ลั่วไห่ผิงหันกลับมาและมองนางอย่างลังเลเล็กน้อย เห็นท่าทีลังเลของลั่วไห่ผิง ลั่วชิงยวนก็รู้ว่า เขาอ้างให้นางขับไล่วิญญาณร้ายในจวน บอกว่าจะส่งตัวพระชายาที่เหมาะสมคืนให้ตำหนักอ๋อง จริง ๆ แล้วไม่ได้วางแผนที่จะให้นางกลับตำหนักอ๋องอีกเลย! “พ่อรู้ดีว่า เจ้าเองชอบท่านอ๋องมาตั้งแต่เจ้ายังเด็ก แต่... ตอนนี้เจ้าเป็นเช่นนี้ ไม่คู่ควรกับท่านอ๋องเลยจริง ๆ” ลั่วไห่ผิงพูดอย่างตรงไปตรงมา “การที่เจ้าแต่งงานแทนนั้นเป็นความผิดตั้งแต่แรก พ่ออยากให้เยวี่ยอิงกลับตำหนักอ๋อง” ลั่วชิงยวนคิ้วกระตุก ทำให้ลั่วเยวี่ยอิงเป็นพระชายาอ๋อง โดยอาศัยความรักและอำนาจของท่าอ๋อง ไม่ถามถึงว่า นางจะเอาของของท่านแม่กลับมาได้หรือแม่ ถามว่านางจะมีชีวิตอยู่รอดไปได้หรือไม่ดีกว่า? ลั่วเยวี่ยอิงจะฆ่านางให้ตายอย่างแน่นอน! ลั่วชิงยวนก้มหัวลง “ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าสัญญา ข้าจะนำเกียรติมาสู่จวนอัครเสนาบดี” กลั้นความรู้สึกที่อยากร้องไห้ไว้ ยังทำให้ลั่วไห่ผิงใจอ่อนขึ้นหน่อย นอกจากนี้ยังกล่าวหานางอย่างผิด ๆ และตบนาง เสียใจเล็กน้อย ลังเลซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็ตกลงและพูดว่า “ได้ พรุ่งนี้พ่อจะส่งคนมารับเจ้ากลับไป” ตราบใดที่ลั่วชิงยวนเชื
หลังจากที่ลั่วไห่ผิงกลับไปก็ไปดูลั่วเยวี่ยอิงอีกครั้ง อธิบายสาเหตุที่ลั่วชิงยวนทำน้ำร้อนลวกนาง ลั่วเยวี่ยอิงฟังจบสีหน้าก็เปลี่ยนไป จับแขนของลั่วไห่ผิง ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง อยากจะพูดแต่ไม่มีเสียงออกมา เจ็บคอมาก ลั่วไห่ผิงตบหลังมือของนาง “พ่อรู้ว่าเจ้าน้อยใจ เจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน แต่ชิงยวนก็ไม่ได้ตั้งใจ เจ้าให้อภัยนางเถอะ” “แต่ก่อนนางทำผิดร้ายแรงบ้างจริง ๆ แต่น่าจะเกิดจากการถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง ตอนนี้นางได้ขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและกลับมาเป็นปกติแล้ว เจ้าอย่าเคียดแค้นนางมากเกินไป อย่างไรแล้วนางก็เป็นพี่สาวของเจ้า” ลั่วไห่ผิงปลอบใจอย่างอดทน ลั่วเยวี่ยอิงร้องไห้อย่างกังวล นางอยากบอกพ่อมากว่า ลั่วชิงยวนไม่ได้ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงเลย นางจงใจเอาน้ำร้อนลวกตน! อย่างไรก็ตาม การที่นางไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ ก็ทำให้นางอารมณ์เสีย นางถูกลั่วชิงยวนทำร้ายสาหัสถึงเพียงนี้ แต่พ่อของนางกลับไม่ได้ตำหนิลั่วชิงยวนเลยจริง ๆ ยังขอให้นางใจกว้าง และอย่าโกรธเคืองลั่วชิงยวน จะให้นางทนฝืนกลืนความโกรธลงไปได้อย่างไรกัน! “เจ้าอย่าได้กังวลนัก พ่อจะรักษาคอของเจ้าให้หาย เจ้าพักฟื้นที่จวนสักระยะหนึ่ง! เจ้าคงจะโกรธ
