แต่อีกฝ่ายกลับเดินจากไปด้วยฝีเท้ามั่นคงโดยไม่เหลียวหลังแม้แต่น้อย จือเฉารีบยกชามาที่ห้อง "พระชายาเจ้าคะ เมื่อสักครู่นี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะเสด็จมาหา แต่กลับเดินออกไปด้วยท่าทีขุ่นเคืองเสียแล้วเจ้าค่ะ" เมื่อฟู่อวิ๋นโจวได้ยินเช่นนี้ก็ตื่นตกใจอยู่บ้างแล้วสีหน้าของเขาก็ฉายแววกังวลใจ "คงจะเห็นข้าอยู่ที่นี่เป็นแน่ เช่นนั้นข้ากลับดีกว่า ข้าเกรงว่าเสด็จพี่จะเข้าใจผิด ประเดี๋ยวข้าจะไปอธิบายให้เสด็จพี่เข้าใจเอง" ฟู่อวิ๋นโจวลุกเร็วเกินไปเสียจนกระอักกระไอแรง ๆ ลั่วชิงยวนรีบเอ่ยขึ้นมาว่า "ไม่ต้องหรอกเพคะ ไม่ว่าท่านจะอธิบายอย่างไร ท่านอ๋องก็ไม่มีสีหน้าดี ๆ ให้หม่อมฉันหรอก" "ท่านผู้นี้เชื่อเฉพาะสิ่งที่ตนเห็นเท่านั้น" ลั่วชิงยวน ฟู่อวิ๋นโจวจึงเ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 61

    เห็นท่าทีดื้อรั้นเช่นนี้ของพระชายา แม่นมเติ้งแนะนำนางมิได้อีกต่อไป นางทาโอสถให้อีกฝ่ายอย่างตั้งใจลั่วชิงยวนนึกถึงองค์ชายห้า อดมิได้ที่จะถามว่า “องค์ชายห้าอยู่ตำหนักอ๋องตลอดรึ?"แม่นมเติ้งตอบว่า “องค์ชายห้าถูกจับเป็นตัวประกันที่ตำหนักอ๋องเจ้าค่ะ แม้ว่าจะมีการประกาศอย่างเปิดเผยว่า พระองค์ประทับรักษาพระวรกายอยู่ในตำหนัก และได้เชิญหมอเทวดามาเพื่อพระองค์ แต่อันที่จริงแล้วเป็นการควบคุมพระองค์ เพื่อตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจของไทเฮา”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจเล็กน้อย อดมิได้ที่จะหันไปมองแม่นมเติ้ง “เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องพวกนี้?”แต่แม่นมเติ้งมองนางด้วยความประหลาดใจ “นี่คือสิ่งที่ทุกคนในเมืองหลวงรู้เจ้าค่ะ ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ เพียงแต่มิกล้าติฉินนินทาอย่างโจ่งแจ้งเท่านั้น”ลั่วชิงยวนดูเหลือเชื่อ ทุกคนรู้ แต่นางกลับไม่รู้อะไรเลย!ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย!ลั่วชิงยวนคิดอย่างรอบคอบ พยายามกลั่นสิ่งสำคัญออกมาจากความทรงจำบ้างองค์ชายห้าฟู่อวิ๋นโจว และจักรพรรดิองค์ปัจจุบันต่างเกิดมาจากไทเฮา แต่ฟู่อวิ๋นโจวมิสมบูรณ์มาแต่กำเนิด อ่อนแอและขี้โรค ทันทีที่เกิดมาก็พ่ายแพ้ในการต่อส