รถม้าหยุดอยู่ด้านนอกตำหนักอ๋อง กลุ่มนางรับใช้ที่กำลังรออยู่ เมื่อเห็นรถม้าจากจวนอัครเสนาบดีมาถึง ทุกคนก็ต่างปลื้มดีใจ และอุทานว่า “คุณหนูรองมาแล้ว” “เร็ว เร็ว เร็ว” ทุกคนรีบเดินไปข้างหน้าต้อนรับลั่วเยวี่ยอิง เมื่อลั่วชิงยวนก้าวลงจากรถม้า นางรับใช้ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง สิ่งที่ตามมาทันทีคือ ความผิดหวังและความรังเกียจ “ทำไมถึงเป็นนางล่ะ” นางรับใช้สองคนที่อยู่ไม่ไกลกระซิบกัน รังเกียจอย่างยิ่ง จือเฉาตอบโต้อย่างไม่เกรงใจ “พระชายาก็คือพระชายาจะไม่ใช่นางได้เยี่ยงไร?” นางรับใช้หลายคนจ้องมองไปที่จือเฉา พึมพำต่อว่า “พวกเขาบอกว่านางจะไม่รอดมิใช่รึ? ทุกคนกำลังรอคุณหนูรองกลับมาที่ตำหนัก คุณหนูรองต่างหากที่เป็นพระชายาตัวจริง!” “ถูกต้อง เจ้าอ้วนนี่จะคู่ควรกับท่านอ๋องของเราได้อย่างไร” นางรับใช้ดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก และก็พูดอย่างไม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าเสียงจะเบา แต่ก็เข้าหูของลั่วชิงยวนก็ได้ยินอย่างชัดเจน เพียะ… การตบหน้าที่ดังชัดเจน ทำให้ทั้งตำหนักเงียบสงบลง ทุกคนต่างตกตะลึง นางรับใช้ที่ถูกตบเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ จากนั้นก็สบตาที่ดุดันของลั่วชิงยวน ตกใจจนตัวขด “
คืนก่อนหน้านั้น เขาได้ถามหมอเทวดากู้โดยเฉพาะว่า มีการวินิจฉัยผิดพลาดหรือไม่ หมอเทวดากู้ยืนกรานว่า ลั่วชิงยวนไม่รอด บอกว่าแม้ว่านางจะผ่านไปได้ ผ่านช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด แต่อวัยวะภายในได้รับความเสียหายแล้ว มีชีวิตได้เพียงสองวันเท่านั้น ตอนนี้ ก็เกินสองวันมาแล้วแต่ลั่วชิงยวนยังมีชีวิตอยู่ ลั่วชิงยวนนั่งเก้าอี้ตรงข้ามฟู่เฉินหวน มองดูเขาอย่างลึกซึ้ง “คืนนั้นที่สุสาน ท่านส่งคนมาสะกดรอยตามหม่อมฉันใช่หรือไม่เพคะ?” หากผู้นั้นไม่ใช่ลั่วไห่ผิงส่งไป เช่นนั้นก็เป็นฟู่เฉินหวน ฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนี้ มีแววตาประหลาดใจอย่างชัดเจน หรี่ตาลงเล็กน้อย มองลั่วชิงยวนอย่างลึกซึ้ง ตัวของนางอ้วน ไม่มีทักษะอันแข็งแกร่งปราดเปรียว ไม่มีวรยุทธเลย เหตุใดจึงพบว่าเซียวชูสะกดรอยตามอยู่? ต้องรู้ว่าวรยุทธของเซียวชูนั้นถือมือหนึ่งในตำหนักอ๋องแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนที่สะกดรอยตามจับได้ ลั่วชิงยวนมีความสามารถเช่นนี้เลยรึ? “หม่อมฉันรู้ว่าท่านทรงเกลียดข้า สุดท้ายแล้วหม่อมฉันเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านไม่สามารถสมรสกับหญิงที่ท่านรักได้ ท่านจะทรงเกลียดหม่อมฉันก็เป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องทนทุกข
”ท่านอ๋องโปรดทรงช่วยหม่อมฉันเอาเถ้ากระดูกของแม่กลับคืนด้วยเพคะ!” ได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็สีหน้าเปลี่ยน ขมวดคิ้วมองนาง “เจ้าต้องการใช้ให้ข้าเข้าใกล้ลั่วเยวี่ยอิงเพื่อเอาสมบัติมาอย่างนั้นรึ?” ฟู่เฉินหวนตกใจมาก เหตุใดลั่วชิงยวนถึงกล้าใช้เขาอย่างเปิดเผยเยี่ยงนี้? แต่การพูดคุยที่รวดเร็ว ทำให้ลั่วชิงยวนได้ยินเป็นความหมายอื่น นางขมวดคิ้วอย่างความสับสน โน้มกายลงบนโต๊ะพลางจ้องมองฟู่เฉินหวนและ พูดด้วยเสียงอ่อนว่า “แท้จริงแล้วท่านอ๋องทรงเชื่ออย่างนั้นหรือเพคะ? ท่านอ๋องเชื่อว่าลั่วเยวี่ยอิงเอาสมบัติของท่านแม่หม่อมฉันไป ” พ่อของนางเองยังไม่เชื่อเลย! ฟู่เฉินหวนเชื่อเช่นนั้นจริงหรือ? นางไม่อยากจะเชื่อเลย ใบหน้าของฟู่เฉินหวนพลันเคร่งขรึม และหลบสายตาอย่างเย็นชา “แล้วไม่ใช่ว่า เจ้าเชื่อมาตลอดหรือรึว่า ลั่วเยวี่ยอิงเอาสมบัติแม่ของเจ้าไป? หากเจ้าอยากให้ข้าช่วย ก็ทำได้เพียงไปเอาจากเยวี่ยอิงเท่านั้น!” คำอธิบายนี้ ลั่วชิงยวนก็ไม่ได้ยินอะไรที่ผิดปกติ “เช่นนั้นแล้วท่านอ๋องจะทรงเต็มใจหรือไม่เพคะ? หม่อมฉันเชื่อว่า หม่อมฉันจะเป็นประโยชน์ต่อท่านอ๋องมาก ตราบใดที่ท่านอ๋องทรงช่วยหม่อมฉันเอาสมบัติของท่
จือเฉาถูกนางรับใช้หลายคนจับตัวไป ถูกกดลงกับพื้นและพยายามดิ้นอย่างสุดชีวิต ข้างหน้า แม่บ้านเมิ่งที่แต่งตัวดีเดินด้วยท่าทีสบาย ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งผยองว่า “คิดว่าติดตามเจ้านายแล้วจะผงาดได้งั้นรึ ตอนนี้เจ้ากล้าฝ่าฝืนคำสั่งข้า กล้าต่อปากต่อคำกับข้า เจ้าต้องรู้ว่า ทาสทั้งหมดในตำหนักนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า เจ้าเองก็ไม่เว้น! ” “ฟาดปากนาง!” แม่บ้านเมิ่งหยิบท่อนไม้ยาวเท่านิ้วแล้วโยนมันลงไปอย่างโหดเหี้ยม นางรับใช้หยิบท่อนไม้ยาวขึ้นมา ฟาดไปที่ปากของจือเฉาอย่างแรง จือเฉาที่เจ็บปวดก็หลั่งน้ำตา ฟาดไปหลายที ปากของจือเฉากลายเป็นสีแดงบวมและแตกทันที นางขดตัวหลบจากความเจ็บปวด คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความกลัว “รู้ว่าผิดรึยัง?” แม่บ้านเมิ่งเอามือไพล่หลังและถามอย่างเย็นชา จือเฉาเจ็บปวดจนร้องไห้ ได้แต่กัดฟันพูดอย่างอดทน “ข้าไม่ผิด ข้าจะไม่เอาน้ำแกงยาพิษไปให้พระชายาเด็ดขาด” ได้ยินเช่นนี้ แม่บ้านเมิ่งก็หน้าตาบูดบึ้ง ดุเสียงดังว่า “ยังจะกล้าปากดี! ตีต่อไป! ดูท่าข้าจะจากไปนานเกินไป พวกเจ้าชั้นต่ำถึงปีกกล้าขาแข็ง กล้าต่อปากต่อคำกับข้า! วันนี้จะต้องบอกให้พวกเจ้ารู้ว่าข้าน่าเกรงขามแค่ไหน!"