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 62

    ลั่วชิงยวนกำลังยันตัวลุกขึ้น ก็ได้ยินซูโหยวพูดว่า “เติ้งหมิงซูมีส่วนช่วยชุนเยวี่ย ปี้อวิ๋นและไป๋ถังอย่างมากในเรื่องนี้”“ตั้งแต่วันนี้ไป ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านในเรือนชั้นในของตำหนักอ๋อง อีกเดี๋ยวแม่บ้านเติ้งไปที่ฝ่ายบัญชีเพื่อรับกุญแจแม่บ้านได้เลย”พูดจบ ซูโหยวก็หันหลังกลับและจากไปลั่วชิงยวนชะงักทันทีแม่นมเติ้งก็ดูตกใจเช่นกัน ทุกคนตกใจและทำอะไรไม่ถูก นางได้เป็นแม่บ้าน?แม่บ้านเรือนชั้นใน?เป็นไปมิได้หรอก!ลั่วชิงยวนกำผ้าห่มไว้แน่น รู้สึกขมขื่นในใจอย่างอธิบายมิได้ ซูโหยวมาโดยเฉพาะ ที่จริงแล้วมันไม่เกี่ยวอะไรกับนางเลยฟู่เฉินหวนจงใจทำอย่างนั้นหรือ!แม่นมเติ้งกลับมามีสติ พูดอย่างลำบากใจว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นกับชุนเยวี่ยและพวกนาง ทั้งหมดเป็นคุณงามความดีของพระชายา จะให้ความดีความชอบกับหญิงชราอย่างหม่อมฉันได้อย่างไร? หม่อมฉันจะไปอธิบายเรื่องนี้กับท่านอ๋องเองเพคะ”ลั่วชิงยวนหยุดนางและพูดว่า “มิจำเป็นหรอก เขาจงใจทำ”แม่นมเติ้งลังเลและถามว่า “เป็นเพราะองค์ชายห้ามาที่นี่หรือไม่เพคะ?”ลั่วชิงยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นี่น่าจะเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง แต่ก็มิใช่ทั้งหมด”“ในเมื่อเจ้าเป็

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1284

    ลั่วชิงยวนตกตะลึง อารมณ์ความรู้สึกของนางดำดิ่งเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ว่ามิเหลือแม้แต่ศพอย่างนั้นหรือ?“มิพบศพด้วยซ้ำ” อวี๋โหรวกล่าวเสียงขรึมดวงตาของลั่วชิงยวนหม่นลง ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถูกกำจัดไปแล้วจริง ๆ ส่วนจะกำจัดอย่างไรและทิ้งไว้ที่ไหน บางทีอาจมีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่รู้“น่าเสียดายจริง ๆ” ลั่วชิงยวนทอดถอนใจด้วยความเสียดายอวี๋โหรวจ้องนางด้วยสายตาจริงจังและพูดอย่างหนักแน่น “มิน่าเสียดายหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนางคนต่อไป!”ทันใดนั้น สายตาที่จริงจังของอวี๋โหรวก็ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังและยังสงสัยด้วยว่าอวี๋โหรวจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าแม้แต่ศิษย์น้องหญิงก็จำนางมิได้ อีกทั้งอวี๋โหรวก็มิได้สนิทสนมกับนาง แล้วจะจำนางได้อย่างไรลั่วชิงยวนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะถือว่านั่นคือคำปลอบใจก็แล้วกัน”อวี๋โหรวพูดอย่างจริงจัง “ข้ามิได้ปลอบใจเจ้า ข้าพูดจริง”หลังจากนั้น อวี๋โหรวก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ทางข้ายังพอมียาอยู่บ้าง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย”ลั่วชิงยวนมิค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอวี๋โหรวถึงทำดีกับนางนางมิค่อยรู้จักอวี๋โหรวมากนัก ในภาพจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1283

    หรือเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวน?แต่เมื่อมาครุ่นคิดดูตอนนี้ สตรีที่สามารถทำให้เซินฉีหลงใหลได้ถึงเพียงนี้คงไม่มีทางที่จะเป็นขยะไร้ค่าแม้จะมิได้แข็งแกร่งกว่าเฉินชี แต่ก็เป็นคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเพราะเช่นนี้เขาจึงมิแลเกาเหมียวเหมี่ยวเลยด้วยซ้ำ……เมื่อกลับมาถึงห้องลั่วชิงยวนก็นั่งลงพักผ่อนเฉินชีเดินตามเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ นาง พร้อมกับรินชาสองจอก“สมแล้วที่เป็นอาเหลา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้าทำให้เกาเหมียวเหมี่ยวตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ข้าชอบ!” มีแสงประกายเจิดจ้าส่องสว่างในดวงตาของเฉินชีสายตาของเขาดูเหมือนอยากจะกลืนกินลั่วชิงยวนเข้าไปทั้งตัวลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกาเหมียวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทกับฮองเฮาคงมิยอมปล่อยข้าไปแน่ คงต้องให้เจ้าช่วยออกหน้าให้แล้ว”เฉินชียิ้มมุมปาก “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”ลั่วชิงยวนที่ยังกังวลอยู่เล็กน้อยกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินชี ครั้งนี้เจ้าจะยืนนิ่งดูดายอีกมิได้แล้ว เพราะหากข้าตาย แผนทั้งหมดของเจ้าก็จะสูญเปล่า”“ใต้หล้านี้ไม่มีลั่วเหลาคนที่สองหรอกนะ”เฉินชีพยักหน้าอย่างจริงจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1282

    เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1281

    “โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1280

    ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1279

    “สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1278

    “ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1277

    เกาเหมียวเหมี่ยวกำหมัดแน่น รู้สึกโมโหมากจนแทบจะปรี๊ดแตกออกมาความรู้สึกอับอายถาโถมเข้ามาหานางเหมือนกับคลื่นยักษ์“เฉินชี คอยดูเถอะ!” เกาเหมียวเหมี่ยวจ้องมองเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวนางสวมอาภรณ์แล้วหนีไปทันที……คืนก่อนวันประลองที่หอรักษ์ดาราทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบหลังจากลั่วชิงยวนพักผ่อนได้หนึ่งวัน นางก็เปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดท่องราตรีนางแอบเปิดประตูห้องแล้วอาศัยจังหวะที่บริเวณรอบ ๆ ไม่มีคน มุ่งหน้าไปยังหอปรุงโอสถทั้งยังปล่อยเตี่ยฉุยออกมาเพื่อช่วยนางดูคนที่ผ่านไปมาให้อีกแรงหอปรุงโอสถเป็นสถานที่สำคัญของสำนักนักบวช บุคคลทั่วไปมิได้รับอนุญาตให้เข้าไปตามใจชอบ หากนางถูกจับได้ จะต้องตายสถานเดียวทว่าหากมิขโมยโอสถ วันพรุ่งก็ต้องตายในการประลองที่หอรักษ์ดาราอยู่ดีดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมเสี่ยงดูสักครั้งลั่วชิงยวนอาศัยความที่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว ทำการหลบเลี่ยงจุดที่อาจจะมีคนและมาถึงด้านนอกของหอปรุงโอสถขณะนี้ หอปรุงโอสถเงียบสงบและไม่มีใครเฝ้ายามลั่วชิงยวนเดินเข้ามาในลานจนถึงประตูที่ลงกลอนเอาไว้นางดึงปิ่นปักผมออกมาปลดกลอนประตูอย่างชำนาญจากนั้นก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1276

    “ใครให้เจ้าใช้กลิ่นกล้วยไม้? คิดว่าตัวเองคู่ควรกับมันรึ?”แววตาอันชั่วร้ายและกลิ่นอายสังหารทั่วร่างที่แผ่ออกมาทำให้หลานจีหวาดกลัวจนต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ท่าน… ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นให้ข้าใช้มันเองนะเจ้าคะ”ดวงตาของเฉินชีเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาโยนหลานจีออกจากห้องอย่างโหดร้าย“นับตั้งแต่วันนี้ห้ามใช้น้ำหอมกลิ่นกล้วยไม้อีก ไสหัวไป!”หลานจีล้มออกมานอกห้องอย่างแรงจนกลิ้งตกขั้นบันไดและกระอักเลือดออกมา ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ดูมิได้อย่างยิ่งนางเงยหน้าขึ้นด้วยความมิอยากเชื่อ มิเข้าใจว่าเหตุใดอารมณ์ของท่านแม่ทัพถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อก่อนเขาชอบดูนางร่ายรำเป็นที่สุด และชอบกลิ่นหอมของกล้วยไม้บนตัวของนางด้วยเช่นกันเหตุใดจู่ ๆ ถึง…หลานจีพยายามลุกขึ้นจากพื้นพลางมองไปที่เฉินชีที่ยังคงดื่มอยู่ในห้อง “ท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดมิสบายใจใช่หรือไม่เจ้าคะ หลานจียินดีช่วยแบ่งเบาความกังวลให้ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ!”ทันใดนั้นก็มีบุคคลหนึ่งก้าวออกมาจากด้านหลัง ร่างนั้นเดินผ่านหน้านาง และได้ตบนางอย่างแรงทำให้หลานจีล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“ไล่ให้เจ้าไสหัวไปแต่กลับมิทำ จะรอข้ามาถลกหนังรึไร?” ดวงตาของเก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status