นางรับใช้หลายคนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พระชายาถึงกับยกเอาท่านอ๋องขึ้นมาพูด อีกทั้งยังเอาจุดอ่อนที่แม่บ้านเมิ่งไม่เคารพท่านอ๋องอีกด้วย โดยเฉพาะคิดว่า พระชายาตีได้โหดเหี้ยมเพียงใด แม่นมเติ้งที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ยังไม่กลับมาเลย เกรงว่ามันจะพบกับชะตากรรมที่น่าสังเวชมาก ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกิน จึงค่อย ๆ เดินเข้าไปและจับแม่บ้านเมิ่ง แม่บ้านเมิ่งตกใจ “พวกชั้นต่ำ! ข้าเป็นแม่บ้านของที่นี่! พวกเจ้ากล้าจับข้ารึ?!” นางรับใช้หลายคนก็หวาดกลัวมาก “พวกข้าแค่ทำตามคำสั่ง แม่บ้านเมิ่งอย่าโทษพวกข้าเลย!” ขณะพูดก็กดแม่บ้านเมิ่งไว้ ลั่วชิงยวนถือท่อนไม้เดินเข้าไปช้า ๆ สายตาที่เย็นชาแฝงไปด้วยความโหดร้าย “เจ้ากล้าตีข้า ระวังวันนี้เจ้าจะถูกไล่ออก!” แม่บ้านเมิ่งที่ดิ้นขัดขืนไม่ได้ จ้องมองลั่วชิงยวนด้วยความโกรธเกรี้ยว ยังดูถูกนางที่มาแต่งงานแทน อัปลักษณ์ พฤติกรรมตัวผิดศีลธรรม ท่านอ๋องถึงไม่ชอบนาง! เพีย… ลั่วชิงยวนถือท่อนไม้ฟาดไปอย่างแรงโดยไม่ไยดี ทันใดนั้น รอยแดงยาวก็ปรากฏบนใบหน้าของของแม่บ้านเมิ่ง ความเจ็บปวดทำให้นางน้ำตาไหล ตะโกนด่าด้วยความโกรธมากขึ้น “สารเลว!” ผลัวะ ผลัวะ… ลั่วชิงยวนยืนมอง
หลังจากแม่บ้านเมิ่งกรีดร้องอยู่ครู่หนึ่ง ลั่วชิงยวนจึงปล่อยนางไป “จือเฉา ไปเถอะ” ลั่วชิงยวนมองจือเฉาอย่างปวดใจ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นให้นาง “ขอบคุณเจ้าค่ะ พระชายา” จือเฉาซาบซึ้งใจมาก นางคิดไม่ถึงว่าพระชายาจะทุบตีแม่บ้านเมิ่งเพื่อแก้แค้นให้นาง สุดท้ายแม่บ้านเมิ่งก็เป็นผู้อาวุโสในตำหนักแห่งนี้ แม่บ้านเมิ่งนอนอยู่บนพื้น ความเจ็บปวดที่ข้อมือทำให้สั่นไปทั้งมือ สายตาของนางดูน่ากลัว จ้องมองร่างที่จากไปด้วยโทสะ นางกัดฟัน พลันลุกขึ้นพุ่งไปอีกครั้ง “สารเลว! ข้าจะตายไปพร้อมกับเจ้า!” ลูกสาวคนเดียวของนางจากไปแล้ว วันนี้นางยังถูกผู้หญิงสารเลวนี้ทำให้อับอายเช่นนี้ แม้ว่าวันนี้จะจากไป เรื่องอื้อฉาวนี้ก็จะยังคงแพร่กระจายไปในตำหนักแห่งนี้ นางไม่สามารถยืนหยัดในอำนาจได้อีกต่อไป มีแต่จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเท่านั้น! ต่อสู้กับนางให้รู้แล้วรู้รอดไป แก้แค้นให้จิ๋นอวี่! จือเฉามองกลับไป ชั่วพริบตาก็ตกใจและพูดว่า “พระชายาระวังเจ้าค่ะ!” นางผลักลั่วชิงยวนออกไป ลั่วชิงยวนเซถอยไปด้านหลัง แต่ถูกแม่บ้านเมิ่งกระโจนใส่ นางล้มลงพื้นอย่างแรง ร่างที่หนักอึ้งก็เอนล้มลงไป การสั่นสะเทือนทำให้นางเจ็บปวดอย่างรุ
แคว้นเทียนเชวียฟู่เฉินหวนป่วยหนัก นอนอยู่บนเตียงหลายวัน เมื่อฟื้นขึ้นจึงรีบออกเดินทางกลับเมืองหลวงโดยมิสนใจคำทัดทาน ไม่มีใครห้ามปรามได้เขาเร่งเดินทางกลับสู่เมืองหลวงฟู่เฉินหวนรีบเข้าวังรายงานภัยคุกคามที่ซีหลิงสิ้นสุดลง ขุนนางในราชสำนักต่างก็ดีใจ“ครั้งนี้ท่านมหาปราชญ์ทำนายถูก เพราะท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการออกรบจึงสามารถยุติสงครามได้!”ผู้คนจึงมองลั่วฉิงในแง่ดีขึ้น“ครั้งนี้ท่านอ๋องสร้างคุณงามความดีอีกแล้ว มิรู้ว่าจักรพรรดิจะประทานรางวัลอะไรให้”...ในห้องทรงพระอักษรฟู่อวิ๋นโจวมิได้ดีใจที่สงครามซีหลิงยุติแต่กลับโมโหมาก เขาถามเสียงดัง “ข้าได้ยินว่ามีคนเห็นลั่วชิงยวนในสนามรบ?! เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”น้ำเสียงเย็นยะเยือกนั้นเต็มไปด้วยความโกรธฟู่เฉินหวนมิตอบ ความเงียบก็คือคำตอบฟู่อวิ๋นโจวเดินเข้ามา “เช่นนั้นเจ้าแอบวางแผนให้ลั่วชิงยวนแกล้งตาย แล้วแอบพานางไปชายแดนซีหลิง เพื่อใช้นางเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนยุติสงครามหรือ?”ฟู่เฉินหวนยังคงมิตอบแต่ฟู่อวิ๋นโจวก็เห็นคำตอบจากความเงียบแล้ว เขาจึงต่อยเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนด้วยความโกรธ ต่อยแรงจนฟู่เฉินหวนล้มลงกับพื้นฟู่เฉินหวนลุ
ลั่วชิงยวนมิเคยได้ยินน้ำเสียงและคำพูดแบบนี้จากเฉินชีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเกาเหมียวเหมี่ยวจริง ๆแต่เกาเหมียวเหมี่ยวชอบเขามาตั้งแต่เด็ก อาจจะเพราะนิสัยคล้ายกัน คนเหี้ยมโหดอย่างเฉินชีจึงมีเสน่ห์ดึงดูดเกาเหมียวเหมี่ยวเป็นพิเศษเกาเหมียวเหมี่ยวจากไปด้วยความโกรธ ก่อนไปนางยังมองลั่วชิงยวนด้วยแววตาอาฆาตในแววตานั้นยังเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาด้วยแท้จริงแล้วเกาเหมียวเหมี่ยวมิได้อ้วน แต่มีรูปร่างอวบอิ่ม เป็นแบบที่บุรุษเห็นแล้วชื่นชอบ สตรีเห็นแล้วอิจฉาแต่เฉินชีกลับด่านางว่าอ้วนลั่วชิงยวนคิดในใจว่า หากนางมิได้ผอมลง เฉินชีคงจะมิสนใจนางน่าเสียดาย คงจะอ้วนขึ้นมามิได้ในเวลาอันสั้นเมื่อภัยอันตรายผ่านพ้นไป เตี่ยฉุยก็กลับเข้าไปในหยกแต่ในจังหวะที่เขาออกจากร่าง กลับทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกอ่อนแรงจนเกือบจะล้มลง จึงรีบยันต้นไม้ไว้ดูเหมือนว่าต่อไปหากมิใช่สถานการณ์คับขันก็มิสามารถให้เตี่ยฉุยเข้าสิงร่างได้แล้ว เพราะเป็นการสิ้นเปลืองพลังของนางมากเฉินชีรีบเข้ามาพยุงนาง “เป็นอะไรหรือไม่?”ลั่วชิงยวนผลักเขาออกอย่างเย็นชานางกล่าวเสียงเย็น “เจ้ากับหญิงบ้าคนนั้นช่างเหมาะสมกันนัก”เฉินชีเลิ
ลั่วชิงยวนขยี้ยันต์จนแหลกละเอียด เตี่ยฉุยถูกดูดเข้าไปในร่างของลั่วชิงยวนในจังหวะที่แส้ฟาดมา ลั่วชิงยวนรีบยื่นมือออกไปรับพลันคว้าแส้ไว้แล้วดึงอย่างแรง ก่อนจะเหวี่ยงเกาเหมียวเหมี่ยวกระเด็นออกไปเกาเหมียวเหมี่ยวตกใจ แต่ยังรีบกระโจนเข้ามา ลั่วชิงยวนถือโอกาสต่อยเข้าที่ท้องของเกาเหมียวเหมี่ยวอย่างแรงซัดนางกระเด็นออกไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ ล้มลงกับพื้นแล้วกระอักเลือด“เจ้า! เจ้าเป็นใครกันแน่!” เกาเหมียวเหมี่ยวมองหญิงสาวที่อ่อนแอและซีดเซียวตรงหน้าด้วยความตกใจมิอยากจะเชื่อว่านางจะสามารถควบคุมวิญญาณให้เข้าสิงร่างได้หากคนที่ถูกสิงไม่มีพลังและจิตใจที่แข็งแกร่งย่อมถูกกลืนกินได้ทุกเมื่อโดยเฉพาะวิญญาณเร่ร่อนที่ไปเกิดใหม่มิได้นั้นก็อยากจะมีร่างอยู่แล้วเห็นได้ชัดว่าหญิงสาวผู้นี้อ่อนแอและมิน่าจะสามารถควบคุมวิญญาณได้ ทว่านางมิเพียงแต่ควบคุมได้เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ด้วย“ลั่วชิงยวน” นางเอ่ยชื่อสามพยางค์น้ำเสียงเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่นเจือปนแต่พลังที่แผ่ซ่านออกมากลับทำให้น่าหวาดกลัวอย่างบอกมิถูกแต่ในตอนนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก เลือดเอ่อล้นขึ
ฉู่จิ้งคลี่ยิ้ม รอยยิ้มนั้นแสนอ่อนโยน......เฉินชีลงเขาไปสามวันแล้วบอกว่าจะไปฆ่าลั่วฉิง ลั่วชิงยวนก็มิรู้ว่าเขาจะฆ่าลั่วฉิงจริงหรือไม่ได้แต่รอผลลัพธ์นางอยู่ในห้องสามวัน มิออกไปไหน แค่เปิดประตู นอนมองทิวทัศน์นอกประตูอยู่บนเก้าอี้กินยามาหลายวัน ในที่สุดร่างกายก็มีแรงขึ้นบ้างแล้วคืนหนึ่งลั่วชิงยวนลุกขึ้นไปเดินยืดเส้นยืดสายที่ลานและฝึกฝนด้วยเข็มทิศทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากในป่าแต่มิใช่เสียงฝีเท้าของเฉินชีลั่วชิงยวนจ้องมองไปที่ป่าสายตาพลันเห็นหญิงสาวชุดฟ้าเดินเข้ามาด้วยท่าทางดุดัน สีหน้ามิเป็นมิตรเมื่อเห็นผู้มาเยือน ลั่วชิงยวนก็ตกใจเล็กน้อยเกาเหมียวเหมี่ยว!นางมาที่นี่ได้อย่างไรในตอนนี้เกาเหมียวเหมี่ยวก็กำลังจ้องมองหญิงสาวในลานอยู่ นางสวมชุดขาว สวมผ้าคลุมสีดำ ใบหน้างามราวกับหยกซีดเซียวท่ามกลางแสงจันทร์เหมือนคนตายใช่แล้ว! เฉินชีชอบแบบนี้!“เจ้าคือพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการที่เฉินชีลักพาตัวมาจากแคว้นเทียนเชวียใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนตอบอย่างใจเย็น “เขียนหนังสือหย่าแล้ว มิใช่พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการแล้ว”“ข้ามิสนว่าเจ้าจะเป็นพระชายาผู้สำเร็จราชการหร
เซียวชูได้ยินดังนั้นก็ตกใจ รีบกล่าวด้วยความร้อนใจ “เห็ดหลินจือน้ำแข็งอยู่ที่ใด ข้าจะไปตามหา!”เซียวชูพูดจบก็จะวิ่งออกจากห้องไปแต่ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงดังมาจากด้านนอก“ข้ามีเห็ดหลินจือน้ำแข็ง!”ในวินาทีต่อมา ซ่งเชียนฉู่ก็วิ่งเข้ามาด้วยความร้อนใจ“เชียนฉู่?” ซ่งอวี่ตกใจซ่งเชียนฉู่รีบหยิบเห็ดหลินจือน้ำแข็งส่งให้ซ่งอวี่ “ท่านพ่อ รีบช่วยชีวิตคนเถิดเจ้าค่ะ”ซ่งอวี่ตาเป็นประกาย รีบลงมือทันใดเซียวชูซาบซึ้งใจ “คุณหนูซ่ง ขอบคุณมาก!”ซ่งเชียนฉู่ยังคงหอบหายใจขณะถามว่า “ชิงยวนเล่า? นางพักอยู่ที่ใด?”เป็นฉู่จิ้งที่ไปรับนางบนเขา แล้วจึงพานางกลับมาซีหลิงได้อย่างรวดเร็วมิเช่นนั้นหากนางเดินทางเองคงต้องใช้เวลาอีกสองวันกว่าจะถึงเซียวชูได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าลำบากใจ รีบพาซ่งเชียนฉู่ออกไปข้างนอกแล้วกล่าวอย่างลังเล “พระชายาไปกับเฉินชีแล้ว”“ไปแคว้นหลี”ซ่งเชียนฉู่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ “ว่ากระะไรนะ? นางไปแคว้นหลีแล้วหรือ?”“เหตุใดกัน?”เซียวชูจึงเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ซ่งเชียนฉู่ฟังเรื่องราวตอนนั้นเกิดขึ้นกะทันหัน เซียวชูจึงมิรู้ว่าเหตุใดพระชายาจึงไปกับเฉินชีหลังจากที่ซ่งเชียนฉู่ฟั
แต่ในตอนนี้จู่ ๆ ก็กลับนึกขึ้นได้ราวกับย้ำเตือนนางว่า ความหวังดีชั่วคราวของเฉินชีอาจจะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงชายคนนี้โหดเหี้ยมไร้ยางอายมาตั้งแต่เด็กเป็นคนไร้หัวใจ“อาเหลา มานี่สิ กินยาก่อนเถิด” ทันใดนั้นก็มีเสียงของเฉินชีดังขึ้นลั่วชิงยวนจึงได้สติกลับมานางรับชามยามาแต่วางไว้บนโต๊ะ “ร้อน”“เช่นนั้นข้าเป่าให้”แต่ลั่วชิงยวนยกมือห้ามเขา “มิต้อง”เฉินชีหยิบขวดยาอีกสองขวดวางไว้บนโต๊ะ“ยานี้รักษาอาการบาดเจ็บภายใน อย่าลืมกินด้วย”กล่าวจบเฉินชีก็เดินออกไป เขาวุ่นวายอยู่ในกระท่อมบนเขา ทั้งปูที่นอน เตรียมอาหารและอาภรณ์ให้นางลั่วชิงยวนนอนอยู่บนเก้าอี้ตลอด มิอยากขยับตัวหลังจากกินยาแล้วก็หลับไปเฉินชีเติมฟืนในเตาผิงเสร็จจึงจากไปในเมื่อนางให้เขาฆ่าลั่วฉิง เขาก็ต้องทำให้สำเร็จ......ซีหลิงฟู่เฉินหวนบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่บนเตียง เซียวชูแบกซ่งอวี่ขึ้นหลังวิ่งมาเมื่อถูกวางลงบนพื้น ซ่งอวี่ก็ตกใจ พลันรีบเข้าไปตรวจชีพจรและตรวจดูบาดแผลให้ฟู่เฉินหวนก่อนจะกล่าวด้วยความตกใจมาก “เหตุใดจึงมีบาดแผลมากมายเช่นนี้”“ท่านหมอซ่ง ตอนนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่ช่วยท่านอ๋องได้ ได้โปรดช่วยรักษาช
เฉินชีตกตะลึง หลังจากครุ่นคิดสักพักจึงพยักหน้า “ได้!”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยแววตาลึกล้ำ “จริงหรือ? เจ้าตัดใจได้หรือ?”เฉินชีนั่งลงรินชาใส่ถ้วย แล้วยื่นให้นาง “มีเพียงอาเหลาเท่านั้นที่ทำให้ข้าตัดใจมิได้”“รอให้ร่างกายของเจ้าดีขึ้น ข้าค่อยไปฆ่าลั่วฉิงได้หรือไม่?”“บนเขานี้ไม่มีใครดูแลเจ้า ข้ามิวางใจ”ลั่วชิงยวนก้มหน้า นัยน์ตาฉายแววเย็นชาขณะกล่าวเสียงแผ่วเบา “กลัวข้าหนีหรือ”“เจ้าสบายใจได้ ในเมื่อข้าเต็มใจไปกับเจ้าแล้วก็จะมิกลับไปอีก”เมื่อก้าวออกจากซีหลิง นางก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับแคว้นเทียนเชวียอีกต่อไปนางตายครั้งแล้วครั้งเล่า ควรจะตัดใจได้แล้วเวลาที่เหลือ นางจะทำสิ่งที่อาจารย์ยังทำมิเสร็จให้สำเร็จ“เช่นนั้นรอข้าไปหาสมุนไพรมาให้เจ้าก่อน”ตอนนี้เฉินชีอ่อนโยนราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนแต่ลั่วชิงยวนก็หาได้แปลกใจไม่เอาแน่เอานอนมิได้ นิสัยเปลี่ยนแปลงง่าย นี่คือที่มาของฉายาเฉินชีจอมบ้าคลั่งลั่วชิงยวนหลับตาลง อยากจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า มิอยากตื่นขึ้นมาอีกเลยเฉินชีออกจากห้อง ปิดประตูแล้วเดินออกไปหลังจากรีบไปเก็บสมุนไพรแล้วเขาก็วิ่งขึ้นเขาด้วยความเหนื่อยหอบ เมื่อผลักปร
“เฉินชี ข้าจะกลับไปกับเจ้า ถอยทัพเดี๋ยวนี้” ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเฉินชีรีบยกมือขึ้นกองทัพแคว้นหลีหยุดรุกคืบเฉินชียื่นมือไปหานาง “เจ้าจะกลับไปกับข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนมิหันกลับมามอง แต่ยื่นมือออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวเฉินชียกยิ้มอย่างผู้มีชัย แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะดึงลั่วชิงยวนขึ้นหลังม้าด้วยกัน แล้วควบม้าหันหลังกลับไปอย่างองอาจส่วนกองทัพแคว้นหลีก็ถอยทัพทันทีเซียวชูเห็นดังนั้นก็พึมพำ “แคว้นหลีถอยทัพแล้ว เป็นพระชายาที่หยุดสงครามครั้งนี้...”ฟู่เฉินหวนกำมือแน่น เห็นร่างที่พร่ามัวค่อย ๆ หายไป เขาร้อนใจจนอยากจะลุกขึ้น แต่เลือดกลับไหลทะลักออกมาสุดท้ายทุกอย่างก็มืดลง“ท่านอ๋อง!”......เฉินชีมีความสุขมาก เขาควบม้าอย่างรวดเร็วข้างหูของลั่วชิงยวนมีเพียงเสียงลมและเสียงพูดด้วยความตื่นเต้นของเฉินชี “อาเหลา นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเต็มใจขี่ม้ากับข้า”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยแววตาเย็นชา “ช้าลงหน่อย ข้าปวดหู”เฉินชีก็ชะลอความเร็วลงลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนมาที่นี่ นางกินโอสถจตุรธาตุ ดูเหมือนว่าจะได้ผลกับเฉินชีจริง ๆ“ข้ายังมิอยากกลับแคว้นหลี ข้าต้องร
เสียงกลองศึกดังขึ้นกองทัพแคว้นหลีบุกมาถึงชายแดนอีกครั้งและครั้งนี้ ฟู่เฉินหวนนำทัพออกรบด้วยตัวเองเฉินชีควบม้าอยู่หน้ากองทัพแคว้นหลีเมื่อเห็นฟู่เฉินหวน เขาก็ยกยิ้มเย็นชา “ในที่สุดเจ้าก็มิเป็นเต่าหัวหดแล้ว! ช่างหาได้ยากนัก!”ฟู่เฉินหวนมองเขาด้วยแววตาเย็นชา “นางอยู่ที่ไหน?”เฉินชีหรี่ตาลง ยกยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย “ฆ่าตายไปแล้ว”แววตาของฟู่เฉินหวนเต็มไปด้วยจิตสังหาร“เป็นอย่างไร? จะสู้กับข้าจนตายไปข้างหนึ่งหรือไม่?” ดวงตาของเฉินชีลุกโชน อยากจะลงมือเต็มทีแล้วฟู่เฉินหวนชักกระบี่กระโจนเข้าใส่ในชั่วขณะนั้น เซียวชูก็ใจกระตุกวูบเฉินชียกยิ้มอย่างผู้มีชัย รีบชักกระบี่กระโดดขึ้น วันนี้เขาจะฆ่าฟู่เฉินหวนด้วยมือของเขาเอง!กระบี่ยาวในมือของทั้งสองฟาดฟันกันจนเกิดเสียงดังสนั่นจิตสังหารแผ่ซ่านไปทั่วขณะต่อสู้ ฟู่เฉินหวนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เฉินชี เจ้าคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”“ไร้สาระ แน่นอนว่าต้องเป็นข้า! เฉินชีคนนี้มิเคยพ่ายแพ้!” เฉินชีหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงโอหังฟู่เฉินหวนใช้พลังทั้งหมดต้านทานการโจมตีของเฉินชี พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต่อหน้ากองทัพ หาก